War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 3073
หากต้วนหลิงเทียนสามารถได้ผลเทพสวรรค์มาจริงๆ ก็ไม่ต่างอะไรจากหนึ่งก้าวถึงฟ้า ต่อให้จะเสี่ยงอะไรมากแค่ไหนแล้วเสียอะไรไปก็นับว่าคุ้มค่า อย่างไรก็ตาม หากไม่ได้รับมาครอง หรือสุดท้ายกลายเป็นแค่ 1 ในผู้ที่ถูกสังเวยผลเทพสังเวยสวรรค์ ก็เรียกว่ามีแต่เสียกับเสีย ที่สำคัญที่สุดก็คือ… ต่อให้ผู้อมตะกลับชาติมาเกิดนั่นควบคุมเรื่องการสังเวยได้ราบรื่น จนยอดเซียนอมตะทั้งหลายตกตายจนหมด ก็ไม่แน่ว่าจะได้ผลเทพสังเวยสวรรค์ด้วยซ้ำ เพราะโอกาสก็มีแค่ 1 ใน 10 ส่วนเท่านั้น ซุนเหลียงเผิงลองไถ่ถามตัวเองดูก็ตอบได้ทันที ว่าหากมันเป็นต้วนหลิงเทียนที่มีอนาคตสดใสแบบนี้ มันจะไม่มีวันเอาชีวิตไปเสี่ยงกับผลเทพสังเวยสวรรค์ที่ไม่รู้จะได้รับหรือไม่แน่นอน! อีกอย่างผู้ที่วางแผนเรื่องนี้แม้จะเป็นจักรพรรดิมอมตะที่กลับชาติมาเกิดใหม่ และไม่ได้ถือครองด่านพลังขอบเขตจักรพรรดิอมตะแล้ว แต่ต้องทราบว่าความทรงจำและประสบการณ์สมัยครั้งยังเป็นจักรพรรดิอมตะก็ยังดำรงอยู่ คิดจะควบคุมเหล่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดให้อยู่ในกำมือยังจะไปยากอะไร? “ท่านประมุข ข้าตัดสินใจแน่แล้ว” ได้ยินคำเกลี้ยกล่อมโน้วน้าวของซุนเหลียงเผิง ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวพลางคลี่ยิ้มบางๆ แม้จะคลี่ยยิ้มบางๆแลดูเหมือนทำเล่น แต่สีหน้าแววตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายชัดถึงความจริงจังแน่วแน่ ชวนให้ผู้คนรู้สึกว่าไม่มีอะไรสั่นคลอนได้ “เจ้าทราบหรือไม่…ว่านักฆ่าของกะโหลกเลือดที่มาเฝ้ารอเจ้าอยู่ด้านนอกตอนนี้เป็นราชาอมตะ 9 ตำหนัก?” ซุนเหลียงเผิงมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงขรึม “มันมาถึงนิกายอมตะเป้าผู่เราได้สักพักแล้ว กระทั่งยังพยายามเกลี้ยกล่อมให้ข้าส่งตัวเจ้าออกไปด้วยซ้ำ…แต่ข้าก็ไม่ได้เห็นดีด้วย” “ตอนนี้มันสมควรซุ่มรอเจ้าอยู่ที่ไหนสักแห่งด้านนอกนิกายอมตะเป้าผู่เรา…ตราบใดที่เจ้ากล้าออกไปแม้แต่ก้าวเดียว ข้าเชื่อว่ามันต้องลงมือฆ่าเจ้าทันทีแน่!” ซุนเหลียงเผิงกล่าว “ประมุข ในนิกายสมควรมีค่ากลเคลื่อนย้ายที่คล้ายๆกับค่ายกลเคลื่อนย้ายไปคลังสมบัติอยู่บ้างใช่ไหม? ก็แค่ให้ข้าใช้ค่ายกลเครื่องย้ายนั่น ไม่แน่มันอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าออกไปแล้ว” ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ค่ายกลเคลื่อนย้ายที่เจ้าว่าพวกเรามีอยู่ก็จริง แต่คงยากจะหลบเลี่ยงการตรวจพบของมัน…สำนึกเทวะขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนัก แม้จะไม่อาจแผ่เข้ามาตรวจสอบเรื่องราวด้านในนิกายเราตอนเจ้าใช้ค่ายกล แต่มันสมควรตรวจจับเจ้าพบหลังถูกส่งตัวไปได้ทันทีแน่นอน อาศัยความเร็วของมัน ข้าเกรงว่าเจ้ายังไปได้ไม่ถึงไหนมันก็ตามเจ้าทันแล้ว” กล่าวถึงจุดนี้ซุนเหลียงเผิงก็ส่ายหัวไปมา “ค่ายกลเคลื่อนย้ายไปข้างนอกนิกาย ไม่เหมือนกับค่ายกลเคลื่อนย้ายไปยังคลังสมบัติ” “ที่นั่นเป็นสถานที่ปิดทั้งถูกซ่อนไว้อย่างดี แถมยามคิดจะกลับก็ต้องผ่านค่ายกลเท่านั้น…หาไม่แล้วก็ไม่มีทางกลับมาได้” ซุนเหลียงเผิงกล่าวจบก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ได้ยินคำพูดของซุนเหลียงเผิงต้วนหลิงเทียนก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “หรือ…ไม่มีทางออกจากนิกายอมตะเป้าผู่ โดยไม่ให้นักฆ่ากะโหลกเลือดนั่นรู้จริงๆ?” ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเตรียมใจ้ไว้แล้วว่านักฆ่ากะโหลกเลือดที่มาฆ่าเขารอบนี้จะร้ายกาจ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเคี้ยวยากขนาดนี้ กระทั่งจะลักลอบออกไปนอกนิกายโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว ก็ดูท่าจะทำไม่ได้! มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ ว่าบางทีเขายังมองเรื่องราวง่ายเกินไปอยู่บ้าง แค่จะออกไปอย่างปลอดภัย ยังไม่ง่ายเลย ‘หรือข้าต้องใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองครั้งสุดท้ายจริงๆ? หากระดับพลังข้าทัดเทียมกับจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด บวกกับกฏแห่งไฟที่เข้าใจในตอนนี้ โดยมีเพลิงเทพโกลาหล ทองเทพสุดลี้ลับ และปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินช่วยอีกแรง ก็อาจจะฆ่านักฆ่ากะโหลกเลือดนั่นได้…’ คิดถึงจุดนี้ หว่างคิ้วต้วนหลิงเทียนก็ขดย่นเป็นปมโดยไม่รู้ตัว เพราหากไม่จำเป็นจริงๆ เขาไม่อยากใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองครั้งสุดท้ายในลักษณะนี้เลย อุปกรณ์อมตะจอมราชันนั่น มันเหลือให้เขาใช้ได้อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น เมื่อใช้ไปแล้ว มันก็จะหมดสิ้นคุณค่าทันที และในขณะที่คิ้วต้วนหลิงเทียนขดย่นเป็นปม เขาก็พบว่าซุนเหลียงเผิงก็กำลังขมวดคิ้วอยู่เช่นกัน สีหน้าแววตายังเต็มไปด้วยความลังเล คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ ‘หืม?’ สีหน้าท่าทีของซุนเหลียงเผิง ต้วนหลิงเทียนย่อมมองออกได้ทันที สองตาเขาจึงลุกวาวสว่างจ้าขึ้นมา “ประมุข ท่านมีวิธีรึ?” “หากท่านมีวิธี…ครั้งนี้ข้าถือว่าติดค้างท่าน วันหน้าไม่ว่าจะได้รับหรือไม่ได้รับผลเทพสังเวยสวรรค์ ข้าจะตอบแทนบุญคุณท่านอย่างงามแน่!” ต้วนหลิงเทียนมองซุนเหลียงเผิงพลางกล่าวให้คำมั่นออกมา “ต้วนหลิงเทียนคำพูดเจ้าข้าย่อมเชื่อ เพราะรู้ว่าคนอย่างเจ้าหากพูดแล้วย่อมไม่คิดคืนคำ…แต่บางครั้งไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่าจะตอบแทน เจ้าก็จะสามารถตอบแทนข้าได้จริงๆ หากการไปครั้งนี้ของเจ้าเกิดเรื่องอันใดกระทั่งตกตายไปเล่า?” ซุนเหลียงเผิงส่ายหัวไปมา ได้ยินคำพูดของซุนเหลียงเผิง ต้วนหลิงเทียนก็เงียบไปทันที เขากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นนั้นมีความมั่นใจในตัวเองว่าต้องเอาตัวรอดกันได้แน่ เพราะเขากับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นล้วนมี ‘ไพ่ตาย’ ด้วยกันทั้งคู่ ก็แค่ไพ่ตายเหล่านั้นไม่เหมาะจะเปิดเผยให้ใครล่วงรู้เท่านั้น และพอได้ยินคำนี้ของซุนเหลียงเผิง ต้วนหลิงเทียนก็ได้ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด เขาจะใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองอีกครั้ง จากนั้นก็ให้เพลิงเทพโกลาหล ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน และทองเทพสุดลี้ลัผนึกกำลังกัน ฆ่านักฆ่ากะโหลกเลือดขอบเขตราชอมตะ 9 ตำหนักนั่นที่ดักรอนอกนิกายอมตะเป้าผู่ไปเสีย! คิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนก็เริม่ติดต่อกับเพลิงเทพโกลาหลในร่างทันที “อาวุโสเพลิงเทพโกลาหล…หากข้าใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง และกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนโดยมีพวกท่านช่วยเหลือ…ด้วยกฏที่ข้าเข้าใจตอนนี้ มีโอกาสที่ข้าจะฆ่านักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนักได้หรือไม่?” “หากเจ้าใช้ทุกสิ่งที่มี คิดฆ่านักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 9 หนักทั่วไปก็มีความเป็นไปได้ราว 9 ส่วน…แต่หากนักฆ่าราชาอมตะ 9 ตำหนักนั่น มันเข้าใจความลึกซึ้งประการใดของกฏบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้วล่ะก็…คิดฆ่ามันในกระบวนเดียวย่อมยากเย็นนัก กระทั่งหลังเจ้าออกกระบวนท่าสังหารไปแล้วหากมันไม่ตาย ด้วยพลังที่สมควรลดลงไปเหลือขอบเขตราชาอมตะของเจ้า มันต้องจัดการเจ้าได้ง่ายๆแน่” เพลิงเทพโกลาหลกล่าว “แต่ก็เป็นธรรมดา ว่านักฆ่าจากกะโหลกเลือดนั่นอาจไม่ร้ายกาจถึงขั้นนั้น” ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนได้ยินคำพูดของเพลิงเทพโกลาหล และสองตาเขาส่องสว่างลุกวาวขึ้นมาราวกับจะตัดสินใจได้แล้ว เสียงของซุนเหลิงเผิงก็ดังขึ้นพอดี “ต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นเจ้าเอายันต์อมตะชิ้นนี้ไปใช้เถอะ” พอต้วนหลิงเทียนมองไปยังซุนเหลียงเผิงอีกครั้ง ก็พบว่าอีกฝ่ายเรียกยันต์อมตะออกมาแผ่นหนึ่งและยื่นส่งมาให้เขา ยันต์อมตะดังกล่าวมองผ่านๆ ก็ไม่ต่างอะไรจากยันต์อมตะทั่วไป อย่างไรก็ตาม พอสังเกตให้ดี ต้วนหลิงเทียนก็พบว่ายันต์อมตะแผ่นนี้กลับมีแสงพลังสีเขียวเรืองรองออกมา พอแผ่สำนึกเทวะไปตรวจสอบ ก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังว่องไวหนึ่ง คล้ายๆกลิ่นอายพลังจากความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟที่เสริมความเร็ว “นี่คือยันต์หลบหนีเงาวายุ ที่ข้าได้รับเป็นรางวัลหลังทำภารกิจหนึ่งให้คฤหาสน์เฉวียนโยว…เป็นยันต์ที่จอมราชันอมตะอันที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมหลายประการบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยสร้างขึ้น…” “นอกจากนั้น พลังแห่งกฏที่บรรจุไว้ในยันต์นี้ ไม่ว่าจะกายสายลมหรือลมกรด ก็ล้วนแล้วแต่บรรลุขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย…” พอเห็นต้วนหลิงเทียนมองสำรวจยันต์อมตะในมือ ซุนเหลียงเผิงก็อธิบายออกมา “ฟืด~” แทบจะทันทีที่ซุนเหลียงเผิงกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ ใจยังสะท้านไปอยู่บ้าง “ยันต์อมตะที่จอมราชันอมตะสร้างขึ้นหรือ?” “ซ้ำยังบรรจุไว้…ด้วยความลึกซึ้งลมกรดกับกายสายลมที่บรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย?!” ต้องทราบด้วยว่าวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับราชานั้น สามารถช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจความลึกซึ้งของกฏต่างๆได้แค่ขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นเท่านั้น หากคิดจะบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย ก็จำต้องได้รับวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับจอมราชันที่สอดคล้องกันมาฝึก… อย่างไรก็ตาม ต่อให้เป็นราชาอมตะ 10 ทิศระดับแนวหน้า ก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นมี่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏใดๆถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย เพราะวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังระดับจอมราชันมีค่ามาก และต่อให้จะได้มาฝึกปรือ แต่คิดจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏที่แฝงอยู่ในนั้นถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย…ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ! “ด้วยมียันต์อมตะแผ่นนี้ ต่อให้เป็นจอมราชันอมตะทั่วไปยังไล่เจ้าไม่ทัน…นักฆ่าของกะโหลกเลือดที่เป็นแค่ราชาอมตะ 9 ตำหนัก ย่อมไม่มีปัญญาไล่เจ้าทันได้แน่นอน!” กล่าวจบคำซุนเหลียงเผิงก็ใช้พลังส่งยันต์อมตะแผ่นดังกล่าวให้มาหยุดลอยเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนเห็นได้ชัดเจน ว่าสีหน้าอีกฝ่ายยังเต็มไปด้วยความลังเลคล้ายเสียดายหนักหนา “ประมุขนิกาย ยันต์อมตะแผ่นนี้ล้ำค่าเกินไป ข้ารับไว้ไม่ได้หรอก…” เมื่อเห็นถึงความลังเลไม่เต็มใจของซุนเหลียงเผิง กอปรทั้งยันต์หบหนีเงาวายุแผ่นนี้ก็มีค่ามากจริงๆ ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัวตอบปฏิเสธไป แม้จะหวั่นไหวเพราะรู้ดีว่ายันต์ใบนี้สามารถช่วยชีวิตเขาได้แน่นอนก็ตาม หากเขาไม่มีหนทางออกจากนิกายอมตะเป้าผู่แล้วจริงๆ ต่อให้ต้องบากหน้าร้องขอ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่รีรอที่จะคว้ายันต์อมตะแผ่นนี้แน่นอน เพราะเขาต้องการมันจริงๆ ต่อให้ต้องติดหนี้บุญคุณอีกฝ่ายครั้งใหญ่เขาก็ยอม แต่ตอนนี้เขาพอมีหนทางอยู่บ้าง เช่นนั้นจึงปฏิเสธความเมตตานี้ของซุนเหลียงเผิง “เจ้าเอาไปเถอะ…ข้าเก็บไว้ก็ไม่รู้ว่าจะได้ใช้เมื่อไหร่” ตอนนี้เองความลังเลและไม่เต็มใจในสีหน้าแววตาของซุนเหลียงเผิงพลันสลายหายไป และยังใช้พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดหอบหิ้วยันต์เข้าไปใกล้ต้วนหลิงเทียนมากขึ้น เรียกว่าขอแค่ต้วนหลิงเทียนยื่นมาออกมาเล็กน้อยก็คว้าได้ทันที “ประมุข…” ต้วนหลิงเทียนยังคิดจะปฏิเสธ หากแต่ดูเหมือนซุนเหลียงเผิงจะตัดสินใจแน่วแน่แล้ว “เอาไปเถอะ! แล้วอย่าทรยศความคาดหวังของข้าเล่า! และหากเจ้ารอดชีวิตกลับมาได้ วันหน้าเจ้าต้องชดใช้ให้ข้า 2 เท่า…ข้ามิโลภนักหรอก ขอแค่ได้ยันต์เงาวายุเหมือนแผ่นนี้สัก 2-3 แผ่นก็พอ” ซุนเหลียงเผิงกล่าวพลางหัวเราะ ถึงแม้จะรู้ดีว่าซุนเหลียงเผิงกล่าวล้อเล่น แต่ต้วนหลิงเทียนก็จดจำคำพูดของซุนเหลียงเผิงไว้ในใจ ขณะเดียวกันก็ไม่คิดปฏิเสธความหวังดีของอีกฝ่ายอีก เพราะเขาเองก็มองเห็นว่าตอนนี้ปฏิเสธไปก็เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเขายังยืนกรานปฏิเสธอีก ก็เหมือนไม่ไว้หน้าซุนเหลียงเผิง “ประมุขนิกาย…ไม่ต้องห่วง ท่านไม่ขาดทุนแน่!” ต้วนหลิงเทียนยื่นมือออกไปคว้ายันต์หลบหนีเงาวายุมากำไว้แน่น จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองกล่าวกับซุนเหลียงเผิงอย่างจริงจัง!
คอมเม้นต์