War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1805

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1805 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 1,805 : เกิดเรื่อง!
 
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ได้อยู่อย่างสงบเท่าไหรนะ…”
 
ตอนนี้เองหวางเฟยเซวียนก็สัมผัสได้เช่นกันว่ามีหลายคนคอยจับตาดูอยู่ จึงกล่าวกับต้วนหลิงเทียนออกมาทันที
 
“ก็นะ…ไม่สงบจริงๆนั่นล่ะ”
 
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า เขาเองก็พบคนพวกนี้แต่แรกแล้ว
 
“พวกมันมิพ้นเป็นคนของสกุลจ้าว…จากกลิ่นอายของพวกมันเห็นชัดว่าล้วนเป็นอริยะเซียนทั้งสิ้น! ท่าทางตระกูลจ้าวเตรียมลงมือกับเจ้าแล้วจริงๆ…”
 
หวางเฟยเซวียนกล่าวออกเสียงเข้ม อดไม่ได้ที่จะลอบหลั่งเหงื่อเย็นแทนต้วนหลิงเทียน “นี่เจ้าทึ่ม…หลังจากนี้เจ้าต้องระวังตัวให้มากนะ”
 
“ไม่ต้องห่วง”
 
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาเบาๆด้วยท่าทางสบายๆ “ต่อให้เป็นสกุลจ้าวแต่พวกมันก็ไม่อาจลงมือกับข้าได้ง่ายๆหากข้ายังอยู่ในตำหนักฟ้าลี้ลับ…ไม่ว่าจะด้วยกฏเกณฑ์ก็ดี หรือจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับก็ดี ตอนนี้พวกมันไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรข้าหรอก”
 
“เจ้าพูดมามันก็ใช่ แต่อย่าได้ลืมว่าหากสุนัขจนตรอกมันไม่แว้งกัดก็ยังสามารถโดดข้ามกำแพงได้! ช่วงนี้เจ้าก็พยายามอย่าออกไปนอกเขตตำหนักฟ้าลี้ลับเล่า เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา”
 
หวางเฟยเซวียนกล่าว ในวาจาของนางเผยให้เห็นนักว่ากังวลแทนต้วนหลิงเทียน
 
“ใจเย็นหน่า ช่วงนี้ข้ามีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก ยังไม่มีเวลาออกจากตำหนักฟ้าลี้ลับหรอก”
 
ต้วนหลิงเทียนตอบ
 
เรื่องนี้เป็นความจริง
 
วันนี้ที่เขาออกจากการปิดด่านบ่มเพาะมา ก็เพื่อไปหากู่ลี่ เขาคิดดูว่าตอนนี้วัตถุดิบที่ฝากพ่อลูกไปรวบรวมเพื่อซ่อมชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเป็นอย่างไรบ้าง ไหนจะยังมีเมิ่งฉิงอีกคน เขาจึงคิดไปตามเรื่องสักหน่อยเพื่อดูว่าได้มาเท่าไหร่แล้ว
 
เมิ่งฉิงนั้นได้ถ่ายทอดคำสั่งลงไปเพื่อช่วยต้วนหลิงเทียนรวบรวมวัตถุดิบ ทว่าหลังจากที่รวบรวมได้ มันจะส่งวัตถุดิบไปเก็บไว้ที่บ้านของกู่ลี่ เพื่อให้กู่ลี่มอบให้เขาอีกที
 
นี่เป็นเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนแนะนำให้เมิ่งฉิงทำเอง
 
เพราะสุดท้ายเมิ่งฉิงก็เป็นถึงจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับ คงไม่ดีที่ต้วนหลิงเทียนจะไปหาเพื่อเอาวัตถุดิบจากเมิ่งฉิงบ่อยๆ
 
เช่นนั้นแล้วช่วงนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะออกไปไหนจริงๆ
 
เหตุผลแรกคือเขาต้องการใช้วัตถุดิบนั่นซ่อมแซมเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ หวังให้ผู้เฒ่าหั่วเฒ่าหั่วปรับปรุงชั้น 4 ให้เร็วที่สุด
 
เหตุผลที่ 2 คือตอนนี้เขามาถึงจุดรอคอยสุดท้ายแล้ว ขาดอีกแค่เล็กน้อยก็จะสามารถทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นกลางได้แล้ว!
 
ทันทีที่ทะลวงผ่านความแข็งแกร่งของเขาก็จะเพิ่มพูนขึ้น!
 
“แล้วนี่เจ้ากำลังจะไปไหนหรือ?”
 
พอได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีเวลาออกจากตำหนักฟ้าลี้ลับ หวางเฟยเซวียนก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ขณะเดียวกันก็อดถามเรื่องนี้ออกมาไม่ได้..
 
เพราะนางเห็นว่าต้วนหลิงเทียนเหมือนกำลังจะออกจากยอดเขาวังนภา
 
“อ๋อ ข้าจะขึ้นไปตำหนักหลักเพื่อหาพี่กู่น่ะ”
 
ต้วนหลิงเทียนตอบ
 
“เช่นนั้นข้าไม่รบกวนเจ้าแล้ว…กลับไปบ่มเพาะพลังต่อที่บ้านดีกว่าจักได้ทะลวงด่านเร็วๆ”
 
หวางเฟยเซวียนพยักหน้ารับทราบ และไม่คิดกวนต้วนหลิงเทียนอีก
 
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ก่อนที่จะเหินร่างจากไปทันที
 
มองส่งจวบจนแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนหายไป หวางเฟยเซวียนค่อยคืนสติกลับมาอีกครั้ง
 
“เจ้าทึ่ม เจ้ามันท่อนไม้!”
 
หลังจากรู้สึกตัวแววตาของหวางเฟยเซวียนก็แลดูฮึดฮัดขัดใจไม่น้อย “ฮึ่ม มิรู้ว่าเจ้าทึ่มมันไปล่อลวงสตรีมาเป็นคู่หมั้นได้อย่างไรถึง 2 คน ไหนจะยังมีสตรีคนรักอีกคน…โอย อย่าได้บอกข้าเชียวว่าพวกนางเป็นฝ่ายไล่ตามเจ้าทึ่มก่อน?”
 
ฮึดฮัดฟัดเหวี่ยงอยู่อีกครู่หนึ่ง หวางเฟยเซวียนก็เหินร่างกลับบ้านพักของนาง
 
หลังจากที่หวางเฟยเซวียนเหินร่างจากไป คนสกุลจ้าวไม่กี่คนที่จับตาดูความเคลื่อนไหวรอบบ้านพักต้วนหลิงเทียน ก็เหินร่างตามเขาไปตำหนักหลัก
 
‘หืม? ยังจะตามมาอีกเหรอ?’
 
ต้วนหลิงเทียนสังเกตเห็น ‘หาง’ ที่โผล่ออกมา ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้สนใจอะไร
(หางในที่นี้ก็แทนพวกลับๆล่อๆ…เวลาหนูแอบข้างเสา บางทีตัวมันหลบได้แต่หางโผล่มาให้เห็น)
 
ต่อให้พวกมันจะคิดเล่นงานเขาและลอบตามมาแค่ไหนมันก็เท่านั้น เพราะพวกมันไม่อาจลงมือทำอะไรเขาได้
 
เพราะสุดท้ายแล้วตำหนักฟ้าลี้ลับมีกฏเหล็กห้ามมิให้ละเมิดโดยเด็ดขาด! นั่นคือสังหารกับทำลายผู้คนในตำหนักฟ้าลี้ลับ!!
 
หากละเมิดกฏ ต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง!
 
“นี่มันไม่คิดจะออกนอกเขตตำหนักฟ้าลี้ลับหรอกเหรอ?”
 
เมื่อทั้งหมดเห็นว่าต้วนหลิงเทียนเพียงมุ่งหน้าไปยังตำหนักหลัก ไม่ได้คิดจะออกไปนอกเขตตำหนักฟ้าลี้ลับ พวกมันก็รู้สึกผิดหวังกันไม่น้อย
 
ถึงแม้พวกมันจะค่อนข้างผิดหวังจนหมดอารมณ์ติดตามอยู่บ้าง หากแต่พวกมันก็ยังคอยตามต้วนหลิงเทียนต่อ ไม่นานก็ตามไปถึงส่วนตะวันออกของตำหนักหลัก
 
“ที่นั่นมันมิใช่ที่อยู่ของอาวุโสผู้พิทักษ์กู่หรือไง?”
 
“นอกจากอาวุโสพิทักษ์กู่แล้ว…กู่ลี่เองก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน”
 
“ข้าเคยได้ยินมานานแล้วว่ากู่ลี่กับหลิงเทียนเป็นสหายกัน…ดูเหมือนว่าหลังออกจากการปิดด่านหลิงเทียนไม่ได้คิดออกไปไหนแต่มันแค่มาหากู่ลี่ที่นี่”
 
……
 
ถิ่นที่อยู่ของอาวุโสผู้พิทักษ์อย่างกู่ซืออวิ๋นนั้น ให้พวกมันมีความกล้ามากกว่านี้อีก 100 เท่าพวกมันก็ไม่กล้าติดตามเข้าไป เพราะอีกฝ่ายมีศักดิ์ฐานะทัดเทียมกับผู้ที่ทรงอำนาจที่สุดในสกุลจ้าวของพวกมัน
 
หลังจากรอเป็นเวลานานแต่ต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่ออกมาเสียที ทำให้มีหลายคนทนไม่ไหวเลือกที่จะจากไป
 
ขณะเดียวกันข่าวที่ต้วนหลิงเทียนออกจากการปิดด่านบ่มเพาะแล้วก็แพร่ไปทั่วสกุลจ้าว ปานพายุใต้ฝุ่น
 
จังหวะนี้สกุลจ้าวเสมือนเดือดพล่านขึ้นมาทันที
 
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้ตัวเลย
 
เพราะตอนนี้เขากำลังรับแหวนพื้นที่จากกู่ลี่มาตรวจสอบ
 
สิ่งของที่อยู่ด้านในแหวนพื้นที่ ก็เป็นวัตถุดิบที่เขาขอแรงให้ช่วยรวบรวมนั่นเอง
 
กล่าวให้ชัดพวกมันคือวัตถุดิบสำหรับซ่อมแซมชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
 
“น้องหลิงเทียน หากมิมีความช่วยเหลือของท่านจ้าวตำหนัก อาศัยแค่ข้ากับท่านพ่อ เกรงว่าคงรวบรวมมาได้ไม่ถึง 1 ใน 10 ของแหวนหรอก”
 
หลังมอบแหวนพื้นที่ให้ต้วนหลิงเทียน กู่ลี่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
 
“ไม่ว่ายังไงครั้งนี้ข้าต้องขอบคุณพี่กู่แล้วจริงๆ ว่าแต่ลุงกู่เล่า มิอยู่หรือ?”
 
ตั้งแต่มาต้วนหลิงเทียนยังไม่เห็นกู่ซืออวิ๋นเลย
 
“ท่านพ่อออกไปจัดการธุระด้านนอกน่ะ คงอีกสักพักถึงจะกลับมา…ทำไมหรือ? เจ้าต้องการพบท่านพ่อรึเปล่า?”
 
กู่ลี่ถาม
 
“เปล่าพี่กู่”
 
ต้วนหลิงเทียนตอบ “ข้าแค่ถามดูน่ะ เห็นว่าลุงกู่ไม่อยู่แค่นั้น…ว่าแต่แล้วตอนนี้พลังฝึกปรือท่านเป็นไงบ้าง?”
 
ต้วนหลิงเทียนตอบคำ ค่อยถามเปลี่ยนเรื่อง
 
กู่ลี่ได้บอกเขาไว้ก่อนหน้านี้ ว่าหากทะลวงถึงขอบเขตเซียนมนุษย์เมื่อไหร่จะขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบนทันที เพื่อไปฝึกฝนขัดเกลาตัวเองให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
 
และตอนนี้ด่านพลังฝึกปรือของกู่ลี่ก็บรรลุอริยะเซียนขั้นสูงสุดแล้ว เรียกว่าขาดอีกแค่เพียงไม่กี่ก้าวก็จะบรรลุถึงเซียนมนุษย์
 
“ก็ยังทรงๆอยู่…คิดว่าน่าจะเกือบๆ 2 ปีกว่าข้าจะทะลวงได้”
 
กู่ลี่หัวเราะ “น้องหลิงเทียน เจ้าก็รีบทะลวงให้ถึงอริยะเซียนเข้าเล่า ในเมื่อเจ้าคิดไปตามหาอาจารย์ที่ภูมิภาคเบื้องบน ข้าเองก็จะได้ไปพร้อมกันกับเจ้าเลยหลังข้าบรรลุถึงเซียนมนุษย์ เจ้าคิดว่าทะลวงด่านทันหรือไม่?”
 
“ทันแน่นอน”
 
ต้วนหลิงเทียนยิ้มรับด้วยความมั่นใจ หากได้เวลา 2 ปี และมีโอกาสได้เข้าไปใช้สระวิญญาณของวังนภาอีกสักครั้งสองครั้ง เขามั่นใจว่าคงไม่ใช่เรื่องยากที่จะบรรลุถึงอริยะเซียน…
 
นอกจากนี้กู่ลี่ยังไม่ทราบว่าด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ยังแค่เซียนขัดเกลาขั้นต้นเท่านั้น หาไม่แล้วคงได้หวาดกลัวจนหัวใจวายตายแน่!
 
เพราะในสายตาของทุกคนตำหนักฟ้าลี้ลับทั้งหมด ไม่เว้นกู่ลี่ ต้วนหลิงเทียนนั้นบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้ว และหากอีกแค่ก้าวเดียวจะบรรลุถึงอริยะเซียน
 
ต้วนหลิงเทียนนที่รับปากกู่ลี่ไปแล้ว ตอนนี้จึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกดดันอยู่บ้าง!
 
ดังนั้นเมื่อเสร็จเรื่องวัตถุดิบแล้ว เขาจึงอำลากู่ลี่เพื่อรีบกลับไปบ่มเพาะพลังที่บ้านพักต่อทันที
 
หลังจากที่กลับมาถึงบ้านพัก ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รอช้าอะไร เมื่อตรวจสอบว่าปิดประตูหน้าต่างดีแล้ว ก็วูบร่างเข้าเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติไปทันที ส่งมอบแหวนพื้นที่อันมีวัตถุดิบมากมายให้ผู้เฒ่าหั่ว “ผู้เฒ่าหั่ว พวกนี้เป็นของที่จำเป็นต้องใช้ในการซ่อมแซมชั้น 4 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ…นี่ยังเป็นแค่ชุดแรกเท่านั้น หลังจากนี้น่าจะมีอีกมาก”
 
ต้วนหลิงเทียนเชื่อว่าด้วยความสามารถของตำหนักฟ้าลี้ลับ การรวบรวมวัตถุดิบทั่วๆไปในรายการสมควรกระทำได้ไม่ยาก
 
สำหรับวัตถุดิบหายากนั้น ขึ้นอยู่กับโชควาสนาแล้ว…
 
หลังจากส่งมอบวัตถุดิบให้ผู้เฒ่าหั่วอีกฝ่ายก็รุดไปซ่อมแซมชั้น 4 ทันที ส่วนต้วนหลิงเทียนก็ไปบ่มเพาะพลังที่ชั้น 3
 
ไม่ทราบเป็นเพราะแรงกดดันจากสัญญาที่ให้ไว้กับกู่ลี่หรืออย่างไรไม่ทราบ หากแต่ต้วนหลิงเทียนใช้เวลาบ่มเพาะพลังอีกแค่ 10 วัน ก็สามารถทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นกลางได้สำเร็จ!
 
10 วันบนชั้น 3 ของเจย์หลิงหลง 7 สมบัติ ก็เป็นเพียง 2 วันด้านนอก…
 
หลังทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นกลางแล้ว ปราณสุริยันแรกกำเนิดในร่างของต้วนหลิงเทียนก็ทรงพลังขึ้นเช่นกัน ตอนนี้พลังอำนาจของมันเทียบได้กับปราณแรกกำเนิดของอริยะเซียนขั้นกลางแล้ว
 
การบ่มเพาะพลังนั้น หลังจากบ่มเพาะไปนานๆเป็นธรรมดาที่ต้วนหลิงเทียนจะพบกับ คอขวดหรือจุดรอคอย
 
เมื่อพบเจอสถานการณณ์เช่นนี้เขาก็จะหยิบกระบี่นิลสวรรค์ออกมา เพื่อทำความเข้าใจเคล็ดความอันลึกซึ้งของยอดใจกระบี่ โดยมีกระบี่นิลสวรรค์ช่วยเหลือ
 
ขอบเขตที่ 2 ของยอดใจกระบี่อย่าง เงากระบี่สัมพันธ์ใจ ก็ถูกเขาทำความเข้าใจได้อย่างลึกซึ้งเจียนจะเข้าสู่ขอบเขตที่ 3 ของยอดใจกระบี่เต็มที
 
“นี่มันอันใดกัน ผ่านไปอีกเดือนแล้ว…หรือมันคิดจะปิดด่านบ่มเพาะเช่นนี้ไปตลอด?”
 
ตอนนี้เหล่าคนของสกุลจ้าวที่มาเฝ้าจับตานอกบ้านของต้วนหลิงเทียน ก็ร้อนใจกันแทบบ้า
 
“หลิงเทียนผู้นี้ยังใช่ผู้คนอีกหรือ มันพึ่งออกจากการปิดด่านได้ไม่ทันไร..กลับไปปิดด่านต่อแล้ว!? นี่ยามมันบ่มเพาะฝึกฝน มิได้มีจุดรอคอยเหมือนผู้อื่นเลยรึไง?”
 
ศิษย์สกุลจ้าวมากมายรู้สึกพูดไม่ออก
 
จุดประสงค์ของพวกมันคือพยายามล่อลวงต้วนหลิงเทียนไปฆ่านอกตำหนักฟ้าลี้ลับ
 
ทว่าต้วนหลิงเทียนเล่นปิดด่านบ่มเพาะทั้งวันทั้งคืนติดต่อกันไปไม่รู้จบเช่นนี้ ให้มันมีพันวิธีหมื่นกลยุทธ์ก็จนใจไม่ได้ใช้ออก!
 
กาลเวลาผ่านไปฉับไว ดั่งลูกม้ากลายเป็นเติบใหญ่
 
ไม่กี่เดือนพ้นผ่านนานเป็นปี ต้วนหลิงเทียนคล้ายจะเงียบหายไปจากตำหนักฟ้าลี้ลับ…
 
ตั้งแต่ที่ปิดด่านบ่มเพาะครั้งสุดท้าย ต้วนหลิงเทียนก็ไม่เคยออกมาจากบ้านพักอีกเลย…
 
เหล่าศิษย์ตระกูลจ้าวแต่เดิมที่กระตือรือร้นดั่งเพลิงไฟ ยามนี้กลับเป็นใจที่ร้อนรุ่มด้วยกังวล อนิจจาเรื่องนี้สุดที่พวกมันจะทำอย่างไรได้จริงๆ…
 
และตอนนี้เองข่าวอันน่าตกใจหนึ่งก็แพร่ไปในบรรดาระดับสูงของตำหนักฟ้าลี้ลับ
 
ฉีจิ้งหายตัวไป!
 
แน่นอนว่าระดับสูงของตำหนักฟ้าลี้ลับที่ว่า ก็เป็นชนชั้นรองจ้าวตำหนักขึ้นไป
 
“นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
 
มองไปยังเตียงศิลาว่างเปล่าในห้องขังของคุกลับใต้ดิน สีหน้าเมิ่งฉิงแม้ไม่เผยอารมณ์ใดๆออกมา หากแต่ผู้คนสัมผัสได้ชัดเจนจากน้ำเสียงเยียบเย็นนั่น ว่ายามนี้อีกฝ่ายกำลังมีโมโหถึงเพียงใด!
 
“แล้วจ้าววังจูไปที่ใด?”
 
ตอนนี้เองรองจ้าวตำหนักคนหนึ่งพลันพบว่า มีเพียงจ้าววังนภาอย่างจูลู่ฉีที่ไม่อยู่
 
“ช่วงนี้เป็นผู้ใดที่มีหน้าที่เฝ้าฉีจิ้ง?”
 
เมิ่งฉิงกล่าวถาม
 
“สมควรเป็น…จ้าววังจู…”
 
รองจ้าวตำหนักอีกคนกล่าวตอบ…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด