War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1633
ตอนที่ 1,633 : เขตแดนปะทะเขตแดน แน่นอนว่าถึงแม้ฐานะของต้วนหลิงเทียนในใจผู้คนประเทศฝูเฟิงจะสูงกว่าหลินตง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้คนที่มาชมดูการประลองจะมองว่าวันนี้ต้วนหลิงเทียนจะมีเปรียบแต่อย่างไร ฐานะของต้วนหลิงเทียนในใจพวกมันเป็นความภาคภูมิใจในมาตุภูมิอย่างบริสุทธิ์ใจ เพราะพวกมันล้วนเป็นคนของประเทศฝูเฟิง เกรงว่าหากเป็นต้วนหลิงเทียนที่บุกไปท้าประลองหลินตงถึงถิ่น น่ากลัวว่าฉากเรื่องราวและทัศนคติของผู้ชมที่มีต่อเขาคงเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ! “อืม..เจ้าน่ะหรือคือต้วนหลิงเทียนที่ว่า ชื่อเสียงไม่เบานี่นา…ในเมื่อเจ้ามาแล้วก็ดี อย่าได้ทำให้ข้าผิดหวังเสียเล่า!” ถึงแม้หลินตงจะเป็นอันดับ 1 ในรายนามนภา แต่มันก็เป็นบุตรชายจากตระกูลหลินแห่งคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนเช่นกัน มันย่อมมีความทะนงและถือดีในตัวเป็นธรรมดา จึงไม่ได้แยแส ‘วีรบุรุษ’ ต่างถิ่นแม้แต่น้อย เช่นนั้นพอมันเห็นต้วนหลิงเทียน มันก็ไม่คิดจะสุภาพอะไร “ข้าไม่ทำให้เจ้าผิดหวังหรอก” ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบหลินตงเสียงร้อบพร้อมแย้มยิ้มออกมาบางๆ ตั้งแต่ต้นจนจบสีหน้ายังคงสงบไม่แปรเปลี่ยนคล้ายต่อให้ไท่ซานถล่มลงตรงหน้าก็ไม่นำพา “ต้วนหลิงเทียน” ตอนนี้เองกลุ่มอ๋องเฉียน ที่นำโดยอ๋องเฉียนก็หันไปจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ อ๋องเฉียนพึ่งเคยเห็นต้วนหลิงเทียนแต่ในรูปเท่านั้น เช่นนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่มันได้เห็นต้วนหลิงเทียนตัวเป็นๆ แม้จะไม่อยากแต่มันก็จำต้องยอมรับ ว่าชายหนุ่มเบื้องหน้านั้นทั้งหล่อเหลาเยาว์วัยและมีศักยภาพอันโดดเด่นจริงๆ ส่วนชายชราทั้ง 2 ด้านหลังอ๋องเฉียน กลับมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาที่ร้อนแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะพวกมันรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนคือผู้ครอบครองตราผนึกมาร ในจวนอ๋องเฉียน ยกเว้นอี้เฟิงกับตัวอ๋องเฉียนแล้ว ก็มีเพียงชายชราทั้ง 2 เท่านั้นที่ล่วงรู้ว่าตราผนึกมารอยู่ในมือของต้วนหลิงเทียน! “ต้วน! หลิง! เทียน!” เมื่อเห็นชายหนุ่มชุดม่วงที่ราวกับหลุดมาจากภาพจำในวันวาน ใบหน้าอี้เฟิงก็กลายเป็นอักลักษณ์ปั้นยากทันที เพราะครั้งสุดท้ายที่มันพบเจออีกฝ่าย อาวุโสสูงสุดของมันตาย แถมมันต้องหนีหัวซุกหัวซุนจนทุกสิ่งอย่างที่เพียรสร้างมาต้องพังทลายลง ยิ่งพอนึกถึงฉากที่อีกฝ่ายใช้ตราผนึกมารในวันนั้น ภาพจำเรื่องราวยังชัดนัก! ร่างมันถึงกับอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว!! หากไม่ใช่เพราะตราผนึกมารไปเล่นงานอาวุโสสูงสุดก่อน น่ากลัววันนี้มันคงไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว! ส่วนด้านข้างอี้เฟิงนั้น ตอนนี้ซือถูหมิงชักสีหน้าเยียบเย็นปานจะฉาบเคลือบไว้ด้วยชั้นน้ำแข็ง! ในความคิดของมัน ที่มันต้องระเห็จออกจากตระกูลจนอยู่ในจุดนี้ ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเป็นเพราะต้วนหลิงเทียน! แต่ไหนแต่ไรต้วนหลิงเทียนก็คอยขัดขวางแผนการมันครั้งแล้วครั้งเล่า ยิ่งไปกว่านั้นยังทำลายพันธมิตรที่ดีที่สุดของมันอย่างนิกายหยินหมิง กระทั่งบีบบังคับให้อี้เฟิงต้องหนีมาพึ่งจวนอ๋องเฉียน สุดท้ายก็ทำให้มันไร้หนทางเลือกอื่น จำต้องทรยศตระกูลมาเข้าร่วมกับจวนอ๋องเฉียนเช่นกัน แบกรับคำประนามหยามหยันทั้งมวล! ‘ต้วนหลิงเทียนข้าจะเฝ้าดูเจ้าตายด้วยสองตาข้า…น่าเสียดายนักที่ข้าไม่ได้ฆ่าเจ้าด้วยตัวเอง!’ สองตาของซือถูหมิงทอประกายดุร้ายอาฆาต ครุ่นคิดในใจอย่างคับแค้น ส่วนถัดจากซือถูหมิงและอี้เฟิง ก็เป็นร่างชายชราอันเป็นผู้นำกลุ่มโจรในเขตพื้นที่ชายแดนตอนใต้ของประเทศฝูเฟิง ตอนนี้มันก็จ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเย็นเยียบแฝงจิตสังหารเช่นกัน ‘มันน่ะเหรอที่ฆ่าน้องสาม? อดีตแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ต้วนหลิงเทียน?’ เยี่ยมู่ไป๋ อี้เฟิง และซือถูหมิง ทั้ง 3 จองมองมายังต้วนหลิงเทียนด้วยจิตสังหาร หากเป็นพวกมันคนใดคนหนึ่งต้วนหลิงเทียนคงไม่สนใจ ทว่าสายตาเกลียดชังเต็มไปด้วยจิตอาฆาตกลับมีถึง 3 ที่มาจากจุดเดียวกัน แม้ต้วนหลิงเทียนไม่อยากสนใจก็คงทำไม่ได้ และในบรรดาทั้ง 3 คน ซือถูหมิงกับอี้เฟิงล้วนเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาเขาดี มีเพียงเยี่ยมู่ไป๋เท่านั้นที่เขาเคยเห็นมันครั้งแรก ‘หืม? เจ้านั่นใครกัน? ดูเหมือนข้าจะไม่เคยเจอมันมาก่อน…แต่มันกลับมองมาปานจะฆ่าข้าให้ได้?’ เมื่อเห็นเยี่ยมู่ไป๋ ต้วนหลิงเทียนก็สงสัยเล็กน้อย อย่างไรก็ตามไม่นานก็คล้ายมีดวงไฟส่องสว่างในใจ คล้ายจะนึกอะไรออก ‘จริงสิ! เจ้านั่นคงเป็นหัวหน้ากลุ่มโจร พี่ใหญ่ของผู้นำกลุ่มโจรที่มาเรียกเก็บค่าคุ้มครองที่ข้าฆ่าไปวันนั้น…อดีตสารถีอ๋องเฉียน เยี่ยมู่ไป๋ สินะ’ พอนึกถึงข่าวที่ซือถูโฮ่วกลับมาบอกเล่าที่ตระกูลซือถูวันนั้น ต้วนหลิงเทียนก็จำได้ทันที ดังนั้นเรื่องที่อีกฝ่ายจะมองเขาด้วยสายตาชิงชังอาฆาต ก็ไม่ได้แปลกอะไร “อี้เฟิง!” ในบรรดาทั้ง 3 นั้น เยี่ยมู่ไป๋ ซือถูหมิง ไม่ได้ทำให้ต้วนหลิงเทียนแยแสสักเท่าไหร่ แต่กับอี้เฟิงนั้นทำให้เขาบังเกิดความคิดอยากฆ่ามันให้ตายทรมาน! เป็นเพราะอี้เฟิงล่วงรู้ว่าเขาครอบครองตราผนึกมาร! ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรับรู้ได้ทันทีจากสายตาของชายชราทั้ง 2 ด้านหลังอ๋องเฉียน มิแคล้วพวกมันต้องรู้เรื่องที่เขามีตราผนึกมารแล้วแน่ๆ! ด้วยวิธีนี้ทำให้เขามั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าเป็นอ๋องเฉียนที่จ้างวานให้หลินตงมาฆ่าเขา เพื่อหมายช่วงชิงตราผนึกมาร! แน่นอนว่าจากสถานการณ์ตอนนี้เขารู้ว่า หลินตง ไม่ได้รู้เรื่องที่เขามีตราผนึกมารแม้แต่น้อย ‘ดูเหมือนว่าอ๋องเฉียนจะไม่ได้บอกเรื่องนี้กับหลินตง…จะว่าไปก็สมควรแล้ว หากหลินตงรู้เรื่องตราผนึกมาร ตระกูลหลินของมันเองก็คงยากจะอยู่เฉย อ๋องเฉียนคงไมโง่ถึงขั้นพาหมาป่าเข้าบ้าน’ ในขณะที่คนของจวนอ๋องเฉียนจับจ้องต้วนหลิงเทียน คนของจวนอ๋องหรงก็มองพินิจต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน “กระทั่งถึงตอนนี้ยังคงสงบใจอยู่ได้…นี่ต้วนหลิงเทียนเสแสร้งหรือมีความมั่นใจจริงๆ?” อ๋องหรงเองก็มีคำถามไม่ต่างจากผู้คนส่วนใหญ่ มันมองชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าไม่ออกจริงๆ ภายใต้สายตาของทุกคน ต้วนหลิงเทียนมองจ้องตากับหลินตงพักหนึ่ง ก็ค่อยเคลื่อนร่างไปยังเหนือฟ้าข้างเขาเป่ยหมัง อันเป็นที่โล่ง ทั้งสองหยุดลอยร่างกลางหาวเผชิญหน้ากัน ชุดสีม่วง ชุดสีขาว โบกสะบัดคล้ายจะเต้นรำหยอกเย้าสายลม วูบ! วูบ! วูบ! วูบ! …… เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนกับหลินตงเลือกสถานที่ประลองกันได้แล้ว ผู้คนที่อยู่ไม่ห่างเท่าไหร่ก็เร่งถอยห่างออกทันที พาลให้บังเกิดเป็นพื้นที่ว่างทรงกลมกินรัศมีพันหมี่! แน่นอนว่าผู้ฝึกยุทธ์และผู้ฝึกเต๋าที่มีพลังฝึกปรืออ่อนด้อยเข้าหน่อย ก็พยายามถอยห่างออกไปให้ไกลกว่านั้น พวกมันไม่กล้าจะเข้าไปใกล้มากเท่าไหร่เพราะกลัวเป็นปลาในบ่อ…(มันมีสำนวนที่ว่า ‘ประตูเมืองเกิดเพลิงไหม้ เดือดร้อนถึงปลาในบ่อ’ ก็คือ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร แต่ดันซวยไปด้วย) “ต้วนหลิงเทียน การที่เจ้าได้ตายตกในมือข้าหลินตง…นับเป็นเกียรติอันสูงสุดในชีวิตของเจ้าแล้ว” หลินตงมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงถือดี ในวาจาคล้ายจะบอกว่าอย่างไรวันนี้ต้วนหลิงเทียนก็ต้องตายด้วยน้ำมือมัน! แน่นอนว่ามันย่อมคิดว่าการประลองในวันนี้คงไร้เรื่องราวผิดแปลกอะไร ก็แค่อีกคนที่ต้องฆ่า! “ผยองนัก!” ได้ยินวาจานี้ของหลินตง ผู้ชมทั้งหมดล้วนคิดดุจเดียวกัน แต่แน่นอนทุกคนรู้ดีว่าหลินตงมีทุนรอนที่จะกล่าว! ทุนรอนที่ว่าก็คืออันดับ 1 ในรายนามนภา!! ถึงแม้ในสายตาทุกคน ต้วนหลิงเทียนมีดีพอจะติด 10 อันดับแรกในรายนามนภา แต่อย่างไรก็เป็นเพียง 10 อันดับแรกเท่านั้น เทียบกับหลินตงแล้ว ภาษีต้วนหลิงเทียนยังมีไม่สู้! “อัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่ร้ายกาจที่สุดในประเทศฝูเฟิงของเรา ต้องตกตายวันนี้แล้วหรือ…น่าเสียดาย น่าเสียดายนัก!” “ต้วนหลิงเทียนยังเยาว์กว่าหลินตงหลายปี หากให้เวลาต้วนหลิงเทียนอีกสัก 2-3 ปี หลินตงยังจะนับเป็นอะไรได้…หากแต่ตอนนี้มิมีหวังอันใดที่เขาจักคว้าชัยได้เลย..” “เป็นฟ้าริษยาอัจฉริยะ…” …… หลายคนในเขาเป่ยหมังเริ่มมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเวทนา ทั้งเสียดาย พวกมันไม่ได้มองต้วนหลิงเทียนในแง่ดีเลย แน่นอนว่ามีบางคนที่มั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียน คนไม่กี่คนเหล่านั้นย่อมเป็นกลุ่มป๋ายลี่หง “ฟังจากที่เจ้าว่า…แล้วนี่เจ้าจะไม่ตายโหงไม่ได้ผุดได้เกิดเลยหรือ ถ้าตกตายในมือข้า?” หลังจากหรี่มองหลินตงด้วยสายตาลงลึก ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ “หากเจ้าอยากให้ข้าตาย ต้องดูพลังฝีมือเจ้าว่ามีมากพอหรือไม่!” หลินตงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาหลังได้ฟังวาจาของต้วนหลิงเทียน ถึงขั้นนี้แล้วมันก็ยังเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นเพียงมดตัวกระจ้อย ที่มันจะบี้จะยีอย่างไรก็ได้ตามใจ “อ้อ…แต่ข้าคิดว่าประโยคนี้เหมาะให้ข้าพูดมากกว่านะ” ต้วนหลิงเทียนยังคงยกยิ้มบางๆ ด้วยความมั่นใจ “ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าไปพกพาความมั่นใจผิดๆนั่นมาแต่ที่ใด!” เหนือคาดคิดมันนัก! ที่ต้วนหลิงเทียนจะยังคงยิ้มได้ในสถานการณ์เช่นนี้ พาลให้ใบหน้าหลินตงจมลงโดยพลัน ทันใดนั้น ความว่างกินอาณาบริเวณโดยมีรัศมี 100 หมี่ยึดร่างหลินตงเป็นจุดศูนย์กลางก็เริ่มสั่นไหว เขตแดนเริ่มควบรวมก่อเกิดขึ้นมาด้วยความเร็ว! “คิดเล่นเขตแดนต่อหน้าข้างั้นเหรอ?” เมื่อสัมผัสได้ถึงการก่อเกิดเขตแดน มุมปากต้วนหลิงเทียนยกยิ้มขึ้นมาทันที นับตั้งแต่เขาฝึกฝนใช้ออกด้วยเขตแดนหมื่นกระบี่ได้สำเร็จ ต้วนหลิงเทียนไม่นำพาเขตแดนของผู้ฝึกตนคนอื่นๆที่ยังอยู่ภายใต้ขอบเขตเซียนแม้แต่น้อย กระทั่งยังมีผู้คนในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนหลายคนตกตายภายใต้เขตแดนหมื่นกระบี่ของเขาอย่างไร้หนทางต่อต้าน! ดังนั้นทันทีที่หลินตงเริ่มรวมปราณแท้ก่อเกิดเขตแดน เขาก็เริ่มเปิดใช้เขตแดนเช่นกัน เขตแดนหมื่นกระบี่! ในขณะที่เขตแดนของหลินตงกำลังจะควบรวมก่อตัวแล้วเสร็จ กลิ่นอายคมกล้าเสียดแทงอันร้ายกาจพลันพวยพุ่งทะลักออกมาครอบคลุมในอาณาบริเวณ 100 หมี่โดยยึดต้วนหลิงเทียนเป็นจุดศูนย์กลาง! ยังคล้ายจะฉีกกระชากได้กระทั่งความว่าง!! สำหรับผู้ชมโดยรอบ ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนเริ่มรวมปราณแท้ก่อเขตแดน ทั้งหมดรู้สึกเสมือนมีกระบี่แหลมคมพุ่งมาเสียบแทงกดดันเข้าใส่! “นั่นคือเขตแดนอันร้ายกาจของปรมาจารย์ต้วนที่ร่ำลือ!!” “เขตแดนของปรมาจารย์สามารถทำลายเขตแดนของแม่นางเฟิ่งได้แทบจะทันทีที่ปรากฏ…ข้ามิรู้ว่าเขตแดนของปรมาจารย์ต้วนจะสะกดทำลายเขตแดนของหลินตงได้ด้วยหรือไม่ หากกระทำได้เช่นนั้นก็มีโอกาสเอาชนะแล้ว!!” “ข้ามิคิดเช่นนั้น…ถึงแม้เขตแดนปรมาจารย์ต้วนจะสามารถสะกดกระทั่งทำลายเขตแดนของหลินตงได้ แต่ก็มิได้หมายความว่าจะเอาชนะหลินตงที่เป็นถึงอันดับ 1 ในรายนามนภาได้ง่ายๆ! เพราะมิใช่เพียงแต่เขตแดนของหลินตงเท่านั้นที่ทรงพลัง! แม้เขตแดนจะถูกทำลายแต่วรยุทธ์เซียนทั้งทักษะต่างๆ ก็สามารถกดดันปรมาจารย์ต้วนได้!!” “ในอดีตข้าเคยได้ยินแต่คำร่ำลือถึงเขตแดนปรมาจารย์ต้วน วันนี้ข้ากำลังจะได้เห็นมันกับตาแล้ว!!” …… เขตแดนหมื่นกระบี่ที่ทรงพลังของต้วนหลิงเทียนนั้น ทุกคนได้ยินเสียงร่ำลือกันมานานแล้ว นั่นเป็นเหตุให้ทุกคนตื่นเต้นกันใหญ่เมื่อเขากำลังจะเปิดใช้เขตแดน! ‘หืม? กลับทรงพลังถึงขั้นนี้เชียว…’ ทว่าเมื่อต้วนหลิงเทียนควบปราณก่อเขตแดนหมื่นกระบี่แล้วเสร็จ เขาก็จำต้องแปลกใจ เพราะเขาสัมผัสได้ถึงพลังต้านทานขุมหนึ่ง เป็นพลังต้านทานที่กำลังประชันขันแข่งกับเขตแดนของเขาอย่างไม่ยิ่งหย่อน! ยากที่จะทำลายเขตแดนของอีกฝ่ายลงได้!! ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าเขตแดนของเขาจะสะกดเขตแดนของหลินตงไม่ได้ด้วยซ้ำ! ‘เขตแดนของมันมีอะไรแปลกๆ…ดูเหมือนว่าพลังอำนาจดั้งเดิมของมันจะไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่แท้ๆ แต่กลับแตกต่างจากปกติ…หืม? กลิ่นอายพลังนี่มัน ดูท่าหลินตงคงเจียนบรรลุขอบเขตเซียนเต็มทีแล้วสินะ กระทั่งเขตแดนของมันยังมีกลิ่นอายพลังของขอบเขตเซียนแล้วแบบนี้…ถึงว่า’ หากกล่าวบอกว่าเขตแดนของหลินตงแข็งแกร่งทัดเทียมกับเขตแดนหมื่นกระบี่ของเขา ต้วนหลิงเทียนไม่เชื่อเด็ดขาด แต่ในขณะที่จับสัมผัสจากพลังของเขตแดนตอนที่ปะทะกัน ความคิดประการหนึ่งก็ผุดวาบขึ้นมาในหัว และดูเหมือนจะมีความเป็นไปได้เพียงประการนี้ประการเดียว…
คอมเม้นต์