War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2954
WSSTH ตอนที่ 2,954 : เผ่าพยัคฆ์เหิน “พญาอินทรีย์ทมิฬน้อย?” มุมปากต้วนหลิงเทียนถึกับกระตุกเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าวของงทองเทพสุดลี้ลับในใจ พญาอินทรีย์ทมิฬเนตรมรกต สัตว์อมตะระดับราชาขั้นต่ำตัวหนึ่ง แต่ในสายตาของทองเทพสุดลี้ลับกลับเป็นได้แค่พญาอินทรีย์ทมิฬน้อย? “ผู้อาวุโสท่านไฉนต้องกังวลด้วยเล่า…หากอีกฝ่ายคิดกินข้าขึ้นมาจริงๆ สำหรับท่านก็ไม่ใช่เหมือนกับเปลี่ยนร่างต้นรึไง ข้าคิดว่าอีกฝ่าต้องยินดีต้อนรับท่านแน่…” ต้วนหลิงเทียนเอ่ยในใจสื่อสารกับทองเทพสุดลี้ลับ และในความคิดของเขาถึงแม้เขาจะถูกพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรมรกตกินเข้าไปจนตาย แต่ทองเทพสุดลี้ลับก็แค่เปลี่ยนไปอาศัยในร่างของอีกฝ่าย ให้อีกฝ่ายกลายเป็นร่างต้นคนใหม่ก็เท่านั้น “ยิ่งไปกว่านั้นระดับพลังของผู้อื่นก็นับว่าสูงกว่าข้าในตอนนี้มาก” ต้วนหลิงเทียนพูดต่อ “หึ! เจ้าหนูเอย…เจ้ายังพูดอยู่เองว่าด่านพลังของนกดำน้อยนี่สูงกว่าเจ้าใน ‘ตอนนี้’ มาก…หากข้าดูไม่ผิดล่ะก็ชั่วชีวิตของเจ้านกดำน้อยนี่ ก็ไม่พ้นต้องติดอยู่ในขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด เพราะสายเลือดในร่างของมันนับว่าต่ำชั้นนัก” ทองเทพสุดลี้ลับกล่าวออกเสียงเย็น “แน่นอนว่าหากให้ข้าชี้แนะมัน ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไร้โอกาสก้าวหน้าได้มากกว่านี้…ทว่าด้วยยขีดจำกัดสายเลือดชั้นต่ำของมัน นับว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างมาก” “เรียกว่าหากคิดให้มันบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ ก็ยากไม่ต่างอะไรจากชาวบ้านไร้พลังคิดปีนป่ายขึ้นสวรรค์!” “ส่วนเรื่องจะให้มันบรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ…เว้นเสียแต่เจ้าจะสยบสวรรค์ให้ราบได้เสียก่อน เช่นนั้นก็เลิกหวังไปเถอะ” ทองเทพสุดลี้ลับกล่าวต่อ “ทว่าตัวเจ้านั้นแตกต่าง…พรสวรรค์และศักยภาพของเจ้านับว่าหาได้ยากในหมู่มนุษย์ หากเจ้ายังพบพานโชควาสนาอันใดระหว่างทาง ย่อมไม่ต่างจากหนึ่งก้าวถึงฟ้า! ในแง่ศักยภาพแล้ว ให้นำนกดำน้อยนี่มาเทียบกับเจ้าก็เหมือนดั่งความต่างระหว่างฟ้าดิน” “ถึงแม้ว่ามันจะฆ่าเจ้าตาย แต่อย่างดีข้าก็แค่อยู่กับมันเป็นการชั่วคราว เพียงรอเวลาให้มันไปเจอร่างต้นที่เหมาะสมเท่านั้น…ส่วนเรื่องจะให้มันเป็นร่างต้นที่ข้ายอมรับ นั่นไม่มีวัน!” ฟังจากคำพูดของทองเทพสุดลี้ลับแล้ว คล้ายดูหมิ่นเรื่องที่จะให้พญาอินทรีย์ทมิฬเนตรมรกตเป็นร่างต้นอย่างมาก และไม่ได้สนใจอะไรในตัวอีกฝ่ายเลย ได้ยินคำปรามาสดังกล่าว มุมปากต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกขึ้นมาตงิดๆอีกรอบ พญาอินทรีย์ทมิฬเนตรมรกตนี่จะอย่างไรก็เป็นสัตว์อมตะระดับราชาขั้นต่ำไม่ใช่รึไง ไฉนสิ่งที่พ่นออกมาจากปากของทองเทพสุดลี้ลับทำ ให้มันเสมือนเป็นแค่นกร้ายๆตัวหนึ่ง? “ต่างจากนกดำน้อยนี่ เจ้าเสือน้อยตัวนั้นแม้สายเลือดของมันตอนนี้จะธรรมดา…ทว่าในสายเลือดของมันก็ยังมีสายเลือดของพยัคฆ์ขาวไหลเวียนอยู่อย่างเจือจาง เรื่องที่มันจะแข็งแกร่งเหนือกว่านกดำน้อยนี่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น คิดจะทะลวงถึงราชาอมตะ 2 ยศ หรือราชาอมตะ 3 ศักดิ์ไม่นับว่ามีปัญหาอันใด” “แต่หากมันคิดจะก้าวหน้าให้มากไปกว่านั้น…ก็ต้องดูว่าโชควาสนาของมันดีหรือไม่ หาไม่แล้วชั่วชีวิตมันก็คงต้องหยุดอยู่ที่ด่านพลังราชาอมตะ 3 ยศเท่านั้น” ทองเทพสุดลี้ลับกล่าวสืบต่อ “เสือน้อย?” ต้วนหลิงเทียนถึงกับผงะเมื่อได้ยินวาจาดังกล่าวของทองเทพสุดลี้ลับ จากนั้นเขาก็รู้ได้โดยไม่ต้องให้ใครมาบอก ว่า ‘เสือน้อย’ ที่อีกฝ่ายพูดถึงนั้น…สมควรเป็น ไป๋กัง ชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีขาวไม่ผิดแน่ “น้องต้วน ข้ายอมเจ้าเลย…ไม่เพียงแต่พลังฝีมือเจ้าจะร้ายกาจปานปีศาจ กระทั่งสัญชาตญาณของเจ้ายังแม่นได้อีก!” ตอนนี้เองเสียงผ่านพลังของหวงเจียหลงก็ดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน “เจ้าพูดถูก อาไป๋เองก็เป็นสัตว์อมตะเหมือนกัน และเป็นสัตว์อมตะระดับราชาขั้นต่ำ ทว่าพรสวรรค์ของอาปไป๋นับว่าเหนือกว่าผู้เฒ่าโม่…และผู้เฒ่าโม่ยังกล่าวเอาไว้เอง ว่าวันหน้าอาไป๋สามารถบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ 3 ศักดิ์ได้…” เสียงผ่านพลังที่ดังขึ้นอย่างประจวบเหมาะของหวงเจียหลง นับว่าสอดคล้องกับสิ่งที่ทองเทพสุดลี้ลับพึ่งบอกเขาไม่มีผิด ทำให้ต้วนหลิงเทียนตระหนักได้ถึงความเจ๋งของทองเทพสุดลี้ลับทันที! “ผู้อาวุโส…ท่านกับเพลิงเทพโกลาหลนั้นเป็น 2 ในเทพแห่งธาตุทั้ง 5 …แล้วอีก 3 คืออะไรบ้าง?” ทว่าพอต้วนหลิงเทียนฉุกคิดถึงเรื่องนี้ ว่าไหนๆทองเทพสุดลี้ลับก็ตื่นแล้วจึงถามออกมา อนิจจาเขากลับไม่ได้รับคำตอบใดๆ และถึงเขาจะเรียกอยู่หลายรอบ ก็ยังคงไร้วี่แววใดๆทั้งสิ้น ‘หลับไปอีกแล้วหรือ?’ มุมปากต้วนหลิงเทียนกระตุกไปอีกรอบ ‘จะให้ว่ายังไงดีล่ะ…ทองเทพสุดลี้ลับับเพลิงเทพโกลาหลนี่ ไฉนไม่คล้ายธาตุเทพอะไร แต่เหมือนหมูขี้เกียจมากกว่า นอนเก่งกันจริงๆ!’ “สัตว์อมตะระดับราชาขั้นต่ำรึ…พี่เจียหลง แล้วอาไป๋เป็นสัตว์อมตะเผ่าพันธุ์อะไรหรือ?” หลังกลับมารู้สึกตัว ต้วนหลิงเทียนก็ส่งเสียงผ่านพลังหวงเจียหลงด้วยความสงสัย “อาไป๋เป็นพยัคฆ์เหินลายทองแดงน่ะ” หวงเจียหลงกล่าวตอบ “และฟังจากเรื่องที่อาไป๋เคยบอก สายพันธุ์พยัคฆ์เหินลายทองแดงของอาไป๋นั้น ถือได้ว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีระดับต่ำที่สุดในเผ่าพยัคฆ์เหินแล้ว” “เหนือจากพยัคฆ์เหินลายทองแดง ก็จะเป็นพยัคฆ์เหินลายเงิน ซึ่งเป็นสัตว์อมตะระดับราชาขั้นกลาง! หากไม่ตกตายเสียก่อนเมื่อเติบโตเต็มวัย ต่อให้ไร้โอกาสและวาสนาอันใด แต่อย่างน้อยๆก็จะเป็นได้ถึงราชาอมตะ 6 ผสาน” “และที่เหนือกวว่าพยัคฆ์เหินลายเงิน ก็คือ พยัคฆ์เหินลายทอง…นั่นคือสัตว์อมตะระดับราชาขั้นสูง! หากทว่าในสายพันธุ์พยัคฆ์เหินลายทองเองก็มีแบ่งแยกสูงต่ำตามความเข้มข้นของสายเลือด หากสายเลือดไม่เข้มข้นมากพอ ชั่วชีวิตก็คงหยุดอยู่ที่ขอบเขตราชาอมตะ 9 ตำหนักเท่านั้น เรื่องจะบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันคงไม่มีหวัง กระทั่งเอาแค่ราชาอสมตะ 10 ทิศยังยาก…” “ในเผ่าพยัคฆ์นั้น มีแค่พยัคฆ์เหินลายทองเข้มที่มีสายเลือดเข้มข้นเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสทะลวงถึงขอบเขตจอมราชันอมตะได้แม้จะไร้โชควาสนาอันใดก็ตาม แต่อย่างไรก็จะเป็นได้แค่จอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดเท่านั้น” หวงเจียหลงกล่าวผ่านพลังตอบมาเป็นชุด “พยัคฆ์เหินลายทองเข้ม?” ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “มิผิด เป็นพยัคฆ์เหินลายทองเข้ม!” หวงเจียหลงพยักหน้า “ข้าเคยได้ยินอาไป๋เล่าให้ฟังว่าในเผ่าพยัคฆ์เหินนั้น พยัคฆ์เหินลายทองเข้มถือว่าเป็นสายเลือดสูงส่งดั่งสายเลือดขัตติยะของมนุษย์…เพราะพยัคฆ์เหินลายทองเข้ม ต่อให้ไร้วาสนาอันใด แต่ขอแค่มีเวลามากพอสุดท้ายด่านพลังก็จะบรรลุถึงขอบเขตจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้ในสักวัน” “แน่นอนว่าจะหยุดอยู่แค่จอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิด…หากคิดบรรลุขั้นพลังในขอบเขตจอมราชันอมตะที่สูงกว่าหรือคิดเป็นจอมราชันอมตะสมญานาม พยัคฆ์เหินลายทองเข้มตนนั้นก็จำต้องพบพานวาสนาปาฏิหาริย์ถ่ายเดียว!” หวงเจียหลงกล่าวผ่านพลังสืบต่อ “ฟังจากที่พี่เจียหลงเล่ามา…พยัคฆ์เหินลายทองเข้มที่ว่าก็สมควรจัดอยู่ว่าเป็นสัตว์อมตะระดับราชาขั้นสูงสุดที่ค่อนข้างพิเศษสินะ เพราะที่ข้าเคยได้ยินมาเหมือนสัตว์อมตะระดับราชาขั้นสูงสุด ด่านพลังจะหยุดอยู่ในขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศเท่านั้น” ต้วนหลิงเทียนเอ่ยคาด “ไม่ผิด” หวงเจียหลงพยักหน้าเบาๆ จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็มีเหลือบมองไปยังศีรษะอันเขื่องของพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรมรกต สลับกับไป๋กังที่ยืนข้างๆหวงเฟยเหยี่ยนเจ้าเมือตู้อวิ๋น ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าไป๋กังเป็นพยัคฆ์เหินลายทองแดง “พี่เจียหลง…” ครู่ต่อมาคล้ายนึกอะไรได้ออก ต้วนหลิงเทียนจึงหันไปมองหวงเจียหลงพร้อมส่งเสียงผ่านพลังไปถามอีกรอบ “หากข้าเดาไม่ผิด…ในแดนสวรรค์ใต้นี่ สมควรมีเผ่าพยัคฆ์เหินอยู่ใช่ไหม? ผู้เฒ่าโม่เองก็เช่นกัน ถึงจะไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกันแต่ก็คงมีภาคีหรือกลุ่มชาติพันธ์อะไรพวกนี้สินะ?” เท่าที่ต้วนหลิงเทียนเคยศึกษาข้อมูลมา สัตวว์อมตะที่มีสติปัญญาในระนาบเทวโลก มักจะอยู่รวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่ และระนาบเทวโลกบางระนาบก็มีสัตว์อมตะมากกว่าผู้คนได้แก่ ว่านโช่วเทียน เฟิ่งชีเทียน ผานหลงเทียน ไป๋หู่เทียน ในระนาบเทวโลกดังกล่าวนั้น ประชากรกว่า 8 ส่วนล้วนเป็นสัตว์อมตะ อีก 2 ส่วนที่เหลือถึงจะเป็นผู้คน และมีเพียง ว่านโช่วเทียน เพียงแห่งเดียวใน 81 ระนาบเทวโลก ที่มีสัตว์อมตะอยู่มากกว่า 99 ในร้อยส่วนเสียอีก! เรียกว่าไปที่ใดก็พบเจอแต่สัตว์อมตะ!!(ว่านโช่วเทียน = สวรรค์หมื่นอสูร) เนื่องเพราะใน ว่านโช่วเทียน นั้น หากมีสิ่งมีชีวิตใดที่ไม่ใช่สัตว์อมตะล่วงล้ำเข้ามาจนถูกพบเจอ ก็จะถูกสัตว์อมตะทั้งมวลกลุ้มรุมเข่นฆ่าสังหารทันที หากไม่ใช่สัตว์อมตะแล้ว แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะอาศัยอยู่ในว่านโช่วเทียน เว้นเสียแต่จะมีพลังฝีมือแกร่งกล้ามากพอสยบมวลหมู่สัตว์อมตะทั้งว่านโช่วเทียนได้ สำหรับในระนาบเทวโลกอื่นๆที่มีสัตว์อมตะอยู่กว่า 8 ส่วนนั้น สถานการณ์ของมนุษย์ไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น ยังเห็นว่ามีผู้คนกับสัตว์อมตะอาศัยอยู่ร่วมกันอยู่บ่อยๆ แต่แน่นอนว่าในระนาบเทวโลกเช่นนั้น เหล่าสัตว์อมตะก็ล้วนผนึกกำลังเป็นปึกแผ่นยามมีภัย! ถ้ามนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตอื่นใดคิดล่าสัตว์อมตะ หากถูกตรวจพบก็จะพบเจอกับกลุ้มรุมสังหารเช่นกัน!! สัตว์อมตะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์อมตะที่ทรงพลังนั้น มีมูลค่ามากมาย ร่างกายทั้งร่างเรียกว่าจับต้องที่ใดก็เป็นดั่งสมบัติทั้งสิ้น บางชิ้นส่วนก็มีไว้หลอมโอสถอมตะ บ้างก็ใช้ทำอุปกรณ์อมตะ ยังมีสารเหลวที่ใช้ในการสลักอาคมจัดตั้งค่ายกลอะไรโดยเฉพาะ เรียกว่าหากสัตว์อมตะใดไร้พลังปกป้องตัวเองแล้วล่ะก็ ไม่ต่างอะไรกับปลาบนเขียงที่รอให้ผู้อื่นมาแล่สับได้ตามใจเลย ตัวอย่างเช่นพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรมรกตที่ต้วนหลิงเทียนขี่หลังอยู่นั้น ไม่ต้องกล่าวใดให้มาก เอาแค่ขนที่ปกคลุมไปทั่วร่างอย่างที่ต้วนหลิงเทียนกำลังเหยียบอยู่ แต่ละชิ้นก็นำไปเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับหลอมอุปกรณ์อมะระดับขุนนางได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งขนบริเวณส่วนปีกที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุด หากมีมากพอและนำไปหลอมด้วยเพลิงอมตะที่เหมาะสมโดยเหล่าปรมาจารย์หลอมอุปกรณ์อมตะมีฝีมือ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะสร้างอุปกรณ์อมตะระดับราชาขึ้นมาได้! และกล่าวไปขนก็นับเป็นสิ่งที่มีค่าน้อยที่สุดในร่างพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรมรกตแล้ว อวัยวะส่วนอื่นๆของพญาอินทรีย์ทมิฬเนตรมรกตนั้น มีค่ามากกว่าเส้นขนเยอะนัก ถึงขั้นที่ราชาอมตะมากมายยังต้องการ กล่าวได้ว่าหากไม่มีกำลังปกป้องตัวเอง ป่านนี้ผู้เฒ่าโม่คงถูกจับไปชำแหละชั่งกิโลขายเนิ่นนานแล้ว… ทว่าตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้เฒ่าโม่หรือไป๋กัง ก็สามารถปรากฏตัวในประเทศฝูชิวได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่ได้แลดูหวั่นเกรงอะไรเลย และเท่าที่ฟังจากหวงเจียหลงมา ทั้งคู่ก็เหมือนจะอยู่ที่เมืองตู้อวิ๋นมาหลายพันปีแล้ว จนผู้คนรู้จักกันไปทั่ว ต้วนหลิงเทียนจึงเชื่อมั่นว่า หากทั้งคู่ไร้สิ่งใดให้พึ่งพิง คงไม่มีทางมาปรากฏตัวให้ผู้คนเห็นอย่างโจ๋งครึ่มแบบนี้แน่นอน ต้วนหลิงเทียนก็เลยถามหวงเจียหลงออกไปในทำนองคาดเดาว่า…ทั้งคู่สมควรมีเผ่าหรือกลุ่มชาติพันธุ์อะไรตั้งถิ่นฐานอยู่ในแดนสวรรค์ใต้ใช่ไหม และสัตว์อมตะหรือใครก็ตามที่คุมเผ่ากับกลุ่มชาติพันธุ์ที่ว่าอยู่ ต้องทรงพลังมากพอจะสะกดทุกผู้คนในสวรรค์แดนใต้ให้ไม่กล้าบังเกิดจิตคิดละโมบ! “ย่อมมีเป็นธรรมชาติ” คราวนี้หงเจียหลงไม่ได้แปลกใจอะไรกับการคาดเดาของต้วนหลิงเทียน เพราะในความคิดมัน สิ่งนี้แทบจะเป็นสามัญสำนึกของผู้คนในระนาบเทวโลก สัตว์อมตะหาญกล้าปรากฏตัวโดยไม่กลัวผู้คนไล่ล่า…ไหนเลยจะไม่มีขาใหญ่คอยให้ความคุ้มครองอยู่เบื้องหลังได้? “ในสวรรค์แดนใต้ของพวกเรา เผ่าพยัคฆ์เหินถือเป็นเผ่าใหญ่ในบรรดาเผ่าสัตว์อมตะทั้งหมดก็ว่าได้…ข้าเคยได้ยินอาไป๋เล่ามา ว่าในเผ่านั้นมีพยัคฆ์เหินลายทองไม่น้อยกว่า 10 ตัว…” “และเผ่าพยัคฆ์เหินนั้น ก็มีตั้งฐานที่มันสาขาย่อยยมากมาย กระจายไปทั่วทุกที่…อาไป๋เองก็มาจากเผ่าพยัคฆ์เหินสาขาประจำคฤหาสน์เฉวียนโยวเรานี่ล่ะ” “เผ่าสาขาที่อาไป๋อยู่ ถึงแม้จะไม่มีพยัคฆ์เหินลายทองเข้ม หากทว่าพยัคฆ์เหินลายทองก็มีไม่น้อยกว่า 5 ตัว 3 ตัวยังบรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ 10 ทิศแล้วด้วย” “ด้วยมีเผ่าพยัคฆ์เหินหนุนหลังอยู่ อาไป๋จึงกล้าเผยตัวสู่สาธารณชน และไม่ต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆ” “เนื่องเพราะสัตว์อมตะระดับราชาทั้งหลาย ล้วนมีความสามารถในการทิ้งร่องรอยวิญญาณไว้กับฆาตกรที่เข่นฆ่าสังหารตัวเอง…และร่องรอยวิญญาณนั่น เรียกว่าเป็นดั่งตราประทับยากจะลบกลายๆ เพราะต่อให้เป็นจอมราชันอมตะก็ไม่อาจจะลบมันออกได้ในช่วงเวลาสั้นๆ สุดท้ายก็ไม่พ้นถูกทางเผ่าส่งคนออกมากลุ้มรุมสังหารเสียก่อน…” “อย่างอาไป๋ หากถูกผู้อื่นเข่นฆ่าขึ้นมา แต่สามารถทิ้งร่องรอยวิญญาณไว้ที่ฆาตกรได้…ยอดฝีมือในเผ่าที่อยู่เบื้องหลังอาไป๋ ก็จะตามร่องรอยวิญญาณของอาไป๋ไป เพื่อไล่ล่าฆาตกรนั่นทันที” “ระนาบเทวโลกที่มีผู้คนกับสัตว์อมตะอยู่ร่วมกันนั้น ปกติแล้วสัตว์อมตะทั้งหลายก็จะรวมกลุ่มกันจัดตั้งพันธุมิตร ภาคีก็ว่า เพื่อให้มีพลังกล้าแข็งมากพอจะต่อกรกับผู้คิดร้ายในใต้หล้า…” วาจาที่หวงเจียหลงเอ่ยออกมายืดยาว นับว่ายืนยันข้อสันนิษฐานของต้วนหลิงเทียนได้ชัดเจน…
คอมเม้นต์