War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1706
ตอนที่ 1,706 : เกิดเรื่องกับป๋ายลี่หง? แต่ก่อนหานเฉวี่ยไน่รู้เพียงว่า…อาจารย์ของนางช่างลึกลับนัก! ยิ่งไปกว่านั้นพลังฝีมือของอาจารย์ยังแข็งแกร่งกว่าบิดานางเสียอีก นี่เป็นอะไรที่นางตระหนักได้ด้วยตัวเอง! อย่างไรก็ตามนางไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าพลังฝีมือของอาจารย์นางจะเหนือชั้นกว่าที่นางคิดไว้คนละโลก เพียงแค่พลิกฝ่ามือก็สังหารยอดฝีมือได้แล้ว? ทั้งยังเป็นการบดขยี้อย่างสมบูรณ์! ตั้งแต่ต้นจนจบหานซิ่นไม่มีแม้แต่โอกาสจะขัดขืน! ต้องทราบด้วยว่าหานซิ่นคืออาวุโสสูงสุดของคฤหาสน์คลื่นขจี พลังฝึกปรือบรรลุด่านอริยะเซียนขั้นเชี่ยวชาญ! “เฉวี่ยไน่ ตอนนี้เจ้าคิดถามอันใดก็ถามมาเถอะ…ร่างอวตารของอาจารย์สามารถคงสภาพอยู่ได้อีกราวๆ 30 ลมหายใจ” ตอนนี้เอง เสียงสตรีเลอโฉมดังขึ้นดึงสติหานเฉวี่ยไน่ให้กลับมา หานเฉวี่ยไน่ที่ได้ยินก็เสมือนวิญญาณกลับเข้าร่าง เร่งถามออกไปทันที “ท่านอาจารย์ ร่างอวตารคืออันใดหรือ?” “เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้ฝึกเต๋าทะลวงขอบเขตอริยะเซียนจนบรรลุเซียนมนุษย์ได้สำเร็จ จะมีความสามารถพิเศษเพิ่มเติมอีกอย่างก็คือการสร้างร่างอวตารของตัวเองจากพลัง! พลังที่ว่านั้นจักเรียกว่าพลังเวทย์ก็ได้ และร่างอวตาร..ฯลฯ” เมื่อได้ยินคำถามของหานเฉวี่ยไน่ สตรีเลอโฉมก็พยายามใช้คำง่ายๆมาอธิบายให้นางเข้าใจ “ท่านอาจารย์เช่นนั้น ร่างอวตารก็มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยกว่าร่างจริง 2-3 ขอบเขตเชียวหรือ?” หลังได้ยินอาจารย์กล่าวอธิบายเรื่องร่างอวตาร หานเฉวี่ยไน่ก็เบิกตากลมกว้างมองดูเงาร่างอาจารย์เบื้องหน้าอย่างตื่นตระหนก “ท่านอาจารย์ลำพังร่างแค่อวตารของท่าน…กลับฆ่าหานซิ่นที่บรรลุอริยะเซียนขั้นเชี่ยวชาญได้ ยังง่ายดายแค่พลิกฝ่ามือ…เช่นนั้นท่านบรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาแล้วงั้นหรือ?” เซียนนภา! ถึงแม้หานเฉวี่ยไน่จะเคยได้ยินเรื่องเล่าของขอบเขตเพลังเซียนนภามาบ้าง แต่นางก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรเลย เพราะนั่นคือขอบเขตพลังที่อยู่ไกลเกินนางจะเอื้อมถึง ทั้งยังกล่าวกันอีกว่า ในภูมิภาคเบื้องล่างแห่งนี้ กระทั่งขุมพลังกึ่งชั้น 3 ที่ร้ายกาจที่สุดอย่างตำหนักเมฆาคราม จ้าวตำหนักยังมิอาจบรรลุถึงขอบเขตเซียนนภาได้ด้วยซ้ำ… สตีเลอโฉมเพียงแย้มยิ้มบางๆ แต่ไม่ได้กล่าวบอกว่าใช่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไหนเลยหานเฉวี่ยไน่ที่เคยสนิทสนมกับนางจะไม่เข้าใจความหมายของรอยยิ้มนี้ของท่านอาจารย์ ลูกตาของนางเบิกกว้างเป็นลูกวัวแรกเกิด เร่งถามออกมาเสียงแจ้ว “ฮ้า! ภูมิภาคเบื้องล่างมิมีตัวตนเช่นนั้น หมายความว่าท่านอาจารย์…” “เอาล่ะ คงถึงเวลาที่ต้องบอกเรื่องนี้กับเจ้าแล้ว…” สตรีเลอโฉมพลันกล่าวขัดออกมา ก่อนที่หานเฉวี่ยไน่จะกล่าวถามจบคำ “มิผิด อาจารย์มาจากภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า” ภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า! แม้หานเฉวี่ยไน่จะคาดเดาไว้บ้างแล้ว แต่พอได้ฟังคำยืนยันจากปากจริงๆ นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึงกับความเป็นมาของอาจารย์ “ท่านอาจารย์แล้วตอนนี้ท่านอยู่ที่ภูมิภาคเบื้องบนหรือ?” หานเฉวี่ยไน่สูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อลดความตื่นเต้นค่อยกล่าวถามออกมา “อื้ม” หญิงงามพยักหน้าพร้อมแย้มยิ้มบางๆ “เฉวี่ยไน่ เจ้าเตรียมตัวไวนะ อีกครั้งปีอาจารย์จะพาเจ้าขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบน…สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะด้านบนดีกว่าเบื้องล่างยิ่ง” ไปยังภูมิภาคเบื้องบน! ได้ยินวาจานี้ของอาจารย์แสนสวย ร่างหานเฉวี่ยไน่สะท้านไปอีกครา สำหรับนางแล้ว ภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเป็นดั่งดินแดนในตำนานอันลี้ลับ เรื่องสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะจะดีกว่าหานเฉวี่ยไน่ก็ไม่แปลกใจอะไร เพราะสุดท้ายแล้วนั่นคือสถานที่ๆรวมเหล่าสุดยอดฝีมือของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ภูมิภาคเบื้องล่าง ขุมพลังกึ่งชั้น 3 เป็นดั่งมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ ทว่าภูมิภาคเบื้องบนนั้น อย่าว่าแต่ขุมพลังชั้น 3 จริงๆ กระทั่งขุมพลังชั้น 2 ชั้น 1 ยังมี! “ท่านอาจารย์ มิใช่การจะขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบน ต้องมีพลังฝึกปรือเหนือขอบเขตอริยะเซียนก่อนหรือ ถึงจะไปมาระหว่าง 2 ภูมิภาคได้อย่างอิสระ? ด้วยพลังฝึกปรือของข้าตอนนี้เกรงว่าคงไม่อาจไปได้” หานเฉวี่ยไน่กล่าวถาม หากเลือกได้นางก็อยากขึ้นไปภูมิภาคเบื้องบนกับอาจารย์ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้นางตระหนักได้ถึงความอ่อนแอของตัวเอง หากนางมีพลังอำนาจ นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่างฉีจิ้ง จะบีบคั้นให้นางแต่งกับมันได้อีกหรือ? “เด็กโง่ หากเจ้าไปคนเดียวด่านพลังมิเกินอริยะเซียนย่อมไปมิได้…แต่หากมียอดฝีมือขอบเขตเซียนมนุษย์ขึ้นไปนำพาเจ้าย่อมไปได้แน่ อีกทั้งยิ่งพลังฝึกปรือของผู้นำพายิ่งสูง ยิ่งพาผู้คนไปได้มาก” สตรีโฉมงามส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะค่อยๆอธิบาย “ได้! ครึ่งปีหลังจากนี้ข้าจะไปภูมิภาคเบื้องบนกับท่านอาจารย์!!” เมื่อรู้ว่าหลังจากนี้ครึ่งปี จะได้ไปภูมิภาคเบื้องบน หานเฉวี่ยไน่ก็ตื่นเต้นยินดีนัก ครู่ต่อมานางพลันนึกถึงเจ้าตัวเล็กทั้ง 3 “ท่านอาจารย์ แล้วหากข้าอยากพาเสี่ยวเฮยเสียวไป๋แล้วก็เสี่ยวจินไปด้วยล่ะ…พอจะเป็นไปได้ไหม” “ได้สิ” เห็นชัดว่าสตรีเลอโฉมก็รู้ถึงตัวตนเจ้าตัวน้อยทั้ง 3 เช่นกัน และพอเห็นว่าแววตาของหานเฉวี่ยไน่เรืองสว่างขึ้นมาคล้ายนึกถึงใครได้ออก สตรีเลอโฉมก็แย้มยิ้มและกล่าวดักคอขึ้นมาทันที “ขอเพียงมิใช่พี่ใหญ่หลิงเทียนของเจ้า ข้าสัญญาว่าจะพาทุกคนที่เจ้าอยากพาไปยังภูมิภาคเบื้องบนให้” “อ้าว ทำไมพี่ใหญ่ไปไม่ได้เล่าท่านอาจารย์?” แม้ไม่ทราบว่าไฉนอาจารย์ถึงเดาความคิดในหัวของนางได้ แต่หานเฉวี่ยไน่ก็เอียงคอกล่าวถามออกมาด้วยความฉงนใจ ฟังแล้วคงไม่ใช่อาจารย์นางมีอคติกับพี่ใหญ่หลิงเทียนหรอกนะ? หาไม่แล้วทำไมต้องจงใจเว้นพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางเล่า? “อืม…ข้ามิมีเวลามากพอจะอธิบายเจ้าเรื่องนี้…เพียงจำคำที่อาจารย์กล่าวบอกไว้ อีกครึ่งปีคำถามนี้ของเจ้า อาจารย์จะมาตอบให้…” ทันทีที่สตรีเลอโฉมกล่าวจบคำ ร่างอวตารของนางก็สลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย ทันใดนั้นห้องโถงกว้างใหญ่ ก็คงเหลือแต่หานเฉวี่ยไน่ กับร่างไร้วิญญาณของชิงหนู เมื่อเห็นร่างชิงหนู อารมณ์ตื่นเต้นก่อนหน้าก็หายไปกลายเป็นเศร้าใจอีกครั้ง นางก้มลงไปกอดร่างดังกล่าว ใจยังรู้ดีว่าไม่มีอะไรที่นางทำได้ “ชิงหนู เห็นแล้วหรือไม่ ท่านอาจารย์ล้างแค้นให้ท่านแล้ว…” หานเฉวี่ยไน่กล่าวรำพันออกมาด้วยน้ำเสียงสะทกสะท้อน ดวงตาคู่งามกลมใสเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาอีกครั้ง ภายในเวลาแค่ไม่กี่วันข่าวการตายของอาวุโสสูงสุดคฤหาสน์คลื่นขจี หานซิ่น ก็แพร่ไปทั่วทั้งคฤหาสน์ ทำให้คนที่อยู่ฝ่ายหานซิ่นเกิดอาการแตกตื่นเป็นกังวลไม่น้อย แม้หานซิ่นจะตกตายไป แต่ไม่มีใครเศร้ากับการจากไปของมัน นั่นเพราะมันทำผิด ที่คิดสังหารคุณหนูใหญ่ของคฤหาสน์คลื่นขจี หานเฉวี่ยไน่! “ไม่คิดเลยว่าหานซิ่นจะเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่เลิก ยังกล้าคิดร้ายหมายฆ่าคุณหนูใหญ่…โชคดีนักที่อาจารย์ของคุณหนูใหญ่ปรากฏตัวมาช่วยเหลือได้ทันเวลา” “ไฉนก่อนหน้านี้ข้ามิเคยเห็นด้านโหดเหี้ยมนี้ของผู้อาวุโสสูงสุดกันนะ…” “แต่ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ที่แท้อาจารย์ของคุณหนูใหญ่บรรลุพลังฝึกปรือขอบเขตใดกันแน่ ถึงกับฆ่าอริยะเซียนขั้นเชี่ยวชาญได้…หากนางเต็มใจอยู่ในคฤาหสน์คลื่นขจี และร่วมต่อสู้กับพวกเรา คฤหาสน์คลื่นขจีต้องเอาชนะขุมพลังชั้น 5 อื่นๆ กระทั่งยกระดับเป็นขุมพลังชั้น 4 ได้แน่!” …… ภายในคฤหาสน์คลื่นขจี มีแต่วาจาทำนองนี้กล่าวกันให้วุ่น ต่างจากการตายของหานซิ่นที่ไร้ผู้ใดแยแส ชิงหนูถูกจัดงานศพอย่างดี และเป็นพิธีศพที่มีเกียรติสูงสุดของคฤหาสน์คลื่นขจี ต้วนหลิงเทียนที่จากไปแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่ได้รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในคฤหาสน์คลื่นขจีเลย ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้กลับมาถึงเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน กระทั่งกลับมาถึงเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงเรียบร้อยแล้ว “ข้ากลับมาแล้ว!” มองไปยังภาพเมืองหลวงเบื้องล่างแววตาของต้วนหลิงเทียนคงมีแต่ความเฉยเมย สำหรับประเทศฝูเฟิงแล้วเขาเป็นแค่คนผ่านทาง และสำหรับเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิง ก็เปรียบดั่งจุดเริ่มต้นการเดินทางครั้งหนึ่งของเขาเท่านั้น ที่เขาหวนกลับมา เพราะมีสหายและคนสำคัญอยู่ที่นี่ ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ได้เปลี่ยนใบหน้าตัวเองใหม่โดยใช้ทักษะลับแปลงโฉม แต่นามที่เขาใช้เรียกหาตัวเองยังคงเป็นลี่เฟิง ทว่าใบหน้าใหม่นี้ไม่ใช่ใบหน้าเดียวกับที่เขาใช้ในการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง หากแต่เป็นหน้าตาที่แลดูธรรมดาๆ หลังจากเข้าสู่เมืองหลวงของประเทศฝูเฟิง ต้วนหลิงเทียนก็มุ่งหน้าไปยังตระกูลซือถูทันที เพราะเขาได้ตระเตรียมให้สหายและครูของเขาพักอยู่ที่นี่ก่อนจากไป หลังจากผ่านไป 1 ปี ตระกูลซือถูก็แลดูเหมือนวันวานไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ทว่าการเข้ามายังตระกูลซือถูของต้วนหลิงเทียนครั้งนี้ ไม่ได้เข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยทางประตูใหญ่ แต่เป็นการลอบเข้ามาอย่างลับๆ ปานโจรย่องเบา เพราะต้วนหลิงเทียนรู้ดี ว่าตอนนี้สมควรมีคนมากมายที่จับตาดูตระกูลซือถู อย่างไรก็ตามพลังฝึกปรือของผู้ที่จับตาดูตระกูลซือถู อย่างดีก็เป็นแค่เซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดเท่านั้น ทำให้ต้วนหลิงเทียนไม่กลัวที่จะถูกตรวจพบแต่อย่างไร จุดประสงค์ของคนเหล่านี้ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดี ว่าทั้งหมดไม่พ้นหมายปองตราผนึกมารที่อยู่ในการครอบครองของเขา ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็มาถึงสถานที่ๆ ป๋ายลี่หงและคนอื่นๆพักอาศัย ‘หืม? ทุกคนอยู่กันครบ ยกเว้นศิษย์พี่คนเดียว…’ ต้วนหลิงเทียนพบว่าเฟิ่งหวู่เต้า ซื่อหม่าฉางฟง และคนอื่นๆมานั่งล้อมวงสนทนากันในบ้านพักป๋ายลี่หง ทว่าสีหน้าทุกคนล้วนเคร่งเครียดจริงจัง คิ้วยังยู่ย่นเป็นปม ‘เกิดอะไรขึ้น?’ เห็นฉากนี้หน้าต้วนหลิงเทียนก็มืดลงทันใด ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็แผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบสถานการณ์ด้านนอก เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆ ที่ดูเคร่งเครียดคิ้วย่นไม่คลาย คล้ายจะพบเจอปัญหาหนักอึ้งบางประการ เนิ่นนานยังไม่มีใครกล่าวอะไรออกมา จนเมื่อต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวขึ้นมาอย่างเงียบงัน ทั้งหมดจึงคืนสติ กลับมาระวังตัวทันที “เจ้าเป็นผู้ใด?” เฟิ่งหวู่เต้ามองไปยังร่างตค้วนหลิงเทียนเขม็ง กล่าวถามออกมาเสียงเข้ม ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนแปลงรูปโฉมอยู่ ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่มีใครจดจำได้ “ลุงเฟิ่ง ข้าเอง” ภายใต้สายตามองเขม็งแฝงระวังจากเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆ ใบหน้าต้วนหลิงเทียนเริ่มขยับยักย้าย พริบตารูปหน้าก็แปรเปลี่ยนไป กลับคืนสู่โฉมหน้าหล่อเหลาของเขา “นี่มัน…” เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆถึงกับตกตะลึงไม่น้อยเมื่อเห็นกลวิธีพิสดารแบบนี้ อย่างไรก็ตามพอเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนพวกมันก็คืนสติกลับมาทันที ตอนที่ต้วนหลิงเทียนออกเดินทางไป ทั้งหมดไม่มีใครรู้ว่าต้วนหลิงเทียนจะกลับมาเมื่อไหร่ ทว่าทุกคนไมคิดเลยว่าพึ่งผ่านไปได้แค่ 1 ปี ต้วนหลิงเทียนจะย้อนกลับมาแล้ว! ต้วนหลิงเทียนมาเช่นนี้ พวกมันสมควรมีความสุข ทว่าตอนนี้ทุกคนกลับไม่อาจมีความสุขได้ เมื่อคิดถึงสถานการณ์ของป๋ายลี่หง “ลุงเฟิ่ง..ครู ศิษย์พี่ป๋ายลี่เล่า อยู่ที่ไหน?” เมื่อเห็นเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆชักสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกใจคอไม่ดีขึ้นมาทันที “ปรมาจารย์ป๋ายลี่อยู่ในวังหลวง…” ซื่อหม่าฉางฟงกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มขื่นขม “วังหลวง?” ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว “ไฉนศิษย์พี่ถึงไปอยู่ในวังหลวงได้? ไม่ใช่ศิษย์พี่เป็นปรมาจารย์จารึกเซียนของตระกูลซือถูหรือไง?” “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เสียงกล่าวถามคราวนี้เริ่มเปลี่ยนไป
คอมเม้นต์