War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1773

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1773 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 1,773 : 2 มรดกเวทย์พลัง!
 
ได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ให้เป็นตัวโง่งมเพียงใด ศิษย์แซ่จ้าวทั้ง 3 ก็เข้าใจความหมายได้ทันที! และถึงไม่เข้าใจพวกมันก็ต้องเข้าใจ เพราะจิตสังหารของต้วนหลิงเทียนเริ่มแผ่ออกมาตลบฟ้า!!
 
ทันใดนั้นสีสันบนใบหน้าทั้ง 3 คล้ายระเหยหายไป!
 
“หลิงเทียน…เจ้าฆ่าอวตารของนายน้อยจ้าวจี้?!”
 
ยามศิษย์สกุลจ้าวมองหลิงเทียนอีกครั้ง แววตาของพวกมันเผยความหวาดผวาพรั่นกลัว คนหนึ่งพยายามรวบรวมความกล้ากล่าวถามออกมา
 
ถึงแม้พวกมันจะรู้เรื่องที่จ้าวจี้มีเรื่องบาดหมางกับหลิงเทียน แต่พวกมันก็ไม่คิดเลยว่าหลิงเทียนจะกล้าฆ่าจ้าวจี้ในแดนลับเซียนจริงๆ
 
ต้องทราบด้วยว่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสกุลจ้าวที่เข้าในแดนลับเซียนครั้งนี้คือ จ้าวจี้!
 
จ้าวจี้ยังเป็นคนที่มีแนวโน้มจะได้รับสืบทอดมรดกเวทย์พลังระดับสูงมากที่สุด และถูกคาดหวังว่ายามบรรลุถึงเซียนมนุษย์ จะเข้าใจและเพาะสร้างเวทย์พลังเพื่อใช้งานกระทั่งถ่ายทอดให้ผู้อื่นต่อได้สำเร็จมากที่สุด!!
 
การฆ่าจ้าวจี้ ยังต่างใดจากดับอนาคตของสกุลจ้าว…ทำให้สกุลจ้าวสูญเสียความหวังหมู่บ้านไป?!
 
นี่นับเป็นความสูญเสียอันใหญ่หลวงของสกุลจ้าว!!
 
“ข้าจำได้ว่าข้าเจอมันในวันที่ 3 หลังเข้ามาในแดนลับเซียน…ในเมื่อข้าถูกมันเห็นเป็นศัตรู ข้าจะไม่ดูใจบุญไปหน่อยเหรอไงหากไม่ส่งมันออกไป?”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเรียบ คล้ายพูดถึงดินฟ้าอากาศ ไม่ได้สลักสำคัญอะไร
 
ศิษย์ที่ปิดล้อมคนวังนภาอยู่พอได้ยินคำยืนยันว่าจ้าวจี้ถูกกำจัดออกไปแล้วจริงๆ ก็หน้าเสียทันที! ใจยังปรากฏความกลัวเอ่อล้นขึ้นมา!!
 
ถึงแม้พวกมันจะรู้ว่าหลิงเทียนกับจ้าวจี้จะมีเรื่องบาดหมางกัน แต่ไม่คิดเลยว่าหลิงเทียนจะฆ่าจ้าวจี้ไปแล้วแบบนี้!
 
และพอได้ยินคำอธิบายวันเวลาจากปากต้วนหลิงเทียน พวกมันยังถึงกับอื้ออึงไปทันที
 
เพียงวันที่ 3 จ้าวจี้ก็ถูกจำจัด?
 
“เหอๆ…จ้าวจี้นั่นมันจะไม่ดวงกุดไปหน่อยรึไง?”
 
ในขณะที่ศิษย์วังลี้ลับของสกุลจ้าวอึ้งไปไร้คำจะกล่าว ศิษย์วังนภาพลันกล่าวออกมาด้วยความเห็นใจ
 
3 วัน!
 
ศิษย์สกุลจ้าวพอรู้ว่าต้วนหลิงเทียนฆ่าจ้าวจี้ก็ตกใจมากแล้ว พอมารู้ว่าฆ่าไปตั้งแต่ 3 วันแรก พวกมันก็ขวัญหนีดีฝ่อไปกันใหญ่
 
ตอนแรกพวกมันคิดว่าต้วนหลิงเทียนฆ่าจ้าวจี้ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่าน
 
แต่ไม่คิดว่าจ้าวจี้จะตายตั้งแต่ 3 วันแรก!
 
ช่างซวยขนาดไหนกัน?
 
พอนึกถึงเรื่อง ‘ซวย’ ขึ้นมา ศิษย์สกุลจ้าวทั้ง 3 ก็หันมามองสบตากันทันที เพราะหากจะกล่าวถึงเรื่องซวย…ไม่ใช่พวกมันเองก็กำลังซวยอยู่หรือไง?
 
เพราะพวกมันทั้ง 3 ดันมาเจอหลิงเทียนที่กล้าฆ่ากระทั่งนายน้อยของพวกมัน!!
 
“หนีเถอะ! ถึงโอกาสจะน้อย แต่อยู่ไปพวกเราตายแน่!!”
 
“ข้าเห็นด้วย! หนีเถอะ! ข้าทางนั้น เจ้าทางนี้ เจ้าทางนู้น!!”
 
“ได้! 3 2 1 ไป!!”
 
ไม่นานศิษย์สกุลจ้าวก็เห็นพ้องต้องกัน
 
ตอนนี้พวกมันไม่สนใจศิษย์วังนภาอีกต่อไป สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวคือหนีให้พ้นจากเงื้อมมือหลิงเทียนให้ได้!
 
ศิษย์สกุลจ้าวกลุ่มนี้ที่อ่อนแอที่สุดก็คือเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุด ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เซียนขัดเกลาขั้นต้น จะเอาปัญญาไหนไปต่อต้าน…เช่นนั้นพอตกลงกันได้พวกมันทั้ง 3 ก็แยกย้ายกันเหินร่างไปคนละทิศคนละทางทันที!!
 
ด้วยวิธีนี้พวกมันถึงจะมีโอกาสรอด!
 
ในพวกมัน 3 คนขอให้มีคนรอดไปสักคนก็ยังดี เพราะรวมกันได้ตายหมู่แน่!!
 
สำหรับเรื่องอ้อนวอนขอความเมตตาหลิงเทียนนั้นไม่ได้อยู่ในหัวของพวกมันเลย!
 
กระทั่งนายน้อยสกุลจ้าวอย่างจ้าวจี้ยังถูกฆ่าและถูกเตะออกจากแดนลับเซียนด้วยน้ำมือหลิงเทียน ให้พวกมันคุกเข่าขอร้องอย่างน่าเวทนาแค่ไหน ก็มีแค่หนทางตายที่รออยู่!
 
เช่นนั้นพวกมันไม่สู้หนีไปเสียเล่า?
 
“จ้าวจี้ยังหนีข้าไม่รอด อาศัยพวกเจ้าคิดจะหนีไปไหนได้?”
 
ต้วนหลิงเทียนที่เตรียมตัวมาแต่แรกแสยะยิ้มกล่าวออกเสียงเย็น ปราณสุริยันแรกกำเนิดที่โคจรเตรียมพร้อมในกายตลอดเวลาพลันปะทุออกมา! พอเห็นว่าพวกมันทั้ง 3 แยกย้ายกันหลบหนี มวลปราณเริ่มควบรวมเป็นกระบี่พลังสีทองมีสภาพ 6 เล่ม!!
 
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
 
……
 
ทันใดนั้นร่างทั้ง 3 ที่เร่งรุดหลบหนีไปคนละทิศคนละทาง ก็ถูกกระบี่พลังสีทอง 6 เล่มที่อัดแน่นไปด้วยปราณสุริยันแรกกำเนิดแยกย้ายกันไปทิศทางละ 2 เล่ม ก่อนที่จะพุ่งตัดฟ้าเป็นเส้นแสงตามพวกมันในชั่วพริบตา…!
 
หว่างคิ้วและหัวใจของพวกมันถูกทำลวงทำลาย!
 
ร่างทั้ง 3 สลายหายกลายเป็นอากาศธาตุทันที
 
ซูด!
 
แม้จะเดาถึงจุดจบทั้ง 3 ได้นานแล้ว แต่ศิษย์วังนภาที่ลอยร่างอยู่ไม่ไกลก็อดสูดลมหายใจเข้าเสียไม่ได้
 
เพียงแค่พลิกฝ่ามือก็ฆ่าศิษย์เซียนขัดเกลาขั้นต้นทั้ง 2 รวมถึงเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดได้ง่ายดาย…มีเพียงผู้ที่บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุดแล้วเช่นนี้ถึงจะทำได้!
 
หลังจากฆ่าคนสกุลจ้าวแล้ว สีหน้าท่าทางต้วนหลิงเทียนก็ผ่อนคลายลง
 
ความบาดหมางระหว่างเขากับสกุลจ้าวมันเริ่มขึ้นไปแล้ว กระทั่งเขายังตบหน้าจ้าวจี้ไปท่ามกลางสาธารณะชน เรื่องนี้ไม่มีที่ว่างให้สนทนาใดๆอีก!
 
แล้วจะปล่อยพวกมันไปทำอะไร?
 
บิดาจ้าวจี้เป็นรองจ้าวตำหนัก ปู่มันเป็นอาวุโสผู้พิทักษ์
 
เรียกว่าญาติสนิททั้ง 2 ของจ้าวจี้มีฐานะสูงส่งนัก
 
การลงมือกับจ้าวจี้ก็เหมือนกับหาเรื่องสกุลจ้าว เสมือนหาเรื่องทั้งคู่!
 
ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงตัดสินใจลงมือฆ่าทั้ง 3 อย่างไม่ต้องคิด ยังลงมือฆ่าตาไม่กระพริบด้วยซ้ำ!
 
ในเมื่อมีเรื่องกันไปแล้ว มีเรื่องเพิ่มอีกจะเป็นอะไรไป?
 
พยักหน้าให้ศิษย์วังนภาเป็นการทักทาย ต้วนหลิงเทียนก็หันกลับ เตรียมเหินร่างจากไป
 
เห็นฉากนี้ศิษย์วังนภาถึงกับตะลึง
 
มันเองก็คิดวุ่นวายไปมากมาย แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าหลังลงมือฆ่าศิษย์วังนภาทั้ง 3 แล้ว…ต้วนหลิงเทียนกลับเลือกที่จะจากไปเพียงเท่านี้ ไม่คิดกล่าวใดสักคำ!
 
อีกฝ่ายไม่ใช่ว่าสมควรได้ยินเรื่องที่มันสนทนากับพวกแซ่จ้าวแล้วหรือ? ไม่ได้ยินว่ามันรู้สถานที่ตั้งมรดกเวทย์พลัง?
 
พอมันคิดเรื่องนี้ดูก็พบว่าเป็นไปไม่ได้เลย!
 
เห็นต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวออกมาแบบนั้น มันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนสมควรซุ่มดูสถานการณ์อยู่สักพัก และค่อยปรากฏตัวออกมา
 
การที่เลือกจะจากไปแบบนี้นั่นหมายความว่าต้วนหลิงเทียนไม่คิดใช้กำลังบังคับ ให้มันมอบสถานที่ตั้งมรดกเวทย์พลัง!
 
ศิษย์วังนภาคิดถูกแล้ว แม้ต้วนหลิงเทียนจะทราบว่าอีกฝ่ายมีเบาะแสเวทย์พลังแต่เขาก็ไม่คิดช่วงชิง
 
อย่างไรเสียเขาก็เป็นคนของวังนภา แถมยังได้รับอะไรจากวังนภามาไม่น้อย
 
สำหรับวังนภา เขามีความรู้สึกเสมือนเป็นบ้านอยู่บ้าง
 
“ศิษย์พี่หลิงเทียน!”
 
เมื่อเห็นว่าไม่ทันไรต้วนหลิงเทียนก็เหินจากไปไกลแล้ว ศิษย์วังนภาก็กังวลใจไม่น้อย มันเร่งรีบตะโกนออกไปทันที
 
“เจ้ามีอะไรอีกหรือ?”
 
เมื่อได้ยินเสียงเรียก ต้วนหลิงเทียนก็สงสัย จึงหันหลังมามองถามศิษย์วังนภาที่กำลังเร่งรีบลอยมหาเขา
 
“ศิษย์พี่หลิงเทียน ข้าอยากร่วมมือกับท่าน!”
 
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆคำหนึ่ง ศิษย์วังนภาก็กล่าวออก
 
“ร่วมมือกับข้าหรือ?”
 
ต้วนหลิงเทียนยิ้ม “ข้าได้ยินแล้วว่าเจ้ามีเบาะแสสถานที่ตั้งมรดกเวทย์พลัง…แต่ในเมื่อมีแค่ทีเดียว พวกเราจะแบ่งกันอย่างไร?”
 
“และหากข้าไม่ได้ร่วมมือกับใครข้าอาจจะลองคิดดู…แต่ตอนนี้ข้าได้ตกลงจะร่วมมือกับคนอื่นไปแล้ว…”
 
ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอก “แถมหนึ่งในคนที่ข้าร่วมมือด้วย ข้าก็คิดมอบมรดกเวทย์พลังที่ข้าเจอให้มันก่อน หากพวกเราได้เจอกัน…ปัญหาคือตอนนี้ข้ายังไม่เจอมันเลย”
 
“ศิษย์พี่หลิงเทียน เพียงวาจานี้ที่ท่านกล่าวออกมา…ก็ทำให้ข้าเลื่อมไสท่านนัก”
 
ศิษย์วังนภาออดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยความชื่นชม
 
หลังจากนั้นศิษย์วังนภาก็กล่าวสืบต่อ “ศิษย์พี่หลิงเทียน เบาะแสที่ข้าพบมิใช่แค่ 1 แต่เป็นถึง 2! หากศิษย์พี่หลิงเทียนร่วมมือกับข้า พวกเราก็แบ่งกันไปคนละที่ดีหรือไม่?”
 
หลังจากกล่าวบอกแล้ว เซียวตุน ศิษย์วังนภา ก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยความคาดหวัง
 
“หืม? 2 มรดกเวทย์พลัง?”
 
ได้ยินวาจานี้ของเซียวตุน ต้วนหลิงเทียนก็ประหลาดใจมาก! ด้วยไม่คิดเลยว่าเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดอย่างเซียวตุนจะพบเบาะแสนำไปสู่มรดกเวทย์พลังถึง 2 ที่! ในเวลาเพียงแค่ 1 เดือน!!
 
“ใช่!”
 
เซียวตุนพยักหน้า และคล้ายมันนึกอะไรขึ้นได้ อยู่ๆก็ถอนหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน “อันที่จริงแล้วเป็นสหายของข้าที่ฝึกวิชาเนตรบางอย่าง ทำให้มันมีสายตาที่พิเศษเหนือผู้อื่น…พวกเราเลยพบเจอเบาะแสที่นำไปสู่สถานที่ตั้งมรดกเวทย์พลังทั้ง 2 แห่ง…แต่ด้วยพลังฝีมือของพวกเราทำให้มีปัญหาในการรับมรดกเวทย์พลัง”
 
“ในขณะที่พวกเรากำลังหาคนมาร่วมมือเพื่อฝ่าอุปสรรคและบททดสอบเพื่อเข้ารับสืบทอดมรดกเวทย์พลังของแห่งแรก พวกเรากลับดวงซวยเจอพวกสกุลจ้าวทั้ง 3 นั่น และพวกมันก็ฆ่าสหายข้าไป…”
 
กล่าวถึงจุดนี้สีหน้าของเซียวตุนแลดูเสียดายไม่น้อย
 
“น่าเสียดายนัก”
 
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ เขาเองก็ค่อนข้างตกใจไม่น้อย เขาเองหลังเข้ามาในแดนลับเซียนได้เกือบเดือน ก็ได้รับมรดกเวทย์พลังไปแค่ 2
 
แม้สหายของเซียวตุนกับเจ้าตัวยังไม่ได้มรดกเวทย์พลังอะไร แต่ก็เจอเบาะแสถึง 2 แห่ง เรียกว่าโชคของพวกมันไม่ได้น้อยไปกว่าเขาเลย
 
‘ไม่รู้มรดกเวทย์พลังทั้ง 2 ที่ว่าจะมีระดับใดกันนะ’
 
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความสงสัยขึ้นมา จังหวะนี้คล้ายเขาลืมไปแล้วว่ายังไม่ทันตอบตกลงจะร่วมมือกับเซียวตุนเลย
 
“ศิษย์พี่หลิงเทียน…”
 
จนกระทั่งเซียวตุนกล่าวออกมาอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนค่อยดึงสติกลับมาอยู่กับร่องกับรอย “ข้าร่วมมือกับเจ้าได้ แต่พวกเราจะแบ่งมรดกเวทย์พลังกันอย่างไร?”
 
“ข้าจะบอกท่านถึงข้อมูลสถานที่ตั้งมรดกเวทย์พลังทั้ง 2 ให้ศิษย์พี่หลิงเทียนตัดสินใจก่อน…ที่แรกนั้นเป็น ฯลฯ”
 
เซียวตุนไม่ปิดบังอะไร กล่าวเล่าทุกสิ่งอย่างที่มันกับสหายพบเจอออกมาหมดเปลือก
 
มรดกเวทย์พลังทั้ง 2 ก็คล้ายๆกับที่ต้วนหลิงเทียนพบเจอก่อนหน้านี้ มีค่ายกลลวงตาปกปิดเอาไว้ จำต้องเข้าไปในค่ายกลถึงจะแลเห็น
 
บททดสอบของมรดกเวทย์พลังที่ต้วนหลิงเทียนพบเจอมาทั้ง 2 นั้น นับว่ายากกว่ากันเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้ทำให้ระดับเวทย์พลังแลดูจะสูงกว่า
 
และจากที่ได้ฟังข้อมูลจากเซียวตุน ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ว่ามรดกเวทย์พลังทั้ง 2 แห่งที่พวกมันพบเจอ คล้ายจะมีระดับความยากไม่ต่างใดจากมรดกเวทย์พลังอย่างร่างทองลิ่วเหอเลย
 
เห็นได้ชัดว่ามรดกเวทย์พลังที่ทั้งสองไปพบเจอมา มีเวทย์พลังที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าร่างทองลิ่วเหออยู่!
 
“สหายเจ้า…นับว่าโชคร้ายยิ่ง”
 
ต้วนหลิงเทียนระบายลมหายใจอย่างทอดถอน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด