War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2989
ตอนที่ 2,989 : การเก็บเกี่ยวครั้งยิ่งใหญ่! “ทองเทพสุดลี้ลับขั้นแรก!?” ทันทีที่เสียงของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินโพล่งดังขึ้นในหัว ต้วนหลิงเทียนที่กำลังจะเลือกเกราะอ่อนอย่างไม่ลังเลก็ต้องชะงักไปทันที ยังเม้มปากตัวเองแน่นสนิท “นั่นคือ…ทองเทพสุดลี้ลับขั้นแรกจริงๆหรือ?” ต้วนหลิงเทียนมองไปยังลูกปัดโลหะที่แลดูตะปุ่มตะป่ำเป็นหลุมเป็นบ่อเหนือฝ่ามือหูหลินอี้ด้วยความสนใจ ยังเร่งถามปฐพีเทพแรกกำเนิดออกไปเพื่อยืนยันทันที “ไม่ผิดแน่” ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าวตอบเร็วไว “ข้าจะอย่างไรก็คือเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ที่บรรลุถึงขั้นที่ 3 แล้ว…เรื่องที่จะมองเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ขั้นแรกธาตุอื่นๆผิดไปไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาด! เจ้าไม่ต้องสงสัยเลยนั่นคือทองเทพสุดลี้ลับขั้นแรกไม่ผิดแน่!!” “นี่เจ้าหนู…หากเจ้าได้ทองเทพสุดลี้ลับขั้นแรกนั่นมา รอให้ทองเทพสุดลี้ลับในร่างเจ้าตื่นขึ้นเมื่อใด พอได้ดูดกลืนมันไป ทองเทพสุดลี้ลับในร่างเจ้า ก็จะยกระดับพัฒนาไปเป็นขั้นที่ 3 ได้อย่างราบรื่น! ซึ่งพอถึงตอนนั้นมันจะช่วยเหลือเจ้าได้เป็นอย่างมาก!!” วาจาประโยคสุดท้ายของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน คล้ายจงใจกล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนออกมาโดยเฉพาะ เพราะมันเองก็สัมผัสได้ถึงความปรารถนาอยากครอบครองเกราะอมตะระดับราชานั่นของต้วนหลิงเทียน “สำหรับเกราะอมตะระดับราชา รอให้เจ้าเข้าสู่ 3 นิกาย 2 ตระกูลอะไรที่ว่า ข้าเชื่อว่าด้วยผลงานของเจ้า พวกมันคงมีให้เจ้าเลือกจนตาลายแน่นอน คิดจะได้มาสักตัวสองตัวยังจะไปยากเย็นอะไร” พอได้ยินอีกประโยคที่ปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินกล่าว เห็นได้ชัดว่ามันยังคงกลัวต้วนหลิงเทียนจะเลือกเกราะอมตะระดับราชา แทนทองเทพสุดลี้ลับขั้นแรกไม่หาย อันที่จริงตั้งแต่ที่ได้ยินปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินบอกว่า ลูกปัดโลหะเหนือฝ่ามือหูหลินอี้คือทองเทพสุดลี้ลับขั้นแรก ต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจเลือกมันแต่แรก! ถึงแม้เกราะอมตะระดับราชาจะดี แค่ในสายตาเขาคุณค่าของมันยังน้อยกว่าทองเทพสุดลั้บขั้นแรกมาก! ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนหันไปเหลือบมองเกราะอ่อนสีแดงข้างๆด้วยความเสียดายเล็กน้อย และกำลังจะพูดออกมาว่าต้องการเลือกทองเทพสุดลี้ลับนั้นเอง… “ฮ่าๆๆๆ…!!” พลันมีเสียงหัวเราะหนึ่งระเบิดดังขึ้นมาลั่นก้อง ทำให้เขาถึงกับชะงัก จำต้องหันไปมองผู้ที่ระเบิดเสียงหัวเราะดังกล่าวออกมาก่อนใดอื่น และคนที่ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน…เป็นฮ่องเต้ประเทศหนันฉี่ เชวียหมิงไฉ นั่นเอง! “เจ้าหัวเราะอะไร?!” หน้าหูหลินอี้จมลงโดยพลัน ในใจยังบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลหนึ่งผุดขึ้น… จากนั้นสักพักเชวียหมิงไฉก็หยุดหัวเราะ ค่อยหันไปมองจ้องหูหลินอี้ด้วยสายตาแหลมคม มุมปากยยกยิ้มแสยะ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสนุกสนานว่า… “ฮ่องเต้หู…หากข้าจำไม่ผิดลูกปัดโลหะในมือเจ้าชิ้นนั้น สมควรเป็นเจ้าได้มาเมื่อ 200 ปีก่อนจากงานประมูลของตระกูลราชวงศ์ประเทศเฮยฉีมิใช่รึ?” “และถ้าข้าจดจำไม่ผิด…ไม่ใช่ว่าเจ้าก็ประมูลลูกปัดโกโรโกโสนั่นมาในราคาแค่ 20,000 ผลึกอมตะสูงมิใช่หรือ?” กล่าวถึงท้ายประโยค เชวียหมิงไฉยังไม่ลืมหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าแววตาเห็นใจ กล่าวใส่ไฟไปอีกประโยค “สหายน้อยหลิงเทียน ดูเหมือนฮ่องเต้ฝูชิวจะสองจิตสองใจเรื่องจะมอบเกราะอมตะระดับราชานั่นให้ท่านไม่น้อย…หาไม่แล้วมันคงไม่ควักลูกปัดโกโรโกโสนั่นมาให้ท่านเลือกด้วยแน่นอน” “ดูเหมือนทั้งหมดที่มันคิดจะทำ ก็แค่จะลองเดิมพันดู ว่าสุดท้ายแล้วท่านจะพลาดไปเลือกลูกปัดนั่นแทนชุดเกราะหรือไม่…กระทั่งยังจงใจกล่าวอวดอ้างสรรพคุณลูกปัดที่ไม่อาจเอาไปใช้การอันใดนั่นได้ให้ท่านฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ…” “มิสู้…ท่านมาเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้ในนามประเทศหนันฉี่ข้ามิดีกว่าเหรอ? อย่างน้อยๆ ข้าก็มิใช่คนตระหนี่ถี่เหนียวเยี่ยงฮ่องเต้หูผู้นั้น…” เชวียหมิงไฉกล่าวถึงท้ายยประโยคก็หันไปชักหน้าดูแคลนหูหลินอี้อย่างออกหน้าออกตา และสีหน้าของหูหลินอี้ก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง เมื่อโดนเชวียหมิงไฉขุดเรื่องงานประมูล 200 ปีก่อนออกมาแฉ! มันยังไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าเชวียหมิงไฉจะล่วงรู้เรื่องการประมูลเมื่อ 200 ปีก่อนด้วย!! ยิ่งไปกว่านั้น เชวียหมิงไฉยังเปิดโปงแผนในใจของมันออกมาต่อหน้าประชาชีหมดสิ้น… ที่มันจงใจหยิบลูกปัดชิ้นนี้ออกมา และจงใจอวดโอ่สรรพคุณว่าพลังป้องกันเหนือกว่าเกราะอมตะระดับราชานั้น เป็นเพราะมันต้องการหลอกลวงต้วนหลิงเทียนให้บังเกิดความสนใจ และคิดเลือกไปจริงๆ! ดังที่เชวียหมิงไฉกล่าว มันไม่เต็มใจส่งมอบเกราะอมตะระดับราชาชิ้นนี้ออกไป! “เพ่ย…พวกท่านดูเถอะ ฮ่องเต้ฝูชิวหน้าบูดเป็นตูดหมึกแล้วนั่น! ดูท่าที่ฮ่องเต้หนันฉี่กล่าวล้วนเป็นความจริงทั้งหมด! ฮ่องเต้ฝูชิวคิดหลอกใหต้วนหลิงเทียนไขว้เขวจริงๆ!” “ฮ่องเต้หูผู้นี้หน้าซื่อใจคดยิ่ง…กระทั่งเกราะอมตะระดับราชาชิ้นหนึ่ง ก็เพียงกล่าวเอาหน้าอย่างขอไปที ไม่ได้คิดมอบให้ผู้อื่นด้วยความเต็มใจจริงๆ” “เหอๆ ข้าสิเหมือนตัวโง่งมไม่มีผิด เพราะตอนฟังฮ่องเค้ฝูชิวบรรยายสรรพคุณลูกปัดประหลาดนั่น ข้ากลับบังเกิดความสนใจมันขึ้นมาจริงๆ…แต่ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายตระกูลราชวงศ์ประเทศเฮยฉีจะนำออกมาประมูล ทั้งปิดประมูลไปในราคาแค่ 20,000 ผลึกอมตะระดับสูงเท่านั้น” “เหอะๆ…20,000 ผลึกอมตะระดับสูงหรือ ยังงกได้อีก!” “นั่นสิ เพราะมิว่าจักเป็นนอุปกรณ์อมตะราชาสภาพเลวร้ายเพียงใด แต่อย่างน้อยๆขอเพียงไม่ถึงขั้นชำรุดเสียหาย ก็ยังต้องมีราคา 100,000 ผลึกอมตะระดับสูง! แต่ฮ่องเต้ฝูชิวนั่น…กลับคิดใช้ของราคา 20,000 ผลึกอมตะระดับสูงมาล่อลวงผู้อื่น…จึกๆๆ” … หลังได้ยินวาจากล่าวแฉของเชวียหมิงไฉ และเห็นสีหน้าหูหลินอี้ที่เปลี่ยนไป ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเหล่าผู้ที่มามุงชมดูเรื่องราวสนุกสนานจะยืนยันได้ ว่าสิ่งที่เชวียหมิงไฉกล่าวออกเป็นความจริง! “เชวียหมิงไฉ เจ้าอย่าได้ใส่ร้ายปรักปรำผู้อื่นให้มากนัก!” หูหลินอี้ถึงกับเรียกชื่อ เชวียหมิงไฉ ออกมาตรงๆไม่เรียกฮ่องเต้เชวียอีกต่อไป เห็นได้ชัดว่ามันโมโหหนักแล้วจริงๆ “ใส่ร้ายปรักปรำ?” เชวียหมิงไฉระเบิดเสียงหัวเราะฮ่าๆ ค่อยกล่าวต่อว่า “เช่นนั้นรอให้ฮ่องเต้เฮยฉีมาถึง พวกเราลองไปไถ่ถามเรื่องราวดูเป็นอย่างไร ให้ผู้อื่นเป็นพยานดีหรือไม่?” แน่นอนล่ะว่าเป็นไปไม่ได้ที่หูหลินอี้จะบ้าจี้ไปให้ฮ่องเต้เฮยฉีเป็นพยานปากเอกจริงๆ เพราะถึงตอนนั้นไม่วายเรื่องที่มันประมูลลูกปัดโลหะนี้มาด้วยราคา 20,000 ผลึกอมตะระดับสูงคงได้กลายเป็นโซ่รัดตัวมันแน่! นอกจากนั้นตอนมันประมูลของชิ้นนี้มา ฮ่องเต้ประเทศเฮยฉีก็อยู่ด้วย “เชวียหมิงไฉ…ที่เจ้าพล่ามมาทั้งหมด หรือเจ้าจะบอกว่าของสิ่งนี้ไม่มีค่า?” หูหลินอี้มองจ้องเชวียหมิงไฉเขม็ง พลางกล่าวเสียงขรึม “เช่นนั้นเจ้าลองทำลายมันดู…ไม่สิขอแค่สร้างรอยขีดข่วนบนมันสักรอยให้ข้าชมดูเป็นขวัญตาจะได้หรือไม่?” ขณะกล่าวหูหลินอี้ก็ใช้พลังหอบหิ้วลูกปัดประหลาดส่งไปทางเชวียหมิงไฉ ราวกับจะยั่วยุท้าทายให้เชวียหมิงไฉลงมือ “ฮ่องเต้หู ข้าไปกล่าวว่าข้าสามารถสร้างรอยขีดข่วนให้มันได้ตั้งแต่เมื่อใด? เจ้ากับข้าฝีมือเราก็พอๆกัน ในเมื่อเจ้าสร้างรอยขีดข่วนให้มันไม่ได้ ข้าเองก็ย่อมทำไม่ได้เป็นธรรมดา…” เชวียหมิงไฉกล่าวเสียงเรียบ “แล้วไฉนเจ้าพูดราวกับมันไร้ค่า?” หูหลินอี้เอ่ยถามเสียงเข้ม “แล้วที่ข้าพูดไปมีอันใดผิดหรือไม่?” เชวียหมิงไฉหัวเราะ “มิใช่ว่าเจ้าประมูลมันมาในราคา 20,000 ผลึกอมตะระดับสูงจริงหรือไร? และหลังจากที่เจ้าพยายามศึกษาค้นคว้าอยู่นานเจ้าก็ยังไม่พบว่ามันคืออะไร…หรือไม่ใช่?” “หาไม่แล้วไฉนเจ้าไม่ลองเอ่ยคุณประโยชน์ของมันออกมาให้ข้ฟังสักข้อเล่า ว่ามันทำอะไรได้บ้าง แล้วจะนำไปใช้อย่างไร?” ยิ่งมารอยยิ้มของเชวียหมิงไฉก็ยิ่งสดใสร่าเริงมากขึ้น คล้ายมันกำลังมองหูหลินอี้ไม่ต่างอะไรจากตัวโง่งมที่ขุดหลุมฝังศพตัวเองแม้แต่น้อย ทันใดนั้นสีหน้าหูหลินอี้ก็เปลี่ยนเป็นปั้นยากทันที “ฮ่องเต้หู…หากข้าเป็นเจ้า อย่างน้อยๆข้าคงเลือกจะมอบสิ่งของทั้ง 2 สิ่งนั่นให้ต้วนหลิงเทียนเพื่อแสดงความจริงใจเสีย มิใช่ปากพูดอย่างแต่ใจคิดอีกอย่าง พิสูจน์ให้รู้กันไปว่าเกราะอมตะระดับราชาสำหรับข้าก็ยังไม่สำคัญเท่าผู้คน…” เชวียหมิงไฉยังคงกล่าวสืบต่อ และวาจาของมันคล้ายยังกลัวโลกวุ่นวายไม่พอ! และคำพูดของมันก็นับว่ายิ่งทำให้หูหลินอี้มีโมโหหนักข้อ และสุดท้ายเพื่อรักษาหน้า ไม่ให้ผู้อื่นต้องดูแคลนหยันหยามเอาได้ มันก็มีแต่ต้องมอบของทั้ง 2 อย่างให้ต้วนหลิงเทียนแล้วจริงๆ! “เฮอะ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำมาเป็นสั่งสอนข้าหรอก ข้าเองก็คิดจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว!” ขณะกล่าวใส่เชวียหมิงไฉเสียงเย็น หูหลินอี้ก็ใช้หลังหอบหิ้วของทั้งสองชิ้นส่งไปให้ต้วนหลิงเทียน “ขอบคุณฝ่าบาท” ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะปฏิเสธหรือเกรงใจใดๆทั้งสิ้น คว้ารับของทั้ง 2 อย่างมาเก็บไว้ฉับไว เขาไม่คิดเลยว่าการที่ฮ่องเต้หนันฉี่สร้างปัญหาให้ฮ่องเต้ฝูชิว จะทำให้เขากลายเป็นดั่งชาวประมงได้กำไร สุดท้ายไม่เพียงแต่เขาจะได้รับทองเทพสุดลี้ลับมาครอง กระทั่งเกราะอ่อนอันเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาก็ตกเป็นของเขาในลักษณะนี้! “อั้ย! เจ้าหนู ครั้งนี้เจ้าต้องยกความดีคววามชอบให้ฮ่องเต้หนันฉี่ผู้นั้นจริงๆ…” เสียงปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินดังขึ้นอย่างร่าเริง เห็นได้ชัดว่ามันเองก็คิดไม่ถึงจริงๆว่าอยู่ๆต้วนหลิงเทียนจะได้ลาภลอยยดั่งขนมเปี๊ยะร่วงตกจากฟ้าแบบนี้ “ด้วยเกราะอมตะระดับราชานี่ ขอเพียงข้าผสานพลังกับมัน การป้องกันของเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าเมื่อครู่หลายขุม!” ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนใช้อุปกรณ์อมตะประเภทศาสตราสายป้องกันผสานกับพลังของปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดิน ก็สามารถหยุดการลงมือเต็มกำลังของเชวียจิงอวี่ได้อย่างง่ายดาย เรียกว่าการจู่โจมของอีกฝ่ายไม่อาจคุกคามอะไรเขาได้เลย! และหากไม่ใช่เพราะปฐพีเทพแรกกำเนิดฟ้าดินสามารถป้องกันกระบวนท่าของเชวียจิงอวี่ได้ชะงัด เขาไม่พ้นต้องได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แม้จะไม่หนักเท่าเชวียจิงอวี่ก็ตามที “ฮ่าๆๆ…ฮ่องเต้หูช่างใจกว้างดั่งมหาสมุทรนัก!” เมื่อเห็นว่าสุดท้ายหูหลินอี้ก็ได้แต่ต้องมอบของทั้ง 2 อย่างให้ต้วนหลิงเทียน เชวียหมิงไฉก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสนุกสนาน จากนั้นมันก็พาคนของประเทศหนันฉี่เหินจากไปทันที ถึงแม้ว่าการเดิมพันระหว่างมันกับหูหลินอี้ จะเป็นมันที่แพ้พ่าย แต่ยามนี้มันกลับจากไปอย่างผู้ชนะ! กระทั่งเหล่าผู้ที่มามุงชมเรื่องราว ยังรู้สึกว่าการปะทะกันระหว่างฮ่องเต้ฝูชิวกับฮ่องเต้หนันฉี่คราวนี้ เป็นฮ่องเต้หนันฉี่ที่แลดูจะเป็นผู้ชนะตัวจริงมากกว่า! เมื่อเห็นเชวียหมิงไฉพาคนของประเทศหนันฉี่จากไป หูหลินอี้ก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนทันที และการมองมาครั้งนี้ของมัน กลับทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกใจคอไม่ดีเลย ไม่เพียงแต่เขาจะผงะไปวูบหนึ่ง ในใจยังอดคิดไปไม่ได้ว่า ‘ฮ่องเต้ฝูชิวคนนี้…คงไม่หน้าด้านให้ข้าคืนของที่มันมอบให้แล้วหรอกนะ?’ ตอนนี้หากหูหลินอี้หน้าด้านขอคืนขึ้นมาจริงๆ ต้วนหลิงเทียนก็ทำได้แค่ส่งมอบของให้มันกลับไปเท่านั้น ‘หากมันให้ข้าคืนของจริง ถ้าเป็นเกราะอมตะระดับราชาก็แล้วไป…แต่ถ้ามันให้ขาคืนทองเทพสุดลี้ลับขั้นแรก หลังข้าคืนให้มันแล้ว ข้าจะไปเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณในฐานะคนของประเทศหนันฉี่เสีย!’ ระหว่างที่รอว่าหูหลินอี้จะพูดอะไร ในใจต้วนหลิงเทียนก็ได้ตัดสินไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็พบว่าเขาคิดมากเกินไป หูหลินอี้นั้น ในฐานะที่เป็นถึงฮ่องเต้ฝูชิว ต่อให้ไร้ผู้คนมากมายมุงชมอยู่โดยรอบ แต่อยู่ต่อหน้าคนของประเทศฝูชิวแบบนี้ ไหนเลยมันยังจะกล้าขอให้ต้วนหลิงเทียนคืนของ? เพราะหากมันทำแบบนั้นจริงๆ ก็ไม่ต่างอะไรจากมันเป็นคนจิตใจคับแคบ และอาจสร้างความไม่พอใจให้ต้วนหลิงเทียน และสุดท้ายก็ไม่ต่างอะไรจากมันผลักไสต้วนหลิงเทียนให้ไปอยู่ในอ้อมอกของประเทศหนันฉี่ด้วยตัวเอง! “10 อันดับแรก เจ้ามั่นใจหรือไม่?” และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังกังวล หูหลินอี้ก็กล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะทำให้ดีที่สุด” ได้ยินคำถามดังกล่าวของหูหลินอี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะตอนนี้เขาตระหนักได้แล้วว่าหูหลินอี้ไม่คิดจะขอของทั้ง 2 ชิ้นคืนไป จากนั้นหูหลินอี้ก็เลิกให้ความสนใจต้วนหลิงเทียน และหันไปนำพาคนขอประเทศฝูชิวเหาะไปยังน่านฟ้าเหนือใจกลางทะเลสาบอวิ๋นเยียนสืบต่อ “น้องต้วน…ยินดีกับท่านด้วย ข้าล่ะไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าการสร้างปัญหาของฮ่องเต้หนันฉี่นั่น จะกลายเป็นการช่วยเหลือท่านทางอ้อมแบบนี้” หวงเจียหลงเลือกจะส่งเสียงผ่านพลังไปกล่าวแสดงความยินดีกับต้วนหลิงเทียน และยังเป็นการยินดีกับต้วนหลิงเทียนจากใจจริง แต่สำหรับคนนอื่นๆที่เหลือนั้น ยามมองไปยังต้วนหลิงเทียน สายตาของพวกมันก็ฉายแววอิจฉาริษยาออกมาอย่างยากจะปกปิด โดยเฉพาะหูจี้หย่ง องค์ชาย 4 แห่งประเทศฝูชิว ลูกตามันแทบจะลุกโชนไปด้วยเพลิงแห่งความอิจฉาอยู่รอมร่อ! ก่อนหน้านี้มันไม่เคยล่วงรู้มาก่อนเลยยด้วยซ้ำ ว่าบิดาของมันจะมีอุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทชุดเกราะไว้ในครอบครอง! วันนี้พอมันได้รู้ความจริงดังกล่าว บิดาของมันก็ส่งมอบไปให้ผู้อื่นเสียแล้ว… หลังต้วนหลิงเทียนกับพวกเหาะมาถึงน่านฟ้าเหนือใจกลางทะเลสาบอวิ๋นเยียน ต้วนหลิงเทียนที่กวาดตามองไปรอบๆก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่บ้าง เพราะเขาแค่มองผ่านๆ ก็บอกได้ทันทีว่าผู้คนที่พากันเหินร่างรอคอยเวลาตอนนี้ มีเกินกว่าหนึ่งหมื่นคนเสียอีก! ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนผู้คนที่ทยอยมาถึง ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!
คอมเม้นต์