War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1522
จานค่ายกล ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความอยากรู้ไม่ใช่น้อย ว่าดรุณีน้อยชุดม่วงอันเป็นเผิงอัสนีเมฆม่วงนั้น จะสร้างความปวดหัวให้แก่ระดับสูงของสำนักจันทร์จรัสแสงได้มากเพียงไหน อย่างไรก็ตามสุดท้ายกลับไม่ได้มีใดเอิกเกริก… เรื่องนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะผิดหวัง เขายังคิดอยู่ว่าหากขอบเขตเซียนของสำนักปะทะกับนางจริง เขาคงได้ชมดูการต่อสู้ของขอบเขตเซียนไว้เป็นวิทยาทาน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เห็นภาพนั้น อย่างไรก็ตามไม่นานต้วนหลิงเทียนก็หันไปสนใจเรื่องอื่น นั่นเพราะคลังสมบัติสำนักกำลังจะเปิดให้เข้าไปแล้ว และในฐานะที่เขาได้อันดับ 1 ในการแข่งขันล่าสัตว์ประจำปี เขาย่อมได้สิทธิ์เข้าไปในคลังสมบัติของสำนักเป็นคนแรก อีกทั้งของรางวัลที่สามารถหยิบออกมาได้ก็มีเยอะชิ้นกว่าผู้อื่น จำนวนสมบัติที่สามารถนำออกมาจากคลังสมบัติได้ก็ขึ้นอยู่กับอันดับในการแข่งขันล่าสัตว์ “ศิษย์น้อง เดิมทีเจ้าสามารถหยิบฉวยสมบัติในคลังสำนักได้แค่ 5 ชิ้น…แต่ข้าไปกล่าวกับผู้นำเรียบร้อยแล้ว และเพิ่มจำนวนสมบัติให้เจ้าสามารถเลือกได้ 10 ชิ้นแทน” ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะเข้าไปในคลังสมบัติ ป๋ายลี่หงก็กล่าวแจ้งเรื่องนี้ให้แก่เขา “ขอบคุณท่านมากศิษย์พี่!” ลูกตาต้วนหลิงเทียนทอประกายสว่างวาวขึ้นมาทันใด อดไม่ได้ที่จะกล่าวขอบคุณป๋ายลี่หง หากไม่ใช่เพราะป๋ายลี่หง ด้วยอันดับที่ 1 ของเขาก็มีสิทธิ์เลือกสมบัติได้แค่ 5 ชิ้นเท่านั้น ทว่าตอนนี้เขาสามารถเลือกได้เพิ่มเป็นสองเท่า! “เจ้าเป็นศิษย์น้องของข้าไหนเลยยังต้องเกรงใจมาขอบคุณอันใดกันอีก หากวันหน้าเจ้ายังเกรงใจอยู่อีก ศิษย์พี่จักโกรธเจ้าแล้ว” ป๋ายลี่หงกล่าวพร้อมปั้นหน้าเข้ม ต้วนหลิงเทียนยิ้มรับพร้อมพยักหน้า “เอาล่ะ เจ้าไปเลือกของเถอะ…หลังออกมาจากคลังสำนักแล้วมาหาข้าด้วย ข้ามีเรื่องคิดบอกเจ้า” ป๋ายลี่หงกล่าว “ได้” ต้วนหลิงเทียนตอบ ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังคลังสำนัก คลังสมบัติของสำนักนั้นจะเปิดให้ศิษย์ที่ได้อันดับต้นๆไปเลือกสมบัติอยู่หลายวันเหมือนกัน เขาที่ได้อันดับแรก ก็ได้สิทธิ์เข้าเป็นคนแรก วันที่ 2 ก็เป็นสิทธิ์ของอันดับที่ 2 หลังจากนั้นก็ไล่ไปเรื่อยๆ คลังสมบัติของสำนักจันทร์จรัสแสงตั้งอยู่พื้นที่ทางตอนเหนือของสำนัก และยังเป็นสถานที่ๆแยกตัวออกมาอย่างโดดเดี่ยว เป็นหอสูงราวๆ 3 ชั้น แลดูสงบเงียบนัก เบื้องหน้าหอมีชายชราในชุดผ้าโทรมๆเก่าๆคนหนึ่งกำลังกวาดใบไม้ที่ปลิวร่วงลงมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ท่าทางแลดูแล้วไม่น่าจะใช่คนธรรมดา ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเดินเข้ามาใกล้ เขาก็พบว่าทุกครั้งที่ชายชรากวาด ปรากฏพลังไร้สภาพอันแยบคายควบคุมใบไม้รวมไปถึงละอองธุลีให้มีวิถีพุ่งไปควบรวมเป็นกองได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่ส่งผลให้อากาศกระเพื่อมเคลื่อนไหวอะไรแม้แต่น้อย ‘ยอดฝีมือ!’ เห็นพลังฝีมือย่อยอันไม่ธรรมดานี้ ต้วนหลิงเทียนก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องมีการควบคุมพลังสูงขนาดไหน ใบหน้าเขาอดไม่ได้ที่จะเผยความยำเกรงออกมา “ผู้อาวุโส” ดังนั้นเมื่อเผชิญหน้ากับชายชราต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล้าละเลยอะไร ประสานมือคารวะทักทายไปอย่างมีมารยาท “เจ้าคือต้วนหลิงเทียนหรือ?” ชายชราค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองต้วนหลิงเทียนช้าๆ หากแต่ไม้กวาดในมือยังคงกวาดต่อไป ธุลีดินทั้งใบไม้ยังคงถูกชักนำให้พุ่งไปด้วยวิถีเดิม ไม่ได้รับผลกระทบใดจากการที่อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาถามเขาแม้แต่น้อย ฝีมือย่อยควบคุมนี้ ทำให้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะทึ่งไปอีกรอบ “ใช่” อย่างไรเสียพอเผชิญหน้ากับคำถามของชายชรา ต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล้าละเลยไม่ตอบ “หืม?” ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็สังเกตว่าแววตาที่ชายชรามองเขาผิดแปลกไป แววตาอีกฝ่ายที่คล้ายเมฆหมอกเลื่อนลอยคล้ายมีเพลิงหนึ่งลุกวาบขึ้นมา ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกเสมือนถูกอีกฝ่ายมองทะลุปรุโปร่ง จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่ายากที่จะเก็บงำความลับอันใดจากสายตาชายชราได้ “เข้าไปเถอะ” ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังรู้สึกหวิวๆ ชายชราก็กล่าวออกมาอีกครั้ง และอนุญาตให้เขาเข้าไปด้านใน และทันทีที่สิ้นเสียงกล่าวของชายชรา ประตูคลังสมบัติของสำนักพลันเปิดอ้าออกมาทันที ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในคลังสมบัติของสำนัก เมื่อข้ามผ่านประตูคลังสมบัติเข้ามาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็หันกลับไปมองชายชราอีกครั้ง สภาวะอีกฝ่ายคล้ายหลอมกลืนไปกับบรรยากาศโดยรอบ ยังให้ความรู้สึกเลือนรางดั่งหมอกควันไม่อาจจับต้อง ‘อาวุโสผู้นี้ น่าจะเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนคนหนึ่งของสำนัก’ แม้แต่ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่ในใจเขากลับปรากฏความคิดนี้ขึ้นมา แต่ไม่ว่าชายชราคนนี้จะใช่ยอดฝีมือขอบเขตเซียนหรือไม่ เขาก็ประทับใจอีกฝ่ายไม่น้อย หลังจากที่เข้ามายังคลังสมบัติสำนักแล้ว สิ่งแรกที่เขากระทำคือติดต่อกับผู้เฒ่าหั่วในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ “ผู้เฒ่าหั่วท่านลองตรวจสอบดู ว่าในนี้มีอะไรใช้ซ่อมแซมเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้บ้าง” สิ่งของที่อยู่ในคลังสมบัติสำนักนั้น เก็บรักษาไว้จากรุ่นสู่รุ่น สิ่งของเหล่านี้บางชิ้นก็มีรูปร่างพิลึกพิลั่นไม่น่ามอง กระทั่งยังแลดูเสมือนขยะทำให้ศิษย์ฝ่ายในที่เข้ามาไม่คิดจะเหลียวแลมันสักนิด หากแต่มีผู้เฒ่าหั่วอยู่ ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่กลัวว่าจะมองหาเพชรในตมไม่เจอ! “เจ้าสามารถเลือกสมบัติกลับไปได้ 10 ชิ้น” ทันใดนั้นเสียงผ่านปราณแท้หนึ่งก็ส่งตรงถึงหู แว่บแรกที่ต้วนหลิงเทียนได้ยินเสียงนี้ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเสียงของชายชราที่กวาดลานหน้าหอ ภายใต้สายตาเฉียบคมของผู้เฒ่าหั่ว พริบตาต้วนหลิงเทียนก็เลือกหยิบสิ่งของออกมาถึง 7 ชิ้นจากกองสมบัติที่สุมๆกันไว้ สมบัติทั้ง 7 ชิ้นนี้ล้วนเป็นวัตถุดิบที่สามารถใช้ซ่อมแซมเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้ และยังเป็นวัตถุดิบที่ดีที่สุดเท่าที่มีในคลังสมบัติ ถึงแม้จะยังมีวัตถุดิบอื่นที่สามารถใช้ซ่อมแซมเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้อยู่อีก แต่พวกมันก็ไม่ได้มีประสิทธิภาพดีเท่าทั้ง 7 ชิ้นที่เขาเลือกออกมา “ในสามชิ้นที่เหลือ เจ้าไปหยิบของพวกนั้นมาเสีย” ด้วยคำแจ้งเตือนของผู้เฒ่าหั่วต้วนหลิงเทียนก็เดินไปหยิบของ 3 ชิ้นที่ผู้เฒ่าหั่วแนะออกมา พวกมันแลคล้ายเข็มทิศไว้สำหรับการตรวจสอบฮวงจุ้ยในโลกเก่าไม่น้อย แน่นอนว่ามันแค่ละม้ายคล้ายเข็มทิศฮวงจุ้ยแค่ผิวเผินเท่านั้น แต่ลักษณะรวมถึงส่วนประกอบของมันเยอะอย่างมากกว่าเข็มทิศฮวงจุ้ยมากมาย “ของทั้ง 3 ชิ้นนี่มันคืออะไรหรือผู้เฒ่าหั่ว?” ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามผู้เฒ่าหั่วด้วยความสงสัย “เป็นจานค่ายกล” ผู้เฒ่าหั่วกล่าวตอบ “จานค่ายกล?” ต้วนหลิงเทียนได้ยินชื่อนี้เป็นครั้งแรก จึงอดไม่ได้ที่จะสงสัย “มันมีไว้ทำอะไรหรือผู้เฒาหั่ว?” “เจ้าไม่รู้จักจานค่ายกล แต่เจ้าสมควรรู้จักค่ายกลใช่หรือไม่?” ผู้เฒ่าหั่วกล่าวถาม “รู้จัก” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า สำหรับค่ายกลนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรสำหรับเขา ในทวีปมนุษย์ด้วยความที่เขามีความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด เขาจึงมีความสามารถในการจัดตั้งค่ายกล ซึ่งจัดเป็นการประยุกต์ใช้อาคมในรูปแบบหนึ่ง ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ ก็แบ่งประเภทของอาคมเป็น 3 ประเภทหลักๆ ประเภทที่หนึ่งคือ อาคม จากยันต์เต๋า สองคืออาคมเซียน จากการจารึกอาคมเซียน ประเภทสุดท้ายคือการผนวกรวมทั้งอาคมเซียนที่เกิดจากการจารึก และพลังอาคมจากการวาดเขียนยันต์เต๋าให้สอดประสานหนุนเสริมกัน ในบรรดาอาคมทั้ง 3 รูปแบบนั้น ประเภทสุดท้ายนับว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุด “หากมีจานค่ายกลนี่ เจ้าสามารถเปิดใช้งานค่ายกลได้ทันที” ผู้เฒ่าหั่วกล่าวอธิบาย “โดยปกติแล้วหากเจ้าคิดจัดตั้งค่ายกล จำต้องจารึกอาคมวุ่นวาย ทั้งต้องติดตั้งวัตถึที่จารึกอาคมดังกล่าวไว้ตามจุดต่างๆตามหลักการเกื้อหนุนของพลังงาน เรื่องนี้นับว่าต้องมีความชำนาญและเชี่ยวชาญมิใช่น้อย…แต่ทว่าหากเจ้ามีจานค่ายกล มิจำเป็นต้องมีความรู้อันใดเจ้าก็สามารถกระตุ้นใช้ค่ายกลจากจานค่ายกลได้ทันที” เมื่อผู้เฒ่าหั่วกล่าวอธิบายออกมาต้วนหลิงเทียนก็อึ้งไปพักหนึ่งกว่าจะคืนสติ “จานค่ายกล…ของที่สามารถทำให้เปิดใช้ค่ายกลได้ทันทีงั้นเหรอ?” หลังจากดึงสติกลับมาอยู่กับตัว ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็ส่องประกายสว่างวาบไปด้วยความยินดี อย่างไรก็ตามวาจาประโยคถัดมาของผู้เฒ่าหั่ว ก็เสมือนน้ำเย็นราดรดศีรษะต้วนหลิงเทียน “ถึงแม้จานค่ายกลทั้ง 3 ชิ้นนี่นับว่าดีไม่น้อย แต่พวกมันก็เสียหายยับเยินจนไม่อาจเปิดใช้งานค่ายกลได้อีก” ผู้เฒ่าหั่วพูด “ผู้เฒ่าหั่วในเมื่อมันเสียหายจนใช้ไม่ได้…แล้วข้าเอาพวกมันไปจะมีประโยชน์อะไร? ของ 3 ชิ้นที่เหลือท่านจะให้ข้าเลือกขยะนี่จริงเหรอ?” ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยรอยยิ้มขมขื่น ถึงแม้ว่าจานค่ายกลจะฟังดูน่าสนใจ แต่ถ้ามันเสียหายจนใช้การไม่ได้แล้ว ยังต่างอะไรจากขยะ? “ใครบอกเจ้าว่าพวกมันเป็นขยะ?” ผู้เฒ่าหั่วกล่าวตอบทันที “ข้าสามารถซ่อมแซมจานค่ายกลทั้ง 3 นี่ได้…แต่ในบรรดาพวกมันมี 2 ชิ้นที่ข้าต้องใช้เวลาซ่อมแซมไม่น้อย เพราะพวกมันเสียหายหนักนัก แต่จานค่ายกลจานสุดท้ายนั่น มิเกิน 3 เดือนข้าก็สามารถซ่อมมันได้แล้วเสร็จ” “ท่านสามารถซ่อมได้?” หลังได้ยินวาจาประโยคนี้ของผู้เฒ่าหั่ว ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาอีกครั้ง “หากเป็นคนทั่วไป ยับเยินถึงเพียงนี้คงยากที่จะซ่อมแซมพวกมันได้อีก…อย่างไรก็ตามนับเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับข้านัก อีกทั้งจานค่ายกลทั้ง 3 นี้ก็มิได้มีประสิทธิภาพดีเลิศอะไร” ผู้เฒ่าหั่วกล่าว “ไม่ใช่จานค่ายกลที่ดีเลิศ?” พอได้ยินวาจาประโยคต่อมาของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหงอยไปทันที “มันมิใช่จานค่ายกลที่ดีเลิศอะไรสำหรับข้า แต่สำหรับเจ้ามันมีค่าไม่น้อย…หากข้าใช้พวกมันกระทั่งยอดฝีมือในขอบเขตเซียนของดินแดนนี้ ก็มิอาจทำลายทั้งต้านทานค่ายกลที่อยู่ในจานค่ายกลทั้ง 3 ได้” ผู้เฒ่าหั่วกล่าวตอบออกมาอีกครั้ง “กระทั่งยอดฝีมือในขอบเขตเซียนของดินแดนนี้ก็ไม่อาจทำลายมันได้?” ตอนนี้ความรู้สึกของต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเหมือนเล่นรถไฟเหาะตีลังกา มาตอนนี้เขาค่อยนึกได้ว่าผู้เฒ่าหั่วเป็นตัวตนระดับใด สำหรับผู้เฒ่าหั่วของที่ดูไม่ดีในสายตา แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า “อย่างไรก็ตามแม้จานค่ายกลพวกนี้จะซ่อมแซมฟื้นฟูจนมีสภาพสมบูรณ์ แต่พลังของค่ายกลก็ยังอิงกับพลังที่ผู้ใช้จ่ายเข้าไปอยู่ดี…หากเป็นเจ้าใช้ผลลัพธ์ย่อมมิเหมือนกันกับข้า” ผู้เฒ่าหั่วกล่าวสืบต่อ ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าและพอเข้าใจได้ ก็เหมือนกับตอนที่เขาจัดตั้งค่ายกลหรือข่ายอาคมอะไรก็ตามในทวีปเมฆาล่อง พลังอำนาจของพวกมันก็อิงตามหินต้นกำเนิดที่เขาใช้เป็นตัวขับเคลื่อน “งั้นข้าเลือกพวกมันนี่ล่ะ” ต้วนหลิงเทียนย่อมเชื่อมือผู้เฒ่าหั่ว เขาจึงเลือกจานค่ายกลทั้ง 3 ชิ้นนี่ทันที และในคลังสมบัติของสำนักจันทร์จรัสแสงก็มีจานค่ายกลแค่ 3 ชิ้นนี้เท่านั้น ถึงแม้ว่าจานค่ายกลทั้ง 3 ชิ้นจะดูไม่ได้เตะตาอะไร แถมยังตั้งอยู่ที่มุมของคลังสมบัติ แต่พวกมันก็ถูกวางไว้ด้วยกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นฝีมือของผู้อาวุโสสำนักจันทร์จรัสแสงในอดีต เมื่อเลือกสิ่งของต่างๆครบตามกำหนดแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดที่จะรั้งอยู่ในคลังสมบัติสำนักสืบไป ในขณะที่ออกมาจากคลังสมบัติ ก่อนเดินทางกลับต้วนหลิงเทียนก็ไม่ลืมที่จะกล่าวอำลาชายชราที่กวาดลานหน้าหอ อีกฝ่ายก็ไม่คิดจะตรวจสอบแหวนมิติอะไรเขาเลย… เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ด้วยพลังฝีมือของชายชรา ไหนเลยยังไม่รู้ความเคลื่อนไหวของเขาภายในคลังสมบัติได้? หากเขาคิดตุกติดยักยอกของเข้าแหวนมิติ ชายชราผู้นี้ต้องจับได้ทันที! “ผู้เฒ่าหั่ว แล้วค่ายกลที่ติดตั้งอยู่ในจานค่ายกลนี่มันเป็นค่ายกลอะไรบ้าง?” ระหว่างเดินกลับ ต้วนหลิงเทียนที่อยากรู้อยากเห้นจนทนไม่ไหวก็กล่าวถามผู้เฒ่าหั่วออกมา “จานค่ายกลทั้ง 3 ชิ้นนั่น 1 ติดตั้งค่ายกลมายาหลอนประสาทเอาไว้ ส่วนอีก 2 เป็นค่ายกลโจมตีกับค่ายกลป้องกัน” ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ผู้เฒ่าหั่วก็ตอบกลับมาทันที
คอมเม้นต์