War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2923
ตอนที่ 2,923 : คนที่เจ้าไม่อาจล่วงเกิน ความเร็วของผู้มาใหม่นั้น เรียกว่าไม่ใช่ชั่วเลยทีเดียว อย่างน้อยๆก็มีแค่ต้วนหลิงเทียนคนเดียวเท่านั้นที่สังเกตเห็น ส่วนคนของนิกายอมตะสือหังไม่มีใครพบแม้แต่คนเดียว แม้จะเป็นขุนนางอมตะ 9 ตำหนักทั้ง 3 ก็ตามที แต่ถึงแม้ความเร็วของมันจะไม่ใช่ชั่ว ทว่าก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของต้วนหลิงเทียนได้เลย ฟุ่บบ!! ดั่งสายลมพัดกรรโชก ในสายตาของทุกคนนอกจากต้วนหลิงเทียน อยู่ๆก็ปรากฏร่างหนึ่งขึ้นข้างๆหวางตันเฟิ่งปานภูตผี มันเป็นชายวัยกลางคน “ผู้พิทักษ์สูงสุด!” “ผู้พิทักษ์สูงสุด!” หนานกงซิ่วประมุขนิกายอมตะสือหัง กับหลินหรูผู้พิทักษ์ลำดับ 1 สามารถดึงสติกลับมาได้ก่อนใครทั้งคู่ที่จดจำชายวัยกลางคนผู้มาใหม่ได้ ก็เร่งประสานมือกล่าววทักทายออกไปทันที ทั้งคู่ไม่ได้แปลกใจอะไรที่อีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้น เพราะสุดท้ายแล้วพวกนางก็พึ่งใช้อุปกรณ์อมตะระดับราชาลงมือกับต้วนหลิงเทียนเต็มกำลัง และการปะทะเมื่อครู่ก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก คงยากที่อีกฝ่ายจะไม่รู้ตัว “ผู้พิทักษ์สูงสุด?” “นั่น…นั่นคือท่านผู้พิทักษ์สูงสุดหรือ?” … เหล่าศิษย์ของนิกายอมตะสือหังที่มารวมตัวกันตอนนี้ แม้พวกนางจะเคยได้ยินมานานแล้ว ว่านิกายอมตะสือหังของพวกนางมีผู้พิทักษ์สูงสุดที่เป็นบุรุษเพียงคนเดียวในนิกายคนหนึ่ง อย่างไรก็ตามผู้พิทักษ์สูงสุดคนนี้เป็นดั่งมังกรเทพยดาเห็นหัวไม่เห็นหาง พวกนางจึงไม่เคยได้พบเจอเลยสักครั้ง… ในขณะที่ทุกสายตาของเหล่าศิษย์นิกายอมตะสือหังกำลังจับจ้องไปยังผู้พิทักษ์สูงสุดด้วยความสนใจใคร่รู้ “คารวะผู้พิทักษ์สูงสุด!” “คารวะผู้พิทักษ์สูงสุด!” … เหล่าอาวุโสของนิกายอมตะสือหังที่ฟื้นสติกันแล้วพอได้เห็น หวางชิวขวง ผู้พิทักษ์สูงสุดมาถึง ก็เร่งประสานมือโค้งคารวะกันเร็วไว ดวงตาที่คล้ายมีม่านหมอกปกคลุมก่อนหน้า หวนกลับมาเผยประกายสดใสอีกครั้ง! ต้องทราบด้วยว่าเมื่อครู่ประมุขหนานกับผู้พิทักษ์หลินแม้จะร่วมมือกันโดยใช้อุปกรณ์อมตะราชา แต่ยังไม่อาจฝ่าการป้องกันของต้วนหลิงเทียนได้ ทำให้ใจพวกนางเสมือนร่วงตกหุบเหวทมิฬมืด! ตอนนี้พอหวางชิวชวงปรากฏกาย พวกนางจึงบังเกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้ง “ท่านพ่อ!” หวางตันเฟิ่งที่ถูกต้วนหลิงเทียนกักขังเอาไว้ พอเห็นบิดามาถึง สองตาดุร้ายเอาแต่ใจและไม่เคยยอมใครของนาง ก็ปรากฏหยาดน้ำใสหลั่งริน! ถึงแม้ตอนนี้นางจะเป็นขุนนางอมตะ 9 ตำหนักคนหนึ่ง และเป็นถึงผู้พิทักษ์ลำดับ 2 ของนิกายอมตะสือหัง แต่ต่อหน้าหวางชิวขวงแล้ว นางก็เป็นเพียงลูกสาวตัวน้อยเท่านั้น ลูกสาวพ่ายแพ้ หากบิดาไม่อยู่ นางก็จำต้องเข้มแข็งฝืนทนให้ดูเหมือนไม่เป็นไร แต่พอเห็นบิดามาถึง ความคับข้องในใจก็อดไม่ได้ที่จะปะทุระบายออกมา “เฟิ่งเอ๋อ!” พอเห็นหวางตันเฟิ่งร่ำไห้ออกมา สีหน้าหวางชิวขวงก็เปลี่ยนเป็นอัปลัษณ์ปั้นยากนัก จากนั้นมันยกมือขึ้นโบกสะบัดคราหนึ่ง พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอันทรงพลัง แผ่พุ่งออกไปหุ้มม่านพลังที่กักร่างหวางตันเฟิ่งทันที และเมื่อพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของมันสำแดงเดช ม่านพลังสีม่วงอันเบาบางคล้ายปุยเมฆของต้วนหลิงเทียนก็สลายหายไปทันใด ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน! ในที่สุดหวางตันเฟิ่งก็ได้รับอิสรภาพกลับคืน! พอเห็นว่าหวางตันเฟิ่งที่ถูกกักขัง ถูกหวางชิวขวงปลดปล่อยได้อย่างง่ายดาย สองตาคนนิกายอมตะสือหังก็ลุกวาวสว่างจ้าขึ้นมาทันที! เพราะสุดท้ายแล้วนั่นคือพลังที่หวางตันเฟิ่งขุนนางอมตะ 9 ตำหนักไร้หนทางแข็งขืน ทว่าหวางชิวขวงกลับคลี่คลายสลายได้ง่ายๆ จึงเผยให้รู้ว่าพลังของหวางชิวขวงนั้น สูงส่งสุดที่ขุนนางอมตะ 9ตำหนักจะเทียบได้! กระทั่งการที่หวางชิวขวงทำลายพันธนาการของต้วนหลิงเทียนได้ง่ายดาย ยังทำให้หลายๆคนเผลอรู้สึกไปว่า…หวางชิวขวงแข็งแกร่งกว่าต้วนหลิงเทียนโดยไม่ทันรู้ตัว! อย่างไรก็ตามพวกนางไม่มีใครล่วงรู้กันเลยสักคน ว่าตั้งแต่ที่หวางชิวขวงปรากฏตัวออกมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้ถอนรั้งพลังที่กักร่างหวางตันเฟิ่งกลับมาหมดแล้ว มิฉะนั้นต่อให้หวางชิวขวงดิ้นรนทุ่มพลังชั่วชีวิต ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสลายพันธนาการให้หวางตันเฟิ่งได้ “เจ้าเป็นผู้ใด?” หวางชิวขวงมองถามชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าด้วยสองตาทอประกายวาบจ้าเสียงเย็น อีกทั้งท่าทียังทำราวกับผู้บังคับบัญชาไต่ตั้งคำถามลูกน้อง ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะประกาศฐานะของงตัวเองแล้วก่อนหน้า แต่เมื่อหวางชิวขวงไม่เคยเจอกับต้วนหลิงเทียนมาก่อน เช่นนั้นมันจึงไม่ทันเชื่อมโยงชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า เข้ากับหัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อี เพราะในหัวมันนั้น หัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อี ไม่มีทางมีพลังสามารถถึงระดับนี้ได้เลย ก่อนที่มันจะมาถึงที่นี่ สำนึกเทวะที่แผ่ออกมาของมันก็ตรวจพบได้แต่แรก ว่าหนานกงซิ่วกับหลินหรูได้ผนึกกำลังกันลงมือโดยใช้อุปกรณ์อมตะระดับราชา แต่กลับไม่อาจทลายฝ่าปราการป้องกันของอีกฝ่ายได้ ทว่ามันยังพบอีกด้วย ว่าต้วนหลิงเทียนนำอุปกรณ์อมตะระดับราชาประเภทป้องกันออกมาใช้ หาไม่แล้วตอนนี้มันคงไม่มีความกล้ากล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกไปด้วยท่าทีเหนือกว่า! เพราะสุดท้าย ถ้าหากต้วนหลิงเทียนใช้มือเปล่าป้องกันการกลุ้มรุมของหนานกงซิ่วกับหลินหรูที่ใช้อุปกรณ์อมตะระดับราชาได้ล่ะก็… มันย่อมบอกได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนเป็นตัวตนขอบเขตราชาอมตะ กระทั่งไม่ใช่ราชาอมตะธรรมดาๆ ต่อหน้าตัวตนขอบเขตราชาอมตะ กระทั่งกึ่งราชาอมตะยังไม่กล้าแม้แต่จะผายลม แล้วอาศัยอะไรกับขุนนางอมตะ 10 ทิศเช่นมัน! ทว่าที่จริงแล้ว…เหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนนำอุปกรณ์อมตะระดับราชาออกมาใช้นั้น เขาแค่ต้องการประหยัดพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเท่านั้น ไม่อยากใช้พลังอย่างสูญเปล่า สำหรับร่มที่เขาหยิบออกมาเมื่อครู่ มันก็คืออุปกรณ์อมตะที่เขาได้จากโลกใบเล็กตอนไปตามหาแหวน 9วิญญาณหยินลี้ลับ และยังเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชา ตอนที่เขาไปตามหาแหวน 9 วิญญาณหยินในโลกใบเล็กให้เผยหยวนจี้นั้น เขายังได้รับอุปกรณ์อมตะระดับราชาติดไม้ติดมือมาอีกสองสามชิ้น หนึ่งในนั้นก็คือร่มที่เขาพึ่งหยิบมาใช้เมื่อครู่ ร่มดังกล่าวยังเป็นอุปกรณ์อมตะระดับราชาสายป้องกัน “เจ้ากำลังตั้งคำถามข้างั้นเหรอ?” ได้ยินคำถามของหวางชิวขวง สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็จมลง จากนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอันทรงพลังก็เริ่มแผ่ซ่านออกไปจากร่างเขาฉับไว ยังเป็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเต็มพลังอย่างที่ไม่คิดจะออมรั้ง! ขณะเดียวกันสำนึกเทวะของเขาก็ยังแผ่พุ่งไปปกคลุมร่างหวางชิวขวงอีกด้วย! เมื่อพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดรวมถึงพลังวิญญาณขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสานแผ่พุ่งออกมา ความว่างเปล่าก็เริ่มสะท้านสะเทือน มวลอากาศเริ่มแตกระเบิดออกเป็นวง! วูบ! เมื่อสำนึกเทวะพร้อมด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของต้วนหลิงเทียนโถมถันไปยังร่างหวางชิวขวง สีหน้าของมันก็แปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง! และด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอันทรงพลังของต้วนหลิงเทียน พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดทั่วร่างหวางชิวขวงก็ถูกถล่มทลายจนหายสาบสูญไปจากร่างของมันทันที! ปงงง!! เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นขึ้น ร่างหวางชิวขวงถูกซัดจนปลิดปลิว! คนกระเด็นไปไม่เป็นท่า โลหิตยังพุ่งทะลักออกปากเป็นสายราวเบื่อจะอยู่ในร่างเต็มทน!! ร่างหวางชิวขวงยังปลิดปลิวละลิ่วไปนับร้อยๆหมี่กว่าจะขืนร่างหยุดลงได้ สภาพแลดูทุลักทุเลนัก! “กระทั่งราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด หลี่ผิง ของนิกายอมตะสราญรมย์ยังตายคามือข้า…อาศัยขุนนางอมตะ 10 ทิศเช่นเจ้า ถึงกับหาญกล้าตั้งคำถามข้าด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น?” หลังจากใช้พลังซัดร่างหวางชิวขวงจนปลิดปลิว สำนึกเทวะทั้งพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ต้วนหลิงเทียนแผ่พุ่งออกไปก็ถูกรั้งกลับฉับไว หวนคืนสู่ร่างเขาในเสี้ยวพริบตา รวดเร็วเกินกว่าที่ใครจะทันได้รู้ตัว เมื่อรั้งพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดและสำนึกเทวะกลับมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็มองถามหวางชิวขวงที่สภาพราวขอทานเจียนตายด้วยสีหน้าดูแคลนหยันหยาม มุมปากยังยกยิ้มแสยะขึ้นมาอย่างรังเกียจ พอต้วนหลิงเทียนกลาวจบคำ บรรยากาศโดยรอบก็เงียบไปปานคนตาย! หวางตันเฟิ่งที่ลอยร่างข้างๆหวางชิวขวงเมื่อครู่ แม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่ได้แผ่พลังซัดนาง แต่ด้วยความที่นางอยู่ใกล้กับหวางชิวขวง นางจึงสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังอันน่าพรั่นพรึงที่แผ่ออกมาจากสำนึกเทวะและพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของต้วนหลิงเทียนได้ชัดเจน! กลิ่นอายพลังนั่น แม้ไม่ได้มุ่งเป้ามาที่นาง แต่ก็สะกดพลังทั่วร่างของนางได้อยู่หมัด! ทั้งนั่นยังเป็นกลิ่นอายพลังที่อยู่เหนือขอบเขตขุนนางอมตะไปแล้ว! และต่อให้เป็นราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด แต่ก็ไม่มีทางมีกลิ่นอายพลังทั้งสำนึกเทวะทรงพลังถึงขนาดนั้นได้! ‘มัน…ก่อนหน้านี้ มันออมมือเอาไว้มาโดยตลอด!?’ ในใจหวางตันเฟิ่งบังเกิดความคิดดังกล่าวผุดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และพอคิดถึงเรื่องนี้ ความหวาดกลัวก็เริ่มแผ่ซ่านปกคลุมครอบงำไปทั่วใจ พาลให้นางบังเกิดอาการแตกตื่นยากที่จะสงบลงได้อยู่นาน “หลี่ผิงทะลวงไปถึงขอบเขตราชาอมตะแล้วงั้นหรือ…แต่กระนั้นยังถูกท่านฆ่าตาย?” ห่างออกไปไกลๆ หวางชิวขวงที่สภาพยักแย่ยักยัน หลังถูกต้วนหลิงเทียนแผ่พลังซัด ไม่ทันได้หวนนึกถึงกลิ่นอายอันน่ากลัวจากสำนึกเทวะและพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอันทรงพลังเมื่อครู่ด้วยซ้ำ มันติดใจกับคำพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน จนสีหน้าอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง วาจายังกลับกลายเป็นสุภาพเรียยบๆร้อยๆลงทันตาเห็น! “ข้า ต้วนหลิงเทียน ไม่จำเป็นต้องโกหกเจ้า…อีกไม่นานพวกเจ้าคงได้ยินเรื่องราวที่แพร่ออกมาจากพื้นที่ก้าวข้าม” ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออกเสียงเรียบ ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยคำนี้ออกมา ก็พอดีกับที่หวางชิวขวงตระหนักได้ถึงกลิ่นอายพลังก่อนหน้า มันจึงเชื่อวาจาของต้วนหลิงเทียนทันที เพราะสุดท้ายแล้วพลังที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งเผยออก ก็เหนือชั้นกว่าราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดมาก! และต่อให้เป็นราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดที่ร้ายกาจแค่ไหน ก็ไม่มีทางอาศัยการแผ่พลังกับสำนึกเทวะสดๆเช่นนี้มาซัดมันจนอาการสาหัสได้! “ช้าก่อน…เมื่อครู่…” ทันใดนั้นเอง หวางชิวขวงคล้ายจะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา ลูกตามันหดเล็กลง มองถามต้วนหลิงเทียนออกไปด้วยความตกใจทั้งไม่อยากจะเชื่อ “ท่าน…ท่านพึ่งบอกว่า…ท่านชื่อต้วนหลิงเทียนหรือ!?” จังหวะนี้สายตาที่หวางชิวขวงใช้มองต้วนหลิงเทียน ทำราวกับมันเห็นผีกลางวันแสกๆอย่างไรอย่างนั้น! ไม่ใช่ว่าต้วนหลิงเทียนคือหัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อีในพื้นที่รกร้างหรือไร? “ข้าต้วนหลิงเทียน บุรุษของมู่หรงปิง…มาเยือนนิกายอมตะสือหังวันนี้ เพื่อท้าประลองขุนนางอมตะ 10 ทิศของนิกายอมตะสือหัง!” ได้ยินคำถามของหวางชิวขวง ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยประโยคที่เขาพูดขึ้นมาตอนที่บุกเข้ามาถึงนิกายอมตะสือหังซ้ำ เสียงเหมือน…ถ้อยคำก็เหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน! พริบตานี้หวางชิวขวงย่อมตระหนักได้ทันที ว่าชายหนุ่มชุดม่วงอันร้ายกาจทรงพลังเบื้องหน้า ที่แท้ก็คือ ต้วนหลิงเทียน หัวหน้าปรมาจารย์โอสถของนิกายอมตะไท่อีจากพื้นที่รกร้างที่มันไม่เคยพบเจอมาก่อน! “ปะ…ปรมาจารย์โอสถต้วน!” ถึงจะตกใจที่ต้วนหลิงเทียนมีพลังฝีมือระดับนี้ได้ด้วยวัยไม่ถึงร้อยปี แต่ก็ไม่เท่าความตกใจจากความในวาจาที่ต้วนหลิงเทียนพูดมาเมื่อครู่ เพราะฟังจากคำพูดของต้วนหลิงเทียน เห็นชัดว่าเจาะจงมาท้าทายมันโดยเฉพาะ!! หากก่อนหน้านี้ มันคิดว่าต้วนหลิงเทียนไม่คู่ควรจะต่อสู้กับมัน ทั้งยังไม่เห็นต้วนหลิงเทียนอยู่ในสายตาล่ะก็… มาตอนนี้มันกลับเป็นฝ่ายที่ไม่กล้าแม้แต่จะผายลมต่อหน้าต้วนหลิงเทียน! ล้อกันเล่นหรือไร! คนที่ทำให้มันสภาพร่อแร่สิ้นพลังได้โดยใช้แค่การแผ่พุ่งพลังออกมาส่งๆ มันจะมีปัญญาต่อกรรับมือได้เหรอ!? “ปะ…ปรมาจารย์โอสถต้วน ท่านกับข้า พวกเรามีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันหรือไม่?” หวางชิวขวงมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มขื่นขม เหตุผลที่ไฉนมันถามออกไปแบบนั้น เพราะต้วนหลิงเทียนเจาะจงท้าทายมัน ไม่พูดถึงคนอื่นเลย! “ระหว่างเจ้ากับข้าไม่มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรทั้งนั้น…ที่ข้ามาท้าเจ้า เพราะแค่อยากให้ลูกสาวเจ้ารู้เอาไว้ ว่าเบื้องหลังศิษย์ของนาง มู่หรงปิง มีคนหนุนหลังอยู่…และไม่ใช่คนที่นางหรือนิกายอมตะสือหังจะล่วงเกินได้!” ต้วนหลิงเทียนย่อมคาดเดาความคิดในหัวหวางชิวขวงออกได้เป็นธรรมดา จึงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย และพอกล่าวถึงท้ายประโยคยังหันไปเหลือบมองหวางตันเฟิ่งด้วยสายตาไม่แยแส ต้วนหลิงเทียนที่เหลือบมองหวางตันเฟิงอย่างไม่แยแส ยังเอ่ยออกมาอีกครั้งว่า “วันนี้ข้ามาเพื่อให้เจ้าจำใส่หัวเอาไว้…หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับมู่หรงปิง ข้าไม่เพียงแต่จะฆ่าเจ้าเท่านั้น ข้ายังจะทำลายนิกายอมตะสือหังให้สิ้นซาก!”
คอมเม้นต์