War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1586
ตอนที่ 1,586 : ผู้ใดเป็นบิดาเจ้า “หากให้ถูกู่หลิงมันล่วงรู้ว่าท่านผู้เฒ่าพยากรณ์ถึงกับมาพบท่านจ้าวตำหนักด้วยตัวเอง ข้าเกรงว่ามันคงโมโหจนกระอักเลือดตาย!” รอยยิ้มสดใสคลี่กางบนใบหน้ากู่มี่ หากแต่แลแล้วกลับเหมือนคนกำลังจะร้องไห้อย่างไรพิกล แต่มันก็นับว่ามีความสุขจริงๆ คล้ายกำลังเห็นฉากผู้นำตลาดมืดหยินชานอย่างถูกู่หลิงกระอักเลือดอยู่อย่างไรอย่างนั้น ต้วนหรูเฟิงยิ้มบางๆ แต่ไม่ได้ตอบคำอะไร อันที่จริงกระทั่งมันเองก็แปลกใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย ตอนที่มันบังเอิญได้พบผู้เฒ่าพยากรณ์ครั้งแรก มันก็รู้สึกว่าตัวเองมีโชคนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ผู้เฒ่าพยากรณ์เต็มใจทำนายให้บุตรชายของมันอีกคน ก็นับว่าสร้างความประหลาดใจให้มันไม่น้อย! พอมาครั้งที่ 2 ที่ตัวผู้เฒ่าพยากรณ์มาหามันเองถึงหน้าประตู อีกทั้งเป็นฝ่ายริเริ่มเอ่ยคำทำนายของมันกับบุตรชายให้โดยไม่ต้องกล่าวถามก็ทำให้มันตื้นตันใจถึงที่สุด อย่างไรก็ตามแม้ใจของต้วนหรูเฟิงจะเต็มไปด้วยความตื้นตันแต่ก็อดสงสัยไปเสียไม่ได้ ว่าบุตรชายของมันที่แท้มีเวทมนตร์อันใดกันแน่ถึงได้ดึงดูดผู้เฒ่าพยากรณ์ได้ขนาดนี้? ด้วยเหตุนี้มันจึงเริ่มนึกถึงความเป็นไปได้มากมาย ทว่าความเป็นไปได้ที่นึกออกล้วนยากเป็นจริงทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามตั้งแต่หรงหยวนเข้ามาหามันครั้งล่าสุดและกล่าวรายงานว่าเผ่าพันธุ์มังกรกำลังตามล่าหาตัวต้วนหลิงเทียนกันจ้าละหวั่น มันก็เชื่อมั่นในคำของผู้เฒ่าพยากรณ์หมดใจ! นั่นเพราะครั้งที่สองที่ผู้เฒ่าพยากรณ์มาหามันนั้น ได้เอ่ยถึงเรื่องเผ่าพันธุ์มังกรไว้แต่แรก! ถึงแม้ผู้เฒ่าจะไม่ได้กล่าวจำเพาะเจาะจงอะไร แต่กลับเน้นถึงเรื่องหนึ่ง ว่าให้มันทำอย่างไรก็ได้เพื่อหาหนทางให้บุตรชายของมันต้วนหลิงเทียน มีโอกาสเข้าไปยังสระชำระมังกร นอกจากนี้ผู้เฒ่าพยากรณ์ยังได้บอกถึงความสำคัญของสระชำระมังกรมาโดยละเอียด ว่ามันจะเปิดขึ้นทุกๆ 5,000 ปี และอนุญาตให้ผู้ใดก็ได้เข้าไปคนเดียวเท่านั้น ยังกล่าวถึงช่วงเวลาว่าสมควรเป็นอีก 5 ปีหลังจากนี้ จึงเกิดเป็นข้อเสนอให้ต้วนหลิงเทียนประลองกับตี้จิ่วในอีก 5 ปีหลังจากนี้ และข้อเสนอนี้ก็เป็นตัวผู้เฒ่าพยากรณ์ที่กล่าวบอกออกมาเอง ถึงแม้กระทั่งตัวต้วนหรูเฟิงเองจะไม่มั่นใจสักนิดว่าบุตรชายจะเอาชนะตี้จิ่วได้ในอีก 5 ปีหลังจากนี้ แต่มันก็เชื่อในคำทำนายของผู้เฒ่าพยากรณ์ นั่นเพราะทุกอย่างที่ผู้เฒ่าพยากรณ์เคยกล่าวบอกมาไม่เคยผิดพลาดเลย หลังจากนั้นไม่นานกู่มี่ก็ได้รับทราบเรื่องราวทั้งหมดดังกล่าวจากต้วนหรูเฟิง มันเองก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ “ข้าเคยได้ยินพลังอำนาจของท่านผู้เฒ่าพยากรณ์มาเนิ่นนานแล้ว ว่าสามารถหยั่งรู้ฟ้าดินมองเห็นอนาคต…มิคาดกลับมาหาท่าน และรู้เรื่องราวระหว่างจ้าวตำหนักน้อยกับเผ่าพันธุ์มังกรดั่งตาเห็น” “ท่านจ้าวตำหนัก แล้วนี่พวกเราจะเดินทางกลับตำหนักเมฆาครามเลยหรือไม่?” กู่มี่มองถามต้วนหรูเฟิง ในความเห็นของมันตอนนี้ท่านจ้าวตำหนักสมควรกลับไปสั่งการณ์ที่ตำหนกเมฆาคราม ให้ระดมกำลังกันออกตามหาตัวนายน้อย “พวกเรายังไม่ต้องรีบกลับตำหนักเมฆาคราม” ทว่าหลังได้ฟังคำถามของกู่มี่ ต้วนหรูเฟิงพลันส่ายหัวไปมาค่อยกล่าว “พวกเราจะไปที่คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานก่อน” คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน! ได้ยินคำตอบของต้วนหรูเฟิง กู่มี่อดไม่ได้ที่จะงุนงง “คฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน?” “ใช่ พวกเราจะไปที่นั่นก่อน ข้าสงสัยว่าตอนนี้ลูกสะใภ้ของข้าคนหนึ่งน่าจะอยู่ที่นั่น…ข้าจะไปรับนางน่ะ” ต้วนหรูเฟิงหัวเราะ ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้กล่าวถึงคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานเลยในหยกบันทึกเสียงที่ทิ้งไว้ในอาณาจักรนภาล่องของทวีปเมฆาล่อง อย่างไรก็ตามในข้อความที่ต้วนหลิงเทียนทิ้งไว้ ทำให้ต้วนหรูเฟิงพอจะคาดเดาได้ว่า เฉวี่ยไน่ ที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวถึงสมควรเป็นคุณหนูของคฤหาสน์คลื่นขจีของสกุลหาน นอกจากนี้มันยังรับทราบมาจากกู่มี่อีกด้วย ว่าก่อนหน้านี้คนของคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานก็ได้ระดมกำลังคนออกไปตามหาบางสิ่งในทะเล จากการปะติดปะต่อเรื่องราว ทำให้ต้วนหรูเฟิงอนุมานได้ว่า คฤหาสน์คลื่นขจีกำลังออกตามหาตัวต้วนหลิงเทียนนั่นเอง ในบันทึกต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกไว้ว่าได้ออกเดินทางจากเกาะป้านเยว่ไปพร้อมหานเฉวี่ยไน่ ทว่าระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันทำให้ต้องคลาดกัน นอกจากนี้จากที่กู่มี่กล่าวบอก ตอนที่คนของคฤหาสน์คลื่นขจีออกมาตามหาบางสิ่ง คุณหนูของคฤหาสน์คลื่นขจีก็ออกมาพร้อมผู้ฝึกสัตว์อัจฉริยะคนหนึ่งด้วย คุณหนูนางนั้น 9 ใน 10 ส่วนต้วนหรูเฟิงมั่นใจว่าสมควรเป็นหานเฉวี่ยไน่แน่ๆ เช่นนั้นแล้ว ต้วนหรูเฟิงจึงมั่นใจกว่า 9 ส่วนว่าตอนนี้ลูกสะใภ้นาม ‘ลี่เฟย’ ไปหลบภัยที่ตระกูลหาน เช่นนั้นมันจึงคิดไปเยือนคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานเพื่อรับตัวลูกสะใภ้กลับบ้าน ‘ข้าได้ยินหรัวเอ๋อกล่าวถึงลูกสะใภ้คนนี้บ่อยครั้ง ทั้งยังชมนางไม่ขาดปาก…คราวนี้ข้าจะได้เห็นนางแล้ว’ ใจต้วนหรูเฟิงเต็มไปด้วยความคาดหวังนัก ว่าอีกไม่นานในที่สุดมันก็จะได้เจอหน้าลูกสะใภ้เสียที ในขณะที่ต้วนหรูเฟิงพากู่มี่ไปยังคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหานนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ยังนั่งบ่มเพาะพลังอยู่ในห้องพักโดยไม่ได้รับทราบเรื่องราวแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาอยู่ในสถานที่อันไม่คุ้นเคย อันเป็นเรือนรับแขกของนิกายอัคคีล่องลอย อีกทั้งผู้อาวุโสของนิกายก็จะมาพบเขาในวันพรุ่งนี้ จึงไม่ได้เข้าไปบ่มเพาะพลังในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแต่อย่างใด เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน ฟ้าก็เริ่มหม่นแสงลงไปทุกขณะ ยามเย็นที่นิกายอัคคีล่องลอย เมื่อตะวันเจียนลับขุนเขา แสงสุดท้ายก็ย้อมชโลมแผ่นฟ้าให้กลายเป็นแดงฉานปานโลหิต ให้บรรยากาศวังเวงชอบกล “คุณชายใหญ่ตระกูลซือถู สหายเก่ามาเยือนถึงที่ทั้งที เจ้ามิคิดจะออกมาต้อนรับกันหน่อยหรือ!?” ทันใดนั้นเสียงแหบๆปานเป็ดหนึ่งพลันดังขึ้นก้องเรือนรับแขก ยังแฝงเร้นไปด้วยปราณแท้ทำให้ต้วนหลิงเทียนได้ยินชัดเจน แน่นอนว่าต้องรบกวนการบ่มเพาะของเขา! จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เพียงแค่ฟังจากเสียงดังกล่าว เขาก็รู้ว่าผู้มาไม่ได้มีเจตนาดีแน่ “ตัวบัดซบไหนอีก?” จากที่ฟังก็ทราบว่า อีกฝ่ายสมควรมาหาซือถูหัง ต้วนหลิงเทียนพลันลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องทันที พอดีกันกับได้เห็นซือถูหังกำลังออกจากห้องมาด้วยสีหน้ามืดมน “ท่านปรมาจารย์ต้วน” พอได้เห็นต้วนหลิงเทียน เดิมซือถูหังที่มีสีหน้ามืดมนก็กลายเป็นแจ่มใสออกมาทันใด เร่งกล่าวทักทายออกมา “ข้างนอกเหมือนจะมีคนมาหาท่านนะ” ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ใช่ มันเป็นนายน้อยของขุมพลังชั้น 7 ที่เป็นคู่แข่งทางการค้ากับตระกูลซือถู ข้าเองก็ไม่ชอบขี้หน้ามันนัก…ข้าต้องขออภัยท่านปรมาจารย์ต้วนด้วยที่มันรบกวนท่าน ข้าจะออกไปจัดการเรื่องราวเดี๋ยวนี้ ข้าสัญญาว่าจะไม่ให้มันรบกวนท่านอีก” วาจาซือถูหังขณะกล่าวท้ายประโยคยังทอประกายเย็นชาออกมา หากมีแต่มันที่โดนรบกวน มันคงไม่โมโหขนาดนี้ เพราะอีกฝ่ายเขม่นกับมันมานานแล้ว จึงนับว่าเป็นเรื่องปกติ ทว่าด้วยมีต้วนหลิงเทียนอยู่ด้วย จึงทำให้มันรู้สึกผิดไม่น้อย! เพราะการมาถึงของอีกฝ่ายย่อมเป็นการทำลายความสงบของต้วนหลิงเทียน!! ในสายตาของมันต้วนหลิงเทียนเป็นดั่งผู้อาวุโสที่น่านับถือ อีกทั้งยังเป็นแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู การที่อีกฝ่ายมารบกวนความสงบของต้วนหลิงเทียนเช่นนี้ จึงไม่ต่างอะไรกับการตบหน้ามันฉาดใหญ่! “ข้าจะไปเจอมันพร้อมเจ้า” ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกอีกครั้ง “ได้” ซือถูหังย่อมไม่คิดปฏิเสธต้วนหลิงเทียน จึงเดินนำต้วนหลิงเทียนออกไปจากเรือนรับแขกทันที ด้านนอกเรือนรับแขกของนิกายอัคคีล่องลอย ปรากฏร่างชาย 2 คนกำลังลอยตัวค้างอยู่กลางหาว เป็นชายหนุ่มมาพร้อชายชราที่มีเส้นผมและขนคิ้วเป็นสีขาวโพลน และดูน่าประทับใจไม่เบา อย่างไรก็ตามต่างจากชายชราโดยสิ้นเชิง ชายหนุ่มนั่นเพียงได้มองต้วนหลิงเทียนก็ต้องขมวดคิ้วทันที เพราะมองแค่ปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ว่าอีกฝ่ายสมควรเป็นนายน้อยจากตระกูลร่ำรวย ท่าทีหยิ่งผยองถือดีคล้ายไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา เรียกว่าคงใช้ชีวิตสุนัขไปวันๆ ต้วนหลิงเทียนมักรำคาญคนแบบนี้ “ฟ่งเหิน ระหว่างเจ้ากับข้ามีเรื่องราวกันมามิใช่แค่วัน 2 วัน…หากมีแต่ข้าคนเดียวเจ้าจะใช้ปากสุนัขของเจ้าเห่าให้ดังเพียงใดก็ได้ แต่วันนี้เจ้ากลับกล้ารบกวนปรมาจารย์ต้วน!” ซือถูหังมองไปยังชายหนุ่มที่แลดูถือดีด้วยสายตาดุร้าย กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ยังไม่รีบมาขอขมาปรมาจารย์ต้วนอีก” “ปรมาจารย์ต้วน?” เผชิญหน้ากับท่าทีเอาเรื่องของซือถูหัง ชายหนุ่มนามฟ่งเหินในชุดหรูหราพลันหัวเราะออกมา ก่อนที่จะหันมาให้ความสนใจต้วนหลิงเทียน “ปรมาจารย์ต้วน? ไอ้หนูนี่น่ะเหรอ? ซือถูหังนี่เจ้าล่อข้าเล่นรึไง? แลดูอย่างไรมันก็เด็กน้อยขนอุยชัดๆ แต่เจ้ากลับให้ความเคารพเสียยิ่งกว่าบิดา ใช่เจ้าคิดรับไอ้หนูนี่เป็นบิดาเลยหรือไม่เล่า?” “ข้าล่ะมิอยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่าคุณชายใหญ่ตระกูลซือถูกลับมีงานอดิเรกพิลึกพิลั่นเช่นนี้…ฮ่าๆๆๆ!!” ฟ่งเหินกล่าวจบก็หัวเราะเยาะออกมาดังลั่น ต้องกล่าวเลยว่าวาจาของมันนั้นหาเรื่องผู้คนไม่น้อย “ฟ่งเหิน เจ้าเบื่อชีวิตสุนัขของเจ้ามากนักเหรอ!?” ได้ยินวาจาเย้ยเยาะของฟ่งเหินซือถูหังก็ไม่อาจทานทนไหวสืบไป พลันตะโกนออกไปด้วยโทสะ ร่างยังเริ่มสั่นไปด้วยความโกรธทั่วกายปะทุออกมาด้วยปราณแท้! เผชิญหน้ากับซือถูหังที่มีโทสะ ในแววตาฟ่งเหินก็เผยความได้ใจ คล้ายรู้สึกชนะที่ยั่วยุผู้คนสำเร็จ ทว่าทันใดนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันขยับกายมาขวางซือถูหังเอาไว้ไม่ให้ลงมือ เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนมาขวางซือถูหังเอาไว้ ฟ่งเหินก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ค่อยกล่าวเย้ยหยันออกมาอีกรอบ “จึกๆๆ..ซือถูหัง ใช่เจ้าคิดซ่อนตัวอยู่หลังบิดาของเจ้าไปชั่วชีวิตเลยหรือไม่?” เมื่อถูกต้วนหลิงเทียนขวางเอาไว้ ซือถูหังพลันสงบใจได้เล็กน้อย แต่อย่างไรก็ตามยังอดมีโทสะกับวาจาของฟ่งเหินไม่ได้ “คำก็บิดาสองคำก็บิดา…ดูท่าทางแล้วเจ้าจะขาดบิดาใช่หรือไม่?” ต้วนหลิงเทียนมองฟ่งเหินค่อยกล่าวเย้ยออกไปเสียงเรียบ “เจ้าสิขาด…” ทันใดนั้นสีหน้าฟ่งเหินพลันมืดลงทันที มันคิดโพล่งออกมาว่าขาด ‘บิดา’ ทว่ามันยังกล่าววาจาไม่ทันจบคำ ซือถูหังที่อยู่ดีๆก็ชักสีหน้าตื่นเต้นคล้ายได้ยินอะไรดีๆมาแต่แรก ก็เร่งกล่าวตะโกนถามออกมา “ลูกพ่อไหนเรียก บิดา สักคำสิลูก” “บิดา!” นับว่าคำ บิดาของฟ่งเหินกลับดังต่อจากคำที่ซือถูหังเร่งถามออกมาพอดิบพอดี “ลูกรัก เจ้าช่างเชื่อฟังบิดายิ่ง…” ซือถูหังพลันแย้มยิ้มออกมาหน้าระรื่น เมื่อเห็นว่าใบหน้าของฟ่งเหินพลันเริ่มขึ้นสีแดงด้วยความอับอาย ซือถูหังพลันกล่าวสืบต่อออกมา “ฟ่งเหิน…ลูกพ่อ ทำไมเจ้ายังไม่รีบมาขอขมาท่านปรมาจารย์ต้วนอีก?” ตอนนี้ซือถูหังนับว่าหัวเราะร่าออกมาอย่างสะใจนัก ไฉนมันไม่ทราบมาก่อนว่าท่านปรมาจารย์ต้วนกลับมีด้านนี้ด้วย? เพราะวาจากล่าวชี้แนะของต้วนหลิงเทียนก่อนหน้านี้ ทำให้มันเร่งกล่าวคำออกไปได้พอดิบพอดี ฟ่งเหินเองก็ไม่อาจระงับวาจาได้ทัน “ซือถูหัง เจ้ามันรนหาที่ตาย!” เมื่อถูกทำให้อับอายขายหน้าอย่างที่ไม่เคยโดนมาก่อน ฟ่งเหินพลันปะทุพลังออกมา บรรยากาศในรัศมี 100 หมี่โดยยึดมันเป็นจุดศูนย์กลาง เริ่มเต็มไปด้วยกลิ่นอายพลังของมัน!
คอมเม้นต์