War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1721
ตอนที่ 1,721 : ความอิจฉาของศิษย์วังนภา “สระวิญญาณเป็นสถานที่อันประเสริฐนัก…มันเสมือน ‘ตาน้ำพุ’ ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางของสายแร่หินเซียนกึ่งระดับ 3…ทุกๆ 6 เดือนมันจะควบแน่นพลังวิญญาณฟ้าดินได้มากพอจนกลายเป็นสระน้ำ! หากเจ้าสามารถบ่มเพาะพลังในนั้น เรียกว่าใช้พยายามครึ่งเดียวหากแต่บังเกิดผลลำเร็จเป็น 2 เท่า! แน่นอนว่าสระวิญญาณสามารถช่วยเหลือได้แต่ผู้ที่พลังฝึกปรือยังไม่บรรลุขอบเขตอริยะเซียนเท่านั้น หากบรรลุด่านพลังอริยะเซียนขึ้นไปแล้ว เกรงว่าคงแทบไม่เห็นผลและเป็นการสิ้นเปลืองไปอย่างเปล่าประโยชน์…ทำให้ปกติแล้วสระวิญญาณของแต่ละวัง จะไม่อนุญาตให้ตัวตนด่านพลังอริยะเซียนเข้าไปใช้…” หวังพีค่อยๆกล่าวอธิบายอย่างอดทน “แน่นอนว่าแม้ผู้ที่บรรลุด่านพลังอริยะเซียนจะไม่ช่วงชิงสิทธิ์ในการเข้าสระวิญญาณ…ทว่าผู้ที่ยังไม่บรรลุด่านพลังอริยะเซียนมิว่าผู้ใดล้วนอยากเข้าสระวิญญาณทั้งสิ้น…เพราะตำหนักฟ้าลี้ลับของพวกเรามีสระวิญญาณเพียงแค่ 4 แห่ง และแยกย้ายกันไปในแต่ละวังของใครของมัน ทำให้ ทุกๆ 6 เดือนในแต่ละวังจะมีคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้เข้าไปในสระวิญญาณ..ปกติแล้วหากไม่ใช่สุดยอดอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดของวัง ย่อมไม่มีโอกาสได้เข้าสระวิญญาณ” หวังพียังคงกล่าวออกมาอย่างต่อเนื่อง ‘สระน้ำที่เกิดจากสายแร่หินเซียนกึ่งระดับ 3 ที่ควบแน่นพลังวิญญาณฟ้าดินจนกลั่นตัวเป็นของเหลว ที่สั่งสมมาเป็นเวลา 6 เดือน?’ ได้ยินคำอธิบายของหวังพี สองตาต้วนหลิงเทียนถึงกับส่องประกายวาวโรจน์ขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติจะเลิศล้ำเหนือสภาพแวดล้อมทั่วไป แต่นับว่ายังขาดอยู่บ้างหากจะเทียบกับสระวิญญาณที่เกิดจากการกลั่นตัวของพลังวิญญาณฟ้าดินในสายแร่หินเซียนกึ่งระดับ 3! ‘ข้ายังห่วงอยู่เลยว่าอีกนานแค่ไหนข้าถึงจะบรรลุเซียนขัดเกลา…ไม่คิดเลยว่ารองจ้าววังนภาเซียวยี่จะมอบโอกาสอันดีนี้ให้ข้า…บางทีการเข้าไปใช้สระวิญญาณอะไรนั่นอาจจะทำให้ข้าทะลวงถึงเซียนขัดเกลาขั้นต้นได้ในครั้งเดียว!’ จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมตื่นเต้นยินดีเป็นธรรมดา ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหวางเฟยเซวียนและคนอื่นๆถึงได้มองเขาด้วยสายตาอิจฉาแบบนี้ ที่แท้นับว่ายากเย็นนักที่จะมีโอกาสได้เข้าสระวิญญาณ! “ฮึ่ย! เจ้านับว่าโชคดีจริงๆ สระวิญญาณนั้นจักเกิดขึ้นจากสายแร่หินเซียนกึ่งระดับ 3 เท่านั้น…ในภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มีแค่ขุมพลังกึ่งชั้น 3 เท่านั้นที่ครอบครองสายแร่หินเซียนกึ่งระดับ 3…” หวางเฟยเซวียนมองต้วนหลิงเทียนด้วยความอิจฉา อย่างไรก็ตามพอนางกล่าวจบคำ คล้ายนางนึกอะไรได้ขึ้น นางพลันหยีตาเล็กน้อย ก่อนที่จะชักสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสแลดูออดอ้อนออกมาทันที กระทั่งยังโน้มตัวเข้าหาต้วนหลิงเทียนพร้อมกล่าว “เอาเช่นนี้ดีไหม…หากเจ้ามอบสิทธิ์ในการเข้าสระวิญญาณครั้งนี้ให้ข้า ข้าจะเปิดโอกาสให้เจ้าจีบข้า…เป็นไรดีหรือไม่?” หากเป็นคนธรรมดา เรียกว่าคงตื่นเต้นยินดีไม่น้อยหลังได้ยินวาจาของหวางเฟยเซวียน แต่น่าเสียดาย สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้ว ให้มีร้อยหวางเฟยเซียนก็สู้หนึ่งสระวิญญาณไม่ได้… คู่หมั้นทั้งสองของเขาไม่ว่าจะเค่อเอ๋อหรือลี่เฟยกระทั่งสตรีคนรักอย่างเฟิ่งเทียนหวู่ ก็ไม่มีใครด้อยไปกว่านางสักนิด! “ไม่สนใจ” ด้วยเหตุนี้แม้จะเผชิญกับท่าทางยั่วยวนของหวางเฟยเซวียน ต้วนหลิงเทียนจึงกล่าวตอบไปด้วยน้ำเสียงเฉยเมย หวางเฟยเซวียนย่อมไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะปฏิเสธออกมาแทบทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดแบบนี้ ทำให้นางถึงกับทำหน้างุนงงสองตาปริบๆ ใจคิดไปว่าหรือที่แท้เสน่ห์ของนางจะใช้การไม่ได้แล้วจริงๆ ‘ไม่จริง! ไม่ใช่ข้าไม่ดี…แต่เป็นมันที่ผิดปกติ! มันไม่ได้ชอบอิสตรีแน่ๆ!!’ พอคิดถึงเรื่องนี้ หวางเฟยเซวียนอดไม่ได้ที่ขนลุกซู่ขึ้นมา โชคดีที่ต้วนหลิงเทียนไม่ล่วงรู้ความคิดในหัวของหวางเฟยเซวียน หาไม่แล้วเขาคงได้ตบนางจังๆสักฉาดข้อหาที่กล้าสงสัยรสนิยมทางเพศของเขา! “ไปกันเถอะ! ข้าจะพาพวกเจ้าทุกคนไปรับป้ายประจำตัว และนับตั้งแต่วันนี้ไปพวกเจ้าจะเป็นศิษย์ของวังนภา…การอยู่ในวังนภานั้น…หมายความว่าเจ้าอาจจะต้องประชันขันแข่งกับศิษย์อีก 3 วังที่เหลือแม้กระทั่งยังต้องแข่งขันกับศิษย์ในวังนภาด้วยกัน…แต่ข้าอยากขอให้พวกเจ้าจงจดจำเอาไว้ ว่าต่อให้ภายในพวกเราจะแข่งขันกันเพียงใด แต่ยามออกไปภายนอกให้พึงระลึกเอาไว้ว่าทั้งหมดล้วนเป็นคนตำหนักฟ้าลิ่วล่อง พวกเจ้าต้องรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียว” หวังพีกล่าวออกเสียงเข้ม ก่อนที่จะค่อยๆเหินร่างขึ้นฟ้า หมายนำต้วนหลิงเทียนและทุกคนไปรับสิ่งของด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆก็พยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะติดตามมันไป ภายใต้การนำของหวังพี ไม่นานทุกคนก็ได้รับป้ายประจำตัว ที่มีไว้แสดงอัตลักษณ์ของตัวเอง หลังจากที่พาทุกคนไปรับป้ายประจำตัวแล้ว หวังพียังพาต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆไปยังที่พักอาศัยเช่นกัน เป็นบ้านเดี่ยวพร้อมลานว่าง ที่ตั้งเรียงรายกันเป็นสัดส่วนบนพื้นที่ราบกลางเขา มองไปก็คล้ายหมู่บ้านเล็กๆหมู่บ้านหนึ่ง “หลิงเทียน สระวิญญาณนั้นจะเปิดอีกครั้ง ในอีก 10 วันหลังจากนี้…พอถึงเวลาแล้วข้าจะมาหาเจ้า” หลังจากที่จัดแจงให้หวางเฟยเซวียนและคนอื่นๆเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว หวังพีก็พาต้วนหลิงเทียนมาส่งที่บ้านว่างเป็นคนสุดท้าย พร้อมกล่าวกำชับออกไป “อ้อ” ต้วนหลิงเทียนขานรับด้วยรอยยิ้มบางๆ ก่อนที่จะมองส่งหวังพีจนเดินจากไปลับตา ก่อนที่เขาจะเดินตัดลานว่าง หมายเข้าบ้าน ทว่าในขณะที่เดินตัดลานกว้างมานั้น ต้วนหลิงเทียนพลันหยุดลงกลางลาน เพราะเขาได้ยินเสียงฝีเท้าหนึ่งที่ดังขึ้นด้านหลังก่อนที่จะได้ทันเข้าประตูบ้าน และเพียงแค่ได้ยินเสียงฝีเท้านี้เขาก็บอกได้ทันทีว่าเป็นใคร เสียงฝีเท้าแผ่วเบา ทั้งจังหวะก้าวไม่ยาว สมควรเป็นฝีเท้าของอิสตรี… และอิสตรีที่จะมาหาเขาในตอนนี้ ก็เห็นจะมีอยู่แค่คนเดียว…ศิษย์คฤหาสน์ดาบทรราช หวางเฟยเซวียน “แม่นางหวาง ท่านมาหาข้าแบบนี้ มีธุระอะไรกับข้าอีกงั้นหรือ?” เมื่อหันกลับมาเห็นร่างสตรีที่คาดคิดไว้ ต้วนหลิงเทียนก็ขมวดคิ้วกล่าวถามออกมาด้วยความรู้สึกหงุดหงิด ถึงแม้นางจะมีรูปโฉมงดงามเพียงใด แต่การมาวอแวเขาไม่เลิก ก็ทำให้เขารู้สึกรำคาญไม่น้อย “เจ้าว่าราคามาเถอะ” หวางเฟยเซวียนม้วนปลายผมเล่นป้อยๆ ค่อยกล่าวถามขณะใช้มือสางผมไปทัดหู ยังเอียงศีรษะเผยให้เห็นลำคอเล็กๆอันขาวกระจ่าง… “ราคาอะไร?” ต้วนหลิงเทียนอึ้ง “ก็สระวิญญาณไง” หวางเฟยเซวียนยักคิ้วงึกๆกล่าวตอบ ต้วนหลิงเทียนพอได้ยินก็เข้าใจเรื่องราวทันที ที่แท้นางอยากเข้าสระวิญญาณ เลยคิดจะมาซื้อสิทธิ์นั้นจากเขา “แม่นางหวาง ข้าเองก็ต้องการเข้าใช้สระวิญญาณเช่นกัน…หากไม่มีอะไรแล้วท่านไปเถอะ ข้าไม่ส่งนะ” ใบหน้าต้วนหลิงเทียนเคร่งขึ้นเล็กน้อย กล่าวออกเสียงแข็ง หวางเฟยเซวียนไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนจะคุยด้วยยากเย็นขนาดนี้ อีกฝ่ายยังไม่ไว้หน้านางสักนิด ทำให้นางโพล่งไปด้วยความไม่พอใจ “หลิงเทียน! เจ้ามันทึ่ม!!” ทันทีที่นางกล่าวจบนางก็สะบัดหน้าก้าวอาดๆกลับไปด้วยความไม่พอใจทันที ทึ่ม? ได้ยินวาจานี้ของหวางเฟยเซวียน ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขากลายเป็นเจ้าทึ่ม เพราะไม่ขายสิทธิ์เข้าสระวิญญาณให้นาง? คิดใช้ท่าทีครอบงำเอาแต่ใจเช่นนั้นซื้อของ มีที่ไหนกัน!? ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาอย่างระอา เลิกสนใจอะไรหวางเฟยเซวียน เดินเข้าบ้านและไปปิดประตูหน้าต่างค่อยวูบร่างเข้าชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ด้านนอก 10 วัน บนชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็เท่ากับ 50 วัน เวลาเกือบ 2 เดือนย่อมมากพอให้ด่านพลังต้วนหลิงเทียนกระเตื้อง และนั่นจะทำให้การเข้าสระวิญญาณเกิดประโยชน์สูงสุด! ‘ด้วยพลังวิญญาณฟ้าดินที่หนาแน่นขนาดนั้นในสระวิญญาณ ตราบใดที่ด่านพลังฝึกปรือข้าเพิ่มขึ้นอีกสักเล็กน้อย ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะทะลวงเซียนขัดเกลาในนั้น!’ เมื่อคิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็บ่มเพาะพลังอย่างตั้งใจ ต้วนหลิงเทียนที่ปิดด่านบ่มเพาะอย่างตั้งใจ ย่อมไม่รู้เลยว่าในโลกภายนอก ช่วงเวลา 10 วันก่อนสระวิญญาณจะเปิดมันเกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง…ข่าวเรื่องเขาจะได้เข้าสระวิญญาณแพร่ออกไปเรียบร้อยแล้ว! สระวิญญาณของวังนภานั้น เป็นอะไรที่พิเศษนัก ตราบใดที่เป็นศิษย์วังนภาที่ด่านพลังยังไม่บรรลุขอบเขตอริยะเซียนไม่ว่าใครก็อยากเข้าไปในสระวิญญาณทั้งสิ้น! ด้วยเหตุนี้สิทธิ์ที่จะเข้าใช้สระวิญญาณทุกๆ 6 เดือน จะถูกตัดสินจากการประลองฝีมือ ครั้งนี้หลายต่อหลายคนก็ฝึกซ้อมบ่มเพาะพลังกันอย่างตั้งใจ หมายประลองชิงสิทธิ์เข้าสระทั้งสิ้น แต่พวกมันไม่คิดเลยว่าก่อนสระเปิด 10 วันอยู่ดีๆ จะมีใครก็ไม่รู้โผล่มาและชิงสิทธิ์เข้าสระวิญญาณไปโดยที่พวกมันไม่ทันได้ประลองอะไร! ที่สำคัญคนที่ได้สิทธิ์ไปยังเป็นแค่ศิษย์เข้าใหม่อีกด้วย! จังหวะนี้ทุกผู้คนล้วนแต่ไม่พอใจ ทั้งบังเกิดความคับข้องไม่ยินยอม “บ้าจริง! มันเป็นแค่ศิษย์ใหม่ที่พึ่งเข้าวังนภามาไม่ใช่รึไง! ไฉนไม่ทันทำอะไรก็ได้รับสิทธิ์เข้าสระวิญญาณเลยเล่า?!” ศิษย์วังนภาหลายคนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงอิจฉา ทั้งไม่ยินยอม “เห็นว่ามันเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์ใหม่ทั้ง 37 คนที่บรรลุขอบเขตเซียนโดยมีอายุต่ำกว่า 40 ปี…รองจ้าววังนภาอยากได้ตัวมัน จึงชักชวนมันเข้าร่วมวังนภาของเรา อีกทั้งยังให้สิทธิ์นี้แก่มัน” “ที่แท้เป็นการตัดสินใจของรองจ้าววังหรอกหรือ?” “ฮึ่ม! รองจ้าววังตัดสินใจแล้วอย่างไร? มันก็แค่ลูกเจี๊ยบอ่อนหัดที่พึ่งเข้าร่วมตำหนักฟ้าลี้ลับ! มันไม่รู้พลังฝีมือของตัวรึไง ถึงได้กล้าตัดหน้าผู้อื่นรับสิทธิ์เข้าสระวิญญาณไปเช่นนี้ ข้าไม่ยอม!” “แล้วจะไปทำอะไรได้ หรือเจ้าคิดไปชิงสิทธิ์เข้าสระจากมัน? ข้าต้องขอเตือนเจ้าไว้อีกครั้งเลยนะ คราวนี้เป็นการตัดสินใจของรองจ้าววัง เจ้าจะทุบตีมันอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ เว้นเสียแต่มันจะสละสิทธิ์นั่นด้วยตัวเอง หาไม่แล้วเกิดเจ้าไปทุบตีมันแล้วชิงสิทธิ์มา เกรงว่าจะยั่วโทสะท่านรองจ้าววังเสียเปล่าๆ…มิใช่เรื่องดีที่จะไประบายโทสะกับมัน” “ฮึ่ม…ในเมื่อรองจ้าววังกล่าวแล้วไหนเลยข้าจะไปกล้าแย่งชิงอะไรได้…ข้าไม่คิดชิงสิทธิ์ของมันแต่ก็มิได้เป็นปัญหาอะไรมิใช่หรือหากข้าคิดไปประลองวัดฝีมือกับมันดู? อยากรู้นักว่าพรสวรรค์มันจะเลิศล้ำเพียงใด รองจ้าววังถึงทำดีกับมันนัก!” “เรื่องนี้เจ้ายังคิดได้…ร้ายจริงๆ!” …… วาจาทำนองนี้ดังขึ้นไปทั่ววังนภา ศิษย์วังนภาหลายคนที่บรรลุด่านพลังเซียนขัดเกลาขั้นเชี่ยวชาญกระทั่งขั้นสูงสุด ทั้งหลายยังอดไม่ได้ที่จะบังเกิดความสนใจเรื่องนี้ และอยากเห็นนักว่าหลิงเทียนที่ได้รับสิทธิ์เข้าสระวิญญาณ ที่แท้มีความสามารถร้ายกาจเพียงใด หลังจากบ่มเพาะพลังไปเป็นเวลากว่าเดือนบนชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ว่าด่านพลังของเขากระเตื้องขึ้นมาไม่น้อย “ใครกัน?” เสียงเอะอะโวยวายที่ดังขึ้นด้านนอกนั้น แม้แต่ต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติยังได้ยิน ส่วนเรื่องที่ทำไมเขาไม่ได้ยินเป็นเสียงยืดยาวเพราะความต่างของเวลานั้น ผู้เฒ่าหั่วเคยบอกมาแล้วว่านี่เป็นพลังอำนาจลี้ลับของตัวเจดีย์.. “เอ่อ…หากพวกเจ้าจะให้ข้าตัดสินใจ…ข้าว่าบุกเข้าไปเลยเถอะ! รอตรงนี้ไปก็ไม่ได้อะไรหรอก!!” “นั่นสิ อีกไม่กี่วันศิษย์พี่หวังพีก็จะมาพามันไปสระวิญญาณแล้ว ถึงตอนนั้นน่ากลัวพวกเราจะไม่มีเวลาให้สั่งสอนบทเรียนมันนะ!” “ถูกแล้ว! ยามมันเข้าไปดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินในสระวิญญาณ ความเจ็บปวดอันใดมันคงมิรู้สึกหรอก…กระทั่งเผลอๆออกมาอาจจะหยิ่งผยองกว่าเดิม!!” …… ทุกเสียงย่อมดังชัดเจนในหูของต้วนหลิงเทียน ไม่ทันไรต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ไม่ยากว่านี่มันเรื่องอะไรกัน ที่แท้ก็ไม่ใช่อะไรอื่น เป็นศิษย์วังนภาไม่พอใจเรื่องที่อยู่ๆเขาก็โผล่มาตัดหน้าชิงสิทธิ์ไปดื้อๆ ทำให้พวกมันมารวมตัวกันหน้าบ้านหมายสั่งสอนบทเรียนให้เขา “มาสั่งสอนข้างั้นเหรอ?” ด้วยความที่มีเพียงตัวตนที่ยังไม่บรรลุอริยะเซียนเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์เข้าใช้สระวิญญาณ เช่นนั้นศิษย์ที่มาออกันหน้าประตูด้วยความไม่พอใจหมายทุบตีเขาให้หนำ ก็ไม่มีใครบรรลุอริยะเซียนสักคน…พอนึกถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็หัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน เมื่อทราบแล้วว่านี่มันเรื่องอะไร ต้วนหลิงเทียนก็ออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ก่อนที่จะเดินไปเปิดประตูหน้าบ้าน ทันทีที่เปิดประตูออกมา ต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นศิษย์ไม่กี่คนที่กำลังเดินเข้ามาหมายเปิดประตูบ้านเขา ส่วนที่เหลือก็ยืนออกันอยู่ในลาน..
คอมเม้นต์