War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1621
ตอนที่ 1,621 : ผู้มาเยือนจากจวนอ๋องเฉียน! ในเมื่อเฟิ่งเทียนหวู่กำลังปิดด่านบ่มเพาะอยู่ ต้วนหลิงเทียนจึงคลาดกับนางและไม่ได้พบกันในครั้งนี้ “เจ้าหนูหลิงเทียน เจ้าจะไม่อยู่รอพบเทียนหวู่กับข้าหรือ?” เฟิ่งหวู่เต้าที่ได้รับคำเชิญจากสื่ออวิ๋นให้พักอยู่ที่นิกายอัคคีล่องลอย พอได้ยินต้วนหลิงเทียนบอกว่าจะกลับตระกูลซือถูไปก่อน ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามรั้งออกมา “ลุงเฟิ่ง ท่านไม่ได้พบเทียนหวู่มาหลายปีแล้ว เช่นนั้นท่านก็เฝ้ารอพบนางอยู่ที่นี่เถอะ…ส่วนข้ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องกลับไปจัดการ เกรงว่าจะเฝ้ารอพบนางพร้อมท่านไม่ได้” ต้วนหลิงเทียนกล่าวปฏิเสธออกมาด้วยท่าทางขออภัย เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนตัดสินใจไปแล้ว เฟิ่งหวู่เต้าก็ไม่คิดพูดอะไรให้มากความอีก “เช่นนั้นขากลับเจ้าก็ระวังตัวให้มาก” “ขอบคุณลุงเฟิ่ง เรื่องนี้ท่านไม่ต้องเป็นห่วง” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ก่อนที่จะหันไปอำลาสื่ออวิ๋นและจากไปทันที หลังจากที่ออกนอกเขตนิกายอัคคีล่องลอยและไร้ซึ่งอาคมห้ามบินแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เปิดใช้เขตแดนอย่างไม่รอช้า ปรากฏกระบี่พลังมีสภาพนับหมื่นเล่มผุดโผล่ออกมาจากความว่างเปล่า! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! วู้ม!! ทันใดนั้นกระบี่พลังมีสภาพนับหมื่นเล่มพลันหลอมรวมสู่หนึ่ง กลับกลายเป็นกระบี่เหินเล่มเขื่องใต้ฝ่าเท้าต้วนหลิงเทียน นำพาต้วนหลิงเทียนพุ่งทะยานตัดฟ้า มุ่งหน้าไปทิศทางเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงด้วยความเร็วสูง! ซัวว!! ร่างของต้วนหลิงเทียนวูบหายลับขอบฟ้าไปราวกับภูตผี! จังหวะนี้เหล่าเงาผู้พิทักษ์ทั้งหลายในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนที่ลอบติดตามมาคุ้มกันต้วนหลิงเทียนตามคำสั่งของซือถูฮ่าว ก็เรียกว่าถูกต้วนหลิงเทียนสลัดหลุดในพริบตา… “เอ่อ…” พวกมันถึงกับต้องออกจากที่ซ่อน มายืนมองหน้ากันตาสลอน! “ให้ตายเถอะ…เขาเป็นครึ่งก้าวเซียนเหมือนพวกเราจริงๆหรือ?” “ถึงแม้ความเร็วเมื่อครู่ของเขาจักมิอาจเทียบยอดฝีมือขอบเขตเซียนได้ แต่ก็เหนือกว่าครึ่งก้าวเซียนอย่างพวกเรามาก…น่ากลัวว่าจะทัดเทียมกับพวกที่พึ่งบรรลุเซียนด้วยซ้ำ…” “แขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถูเรานับว่ามิใช่คนธรรมดาจริงๆ…ไม่ต้องกล่าวถึงใดอื่น ลำพังแค่ความเร็วเมื่อครู่ ข้ากลัวว่าต่อให้เป็นอันดับ 1 ในรายนามนภาก็พ่ายแพ้เขาย่อยยับแล้ว!” “สรรพวิชาทั้งวรยุทธ์เซียนใดๆในใต้หล้า ความเร็วถือเป็นที่สุด…กระทั่งยอดฝีมืออันดับ 1 ในรายนามนภา น่ากลัวว่าชายเสื้อของท่านปรมาจารย์ต้วนก็มิอาจแตะถูก!” …… หลังจากที่ทั้งหลายยืนสนทนากันพักหนึ่งอย่างอึนๆ ทั้งหมดก็เลือกที่เร่งรุดเดินทางกลับตระกูลซือถูไปรายงานซือถูฮ่าวทันที อย่างไรก็ตามระหว่างเดินทางกับ พวกมันไม่อาจเห็นแม้แต่ฝุ่นที่ต้วนหลิงเทียนทิ้งไว้ การที่ต้วนหลิงเทียนเร่งรีบออกจากนิกายอัคคีล่องลอยหมายกลับไปถึงตระกูลซือถูในเมืองหลวงให้เร็วที่สุดนั้น ตัวเขาย่อมมีเหตุผล เพราะเขารู้ดีว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในนิกายหยินหมิงมันต้องแพร่มาถึงเมืองหลวงในเวลาอันสั้นแน่นอน! พอถึงตอนนั้นหากซือถูหมิงรู้ว่า อาวุโสสูงสุดนิกายหยินหมิงตายตก ประมุขหนีหาย และนิกายก็ล่มสลายเหลือแต่ชื่อล่ะก็… น่ากลัวว่าต่อให้มันเป็นพระก็จำต้องกระโดดกำแพงวัดแล้ว! สิ่งที่เขาพอจะทำได้คือเร่งรุดกลับไปสนับสนุนซือถูฮ่าวกับลูกชาย ถึงแม้ว่าเขาอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ขอบตัวตนขอบเขตเซียนหากไม่ใช้ทุกสิ่ง แต่สำหรับพวกที่อยู่ภายใต้ขอบเขตเซียน ให้พวกมันมัดรวมกันมาเป็นสิบเป็นร้อยเขาก็ไม่หวั่น! นี่คือความมั่นใจในตัวเอง! และดั่งที่ต้วนหลิงเทียนคาดไว้ไม่มีผิด ไม่กี่วันหลังจากที่เขากลับมาถึงตระกูลซือถู ข่าวจากนิกายหยินหมิงก็แพร่มาถึงเมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว ตระกูลซือถูก็ย่อมได้รับทราบเรื่องราวเช่นกัน “1 ใน 2 ขอบเขตเซียนของนิกายหยินหมิงอย่างอาวุโสสูงสุดตกตายด้วยน้ำมือของยอดฝีมือลึกลับ…ส่วนตัวประมุขหนีหายไปที่ใดก็มิมีผู้ใดทราบ” “นิกายหยินหมิงถูกทิ้งร้าง ไม่ว่าจะทรัพย์สมบัติอันใดล้วนไม่มีใครกล้าแตะ…” “เกรงว่าคราวนี้ 9 ใน 10 ส่วนนิกายหยินหมิงคงได้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศฝูเฟิงอย่างสมบูรณ์” …… วาจาคล้ายคลึงกันนี้กำลังแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงดั่งไฟลามทุ่ง หากแต่แม้จะมีข่าวดังกล่าว ทว่าสถานการณ์ในตระกูลซือถูยังคงสงบเงียบนัก อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนรู้ดี…ว่านี่มันคือความสงบก่อนที่พายุจะเข้า! “ท่านปรมาจารย์ต้วน ทั้งหมดล้วนต้องขอบคุณท่านจริงๆ” ซือถูฮ่าวมาเยี่ยมต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง เพื่อกล่าวขอบคุณจากใจ แม้ว่าทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกลับมาก่อนหน้ามันก็ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนิกายหยินหมิงคร่าวๆแล้ว รวมถึงมันก็เชื่อในวาจาที่ต้วนหลิงเทียนกล่าว แต่ข่าวนี้จะอย่างไรก็สร้างผลกระทบให้ฝ่ายซือถูหมิงมหาศาลนัก อดไม่ได้ที่มันจะมาขอบคุณต้วนหลิงเทียนด้วยตัวเองอีกรอบ “ผู้นำซือถู ท่านจะเกรงใจข้าไปทำอะไร พวกเราก็เสมือนลงเรือลำเดียวกันแล้ว” ต้วนหลิงเทียนกล่าวรับคำด้วยรอยยิ้ม ในฐานะผู้นำตระกูลซือถูซือถูฮ่าวหรือแม้แต่กระทั่งซือถูหังเองก็รู้ดีว่าวาจานี้ต้วนหลิงเทียนหมายความว่าอะไร อันที่จริงตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนขจัดอาคมมารแมงมุมหยินให้ซือถูหัง ก็เสมือนต้วนหลิงเทียนได้เลือกที่จะอยู่ฝ่ายของมันไปแล้ว และเลือกที่จะขัดแย้งกับฝ่ายซือถูหมิงอย่างเห็นได้ชัด ไม่เหมือนกับอารมณ์เปี่ยมไปด้วยความสุขความยินดีของฝ่ายซือถูฮ่าว ตอนนี้ฝ่ายซือถูหมิงถึงกับเคร่งเครียดจนหัวพ่นควัน! ในเขตที่อยู่อาศัยของฝ่ายซือถูหมิง วันนี้เสียงจานชามถ้วยไหแตกพลันดังออกเป็นระยะๆในโถงประชุม! ไม่ทราบพวกมันเล่นทำนองอันใด แต่ฟังแล้วเกรี้ยวกราดพิกล “บัดซบ! มีผู้ใดบอกข้าได้บ้างว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น!? ซือถูฮ่าวกับซือถูโฮ่วมันมิได้ก้าวออกจากตระกูลซือถูแม้แต่ครึ่งก้าวด้วยซ้ำ..ไฉนนิกายหยินหมิงถึงได้เกิดเรื่องพรรค์นี้ขึ้นมาได้!?” “ท่านพ่อ ท่านว่าเรื่องนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวบัดซบต้วนหลิงเทียนนั่นอีกหรือไม่?” ซือถูจั๋วที่อยู่ข้างๆซือถูหมิง พลันกล่าวสันนิษฐานออกมาด้วยประกายตาเรืองวูบ ครั้งที่แล้วก็เป็นต้วนหลิงเทียนทำลายแผนอันประเสริฐของมัน ช่วยชีวิตซือถูหังเอาไว้! หาไม่แล้วตอนนี้ตำแหน่งว่าที่ผู้นำของตระกูลซือถูคงเปลี่ยนมือ และมันคงได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งผู้นำไปแล้ว! “ต้วนหลิงเทียน?” ได้ยินคำของซือถูจั๋ว ซือถูหมิงพลันขมวดคิ้ว “เรื่องที่มันอาจเป็นคนฆ่าโจวชูนับว่าทำให้ข้าตกใจอยู่บ้าง…แต่เรื่องขอบเขตเซียนทั้ง 2 ที่ตกตายไปคนกับหลบหนีไปอีกคน ใช่เรื่องที่มันจะมีปัญญาทำได้งั้นหรือ?” “ท่านพ่อ บางทีมันอาจจะไม่ใช่ผู้ที่ลงมือก็เป็นได้” ซือถูจั๋วยังยืนกรานข้อสันนิษฐาน “มันกับแม่นางเฟิ่งของนิกายอัคคีล่องลอยนั่นมีสัมพันธ์ไม่ธรรมดา…บางทีอาจเป็นแม่นางเฟิ่งไปร้องขอต่อประมุขอย่างสื่ออวิ๋นให้ช่วยเหลือ นางจึงลงมือฆ่าอาวุโสสูงสุดนิกายหยินหมิงเสีย…อันที่จริงประมุขสื่ออวิ๋นอาจไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง เพียงส่งกำลังไปจัดการก็ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้” “ไม่! เรื่องนี้มิอาจเป็นไปได้เลย!” ซือถูหมิงส่ายหน้าปฏิเสธ ค่อยกล่าวอธิบายออกมาให้ซือถูจั๋วกระจ่าง “หนึ่งในรองประมุขนิกายอัคคีล่องลอย เป็นสหายอันดีกับพ่อ…ทั้งยังเป็นผู้ที่มีสิทธิ์มีเสียงในนิกายไม่น้อย หากประมุขอย่างสื่ออวิ๋นลงมือกระทั่งส่งคนไปจัดการเรื่องนี้ ไหนเลยสหายพ่อจักมิอาจรับรู้ได้” “ตราบใดที่สหายพ่อล่วงรู้ย่อมต้องแจ้งให้พ่อทราบก่อนใคร เช่นนั้นแล้วเรื่องที่เจ้าว่าจึงเป็นไปมิได้เลย” ซือถูหมิงกล่าวออกอย่างมั่นใจ เพราะมันสนิทสนมกับรองประมุขนิกายอัคคีคนนั้นไม่น้อย “หากมิใช่ฝีมือคนของนิกายอัคคีล่องลอย เช่นนั้นก็หลงเหลือความเป็นไปได้เพียงสองทาง…อย่างแรกต้วนหลิงเทียนผู้นั้นอาจบรรลุขอบเขตเซียนแล้ว! อย่างที่สองนิกายหยินหมิงเผลอไปล่วงเกินยอดฝีมืออันใดเข้า!” ผู้อาวุโส ซือถูจงที่ยืนอยู่ข้างๆซือถูหมิงกล่าวออกมาอย่างประจวบเหมาะ “อืม…บางทีพวกเราอาจคิดผิดกันไปตั้งแต่แรก…เรื่องที่เกิดขึ้นที่ฐานปฏิบัติการของนิกายหยินหมิง พวกเราก็มิรู้คนลงมือแน่ชัด เพียงคาดเดาว่าน่าจะเป็นฝีมือต้วนหลิงเทียน เพราะยามนั้นมันออกจากตระกูลวือถูไปพอดี แต่สุดท้ายพวกเราก็มิมีหลักฐานยืนยันสักอย่าง” ซือถูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่กี่คำ ก็สงบสติอารมณ์ลง ทั้งคล้ายจะกระจ่างเรื่องราวขึ้นอีกส่วน “บางทีเรื่องที่เกิดขึ้นก็แค่บังเอิญตรงกับเวลาที่ต้วนหลิงเทียนออกไปพอดี…” “สำหรับเรื่องที่คาดว่าต้วนหลิงเทียนทะลวงผ่านไปถึงขอบเขตเซียนแล้ว..นั่นเป็นไปมิได้แน่! เพราะในตอนที่มันกับผู้ที่กล่าวอ้างว่าเป็นบิดาของแม่นางเฟิ่งออกเดินทางจากตระกูลซือถู ข้าลองใช้สำนึกเทวะสำรวจพลังทั่วกายมัน แต่ว่าข้าก็มิอาจจับกลิ่นอายพลังในขอบเขตเซียนจากตัวมันได้เลย…เช่นนั้นข้ามั่นใจว่ามันมิใช่ขอบเขตเซียนแน่ๆ!” ซือถูหมิงกล่าวยืนยันออกมาด้วยความมั่นใจ “เช่นนั้นท่านพ่อหมายความว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในฐานปฏิบัติการของนิกายหยินหมิงที่เมืองหลวง และนิกายหยินหมิงฐานหลัก อาจไม่มีใดเกี่ยวข้องกับต้วนหลิงเทียนงั้นหรือ?” ซือถูตั๋วขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่ามันไม่พอใจ มันหวังให้เรื่องราวทั้งหมดนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับต้วนหลิงเทียน บิดามันจะได้ทำทุกทางเพื่อกำจัดต้วนหลิงเทียนให้พ้นหูพ้นตามันไปเสีย “สมควรเป็นเช่นนั้น” ซือถูหมิงพยักหน้า ก่อนที่สายตาจะเพ่งมองความว่างอย่างดุร้าย “นิกายหยินหมิงนั่นล้วนเป็นสัดใส่ข้าวที่ใช้การมิได้ยิ่งนัก! โดยเฉพาะอี้เฟิงนั่น! ข้าบอกมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าให้ควบคุมคนของมันเสียให้ดีๆ อย่าได้เที่ยววางท่าเขื่องโขต่อผู้อื่นให้มาก แต่มันเคยฟังข้าที่ไหน! ดูตอนนี้เข้าเถอะ อยู่ๆหายหัวไปเช่นนี้จะเป็นตายก็มิมีผู้ใดล่วงรู้!!” “ท่านรองผู้นำ!” ในขณะที่ซือถูหมิงกำลังด่ากราดออกมาด้วยความโมโห เพราะคิดว่าที่นิกายหยินหมิงพบจุดจบอนาถแบบนี้เป็นเพราะหาเรื่องใส่ตัว ไปเตะเอาเข้าตอเหล็กอย่างล่วงเกินยอดฝีมือที่ทรงพลังเข้า ก็พลันมีเสียงเรียกดังขึ้นจากนอกห้องโถงประชุม! “เข้ามา!” ซือถูหมิงโค้งคิ้วขึ้นค่อยกล่าวออกด้วยเสียงเฉยเมย หลังจากนั้นไม่นานซือถูหมิงก็เห็นอาวุโสของตระกูลที่อยู่ฝ่ายเดียวกับมัน พาร่างชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินเข้ามา “ท่านรองผู้นำ” เมื่ออาวุโสดังกล่าวเห็นซือถูหมิง มันก็เร่งประสานมือโค้งคารวะทันที “ยินดีที่ได้พบ รองผู้นำตระกูลซือถู” หลังจากนั้นชายวัยกลางคนแปลกหน้าที่พึ่งเข้ามาในโถงประชุม ก็มองซือถูหมิงทั้งทักทายทันที หากแต่ในแววตาของชายวัยกลางคนยังเผยความหยิ่งยโสถือดี คล้ายไม่แยแสซือถูหมิง พอเห็นทีท่าดังกล่าว ซือถูหมิงก็ขมวดคิ้วทันที “เจ้าเป็นใคร? กล้าหยาบคายกับบิดาข้างั้นเหรอ!?” ประกายตาซือถูจั๋วเปล่งแสงเย็นออกมาวูบหนึ่ง กล่าวตะโกนถามไปเสียงเข้ม ขวับ! หากแต่พอชายวัยกลางคนดังกล่าวยกือขึ้น และปรากฏป้ายทองป้ายหนึ่งสีหน้าซือถูจั๋วก็เปลี่ยนไปทันใด นั่นเพราะมันสังเกตเห็นอักษร 3 ตัวบนป้ายทองนั่นชัดถนัดตาดี จวนอ๋องเฉียน! ชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นคนของจวนอ๋องเฉียน? พอคิดถึงจุดนี้สีหน้าของซือถูจั๋วก็ซีดลงแทบไร้สีเลือด สวรรค์! มันพึ่งตะคอกใส่คนจากจวนอ๋องเฉียนงั้นเหรอ? ผู้ที่สามารถมีป้ายของจวนอ๋องเฉียนได้ ย่อมมีความหมายประการเดียวเท่านั้น นั่นคืออีกฝ่ายเป็นคนของอ๋องเฉียน! ทันทีที่เห็นชายวัยกลางคนแปลกหน้า หยิบป้ายทองของจวนอ๋องเฉียนออกมาแสดง สีหน้าซือถูหมิงและคนอื่นๆที่อยู่ฝ่ายซือถูหมิงก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสีเช่นกัน “ที่แท้เป็นใต้เท้าจากจวนอ๋องเฉียน ข้าเสียมารยาทแล้ว” ซือถูหมิงประสานมือทั้งพยักหน้าให้ชายวัยกลางคนเป็นเชิงขอขมา “แต่มิทราบว่าใต้เท้าจากจวนอ๋องมาที่นี่เพราะเหตุอันใดหรือ?” ถึงแม้ชายวัยกลางคนเบื้องหน้าของมันจะไม่ใช่ตัวตนในขอบเขตเซียน หากแต่ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนของอ๋องเฉียน ก็ไม่ใช่อะไรที่มันซือถูหมิงจะล่วงเกินได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่อีกฝ่ายพกป้ายทองของจวนอ๋องเฉียนมาด้วย! “รองผู้นำตระกูลซือถู…ข้าได้รับคำสั่งท่านอ๋องเฉียนให้มาเชิญเจ้าไปยังจวนอ๋องเฉียน” ชายวัยกลางคนกล่าวออกมาตรงๆ และทันทีที่มันกล่าวคำนี้จบ ไม่เพียงแต่สีหน้าของซือถูหมิงจะเปลี่ยนไป กระทั่งซือถูจั๋วและอาวุโสของฝ่ายซือถูหมิงก็หน้าเปลี่ยนสีกันหมดทันที ในฐานะคนของตระกูลซือถู พวกมันทั้งหมดรู้ดีว่าตระกูลซือถูได้ทำการเลือกข้างที่จะเข้าร่วมเรียบร้อยแล้ว และนั่นก็เป็นคู่แข่งขององค์ชาย 4!
คอมเม้นต์