War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2588

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2588 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 2,588 : โลกใบเล็ก
 
“แม่ทัพ? กองทัพมังกรดำ?”
 
ได้ยินบทสนทนาของชายทั้งสองที่พึ่งเดินสวนไป สองตาต้วนหลิงเทียนก็ลุกวาวขึ้นมาทันที
 
ที่เขาครุ่นคิดอยู่ตอนนี้ไม่ใช่หาวิธีเข้าไปในจวนเจ้เมืองหรือกองทัพมังกรดำหรือไร?
 
พอได้ยินบทสนทนาดังกล่าวของทั้งคู่ ต้วนหลิงเทียนก็เหมือนมองเห็นโอกาส!
 
ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องยากหากคิดเข้าร่วมกองทัพมังกรดำ…แต่นั่นมันสำหรับผู้ที่พึ่งขึ้นมาหลิงหลัวเทียนเท่านั้น!
 
ปกติแล้วผู้ที่พึ่งขึ้นมายังหลิงหลัวเทียน เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่กองทัพมังกรดำทำหน้าที่มารับตัวไปจากสระกำเนิดเซียนอมตะ ก็จะได้เข้าร่วมกองทัพมังกรดำทันทีเหมือนกันกับกองทัพมังกรเงิน แต่จะอยู่ในฐานะต่ำสุดอย่างข้ารับใช้เท่านั้น มีเพียงพลังฝึกปรือสูงถึงระดับหนึ่งจึงจะเข้าร่วมเป็นสมาชิกของกองทัพมังกรดำได้อย่างเต็มตัว
 
ถึงตอนนั้นท่านก็ไม่จำเป็นต้องทำงานรับใช้เช่นขี้ข้าสืบไป แต่จะมีหน้าที่ให้รับผิดชอบอย่างเหมาะสมแทน เมื่อทำเสร็จก็จะมีเวลาบ่มเพาะให้ตามกำหนด
 
นอกจากนั้น กองทัพมังกรดำก็ไม่รับคนนอก
 
ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่เขาได้รับทราบมาจากเสี่ยวเอ้อในเหลาอาหาร
 
“พวกท่านทั้ง 2 ช้าก่อน”
 
ต้วนหลิงเทียนหันหลังกลับมาร้องทัก จากนั้นก็เดินไปดักหน้า ค่อยเอ่ยถามทั้ง 2 ออกไปทันที “ไม่ทราบว่า โลกใบเล็กที่พวกท่านพึ่งคุยกันเมื่อครู่ มันคืออะไรหรือ?”
 
“เจ้าเป็นใคร มาขวางพวกเราทำไม?”
 
“น้องชาย สะกดคำว่ามารยาทเป็นรึเปล่า”
 
เดินอยู่ดีๆ โดนคนแปลกหน้าที่ไหนก็มารู้มาขวางทางและยิงคำถามใส่ เป็นใครก็ไม่มีความสุข
 
“พี่ชายทั้ง 2 อย่างพึ่งโมโหไปเลย ข้าคิดจะถามอะไรพวกท่านเล็กๆน้อยๆ แค่ 2 เรื่องเอง”
 
เห็นทีท่าอาการไม่พอใจของทั้งคู่ ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจอะไร เพียงสะบัดมือคราหนึ่งเรียกหินอมตะระดับกลางออกมาจากแหวนพื้นที่ 2 ก้อนแล้วโยนขึ้นลงเบาๆในฝ่ามือ “ไม่ทราบหินอมตะระดับกลาง 2 ก้อน พอจะเป็นค่าเสียเวลาให้พี่ชายทั้ง 2 ตอบคำถามเล็กๆน้อยๆได้รึเปล่า”
 
พอเห็นต้วนหลิงเทียนเรียกหินอมตะระดับกลางออกมาโยนเล่นในมือ 2 ก้อน สองตาของชายทั้งคู่ก็ลุกวาวขึ้นมาทันที!
 
และพอได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนพวกมันก็เข้าใจเรื่องราวได้ไม่ยาก ทัศนคติของพวกมันจึงเปลี่ยนไปราวโลกพลิกคว่ำทันตาเห็น!
 
“ฮัยยาน้องชายท่านนี้ ไม่ทราบมีเรื่องอะไรจะถามพวกเราหรือ…เชิญเจ้าถามถามได้เลย!”
 
“ใช่ๆ! พวกเรารับรองได้เลยน้องชาย หากเป็นเรื่องที่พวกเรารู้ล่ะก็ พวกเรายินดีตอบหมด”
 
เรียกว่าทั้ง 2 คนมองต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผิดกับก่อนหน้าลิบลับ
 
‘อย่างที่เค้าว่าไว้ไม่มีผิด มีเงินก็ใช้ผีโม่แป้งได้…’
 
ต้วนหลิงเทียนลอบทอดถอนในใจ จากนั้นเขาก็ไม่เกรงใจอะไรกล่าวถามทั้งสองออกไปตรงๆ “ข้าอยากรู้เรื่องที่พี่ชายทั้ง 2 พึ่งคุยกันเมื่อกี้น่ะ โลกใบเล็กที่พวกท่านว่ามันคืออะไรเหรอ?”
 
“โลกใบเล็ก? อ๋อ ก็พื้นที่อิสระที่ยอดฝีมือในระนาบเทวโลกอันมีพลังฝึกปรือสูงถึงระดับหนึ่ง ฉีกเปิดมิติสร้างขึ้นอย่างไรเล่า”
 
หนึ่งในนั้นตอบต้วนหลิงเทียนออกมาแทบจะทันที ขณะเดียวกันยังกล่าวถามเพิ่มเติมด้วยสงสัย “เอ่อ ว่าแต่น้องชายไม่เคยได้ยินเรื่องโลกใบเล็กมาก่อนเลยเหรอ?”
 
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะตอบคำของมัน
 
‘โลกใบเล็ก…ฟังดูแล้วก็คล้ายๆระนาบเทียม ที่อยู่ในระนาบโลกียะอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามพื้นที่มิติของระนาบเทวโลกมันแข็งแกร่งมั่นคงขนาดนี้ ผู้ที่จะฉีกเปิดสร้างโลกใบเล็กขึ้นมาได้ เกรง่วาคงไม่ใช่เซียนอมตะธรรมดาๆ…’
 
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว
 
“แล้วโลกใบเล็กนั่น…ผู้ที่จะสร้างได้ต้องมีพลังฝีมือระดับไหนงั้นหรือ?”
 
ต้วนหลิงเทียนถาม
 
“เอ่อ เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันน้องชาย”
 
จะอย่างไรทั้งคู่ก็หวังได้หินอมตะระดับกลางทั้ง 2ก้อนจากต้วนหลิงเทียน เช่นนั้นพวกมันย่อมไม่ถือเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนไม่ตอบคำถามก่อนหน้า และพอได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียนพวกมันก็ตอบออกมาทันที “แต่ว่านะน้องชาย…จากที่ข้าเคยได้ยินมา เห็นว่ากระทั่งตัวตนระดับ ต้าหลัวจินเซียน ยังไม่มีความสามารถจะเปิดสร้างโลกใบเล็กบนระนาบเทวโลกได้เลย”
 
“ไม่ใช่แค่ต้าหลัวจินเซียนไม่มีความสามารถเฉยๆนะ กระทั่งตัวตนที่ทรงพลังเหนือกว่าต้าหลัวจินเซียน ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถทำอะไรแบบนั้นได้”
 
ผู้ที่สัญจรตามทางอีกคนกล่าวเสริม
 
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า หลังจากนั้นเขาก็ยังคงถามเรื่องนี้อีกเล็กน้อย ค่อยเปลี่ยนไปถามอีกเรื่อง “แล้วอีกเรื่องที่พวกท่านพึ่งคุยกัน…ว่าทางกองทัพมังกรดำสงสัยว่าแม่ทัพของทัพมังกรดำหลงเข้าไปในโลกใบเล็กต้องห้ามของเมืองเฉวี่ยโยวที่ร่ำลือเล่า? โลกใบเล็กนั่นมีอันตรายมากเลยหรือ ถึงกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามของเมืองเฉวี่ยโยวได้??”
 
“ใช่”
 
หนึ่งในคนผ่านทางกล่าวตอบ “โลกใบเล็กนั่นมันปรากฏขึ้นแถวๆเทือกเขาทางตอนใต้ของเมืองเฉวี่ยโยเรานานแล้ว…เห็นว่ามันมีมาตั้งแต่เมื่อ 10,000 ปีก่อนด้วยซ้ำ! และตลอดช่วงเวลา 10,000 ปีที่ผ่าน คนที่เข้าไปในนั้นไม่เคยได้กลับออกมาสักคน!”
 
“และพอเรื่องโลกใบเล็กนั่นเริ่มโด่งดังขึ้นมา มันก็แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง…มียอดฝีมือพยายามไขความลับของมันมากมาย กระทั่งยอดฝีมือจากที่อื่นๆก็ดั้นด้นเดินทางมายังเมืองเฉวี่ยโยวของพวกเราเพราะหมายเข้าไปค้นหาความลับภายในโลกใบเล็กนั่นเหมือนกัน…แต่จนบัดนี้ผู้ที่เคยเข้าไปก็ไม่มีใครเคยกลับออกมาเลย”
 
“ใช่ เรื่องนี้สร้างความหวาดกลัวให้ผู้คนในสมัยนั้นมาก เพราะในบรรดาผู้ที่ไปไม่กลับ ไม่ใช่แค่ยอดฝีมือขอบเขตต้าหลัวจินเซียนเท่านั้น เห็นว่าขนาดผู้ที่มีระดับพลังเหนือกว่าต้าหลัวจินเซียน หลังเข้าไปในโลกใบเล็กก็ยังต้องหายตัวไปตลอดกาล…”
 
“ด้วยเหตุนี้…โลกใบเล็กนั่น จึงกลายเป็นสถานที่ต้องห้ามของเมืองเฉวี่ยโยวเรา”
 
หลังกล่าวอธิบายเรื่องราวไปแล้ว  1 ในชายทั้ง 2 ก็อดไม่ได้ที่จะมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้าจริงจัง “นี่น้องชาย…อย่าว่าอย่างงู้นอย่างงี้เลยนะ แต่เจ้าคงไม่ได้กำลังคิดจะลองเข้าไปสำรวจโลกใบเล็กนั่นดูหรอกนะ? หากเป็นเช่นนั้นขอน้องชายจงคิดทบทวนให้ดีเถอะ…นั่นมันสถานที่ผีสาง ใครเข้าไปก็ตายชัดๆ!”
 
“ใช่แล้วน้องชาย”
 
ชายผ่านทางอีกคนยังกล่าวเสริมออกมาว่า “ที่สำคัญเลยก็คือ….พื้นที่โดยรอบใกล้ๆกับประตูทางเข้าโลกใบเล็กนั่น มันก็ไม่ใช่ว่าจะมั่นคงสักเท่าไหร่! ในประวัติศาสตร์ที่มีบันทึกไว้ตลอดหมื่นปีที่ผ่านมา เคยมีคนดวงซวยที่แค่เดินผ่านไปแถวนั้นเฉยๆ แต่กลับต้องถูกดูดเข้าไปในโลกใบเล็กนั่นอย่างไม่เต็มใจ และสุดท้ายก็หายไปตลอดกาล…”
 
“รวมถึงครั้งนี้ด้วย…เห็นว่าแม่ทัพของกองทัพมังกรดำคนนั้นถูกดูดเข้าไปยังโลกใบเล็กนั่นอย่างไม่สมัครใจ ท่าทางในขณะที่ลาดตระเวนผ่านไปห้วงมิติแถวนั้นมันบังเกิดความผันผวนขึ้นมาพอดี…”
 
“หากเป็นคนธรรมดาที่ผ่านมาเจอดีแบบนี้แล้วตายไป เรื่องราวก็คงเงียบไม่มีใครรู้…แต่คราวนี้ที่ตายเป็นแม่ทัพของทัพมังกรดำคนหนึ่งไง ทุกคนจึงทราบได้ทันทีจากลูกแก้ววิญญาณที่แตกไป และยังแตกในช่วงที่ต้องลาดตระเวนผ่านไปแถวๆนั้นพอดี…”
 
“ทำให้คราวนี้ถึงจะมีประกาศออกมาใหญ่โต…แต่เจ้าเชื่อข้าเถอะน้องชายไม่มีใครกล้าไปแถวนั้นหรอก! ผู้ใดจะไปรู้ว่าจะซวยแบบแม่ทัพนั่นหรือไม่…”
 

 
ชายเดินถนนทั้ง 2 ค่อยๆอธิบายเรื่องราวให้ต้วนหลิงเทียนอย่างอดทน
 
นอกจากตอบคำถามแล้ว ยังโน้มน้าวไม่ให้ต้วนหลิงเทียนไปเสี่ยงด้วย
 
แต่ต้นจนจบไม่มีใครไม่พอใจแต่อย่างใด
 
“ขอบคุณพี่ชายทั้ง 2 มาก”
 
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็มอบหินอมตะระดับกลางให้ทั้งสองค่อยอำลาแล้วเดินจากไป
 
“น้องชายเดินดีๆล่ะ”
 
ทั้คู่มองส่งต้วนหลิงเทียนเล้กน้อยด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะจากไปอย่างสบายใจ
 
หลังแยกกับชายทั้ง 2 แล้ว ต้วนหลิงเทียนยังคงเดินไปบนถนนท่ามกลางผู้คนมากมายอย่างไร้จุดหมาย ทว่าคราวนี้ต่างออกไป เพราะในหัวเขาไม่ได้คิดเรื่องหาวิธีเข้าจวนเจ้าเมืองและค่ายมังกรดำอีกแล้วแต่คิดเกี่ยวกับโลกใบเล็กที่อยู่ในแนวเทือกเขาทางตอนใต้ของเมืองเฉวี่ยโยวแทน
 
‘โลกใบเล็กนั่นถูกค้นพบมาเป็นพันเป็นหมื่นปี แต่กลับไม่มีใครรอดกลับออกมาสักคน…เห็นได้ชัดว่าข้างในนั่นอันตรายถึงขีดสุด’
 
‘ดูเหมือนเรื่องเสี่ยงเข้าไปหาป้ายประจำตัวแม่ทัพของทัพมังกรดำภายในโลกใบเล็กนั่น และจะได้เข้าร่วมทัพมังกรดำในฐานะแม่ทัพ จะเป็นแค่เรื่องฝันเฟื่องซะแล้ว…’
 
ถึงแม้จะมีคำกล่าวว่า ความมั่งคั่งมาพร้อมความเสี่ยง แต่ต้วนหลิงเทียนก็รู้ตัวเองดี
 
โลกใบเล็กนั่น ตลอดหลายพันปีที่ผ่านมา ทั้งๆที่มียอดฝีมือทรงพลังมากมายเข้าไปแต่ไม่มีใครได้กลับออกมาสักคน!
 
เขาไม่คิดว่าตัวเขาเองจะโชคดีไปกว่าคนเหล่านั้น
 
‘แต่ถ้าไปดูลาดเลาห่างๆคงเป็นอะไรมั้ง…’
 
‘แถม…อาจเป็นไปได้ว่าแม่ทัพที่คาดว่าน่าจะตายในโลกใบเล็กนั่น อาจทำป้ายประจำตัวตกไว้ข้างนอกก็ได้?’
 
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจไปยังแนวเทือกเขาทางตอนใต้ของเมืองเฉวี่ยโยวทันที เขาอยากไปดูให้เห็นกับตาว่าทางเข้าโลกใบเล็กนั่นเป็นยังไง และอยากรู้ว่ามันจะมีร่องรอยอะไรให้สืบสาวหรือไม่ เพราะไม่แน่ว่าป้ายประจำตัวแม่ทัพอาจตกอยู่แถวนั้นก็เป็นได้
 

 
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนออกจากเมืองเฉวี่ยโยวและมุ่งหน้าลงใต้
 
น่านฟ้าเหนือแนวเทือกเขาทางตอนใต้ พลันปรากฏแขกไม่ได้รับเชิญคนหนึ่งที่มาถึงก่อน
 
อาคันตุกะไม่ได้รับเชิญผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นสตรีในชุดกระโปรงสีม่วงอ่อนที่มีผ้าคลุมใบหน้าครึ่งล่าง ปกปิดพวงแก้มมนกับเรียวคางสมบูรณ์แบบนั่นเอาไว้ ที่ต้วนหลิงเทียนเคยเห็นในเมืองเฉวี่ยโยว!
 
‘ที่นี่สินะ’
 
สตรีดังกล่าวเหินร่างเข้าไปในแนวเทือกเขาด้วยความเร็วดั่งสายลม
 
ฟุ่บ!
 
หลังเข้ามาในแนวเทือกเขาแล้ว สตรีดังกล่าวก็มุ่งหน้าดิ่งตรงไปทิศทางหนึ่ง
 
ไม่นานสตรีดังกล่าวก็มาถึงหุบเขาแห่งหนึ่ง
 
หากมองผ่านๆหุบเขาแห่งนี้ก็เงียบสงบไม่ได้มีอะไรพิเศษ
 
แต่ถ้ามองให้ดีจะพบว่า
 
บริเวณใจกลางหุบเขานั้น ความว่างเปล่ามันบิดเบือนผันผวนไปมาตลอดเวลา…!
 
สิ่งนี้มากพอจะบอกให้รู้ว่า  พื้นที่มิติบริเวณนี้ไม่ค่อยจะมีเสถียรภาพสักเท่าไหร่…
 
“โลกใบเล็กที่ยอดฝีมือของนิกายสราญรมย์ทิ้งไว้…อยู่ตรงนั้นสินะ”
 
สตรีที่หยุดร่างลงมองไปยังใจกลางหุบเขากล่าวรำพันเบาๆพลางยกมือขาวเนียนขึ้นมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ปรากฏป้ายหยกสีเขียวที่ทอแสงสว่างเรืองๆผุดจากความว่างเข้ามือ
 
“หาก ‘คำสั่งเสีย’ ที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นของนิกายสราญรมย์เป็นความจริง…เมื่อมาถึงที่นี่ ขอเพียงจ่ายพลังลงไปในป้ายหยกนี่ ก็จะมีข้อความชี้แนะวิธีเข้าสู่โลกใบเล็กที่ถูกต้อง…”
 
“และจากคำสั่งเสียที่สืบทอดต่อกันมาของนิกายสราญรมย์…หลังเข้าไปยังโลกใบเล็กที่ถูกทิ้งไว้โดยยอดฝีมือของนิกายสราญรมย์คนนั้นแล้ว เพียงกระทำตามคำชี้แนะจากป้ายหยกให้ดี ก็จะสามารถกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย…”
 
“ตั้งแต่ตอนที่ 1 ใน 3 ศาสตราเซียนอมตะประจำนิกายสือหังเซียนของพวกเรา ได้ถูกยอดฝีมือจากนิกายสราญรมย์ที่เปิดโลกใบเล็กนี่ช่วงชิงไป มันกลับไม่เคยปรากฏเป็นมรดกตกทอดภายในนิกายสราญรมย์เลย! หมายความว่าศาสตราเซียนยอมตะนั่นต้องถูกมันเก็บไว้ในโลกใบเล็กแห่งนี้เป็นแน่!”
 
พึมพำถึงจุดนี้สตรีดังกล่าวก็ไม่ลังเลใดๆสืบไป เร่งจ่ายพลังลงป้ายหยกทันที
 
วู้ม
 
ทันใดนั้นป้ายหยกเขียวในมอยิ่งมาก็ยิ่งเรืองแสงสว่างเจิดจ้า
 
“ข้อความปรากฏแล้ว…”
 
ทันใดนั้นเองสตรีดังกล่าวก็พบว่าในป้ายหยกพลันปรากฏข้อความชุดหนึ่งขึ้นมา แต่พอนางได้รับทราบข้อความดังกล่าวแล้ว นางก็ชะงักค้างไปทันใด ไม่เผยอาการดีใจให้เห็น…
 
จากนั้นพวงแก้มที่ถูกม่านผ้าโปร่งแสงผืนบางบดบัง ก็เริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อออกมา
 
“ต้องเข้าไปเป็นคู่ชายหญิง…จากนั้นจำต้อง…เสพสังวาสกันให้สำราญรอบหนึ่ง จึงจะออกมาได้อย่างปลอดภัย…”
 
 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด