War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1511
นักฆ่า 4 ดาราครึ่ง ชือเม่ย! “ภารกิจที่ชือหมิงล้มเหลวไปก่อนหน้า พวกเราต้องดำเนินการต่อ” หยินหยางมองไท่หวู่กล่าว “อืม” ไท่หวู่พยักหน้า “คราวนี้คงมิคิดส่งนักฆ่า 3 ดาราไปจัดการอีกงั้นสิ?” “ถึงแม้ชือหมิงจักมิใช่นักฆ่า 3 ดาราที่ร้ายกาจที่สุด แต่มันก็นับว่าเป็นมือดีในบรรดานักฆ่า 3 ดาราแล้ว แน่นอนว่าข้าคงมิอาจส่งนักฆ่า 3 ดาราคนอื่นไปลงมือได้อีก เพราะหากชือหมิงล้มเหลวคนอื่นก็ไม่แน่ว่าจะไม่ล้มเหลว คราวนี้ข้าจักส่งชือเม่ยไปจัดการ!” ทันใดนั้นตาสีโคลนของหยินหยางก็ทอประกายสว่างจ้าขึ้นมา เมื่อไม่นานมานี้มันก็ได้กลับไปตรวจสอบที่โถงวิญญารของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร และพบว่าไข่มุกวิญญาณประจำตัวของชือหมิงนั้นแตกสลายไปแล้ว ทั้งเวลาการแตกที่บันทึกไว้ก็เป็นช่วงที่มันออกไปกระทำภารกิจ ไข่มุกวิญญาณแตก ย่อมหมายถึงคนตาย! “ชือเม่ย?” ไท่หวู่ประหลาดใจไม่น้อย กล่าวถามออกมาทันใด “เท่าที่ข้ารู้ ชือเม่ยคนนี้ถือเป็น ไพ่ลับระดับสูงของสาขา 9 พันธมิตรแห่งนี้ใช่หรือไม่? เห็นว่านางมิเคยล้มเหลวในภารกิจสังหารเป้าหมายที่มีด่านพลังฝึกปรือต่ำกว่าขอบเขตเซียนแม้แต่คนเดียว” “มิผิด ชือเม่ย นับเป็นไพ่ลับที่ร้ายกาจที่สุดคนหนึ่งของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรของเรา และนางยังเป็นนักฆ่าระดับ 4 ดาราครึ่ง!” หยินหยางพยักหน้า ในตลาดมืดหยินชางนั้น นักฆ่า 4 ดาราครึ่งจะมีพลังฝีมือเทียบเท่ากับตัวตนในขอบเขตครึ่งก้าวเซียน เนื่องจากเป็นนักฆ่า การลงมือนั้นย่อมมิใช่ทวนเปิดเผยแต่เป็นเกาทัณฑ์เร้นลับ ดังนั้นนักฆ่า 4 ดาราครึ่ง ย่อมมีพลังสามารถมากพอจะลอบฆ่าตัวตนในขอบเขตครึ่งก้าวเซียน! แน่นอนว่ายังมีครึ่งก้าวเซียนบางคนที่ร้ายกาจจนพวกมันไม่อาจสังหารได้ เพราะครึ่งก้าวเซียนบางคนก็เป็นตัวตนอันอยู่เหนือสามัญสำนึก บ้างก็มีพลังฝีมือทัดเทียมกับตัวตนในขอบเขตเซียนไปแล้ว หากเป็นครึ่งก้าวเซียนเหล่านี้ ต่อให้เป็นนักฆ่า 4 ดาราครึ่ง ก็จนปัญญา อย่างไรก็ตามครึ่งก้าวเซียนระดับนั้น คงยากที่จะพบเห็นได้ในเขตพื้นที่ 9 พันธมิตร! โดยทั่วไปแล้วตัวตนระดับครึ่งก้าวเซียนที่มีพลังฝีมือร้ายกาจมากพอจะต่อกรกับขอบเขตเซียนทั่วไปได้ ล้วนเป็นเหล่าอัจฉริยะที่จะมีอยู่ในขุมพลังขั้น 5 ขึ้นไปเท่านั้น หากต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียน เขาเองก็จัดอยู่ในกลุ่มคนประเภทนี้ เพราะศักยภาพและไหวพริบปฏิภาณของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่า อัจริยะจากขุมพลังชั้นนำแม้แต่น้อย “หากส่งชือเม่ยไปลงมือ เช่นนั้นงานนี้ก็มิมีใดให้กังวลแล้ว” ไท่หวู่กล่าว จากวาจาทั้งน้ำเสียงก็เผยให้เห็นถึงความมั่นใจในตัวชือเม่ย ชื่อเม่ยนั้นนอกจากจะเป็นนักฆ่า 4 ดาราครึ่งแล้ว นางยังเป็นอิสตรีนางหนึ่ง ทั้งยังเป็นอิสตรีเพียงคนเดียวในบรรดานักฆ่าระดับ 4 ดาราครึ่งของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร และนางยังเป็นอิสตรีที่ผู้คนยอมรับว่ามีฝีมือร้ายกาจที่สุดในบรรดานักฆ่า 4 ดาราครึ่งของตลาดมืดหยินชาน! ไม่มีใครเคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของชือเม่ย ถึงแม้จะเป็นไท่หวู่และหยินหยางเองก็ตาม หากแต่พวกมันรู้ดีว่ารูปร่างของชื่อเม่ยนั้นได้สัดส่วนนัก นางมักอยู่ในชุดคลุมลมดำและปกปิดใบหน้าเอาไว้เสมอ แม้ไม่ต้องเห็นใบหน้าของชือเม่ย เพียงแค่รูปร่างของนางที่ถูกซ่อนอยู่ภายใต้ชุดคลุมลมดำนั้น ก็มากพอจะชักนำให้บุรุษบังเกิดความปรารถนาอันเร่าร้อนเพียงได้มอง… อย่างไรก็ตามแม้จะเป็นไท่หวู่กับหยินหยาง ก็ไม่กล้าล่วงเกินหรือทำให้หน้าขุ่นขึ้งใจ เพราะเบื้องหลังของชือเม่ย ก็คือ ผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรแห่งนี้ สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างนางกับผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรนั้น เป็น ‘ความลับ’ สำหรับทุกคนมาโดยตลอด และคนที่ล่วงรู้ความลับนี้ เห็นทีจะมีแต่ตัวชือเม่ยเองกับผู้นำตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรเท่านั้น อย่างไรก็ตามมีหลายคนในตลาดมืดหยินชานลอบคาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างชือเม่ยกับผู้นำไว้หลายประการนัก บ้างก็ว่าชือเม่ยเป็นสตรีของผู้นำ บ้างก็บอกว่าชือเม่ยสมควรเป็นบุตรีของผู้นำ บางคนก็ถึงกับบอกว่าที่แท้แล้วชือเม่ยนั้นเป็นหลานสาวของผู้นำ ไม่ว่าอะไรก็ตาม ชือเม่ยนั้นเป็นตัวตนที่ ‘ลึกลับ’ ในสายตาของทุกคนมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าคฤหาสน์อันเป็นฐานปฏิบัติการของตลาดมืดหยินชานในเมืองหานเหอแห่งนี้จะเป็นหนึ่งในฐานของเขตนี้ ทว่ามันไม่ใช่ที่ซ่อนหลักของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตร ‘รังลับ’ ที่แท้จริงของตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรนั้น ตั้งอยู่ลึกลงไปในป่าทางตอนเหนือของเมืองหานเหอ มีค่ายกลและข่ายอาคมมายามากมายบดบังเอาไว้ นอกจากระดับสูงของตลาดมืดหยินชานสาขานี้ และนักฆ่าบางคนที่ถูกมองว่าเป็นมือสังหารระดับต้นๆนั้น ยากที่จะมีผู้ใดในสาขานี้ล่วงรู้กลวิธีในการย่างกรายเข้ามา ค่ายกลป้องกันและข่ายอาคมมายาหลอนประสาทที่ปกปิดรังลับแห่งนี้นั้น ถูกปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 4 ดาว รวมถึงปรมาจารย์ยันเต๋าระดับ 4 ดาว ที่ตลาดมืดหยินชานสาขาที่อยู่เหนือกว่านี้ส่งมาจัดตั้งสาขาใน 9 พันธมิตร แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าตลาดมืดหยินชานสาขา 9 พันธมิตรมีปรมาจารย์จารึกเซียนและปรมาจารย์ยันเต๋าให้พึ่งพิง นั่นเพราะหลังจากที่ปรมาจารย์ยันต์เต๋ากับจารึกเซียนระดับ 4 ดาวทั้งสองเสร็จสิ้นภารกิจจัดตั้งฐานลับหลักของสาขา 9 พันธมิตรแล้วพวกมันก็ไม่ได้อยู่ดูแลอะไรสืบไป เมื่อค่ายกลและข่ายอาคมทั้งหลายเสร็จสิ้น พวกมันก็กลับสาขาของพวกมันทันที ข่ายอาคมมายาหลอนประสาทนี้ ต่อให้เป็นตัวตนในระดับเซียนทั่วไป ก็ยากที่จะต้านทานได้ แถมพอผ่านข่ายอาคมมายาหลอนประสาทมาได้ ก็ต้องพบเจอหุบเขากว้างใหญ่ อีกทั้งยังมีค่ายกลสังหารจัดตั้งไว้ไม่ใช่น้อย ยังมีลานมากมายนับไม่ถ้วน แต่ละลานก็มียอดฝีมือประจำการ ทั้งมีค่ายกลทรงประสิทธิภาพไว้สังหารผู้บุกรุก ฟิ้ว! ทันใดนั้นศรดอกหนึ่งที่มีป้ายหยกสื่อสารผูกติดเอาไว้ ก็พุ่งแหวกฟ้าทะลวงค่ายกลและข่ายอาคมดังกล่าวมาปักยังต้นไม้ใหญ่ ข้างบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งในหุบเขา ฟุ่บ! แทบจะพร้อมกันกับที่ศรปักลงที่ต้นไม้ ปรากฏวิหกสีม่วงตัวหนึ่งผุดโผล่ออกมาจากอากาศว่างเปล่า มันเหินพุ่งไปยังดอกศรดังกล่าว ใช้จงอยปากงับดอกศรดังกล่าวเอาไว้ ค่อยถอนออกมาจากต้นไม้อย่างง่ายดาย ฟุ่บ! วิหกสีม่วงดังกล่าวอันตรธานหายไปอีกครั้ง ปรากฏตัวอีกทีก็อยู่ในสนามหญ้าเล็กๆหลังบ้านแล้ว รอบๆสวนหลังบ้านนี้ถูกปกคลุมไปด้วยม่านเมฆหมอกบางๆ เห็นชัดว่ามีข่ายอาคมมายาและค่ายกลบางประการครอบคลุมเอาไว้ ยากที่บุคคลภายนอกจะมองเข้ามาล่วงรู้เรื่องราวภายในได้ แน่นอนว่าหากมองจากภายในออกมาภายนอก ก็เป็นอะไรที่ชัดเจนนัก ตอนนี้เองบริเวณริมทะเลสาบเล็กๆข้างสวนหลังบ้าน ปรากฏร่างอิสตรีนางหนึ่งนั่งอยู่ นางใช้สองขาอันเรียวงามขาวกระจ่างตีน้ำเล่นอย่างซุกซน ใบหน้างามหมดจดปานเทพธิดาสวรรค์เผยอาการครุ่นคิดเหม่อลอย ยากจะมีผู้ใดล่วงรู้ว่าในใจนางคิดอะไรอยู่กันแน่ “พี่หญิง พี่หญิง” จนกระทั่งวิหกสีม่วงเหินมาเกาะไหล่ และปล่อยดอกศรที่มีป้ายหยกผูกติดไว้ ร้องเรียกนาง นางจึงค่อยหลุดออกจากภวังค์ครุ่นคิด โยนดอกศรทิ้งออกไป เพียงหยิบป้ายหยกขึ้นมาถือเอาไว้ สตรีงามนางนั้นเริ่มแผ่พลังวิญญาณลงไปในป้ายหยก ครู่ต่อมาข้อมูลมากมายในป้ายหยกก็เริ่มปรากฏภายในใจ “สำนักจันทร์จรัสแสง ต้วนหลิงเทียน สู่เซียนขั้นต้น..ทว่าไม่กี่เดือนที่แล้วยังพึ่งอยู่ในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์ขั้นสมบูรณ์แบบ? แปลกนักสถานที่ล้าหลังกระทั่งวิหกยังไม่อยากผ่านมาขับถ่ายเช่นนี้ ยังมีอัจฉริยะเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ?” สตรีนางนั้นแปลกใจไม่น้อย “เป็นเป้าหมายสังหารคนต่อไปของข้างั้นเหรอ…แล้วพวกนักฆ่า 3 ดารามันเป็นสัดใส่ข้าวที่ใช้การมิได้หรือไร?” อย่างไรก็ตามไม่นาน คิ้วคู่งามก็ขมวดเล็กน้อย ยิ่งรับทราบข้อมูลที่บันทึกไว้เท่าไหร่ คิ้วนางก็ยิ่งขมวดยู่ย่นมากขึ้นเรื่อยๆ “เห ชือหมิงนั่นก็ล้มเหลวงั้นเหรอ? น่าสนใจดีนี่…สื่อเอ๋อ ดูเหมือนว่าพวกเราจะได้ออกไปเดินเล่นกันอีกแล้ว” วาจาท้ายประโยคนั้น เห็นชัดว่านางกล่าวกับวิหกสีม่วง “ฮิๆ…ในที่สุดก็มีภารกิจมาถึงมือพี่หญิงสักที ครั้งนี้ให้ข้าจัดการนะพี่หญิง ข้าอยากเล่นบ้าง” วิหกสีม่วงที่อยู่บนไหล่สตรีงามหมดจด เริ่มมาเหินบินตีปีกอย่างสนุกสนาน “ไปดูก่อนแล้วกัน” สตรีเลอโฉมเผยยิ้มบางๆ “ข้าคิดว่าศิษย์สำนักจันทร์จรัสแสงที่เรียกว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้ สมควรมีคนลอบคุ้มกันอย่างลับๆ…น่าจะเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวที่เรียกว่าป๋ายลี่หงอะไรนั่น จากข้อมูลเห็นว่ามันเป็นยอดฝีมือที่ยามใช้พลังฝีมือทั้งหมด สามารถต่อกรได้กับตัวตนระดับครึ่งก้าวเซียน” “พี่หญิง งั้นทำไมท่านไม่ให้ข้าไปเล่นกับป๋ายลี่หงอะไรนั่นเล่า? ให้ข้านะๆๆๆ” ได้ยินวาจานี้ของสตรีแสนงาม วิหกสีม่วงก็กล่าวออกมาเสียงเจื้อยแจ้วไม่หยุด ท่าทางแลดูคึกคักสนุกสนานไม่น้อย เห็นได้ชัดว่ามันไม่นำพาอะไรกับตัวตนที่มีพลังฝีมือระดับครึ่งก้าวเซียนแม้แต่น้อย “พอๆ สื่อเอ๋อ! เจ้าอย่าเสียงดังวุ่นวายแล้ว หากเจ้าพูดมากข้าจะให้เจ้าอยู่เฝ้าบ้านแล้วนะ” สตรีนางนั้นหันมองวหกสีม่วงพร้อมขมวดคิ้ว ทำให้วิหกตัวดังกล่าวปิดปากเงียบสนิทไม่กล้าส่งเสียงเจื้อยแจ้วอะไรอีก หลังจากนั้นสตรีดังกล่าวก็ลุกขึ้นจากริมทะเลสาบเดินผ่านสวนเข้าไปในบ้าน ไม่นานนางก็ออกมาในชุดคลุมลมดำ ใบหน้างดงามปานเทพธิดาของนางตอนนี้ถูกปกปิดไว้มิดชิด อย่างไรก็ตามรูปร่างสมบูรณ์แบบอันเย้ายวนปานปีศาจสาวของนาง ก็มีอานุภาพมากพอจะทำให้สตรีทั้งหลายบังเกิดความอิจฉา และมีมนต์สะกดให้บุรุษทั้งหลายหลงใหล พริบตาต่อมาร่างสตรีดังกล่าวก็อันตรธานหายปในอากาศ ทันทีที่นางหายไป วิหกสีม่วงก็วูบหายไปเช่นกัน ณ หุบเขาแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวและห่างไกลจากรังลับของตลาดมืดหยินชานนับหมื่นๆลี้ สภาพแวดล้อมของหุบเขาแห่งนี้ช่างแห้งแล้งกันดารนัก ยากจะมองเห็นได้แม้หญ้าเขียวสักต้น ทว่าตอนนี้ปรากฏร่างบอบบางหนึ่งกำลังเดินโซซัดโซเซมุ่งหน้าลึกลงไปในหุบเขา ในมือกำไข่มุกวิญญาณเอาไว้แน่น “พี่ใหญ่ ตอนนี้สกุลโอวหยางเรามิมีอีกต่อไปแล้ว ท่านพ่อตายแล้ว อาวุโสกับทุกคนก็ตายหมดแล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องถูกลงโทษอีกต่อไป…น้องจะไปพาพี่กลับมา” ร่างบอบบางนี้ที่แท้ก็เป็นสตรีนางหนึ่ง หากต้วนหลิงเทียนอยู่ที่นี่ย่อมจดจำได้ทันทีว่าสตรีนางนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากบุตรีคนรองของโอวหยางป้าแห่งสกุลโอวหยาง โอวหยางหลัว โอวหยางหลัวนั้น นางก็เกือบตกตายลงในวันที่ตระกูลโอวหยางถูกฆ่าล้างตระกูลแล้ว แต่นับว่านางยังมีโชคอยู่นัก เพราะวันที่เกิดเรื่องนางไม่ได้อยู่ภายในตะกูล อย่างไรก็ตามแม้นางจะรอดพ้นหายนะมาได้อย่างเฉียดฉิว แต่นางก็ยากจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างสงบ เพราะมือสังหารของตลาดมืดหยินชานเองก็ถูกส่งมาตามฆ่าคนสกุลโอวหยางที่เหลือรอดอยู่! ทำให้นางจำต้องหลบหนีออกมาจากเมืองหานเหอแบบนี้.. และทิศทางที่โอวหยางหรัวกำลังมุ่งหน้าไปนั้น ก็คือหุบไร้ก้นบึ้งที่ร่ำลือกันมาอย่างยาวนานในตระกูลโอวหยาง จุดประสงค์นางเรียบง่ายนัก นางอยากไปหาพี่ชายของนางและพาอีกฝ่ายออกมา หากผู้นำตระกูลโอวหยางยังมีชีวิตอยู่และได้รับทราบความคิดนี้ของนาง คงอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มขื่นขมออกมา นั่นเพราะความคิดของโอวหยางหลัวมันไร้เดียงสาและตื้นเขินเกินไป แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่โอวหยางหลัวจะล่วงรู้ตำแหน่งของหุบไร้ก้นบึ้ง เพราะเรื่องนี้ระดับสูงๆของตระกูลโอวหยางก็รู้กันหมด หุบไร้ก้นบึ้งนั้น เสมือนหลุมลึกอันไร้ก้นบึ้ง หากไร้ความสามารถในการกลับออกมา ผู้ที่ถูกส่งลงไปย่อมตายสถานเดียว ทว่าไข่มุกวิญญาณที่โอวหยางหลัวกำเอาไว้ในมือนั้น มันคือไข่มุกวิญญาณของโอวหยางชิง ที่นางนำมาจากโถงบรรพชนของตระกูลโอวหยาง หลังจากที่ตระกูลโอวหยางถูกทำลาย ในวันนั้นนางลอบเข้าไปโดยใช้เส้นทางลับของตระกูลโอวหยาง พอไปถึงก็พบว่าไข่มุกวิญญาณส่วนใหญ่แตกสลายไปหมดแล้ว ที่ยังเหลืออยู่ก็เป็นของคนที่บังเอิญไม่อยู่ในตระกูลเท่านั้น ในตระกูลโอวหยาง ผู้ที่จะมีไข่มุกวิญญาณตั้งไว้ในโถงบรรพชนได้ ต้องเป็นสายเลือดหลัก! หลังจากที่พบว่าไข่มุกวิญญาณของโอวหยางชิงยังไม่แตกสลาย นางก็หยิบติดมือมา และเร่งออกจากเมืองหานเหอ เดินทางมายังหุบไร้ก้นบึ้งที่โอวหยางชิงถูกส่งตัวมาทันที…
คอมเม้นต์