War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 3066
“ราชาอมตะ 6 ผสาน!?” สิ้นคำกล่าวต้วนหลิงเทียน สีหน้าซุนเหลียงเผิงก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง! นักฆ่าระดับราชาอมตะ 6 ผสานขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดนั้น…มั่นใจได้เลยว่ามันไม่ใช่ราชาอมตะ 6 ผสานธรรมดาๆเป็นแน่! ความลึกซึ้งที่เข้าใจย่อมเหนือกว่าราชาอมตะ 6 ผสานในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวส่วนใหญ่แน่นอน!! “นักฆ่านั่น…เป็นราชาอมตะ 6 ผสานงั้นเหรอ!?” ในขณะที่หน้าซุนเหลียงเผิงเปลี่ยนสี ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอกหุบเขา จากนั้นเงาทะมึนจากรางมหึมาที่แทบจะบดบังแผ่นฟ้าก็เริ่มทาบทับไปทั่วหุบเขาบริเวณนี้ พอต้วนหลิงเทียนเงยหน้าขึ้นไปก็พบนกตัวใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายเหยี่ยวภูเขาที่เขารู้จักตัวหนึ่ง และพริบตาต่อมาร่างมหึมาดังกล่าวก็ทอแสงสว่างเรืองวาบ จากนั้นก็กลับกลายเป็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียว คนโรยตัวลงมาจากฟากฟ้า พริบตาก็บรรลุถึงข้างกายซุนเหลียงเผิง… “ต้วนหลิงเทียน นี่คือ ชิงหง น้องรองของข้าเอง” หลังชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวลงมาหยุดยืนข้างกาย ซุนเหลียงเผิงก็ผายมือแนะนำอีกฝ่ายให้ต้วนหลิงเทียนรู้จักทันที ถึงแม้ตั้งแต่ตอนที่ต้วนหลิงเทียนเริ่มก้าวออกมาจากนิกายอมตะเป้าผู่ ชิงหงก็ติดตามคุ้มกันเขามาตลอดทาง แต่ทว่าต้วนหลิงเทียนไม่เคยเห็นตัวชิงหงเลย นี่นับเป็นครั้งแรกจริงๆที่เขาได้เห็นหน้าค่าตาอีกฝ่าย “ขอบคุณอาวุโสชิงหงที่คอยติดตามให้ความคุ้มครองข้า” ตั้งแต่ที่เห็นร่างผู้มาใหม่ปรากฏตัว ต้วนหลิงเทียนก็พอจะคาดเดาตัวตนของอีกฝ่ายได้ พอมาได้ยินซุนเหลียงเผิงแนะนำอย่างเป็นทางการ ต้วนหลิงเทียนก็รีบประสานมือคารวะทักทายอีกฝ่ายทันที “ครั้งนี้เป็นข้าประมาทเกินไป ข้าไม่คิดเลยว่ามันจะใช้ค่ายกลเคลื่อนนย้ายครั้งเดียวแบบนี้…โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไร ไม่งั้นข้าไม่รู้จะสู้หน้าพี่ใหญ่อย่างไรแล้ว” ชิงหงกล่าวออกด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด มันไม่ได้รู้จักอะไรกับต้วนหลิงเทียนเลย แต่ไฉนที่มันมาลอบติดตามคุ้มครองต้วนหลิงเทียนนั้น เพราะพี่ใหญ่มาขอความช่วยเหลือจากมันด้วยตัวเอง หาไม่แล้วต้วนหลิงเทียนจะอยู่หรือตายเกี่ยวอะไรกับมัน? ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้เรื่องนี้ดี เช่นนั้นหลังจากกล่าวทักทายขอบคุณชิงหงพอเป็นพิธีเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรอีกฝ่าย “นักฆ่ากะโหลกเลือดคนนี้ สมควรเข้าใจกฏแห่งลมใช่ไหม?” หังชิงหงกวาดตามองความวินาศสันตะโรทั่วหุบเขาพักหนึ่ง ก็หันมามองถามต้วนหลิงเทียนเพื่อยืนยัน มันเองก็เป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในกฏแห่งลมเช่นกัน ดังนั้นมันย่อมมองออกได้แทบจะทันทีจากร่องรอยการทำลายล้างที่หลงเหลืออยู่ทั่วหุบเขา ว่านักฆ่ากะโหลกเลือดนั้นเชี่ยวชาญในกฏแห่งลมเหมือนมัน “ใช่” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “นักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสานของกะโหลกเลือดที่เชี่ยวชาญกฏแห่งลมงั้นหรือ…ดูจากร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ในหุบเขาแล้ว รวมกับความหมายแห่งลมมันสมควรเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมอีกราวๆ 4-5 ประการ” ซุนเหลียงเผิงเดา เท่าที่มันรู้มา ปกติแล้วนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสานขององค์กรมือสังหารระดับแนวหน้าของแดนสวรรค์ใต้อย่างองค์กรกะโหลกเลือด ปกติแล้วก็จะเข้าใจความลึกซึ้งของกฏราวๆ 4-5 ประการ “4-5 ประการ?” อย่างไรก็ตามได้ยินการคาดเดาของซุนเหลียงเผิงต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มแหยๆออกมา มุมปากยังกระตุกขึ้นมาตงิดๆ เนื่องเพราะซุนเหลียงเผิงประเมินนักฆ่าที่เขาพึ่งฆ่าทิ้งไปต่ำไป! นักฆ่ากะโหลกเลือดคนนี้ หากนับรวมความหมายแห่งลมเข้าไปด้วยล่ะก็ อีกฝ่ายนั้นเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม0จนบรรลุขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้นไปแล้วถึง 6 ประการเลยทีเดียว! “ไม่ มันเข้าใจความลึกซึ้งมากกว่า 5 ประการ!” และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะเอ่ยบอกซุนเหลียงเผิงว่า ที่แท้นักฆ่ากะโหลกเลือดคนนี้มันเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึง 6 ประการนั้น เสียงของชิงหงก็ดังขึ้นเสียก่อน “ข้าดูจากร่องรอยในหุบเขาที่เกิดจากการประมือระหว่างมันกับต้วนหลิงเทียน หากรวมความหมายแห่งลมแล้ว…นักฆ่าคนนี้สมควรเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึง 6 ประการ!” ชิงหงกล่าวเสียงเข้ม และคำพูดดังกล่าวของชิงหง ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนจำต้องมองชิงหงใหม่อีกรอบ เพราะอีกฝ่ายกล่าวถูกเผง! และพอเห็นสีหน้ามั่นใจของชิงหง ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหนังศีรษะชาด้านอยู่บ้าง เพราะท่าทางอีกฝ่ายจะไม่ได้เดาส่งเดช แต่มั่นใจแบบนั้นจริงๆ เห็นๆกันอยู่ว่าชิงหงผู้นี้สมควรไม่ได้เห็นฉากตอนที่เขาประมือกับนักฆ่ากะโหลกเลือด แต่อีกฝ่ายกลับสามารถระบุจำนวนความลึกซึ้งที่นักฆ่าเข้าใจได้อย่างแม่นยำจากร่องรอยการต่อสู้! “น้องรอง เจ้าแน่ใจรึ!?” ได้ยินคำพูดของชิงหง ซุนเหลียงเผิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วกล่าวถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้าต้องทราบด้วยว่า ต่อให้เป็นองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดเอง นักฆ่าระดับราชาอมตะ 6 ผสานที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึง 6 ประการ ก็นับว่ามีน้อยคน!” “ไม่ผิดแน่นอน” สายตาชิงหงหันไปกวาดมองร่องรอการต่อสู้ทั่วหุบเขาอีกครั้ง “พี่ใหญ่ท่านดูร่องรอยการต่อสู้บนพื้นกับรอบๆนี่สิ…สมควรเกิดจากความลึกซึ้ง พายุ ไม่ผิดแน่ ถึงได้ส่งผลกระทบร้ายแรงเป็นวงกว้างขนาดนี้” “ท่านเห็นรอยแตกจมลึก แต่ปากรอยเรียบเนียนที่เต็มไปหมดหรือไม่…มันเป็นผลจากโดนคมมีดสายลมแน่นอน” “ส่วนร่องรอยที่ผนังอันคล้ายถูกบางสิ่งเชือดเฉือนถี่ยิบนั่น…เป็นผลจากความลึกซึ้ง สะบั้น” … “อีกทั้ง ร่องรอยตัดลากยาวจากจุดโน้นมาถึงจุดนั้น…สมควรเป็นมันใช้อาวุธมีคมเล็กๆบางอย่างตัดผ่านด้วยความเร็วที่สูงล้ำมากๆ อีกทั้งจากข้าแผ่สำนึกเทวะเข้าไปดูร่องรอยกลับลึกอย่างน่าเหลือเชื่อ หมายความว่ามันไม่เพียงแต่จะใช้อาวุธระดับราชาที่ผ่านการขัดเกลาจากจอมราชันเท่านั้น แต่มันสมควรผสานพลังจากความลึกซึ้ง ควบรวมสายลม และลมกรด ลงไปด้วย…” นอกจากความหมายแห่งลมแล้ว ชิงหงสามารถระบุชื่อความลึกซึ้งของกฏแห่งลมที่นักฆ่ากะโหลกเลือดออกมาได้อย่างมีเหตุผลทีละประการๆ จนครบ 5 ประการโดยที่ไม่มีผิดเพี้ยนแม้แต่น้อย หลังชิงหงกล่าวจบคำ มันก็หันมามองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง พลางถามว่า “ข้าพูดถูกหรือไม่?” “ถูก” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ แม้ผิวเผินเขาจะแลดูเฉยๆ แต่ในใจเสมือนมีพายุก่อตัวขึ้นมาอยู่บ้าง หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความแตกตื่นแล้ว ซุนเหลียงเผิง ก็หันมามองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความเหลือเชื่อ “ต้วนหลิงเทียน ในเมื่อนักฆ่าจากกะโหลกเลือดคนนี้มันเป็นถึงราชาอมตะ 6 ผสานที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึง 6 ประการ…ต่อให้เจ้าจะถือครองพลังขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศจากอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง…แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าก็เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินแค่ 2 ประการหรือไร?” “แล้ว…เจ้าฆ่ามันได้อย่างไร?” ตอนนี้ในใจของซุนเหลียงเผิงเต็มไปด้วยความสับสนงุนงงนัก ราชาอมตะ 6 ผสานที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 6 ประการ คิดฆ่าราชาอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินแค่ 2 ประการ สมควรเป็นเรื่องราวที่ง่ายดายไม่ต่างอะไรจากตัดหญ้าฆ่าไก่… ช่องว่างระหว่างความลึกซึ้ง 4 ประการนั้น มันบดขยี้ช่องว่างระหว่างด่านพลังบบ่มเพาะ 4 ขั้นได้อย่างราบคาบ! ราชาอมตะ 10 ทิศนั้น หากคิดจะประมือกับราชาอมตะ 6 ผสานที่เข้าใจความลึกซึ้งแห่งกฏถึง 6 ประการ อย่างน้อยๆก็ต้องเข้าใจความลึกซึ้งของกฏถึง 4 ประการ! อย่างไรก็ตาม เท่าที่มันทราบต้วนหลิงเทียนเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งดินแค่ 2 ประการเท่านั้น แถมความลึกซึ้งนอกเหนือจากความหมายแห่งดินแล้ว ก็สมควรเด่นเรื่องการป้องกันเป็นหลัก สำหรับความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วงที่ต้วนหลิงเทียนเข้าใจได้บางส่วนนั้น เกรงว่าจะยังไม่ทรงพลังถึงขั้นนำมาใช้งานจริงได้ จริงอยู่ที่ต้วนหลิงเทียนอาจใช้การโจมตีทางวิญญาณ แต่พลังแห่งกฏเองก็สามารถต้านทานพลังวิญญาณได้เช่นกัน กล่าวได้ว่าต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะใช้การโจมตีทางวิญญาณจริง แต่อาศัยพลังวิญญาณขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศที่เข้าใจความลึกซึ้งแห่งกฏแค่ 2 ประการกับอีกนิดหน่อย ไม่มีทางทำอะไรนักฆ่าราชาอมตะ 6 ผสานที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 6 ประการได้เลย… “ประมุข…” ได้ยินคำถามดังกล่าวของซุนเหลียงเผิง ต้วนหลิงเทียนที่เตรียมคำตอบไว้ตั้งแต่แรก ก็กล่าวตอบออกมาทันที ขณะเดียวกันสีหน้าเขายังปรากฏความรู้สึกผิดขึ้นมา “อันที่จริงกฏที่ข้าเชี่ยวชาญที่สุดไม่ใช่กฏแห่งดิน…กฏแห่งดินเป็นแค่กฏรองของข้าเท่านั้น” “ข้าเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟได้ 4 ประการแล้ว…ในแง่ความแข็งแกร่งของพลัง ข้ากับมันถือว่าทัดเทียมกัน แต่ข้าเลือกจะใช้พลังทั้งหมดที่ได้รับจากอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองทุ่มลงกับการโจมตีเพียงครั้งเดียว อีกทั้งยังเลือกจะเสี่ยงโจมตีแลกชีวิตกับมันด้วย สุดท้ายจึงฆ่ามันได้…” “อย่างไรก็ตาม การลงมือแบบทุบหม้อจมเรือของข้า ทำให้ถึงแม้ข้าจะฆ่ามันได้…แต่ข้าก็ร่อแร่อย่างที่ท่านเห็น และอาการบาดเจ็บของข้าตอนนี้ เกรงว่าต่อให้ใช้โอสถรักษาอย่างน้อยๆข้าก็คงต้องพักฟื้นรักษาตัว 2-3 เดือน…” กล่าวถึงท้ายประโยค ต้วนหลิงเทียนก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 4 ประการ ข้อแก้ตัวดังกล่าวต้วนหลิงเทียนเตรียมไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เนื่องจากเขาสามารถฆ่าราชาอมตะ 6 ผสานที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมได้ถึง 6 ประการ ซุนเหลียงเผิงสิบในสิบไม่พ้นต้องถามหาคำอธิบายแน่นอน หากเขาตอบไปว่าเข้าใจความลึกซึ้งแห่งไฟได้แค่ 2 ประการ จะให้ซุนเหลียงเผิงคิดอย่างไร… ในฐานะที่เป็นถึงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ ซุนเหลียงเผิงใช่ตัวโง่งมหรือ? มันไม่พ้นต้องเชื่อมโยงไปกับบางสิ่งที่สามารถทำให้พลังของเขาเพิ่มพูนขึ้นได้อย่างมหาศาลอีกแน่! ศาสตราหรือชุดเกราะอมตะระดับจอมราชัน? หรือใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลืองอีกครั้ง? กล่าวไปตั้งแต่ที่เห็นพลังของนักฆ่าคนใหม่ ต้วนหลิงเทียนก็มีความคิดว่าจะใช้อุปกรณ์อมตะจอมราชันครั้งสุดท้ายอยู่บ้าง ด้วยวิธีนี้จะทำให้เขาถือครองพลังขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดอีกครั้งในช่วงระเวลาหนึ่ง ถึงตอนนั้นต่อให้เขาจะไม่มีหนทางเข่นฆ่าอีกฝ่ายจริง แต่ถ้าใช้พลังทั้งหมดเพื่อการหลบหนี ก็ย่อมหลบหนีได้พ้นแน่นอน… พอเสียงกล่าวต้วนหลิงเทียนดังจบคำ นอกจากชิงหงที่มองต้วนหลิงเทียนและเห็นด้วยกับคำตอบราวกับเป็น ‘จริง’ ตามนั้นแล้ว ด้านซุนเหลียงเผิงถึงกับตกตะลึงอึ้งไปยากจะฟื้นอยู่นาน อันที่จริงตัวชิงหงนั้น ตั้งแต่ที่มันเริ่มกวาดตามองร่องรอยการปะทะที่หลงเหลือทั่วหุบเขารอบที่สอง มันไม่เพียงแต่จะเห็นร่องรอยการทำลายจากความลึกซึ้งของลม มันยังเห็นร่องรอยจากความลึกซึ้งของกฏอีกอย่างเช่นกัน และร่องรอยของกฏอีกอย่างที่ว่า ไม่ใช่อะไรที่เกิดจากความลึกซึ้งของกฏแห่งดินแน่นอน แต่สมควรเป็นกฏแห่งไฟ! เพราะตัวมันเองก็เชี่ยวชาญกฏแห่งไฟเป็นกฏรองเช่นกัน ทำให้มันเองยังอดคิดไปไม่ได้ว่า… หรือกฏที่ต้วนหลิงเทียนช่ำชองที่สุดจะไม่ใช่กฏแห่งดิน แต่เป็นกฏแห่งไฟ? ทำให้ต้วนหลิงเทียนที่เข้าไปเลือกวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังในหอตำราชั้นนสุด ไม่ได้เลือกวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังระดับราชาธาตุดินมาเลย แต่กลับเลือกวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังธาตุไฟมาแทน จากนั้นสักพัก ในที่สุดซุนเหลียงเผิงก็ดึงสติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง และหันไปมองต้วนหลิงเทียนทั้งกล่าวออกด้วยความตกใจ “ต้วนหลิงเทียน เจ้านับเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถสูงล้ำที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นกระทั่งเคยได้ยินมาชั่วชีวิต…” “ไม่ต้องกล่าวถึงประวัติศาสตร์ในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวเลย ต่อให้เป็นประวัติศาสตร์ของทั้งแดนสวรรค์ใต้ ข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว ว่ายังจะมีอัจฉริยะคนใดที่อายุไม่ถึงร้อยปี หากแต่บรรลุด่านพลังขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด ทั้งยังเข้าใจความลึกซึ้งของกฏหลัก 4 ประการ และความลึกซึ้งของกฏรองได้ 2 ประการ…” ยิ่งกล่าวสองตาที่ซุนเหลียงเผิงใช้มองจ้องต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งทอประกายสว่างเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ “อายุไม่ถึงร้อยปี?” ได้ยินวาจาดังกล่าวของซุนเหลียงเผิง ชิงหงจำต้องหันไปมองต้วนหลิงเทียนใหม่อีกรอบ ในแววตาฉายชัดถึงความประหลาดใจครั้งยิ่งใหญ่ ถึงแม้มันจะตระหนักได้แต่แรก ว่าพี่ใหญ่ของมันให้ความสำคัญกับต้วนหลิงเทียนคนนี้มาก หาไม่แล้วคงไม่ถึงกับออกปากให้มันมาลอบติดตามคุ้มครองความปลอดภัยของอีกฝ่ายด้วยตัวเองแบบนี้… อย่างไรก็ตามมันไม่เคยรู้เลยว่าต้วนหลิงเทียนยังมีอายุไม่ถึงร้อยปี! ‘ก็ว่าแล้วเชียว…หากไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นอัจฉริยะที่ร้ายกาจเยี่ยงปีศาจ พี่ใหญ่คงไม่ให้คุณค่าเจ้ามากขนาดนี้’ คิดถึงจุดนี้ชิงหงก็เข้าใจทุกอย่างกระจ่างแจ้ง “ให้เป็นอัจฉริยะมากพรสวรรค์แล้วยังไง กระทั่งคนข้างกายข้ายังไม่อาจปกป้องได้…” ต้วนหลิงเทียนค่อยๆหอบหิ้วร่างยับเยินไปยังมุมหนึ่งของหุบเขา จากนั้นก็ไปรวบรวมชิ้นส่วนร่างหลิวก่วงหลิงที่ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ก่อนที่จะใช้สองมือค่อยๆขุดหลุมฝังอีกฝ่ายอย่างบรรจง ตอนนี้เองสองตาต้วนหลิงเทียนก็กลายเป็นแดงก่ำ อดรู้สึกเสียใจไม่ได้ “บางที ตอนนั้นหากข้าเลือกจะยืนกรานให้หลิวก่วงหลินลงหลักปักฐานที่ประเทศฝูชิวเสียก็คงดี จะได้ไม่ต้องเกิดเรื่องอะไรแบบนี้…” ในเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนยืนเศร้าเสียใจหน้าหลุมศพหลิวก่วงหลิง ห่างออกไปจากเขตปกครองคฤหาสน์เฉวียนโยว ณ สาขาหนึ่งขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด มีคนพบว่าลูกแก้ววิญญาณของนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสานได้แตกเป็นเสี่ยง!
คอมเม้นต์