War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 3056

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 3056 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

WSSTH ตอนที่ 3,056 : จอมราชันอมตะกลับชาติมาเกิด?
 
 
ชายวัยกลางคนตะลึงอึ้งค้างไปโดยสมบูรณ์!
 
อันที่จริงตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนดูเหมือนจะรู้จักองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด อีกทั้งรู้ว่ามันสมควรเป็นนักฆ่าจากองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดแต่ยังนิ่งเฉยอยู่ได้ ไม่ได้เผยท่าทีหวาดหวั่นขลาดกลัวอันใด มันก็รู้สึกทะแม่งๆแล้ว
 
ทว่าพอนึกถึงข้อความจากเจิ้งหงอี้ ศิษย์ฝ่ายในนิกายอมตะเป้าผู่ที่เป็นหูเป็นตาให้มัน กอปรทั้งรายงานจากหน่วยข่าวกรองที่บอกว่าต้วนหลิงเทียนเป็นแค่คนจากระนาบโลกะที่ขึ้นสวรรค์มา มันก็รู้สึกว่าไม่น่าจะมีอะไรผิดพลาดไปได้
 
ต่อให้อีกฝ่ายจะเป็นผู้อมตะทรงพลังที่กลับชาติมาเกิด และสมควรปลุกความทรงจำเมื่อชาติก่อนได้จริง…
 
แล้วยังไง?
 
เพราะไม่ว่าชาติที่แล้วอีกฝ่ายจะเป็นใคร ร้ายกาจแค่ไหน แต่ในปัจจุบันก็เป็นแค่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดเท่านั้น!
 
“เจ้า…เจ้าทำได้ยังไงกัน…เป็นไปได้ยังไง!?”
 
ชายวัยกลางคนยิ่งมายิ่งแตกตื่น เพราะมันพบว่าไม่ว่าจะเร่งเร้าพลังเท่าไหร่ กระทั่งใช้ความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำประการอื่นๆมากแค่ไหน หากแต่ไม่อาจถอนรั้งหมัดออกมาได้เลย!
 
ต้วนหลิงเทียนเพียงลอยร่างแน่นิง ปล่อยให้พลังจากความลึกซึ้งของกฏแห่งน้ำของอีกฝ่าดิ้นรนวุ่นวายไปเรื่อย ไม่ได้สะทกสะท้านใดๆทั้งสิ้น!
 
“หึ!”
 
ต้วนหลิงเทียนพ่นลมสบถเสียงเย็น พร้อมกันนั้นฝ่ามือก็เริ่มออกแรงบีบหมัดชายวัยกลางคนเล็กน้อย
 
จากนั้น!
 
กร๊อบ คว่าก!!
 
เสียงกระดูกแตกทั้งเนื้อฉีกกระชากดังขึ้น เป็นทั้งแขนของชายวัยกลางคนถูกต้วนหลิงเทียนบิดกระชากจนขาดออกอย่างแรง จากนั้นก็โยนทิ้งไปดั่งขยะชิ้นหนึ่ง!
 
ไม่กี่ลมหายใจ แขนข้างที่ถูกกระชากขาดของชายวัยกลางคนก็ร่วงตกลงไปยังผิวทะเลสาบอันกระจ่างใส ก่อเกิดบุปผาลิตแดงฉาน มองไปราวกับมีกุหลาบน้ำผลิบาน
 
ระหว่างที่แขนร่วงตก แม้ชายวัยกลางคนจะมีเวลามากพอให้ใช้พลังดูดรั้งแขนกลับมาต่อ แต่มันก็ไม่กล้าทำอะไรทั้งสิ้น
 
มันได้แต่มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสองตาเบิกโพลง ทำราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ “เจ้า…เจ้ามิใช่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด!”
 
“เจ้า…ไฉนเจ้าถึงได้มีพลังเซียนอมตะมหาศาลขนาดนี้ได้!!”
 
พอกล่าวจบคำ ร่างชายวัยกลางคนที่หลั่งเหงื่อเย็นชุ่มโชก ก็เร่งล่าถอยยออกไปจากต้วนหลิงเทียนอย่างเร็ว คล้ายต้วนหลิงเทียนเป็นเทพแห่งโรคห่า หรือไม่ก็จะกลืนกินมันอย่างไรอย่างนั้น
 
เมื่อครู่ ตอนที่ต้วนหลิงเทียนลงมือ มันเองก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังธาตุดิน
 
อีกทั้งต้วนหลิงเทียนไม่ได้ใช้วิธีการอื่นใดเลย เพียงแค่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ผสานพลังธาตุดินเท่านั้น
 
เหตุผลที่ไฉนพลังของต้วนหลิงเทียนถึงได้กล้าแข็งสุดที่มันจะทำอะไรได้ เป็นเพราะพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของต้วนหลิงเทียนทรงพลังเกินไป ถึงขั้นที่พลังเซียนอมตะของราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด อันผสานพลังของความลึกซึ้งจากฏแห่งน้ำทั้งหลายเอาไว้ของมัน ไม่อาจทำอะไรได้เลย!!
 
‘ถึงจะเป็นพลังเซียนอมตะของตัวตนขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศ ก็ไม่มีพลังอำนาจสะกดข่มข้าถึงขนาดนี้…และไม่ทรงพลังเท่าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเมื่อครู่ของมันด้วยซ้ำ!’
 
‘รู้สึกเหมือน…พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของมันได้ก้าวข้ามขอบเขตราชาอมตะไป และบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันอมตะแล้ว!’
 
คิดถึงจุดนี้ ชายวัยกลางคนย่อมรู้ตัวดีว่ามันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนอีกต่อไป อย่างน้อยๆมันก็ไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้เลย!
 
‘ต้วนหลิงเทียนนั่นมันพึ่งจะออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณมาไม่นาน บ่งบอกว่าด่านพลังของมันเมื่อไม่กี่เดือนก่อนสมควรอยู่ในขอบเขตยอดเซียนอมตะไม่ผิดแน่..’
 
‘แต่พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของมันวันนี้ สมควรแตะถึงขอบเขตจอมราชันอมตะแล้ว…สิ่งนี้เป็นไปได้ประการเดียว มันมีอุปกรณ์อมตะระดับจอมราชันประเภทสิ้นเปลือง!’
 
‘ตอให้พลังที่มันได้มาจะใช้แล้วหมดไป…ทว่าคิดจะฆ่าข้าก่อนพลังหมด นับเป็นเรื่องราวอันง่ายดายนัก’
 
ในห้วงเวลาดุจฟ้าแลบ ชายวัยกลางคนก็คาดเดได้ว่าไฉนพลังของต้วนหลิงเทียน ถึงเทียบได้กับพลังของจอมราชันอมตะ
 
และจังหวะนี้ ในใจของมันหลงเหลือเพียงความคิดเดียวเท่านั้น
 
หนี!
 
อนิจจาในขณะที่ชายวัยกลางคนริเริ่มเคลื่อนไหว ต้วนหลิงเทียนที่เดาได้แต่แรก ก็ยกมือขึ้นมาโบกอย่างไม่รีบไม่ร้อน จากนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ผสานกับพลังธาตุดินก็เริ่มปะทุออกมา
 
ครืน! ครืน! ครืน! ครืน! ครืน!
 

 
พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ผสานพลังธาตุดิน แผ่พุ่งออกไปไม่ทันไรก็ควบรวมก่อเกิดเสาศิลาทมิฬมากมาย จากนั้นก็พุ่งไปก่อตัวเป็นลูกกรง กักขังร่างชายวัยกลางคนเอาไว้ในฉับพลัน!
 
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะยังเข้าใจความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วงไม่ถึงขั้นตอนความสำเร็จเบื้องต้น และไม่อาจใช้วรยุทธ์อมตะระดับราชาอย่างคุกศิลาทมิฬได้เต็มประสิทธิภาพ
 
ที่สำคัญสนามพลังโน้มถ่วงในคุก ก็ไม่ได้รุนแรงถึงจุดสูงสุดเคล็ดวรยุทธ์
 
แต่ทว่าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของต้วนหลิงเทียนที่ขับเคลื่อนวรยุทธ์อยู่ตอนนี้ มันเป็นพลังที่เทียบได้กับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด…
 
พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดระดับนั้น เมื่อรวมกับพลังจากความลึกซึ้งพื้นที่โน้มถ่วง ถึงจะเข้าใจแค่พอให้ใช้พลังได้บางส่วน แต่ผลลัพธ์กลับทรงพลังมาก!!
 
อย่างน้อยๆชายวัยกลางคนที่ถูกคุกศิลาทมิฬกักขังเอาไว้ ตอนนี้ร่างก็ร่วงไปกองติดลูกกรงด้านล่างหนึบ! ไม่อาจลุกขึ้นได้เลย!!
 
“บัดซบ!”
 
ชายวักลางคนกล่าวสบถออกมาด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน บัดนี้มันเกร็งพลังทั่วร่างหมายแข็งขืนแรงดึงดูดที่กดทับร่างอย่างหนักหน่วงเต็มกำลัง อนิจจาแม้เส้นเลือดที่ขมับจะปูดโปนทั้งดวงตาแทบปริแตกร่างสั่นระริก ไม่เว้นพลังจากความลึกซึ้งธาตุน้ำจะทะลักออกมาเท่าไหร่ แต่มันก็ไม่อาจลุกขึ้นได้เลย
 
“หนีไม่ได้…ข้าตายแน่!”
 
จังหวะนี้สีหน้าชายวัยกลางคนเริ่มเปลี่ยนเป็นซีดเทา ยังตระหนักได้ชัดเจน ว่ามันต้องตายแน่นอนแล้ว
 
“ตราบใดที่เจ้าพูดมาว่าใครเป็นคนจ้างองค์กรกะโหลกเลือดของเจ้าให้มาสังหารข้า เห็นแก่ที่พวกเราไม่เคยมีความแค้นใดๆต่อกัน และเจ้าก็แค่ทำงานรับเงิน ข้าจะเมตตาละเว้นเจ้าสักครั้ง”
 
ต้วนหลิงเทียนมองไปยังชายวัยกลางคนที่หน้าซีดเทา พลางเอ่ยออกเสียงเรียบ
 
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ชายวัยกลางคนก็ทำแค่พยายามเงยหน้าขึ้นมามองต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มขมขื่นเท่านั้น
 
และพริบตาต่อมา ต้วนหลิงเทียนก็เห็นว่าทั่วร่างชายวักลางคนเรืองแสงสีฟ้าสว่างวาบขึ้น จากนั้นคนทั้งคนก็ระเบิดออกเป็นซากเนื้อเลอะเลือน! ชิ้นส่วนอวัยวะต่างๆร่วงลอดซี่ลูกกรง ตกลงไปยังทะเลสาบเบื้องล่าง…
 
ท่ามกลางซากเนื้อแหลกเป็นชิ้น ก็มีแหวนพื้นที่ ชุดเกราะอมตะ ร่วงตกลงไปด้วย
 
‘ฆ่าตัวตาย?’
 
คิ้วต้วนหลิงเทียนขดย่นเป็นปมหลวมๆครู่หนึ่ง ค่อยคลายออก ‘ถึงจะทำตัวไม่สมกับเป็นนักฆ่า ไม่เพียงเผยตัวมาลงมือโง่ๆทั้งเสียเวลาพล่ามกับเหยื่ออย่างอ่อนหัด แต่อย่างน้อยๆก็สมแล้วที่เป็นคนขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดที่โด่งดัง…ยอมตายแต่ไม่ขายผู้จ้างวาน’
 
‘อย่างไรเสีย ถึงมันจะตายแต่แหวนพื้นที่มันก็ยังอยู่ ในนั้นสมควรมีค่ามัดจำที่รับมาก่อนครึ่งหนึ่ง…เพราะสุดท้ายไม่ว่าองค์กรมือสังหารใดในแดนสวรรค์ใต้ ก็ล้วนมีกฏจ่ายก่อนครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งต้องจ่ายหลังจบงานเหมือนกัน กะโหลกเลือดก็สมควรทำตามกฏนี้ไม่เว้น…’
 
‘บางที…ของที่ผู้จ้างจ่ายมัดจำไว้ อาจจะยังอยู่ในแหวนมัน’
 
‘ที่สำคัญดูจากระยะเวลาแล้ว คนที่จ้างวานฆ่าข้าสมควรเป็นคนในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวเท่านั้น…ไม่ต้องนับเรื่องที่ชื่อข้าสมควรยังแพร่ไปไม่ถึงเขตคฤหาสน์ระดับ 6 อื่นๆ เผลอๆนอกเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว คงไม่มีใครรู้จักข้าด้วยซ้ำ’
 
‘นอกจากนั้นหากเป็นคนในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว อาศัยผลึกอมตะที่หมุนเวียนใช้กันอยู่ก็คงไม่ใช่อะไรที่นักฆ่าจากองค์กรมือสังหารระดับนี้จะต้องการ’
 
‘กล่าวได้ว่า…คนที่จ้างวานฆ่าข้ามา สมควรถูกองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดสั่งให้จ่ายเงินมัดจำเป็นสิ่งของมากกว่า…’
 
ขณะมองซากเนื้อเลอะเลือนค่อยๆร่วงตกจากลูกกรง ต้วนหลิงเทียนก็ครุ่นคิดในใจไม่หยุด หากแต่ยังไม่ลืมใช้พลังเก็บสินสงคราม
 
‘เรื่องที่เกิดขึ้นในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำคงยากที่จะมีใครล่วงรู้ และขุมกำลังเบื้องหลังคนที่ข้าฆ่าไป…ต่อให้สงสัยข้าแค่ไหน ก็ไม่มีใครกล้ามั่นใจว่าข้าเป็นคนลงมือเต็มสิบส่วนแน่ เช่นนั้นคงยากที่จะมีใครบ้าควักสมบัติออกมาเป็นค่าจ้างองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด’
 
‘กล่าวได้ว่า…คนที่จะจ้างวานองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดมาฆ่าข้าได้ สมควรเป็นคนของนิกายอมตะเป้าผู่’
 
ทันทีที่คิดถึงจุดนี้ ในใจต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏร่างคนผู้หนึ่งผุดขึ้น เป็นเจิ้งหงอี้ ศิษย์สายตรงลำดับที่ 3 ของซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ ที่เขาได้พบเจอตั้งแต่วันแรกที่มาถึงนิกายอมตะเป้าผู่
 
‘ฟังจากที่พวกศิษย์ฝ่ายในคุยกันวันแรก ดูเหมือนหากข้าไม่ปรากฏตัวขึ้น ตำแหน่งศิษย์ที่แท้จริงคนที่ 10 นี้อาจจะเป็นของเจิ้งหงอี้นั่น’
 
‘และตอนที่ข้าเห็นหน้ามันครั้งแรก ก็เห็นได้ชัดว่าเจ้านั่นมันอิจฉาริษยาเผยความจงเกลียดจงชังข้าชัดเจน…หรือจะเป็นมันที่ลงทุนจ้างนักฆ่าขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดมาฆ่าข้า?’
 
‘ก็แค่…อย่างมันไปติดต่อกับองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดได้ยังไง แถมเอาคุณสมบัติอะไรไปจ้างวานอีกฝ่าย?’
 
ขณะเหินร่างกลับนิกายอมตะเป้าผู่ ต้วนหลิงเทียนก็ครุ่นคิดไปเรื่อย ‘ช่างเถอะ ไว้ไปถึงนิกายลองให้ประมุขดูของในแหวนนักฆ่าดู…หากเป็นฝีมือเจิ้งหงอี้จริง และมีของที่มันจ่ายมัดจำไว้ ไม่แน่ประมุขอาจจำได้’
 
ถึงแม้เจิ้งหงอี้จะเป็นศิษย์สายตรงลำดับที่ 3 ของซุนเหลียงเผิง แต่เขาได้ยินมาว่าในบรรดาศิษย์สายตรงของซุนเหลียงเผิง เจิ้งหงอี้ก็มีพลังฝีมือแค่ปานกลางเท่านั้น
 
ศิษย์สายตรง 2 คนแรกของซุนเหลียงเผิง ล้วนเป็นศิษย์ที่แท้จริงทั้งคู่ และพรสวรรค์ของทั้งคู่ก็เหนือกว่าเจิ้งหงอี้มาก
 
นี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เจิ้งหงอี้ล้มเหลวเรื่องขึ้นเป็นศิษย์ที่แท้จริง เพราะศักยภาพและความสามารถของมันมีจำกัด
 
ต้วนหลิงเทียนเชื่อว่า ถ้าเรื่องราวครั้งนี้เป็นฝีมือของเจิ้งหงอี้จริงๆ ซุนเหลียงเผิงตอบมอบคำอธิบายอันดีให้กับเขาแน่
 
ไม่ว่าจะแบบเปิดเผยหรือแบบส่วนตัวก็ตาม
 
หากให้มันเป็นแค่ศิษย์ฝ่ายในธรรมดาๆ ซุนเหลียงเผิยย่อมประหารมันอย่างเปิดเผยแน่นอน
 
ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้ดีแก่ใจ
 
ซุนเหลียงเผิงต้องพยายามทำให้เขาพอใจมากที่สุด เพื่อให้เขาติดค้างบุญคุณนิกายอมตะเป้าผู่ สิ่งนี้มองจากท่าทีของซุนเหลียงเผิงตอนต้อนรับเขาเข้านิกายวันแรกก็รู้แล้ว
 
เพราะระดับซุนเหลียงเผิง ปกติแล้วไม่มีวันลงมาดูแลเรื่องแบบนั้นแน่นอน
 
ในระหว่างที่ต้วนหลิงเทียนเดินทางกลับนิกายอมตะเป้าผู่ องค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดที่ตั้งอยู่ไกลห่าง ก็ได้รับข้อความสุดท้ายจากนักฆ่าที่พึ่งฆ่าตัวตายต่อหน้าต้วนหลิงเทียน
 
“เป้าหมาย ต้วนหลิงเทียน ถึงมันจะเป็นแค่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด แต่มันมีอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง ทำให้มันมีพลังขอบเขตจอมราชันอมตะ…ข้อมูลผิดพลาด ข้าล้มเหลว”
 
หลังจากข้อความสุดท้ายก่อนตายของนักฆ่าดังกล่าวส่งกลับมาถึงองค์กรมือสังงหารกะโหลกเลือด มันก็ถูกรายงานต่อไปยังผู้ออกภารกิจอย่างเฉินหลี ลูกนอกสมรสของ 1 ใน 3 รองผู้นำองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดทันที
 
“อะไร!?”
 
“ต้วนหลิงเทียนนั่น มันกลับมีอุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง ที่ทำให้มันมีระดับพลังเทียบได้กับจอมราชันอมตะงั้นเหรอ?”
 
เฉินหลีอึ้งค้างไปทันทีหลังได้รับรายงาน
 
มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าต้วนหลิงเทียน จะมีตัวช่วยอันน่ากลัวขนาดนี้!
 
‘ดูเหมือนมันจะเป็นผู้อมตะยอดฝีมือกับชาติมาเกิดจริงๆ และก่อนหน้านี้มันต้องไม่ธรรมดาแน่นอน เผลอๆอาจจะเป็นจอมราชันอมตะ…และมันต้องกู้คืนความทรงจำเมื่อชาติที่แล้วได้แน่ กระทั่งไปเอาสมบัติที่ซ่อนไว้ในชาติก่อนมาแล้ว…’
 
ในสายตาของเฉินหลี อุปกรณ์อมตะจอมราชันสิ้นเปลือง ที่ทำให้ต้วนหลิงเทียนสามารถถือครองพลังขอบเขตจอมราชันอมตะได้นั้น สมควรเป็นสมบัติที่ตัวต้วนหลิงเทียนเมื่อชาติก่อนแอบซ่อนไว้
 
กล่าวได้ว่าชาติที่แล้วของต้วนหลิงเทียนสมควรเป็นจอมราชันอมตะ!
 
และต้องไม่ใช่จอมราชันอมตะธรรมดาๆแน่!!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด