War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2505
ตอนที่ 2,505 : นิกายถัง! ถังเซี่ยวเซี่ยว! ในเมื่อเป็นเวทย์พลังสนับสนุนที่อ่อนด้อยกว่าปฐมเวทย์กลืนกิน เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะเสียเวลาจดจำเพื่อนำไปทำความเข้าใจในภายหลัง สำหรับเขาแล้วต่อให้จะจดจำเวทย์พลังบทนี้ได้ทั้งหมด แต่เขาก็ไม่คิดจะเสียเวลาเพื่อตีความมัน เพราะถึงจะเชี่ยวชาญและบรรลุถึงขั้นตอนไร้ตำหนิ สุดท้ายก็ยังอ่อนด้อยกว่าปฐมเวทย์กลืนกินอยู่ดี! ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจอะไรมันแม้แต่น้อย ‘อาศัยช่วงที่นางจดจำเวทย์พลัง…ข้าตีความ 13 กระบี่บงกชฟ้ารอแล้วกัน’ หลังครุ่นคิดในใจ ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มนั่งลงจมสู่ห้วงภวังค์ทำความเข้าใจเวทย์พลังของเขาทันที เวทย์พลังที่เขาเลือกจะตีความฆ่าเวลาก็คือ 13 กระบี่บงกชฟ้า 13 กระบี่บงกชฟ้านับเป็นเวทย์พลังจู่โจมที่ค่อนข้างทรงพลังไม่น้อยในระนาบเทวโลก ตอนนี้เขาพึ่งเชี่ยวชาญมันได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น พลังอำนาจของมันจึงทัดเทียมได้กับเวทย์พลังจู่โจมทั่วไปของระนาบเทวโลกเท่านั้น หากเขาคิดจะทำให้ 13 กระบี่บงกชฟ้าทรงพลังมากกว่านี้ เขาต้องใช้เวลาทำความเข้าใจมันเพิ่มเติม ต้วนหลิงเทียนที่จมจ่อมสู่ภวังค์ตีความ 13 กระบี่บงกชฟ้า ก็เสมือนลืมเลือนเวลาไปอย่างสิ้นเชิง จนกระทั่งสตรีชุดดำได้ตื่นขึ้นมาแล้วปลุกเขา ตัวเขาจึงค่อยรู้ว่าที่แท้แผ่นศิลาที่บรรจุเวทย์พลังไว้ของสมบัติสถานระดับสวรรค์แห่งนี้ได้หายไปแล้ว “จำได้หมดหรือไม่?” ต้วนหลิงเทียนมองถามสตรีชุดดำ “ได้หมดเลย!” สตรีชุดดำพยักกหน้ารับคำ แม้แววตาของนางจะฉายแววสว่างขึ้นมาวูบเดียว แต่ต้วนหลิงเทียนก็แลเห็นความสุขความยินดีในดวงตาของนางชัดเจน “ที่สำคัญข้าพึ่งจำเคล็ดความมันได้หมดไม่ทันไร พอลืมตาขึ้นมาไม่กี่ลมหายใจแผ่นศิลาก็หายไปพอดี” ด้วยวาจาต่อมาของสตรีชุดดำ ต้วนหลิงเทียนจึงเข้าใจได้ทันทีว่าไฉนนางถึงได้แลดูดีใจนัก ที่แท้นางจดจำมันได้ทั้งหมดก่อนที่แผ่นศิลาจะหายไปไม่นานนี่เอง “ตอนนี้เจ้าจะนำทางข้าไปได้รึยัง” ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาหลังได้ยินว่าสตรีชุดดำจดจำเวทย์พลังได้แล้ว สำหรับเขานี่คือ ‘ธุรกิจ’ “ไปกันเถอะ” สตรีชุดดำพยักหน้ารับ จากนั้นก็เตรียมพาต้วนหลิงเทียนไปยังทางเข้าออกของระนาบเหยียนหวงในแดนลับต่างสวรรค์ที่นางสัมผัสได้ ฟุ่บ! อย่างไรก็ตามหลังสตรีชุดดำเหินร่างออกมาลอยอยู่เหนือหุบเขาและมุ่งหน้าไปทางตะวันออกได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็ยกมือขึ้น ปรากฏพลังไร้สภาพอ่อนโยนขุมหนึ่งหอบหิ้วร่างสตรีชุดดำ ก่อนที่จะนำพานางเหินทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงล้ำ! “เร็วยิ่ง!!” สตรีชุดดำที่ถูกต้วนหลิงเทียนหอบหิ้วไปพลันตระหนักได้ทันที… ความเร็วของต้วนหลิงเทียนเหนือล้ำกว่านางมาก! อย่างไรก็ตามไม่ทันไรนางยังพบได้อีกว่า ความเร็วของต้วนหลิงเทียนกลับทวีเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น!! และทั้งหมดเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนหยิบกระบี่ออกมารวมถึงใช้ค่ายกลกระบี่เพื่อเหินบิน! “เอาไป” ในขณะที่สตรีชุดดำกกำลังตกใจกับความเร็วอันน่าเหลือเชื่อนั้นเอง เสียงต้วนหลิงเทียนพลันดังขึ้นในหูนางอย่างประจวบเหมาะ ครู่ต่อมานางก็เห็นว่าต้วนหลิงเทียนโยนกริชมาให้นางด้วยท่าทางราวโยนขยะทิ้ง! “มันเป็นยอดสมบัติสวรรค์เชียวนะ เจ้า…” เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนโยนยอดสมบัติสวรรค์มาราวทิ้งขยะ สตรีชุดดำถึงกับพูดอะไรไม่ออก การเดินทางต่อจากนั้น นับว่าสงบราบรื่นดี ต่างเงียบกันไม่พูดไม่จา และสุดท้ายสตรีชุดดำก็เป็นฝ่ายกล่าวขึ้นมาทำลายความเงียบก่อน “ข้ายังไม่ได้บอกเจ้าเลย…ข้าชื่อถังเซี่ยวเซี่ยว และเป็นศิษย์นิกายถังของระนาบเหยียนหวง” สตรีชุดดำไม่เพียงกล่าวแนะนำตัวเองเท่านั้น ยังบอกขุมพลังที่สังกัดออกมาด้วย “นิกายถัง?” ได้ยินคำของสตรีชุดดำหรือ ‘ถังเซี่ยวเซี่ยว’ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหยีตากล่าวถามออกไปว่า “นิกายถังของเจ้ามาจากไหน…ใช่สืบทอดมาจากดาวเหยียนหวงหรือไม่?” “ใช่แล้ว” ถังเซี่ยวเซี่ยวพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “นิกายถังของเราก็เหมือนกับสำนักเทียนซือของสหายเจ้า ล้วนสืบทอดมรดกมาจากดาวเหยียนหวง อย่างไรก็ตามหากเทียบกับสำนักเทียนซือแล้ว นิกายถังของพวกเราอ่อนด้อยกว่า เพราะตอนนี้พวกเราไม่มีเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อยู่เลย…” “อย่างไรก็ตามแม้นิกายถังของเราจะอ่อนแอกว่า แต่ต่อให้เป็นสำนักเทียนซือก็ไม่ใช่ว่าจะมารังแกนิกายถังของเราได้ง่ายๆ…บางทีสำนักเทียนซืออาจมีพลังมากพอจะทำลายนิกายถังของข้าได้ แต่ตราบใดที่คนของนิกายถังไม่ถูกเข่นฆ่าถอนรากถอนโคน เกรงว่ากระทั่งไก่สุนัขของสำนักเทียนซือก็มิมีวันอยู่เป็นสุขได้อีกต่อไป!” กล่าวถึงท้ายประโยค สองตาของถังเซี่ยวเซี่ยวก็ฉายแววมั่นใจออกมาอย่างล้นพ้น จนไม่ต่างอะไรจากเย่อหยิ่ง “นิกายถังของเจ้า…ใช่มีจุดเด่นเรื่องอาวุธลับหรือไม่?” ต้วนหลิงเทียนกล่าวถาม ในชีวิตที่แล้วตอนที่อยู่บนโลก ต้วนหลิงเทียนก็เคยได้ยินเรื่องราวของนิกายถังมาไม่น้อย กระทั่งเขายังเคยพบผู้เฒ่าคนหนึ่งที่อ้างตัวว่ามาจากนิกายถัง แถมอีกฝ่ายได้สอนเข้าใช้วิชามีดบินให้เขา และนับว่ามันช่วยให้เขาแก้สถานการณ์อันตรายมากมายมาไม่น้อย! มีหลายครั้งที่กระสุนปืนของเขาหมดลง แต่เพราะได้วิชามีดบินจากกผู้เฒ่าคนนั้น เขาจึงสามารถเข่นฆ่าศัตรูได้ก่อนที่จะถูกระดมยิงจนพรุน! ดังนั้นพอได้ยินถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวว่านางมาจากนิกายถัง ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกคิดถึงขึ้นมาในใจ แน่นอนว่าเขายังตกใจไม่น้อย เพราะในความทรงจำของเขานิกายถังเองก็ยังดำรงอยู่บนโลก แถมคนในนิกายถังยังใช้กำลังภายในได้ด้วย… ทว่าตอนนี้เมื่อได้เจอถังเซี่ยวเซี่ยวเขาจึงตระหนักได้ว่า… นิกายถังน่ากลัวว่าจะไม่ใช่ธรรมดาเสียแล้ว และที่เขาพบเจอสมควรเป็นนิกายถังที่ถดถอยลง ไม่พ้นเป็นพวกชนรุ่นหลังที่สืบทอดต่อกันมาหลังจากที่บรรพชนได้ออกจากโลกไปเรียบร้อย… “เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?” ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ถังเซี่ยวเซี่ยวอดไม่ได้ที่จะแปลกใจอยู่บ้าง ก็เลยถามออกมาว่า “ใช่ศิษย์สำนักเทียนซือที่เป็นสหายของเจ้าคนนั้นเล่าให้ฟังเช่นนั้นหรือ?” “เปล่า” ต้วนหลิงเทียนส่ายหัว และในขณะที่เขาส่ายหัวไปมา เขาก็วูบร่างไปอยู่เบื้องหน้าถังเซี่ยวเซี่ยว เมื่อยกมือขึ้นก็ปรากฏมวลพลังขุมหนึ่งควบแน่นก่อเกิดเป็นมีดบีนมีสภาพ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มซัดมีดบินที่ว่าออกไปด้วยระดับทักษะที่กล่าวได้ว่าค่อนข้างหยาบนัก… “เอ๋! นี่มันเคล็ดวิชามีดบินไร้เงาของนิกายถังข้านี่นา?” ถังเซี่ยวเซี่ยวอุทานออกมาด้วยความตกใจ ถึงแม้ทักษะการซัดมีดของต้วนหลิงเทียนจะห่วยบรมในสายตาของนาง แต่นางที่เป็นคนโตมาในนิกายถังไหนเลยจะมองต้นกำเนิดทักษะมีดบินของต้วนหลิงเทียนไม่ออก จึงรู้ได้ทันทีว่าสมควรมีต้นตอมาจากเคล็ดวิชามีดบินไร้เงาของนิกายถังนางแน่นอน! “เจ้า…ไฉนรู้วิชามีดบินไร้เงา หนึ่งในเคล็ดวิชาอาวุธลับประจำนิกายถังของข้าได้ล่ะ?” ถังเซี่ยวเซี่ยวมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความตกใจ “ก่อนหน้านี้ข้าเคยบังเอิญพบเจอผู้อาวุโสของนิกายถัง…และผู้อาวุโสก็ได้สอนข้า” ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เพ่ย! อาวุโสอันใด! คนที่เจ้าเจอช่างหน้าไม่อายนักที่กล้าเรียกตัวเองว่าผู้อาวุโส นับว่าทำให้นิกายถังเสื่อมเสียยิ่งแล้ว! หากมิใช่ว่าเพราะข้าคุ้นเคยกับวิชามีดบินไร้เงาดี ข้าก็แทบไม่เห็นร่องรอยวิชามีดบินไร้เงาจากการซัดมีดหยาบๆของเจ้าด้วยซ้ำ!!” ถังเซี่ยวเซี่ยวขมวดคิ้วย่นยู่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ เห็นได้ชัดว่าพอได้เห็นฝีมือซัดมีดบินของต้วนหลิงเทียน นางก็บอกได้ทันทีว่าทั้งหมดล้วนเป็นเพราะผู้ถ่ายทอดวิชาไม่เอาไหน และนั่นนับว่าทำให้นิกายถังต้องเสื่อมเสียนัก!! พอได้ยินคำปรามาสของถังเซี่ยวเซี่ยว ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ส่ายหัวไปมาอีกครั้ง ในโลกที่เขาอยู่เมื่อชาติที่แล้ว นิกายถังที่ว่าสมควรเสื่อมถอยลงจนไม่เหลือเค้าความยิ่งใหญ่ในอดีต ไหนเลยผู้อาวุโสของนิกายถังคนนั้นจะเข้าถึงแก่นแท้วิชามีดบินไร้เงาต้นตำรับของนิกายถังในอดีตได้… จะเทียบกับผู้สืบทอดนิกายถังในอดีตที่แท้จริงที่เป็นผู้ฝึกตน อันมีรากฐานแข็งแกร่งและมรดกครบถ้วนสมบูรณ์ได้อย่างไร “ใกล้ถึงแล้ว อยู่ตรงนั้น!” ด้วยความเร็วในการเหินบินของต้วนหลิงเทียน ในที่สุดทั้งสองคนก็มาถึงบริเวณใกล้ๆกับที่ตั้งทางเข้าออกระนาบเหยียนหวง ถังเซี่ยวเซี่ยวที่สัมผัสได้ว่าประตูอยู่ไม่ไกลก็กล่าวทักออกมา พร้อมบอกทางอย่างละเอียด “เอาล่ะ” ต้วนหลิงเทียนได้ฟัง ก็พยักหน้าก่อนที่จะเหินไปตามทางที่นางชี้ “ถึงแล้ว” จากนั้นไม่นานนักเสียงของถังเซี่ยวเซี่ยวก็ดังเข้าหูต้นหลิงเทียนอีกครั้ง และขณะเดียวกันสายตาของเขาก็จับจ้องมองไปยังเบื้องหน้า พร้อมชะลอความเร็วในการเหาะเหินลง เบื้องหน้าไม่ไกล ปรากฏจุดดำเล็กๆให้เห็น… ยิ่งเข้าไปใกล้จุดดำที่ว่าก็ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น และในที่สุดก็กลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่ที่ไม่ต่างใดจากปากกระหายเลือดของสัตว์ร้ายโบราณตัวเขื่อง “หืม? จางยี่ยังมาไม่ถึงอีกเหรอเนี่ย?” หลังต้วนหลิงเทียนกับเซี่ยวเซี่ยวมาถึงตำแหน่งทางเข้าออกระนาบเหยียนหวง เขาก็หยุดร่างลงไม่ไกลจากหลุมดำกลางหาวมากนัก และพยายามหันรีหันขวางทั้งแผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบโดยรอบ แต่กลับไม่พบร่องรอยจางยี่แม้แต่น้อย “ดูเหมือนตอนที่กลับเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ จางยี่จะถูกสุ่มส่งตัวไปไกลจากที่นี่สินะ…” ต้วนหลิงเทียนย่อมเดาเรื่องนี้ได้ไม่ยาก และอันที่จริงต้วนหลิงเทียนก็เดาถูก หลังจากรออยู่อีกหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ จางยี่ก็พึ่งมาถึง “น้องหลิงเทียนข้าไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมาถึงก่อนข้าซะอีก?” เมื่อจางยี่ที่พึ่งเร่งเดินทางมาถึงพบว่าต้วนหลิงเทียนเฝ้ารออยู่ก่อนแล้วก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจอยู่บ้าง “แล้วนี่ นางเป็นผู้ใดหรือ?” ครู่ต่อมาความสนใจของจางยี่ก็ถูกสตรีในชุดดำข้างกายต้วนหลิงเทียนดึงดูดไป สตรีชุดดำที่อยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียนนั้น แววตาช่างเย็นชานักทั่วร่างให้ความรู้สึกราวกับจะผลักไสผู้คนให้ล่าถอยไปนับพันลี้ “นางคือ ถังเซี่ยวเซี่ยว เป็นคนจากระนาบเหยียนหวงเหมือนเจ้า” ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ถังเซี่ยวเซี่ยว?!” แทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ จางยี่อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา มองไปยังร่างสตรีชุดดำข้างกายต้วนหลิงเทียนอีกครั้งสองตายังเต็มไปด้วยความตกใจนัก “เจ้า…คือรุ่นเยาว์อัจฉริยะอันดับหนึ่งของนิกายถังคนนั้น? ถังเซี่ยวเซี่ยว?” “ข้าเอง” เมื่อเห็นจางยี่ตกตะลึง ถังเซี่ยวเซี่ยวคล้ายได้ใจไม่น้อย นางหันไปมองต้วนหลิงเทียนทันที ความเย็นชาในแววตาแปรเปลี่ยนเป็นความถือดี ราวกับจะบอกต้วนหลิงเทียนว่า ข้าถังเซี่ยวเซี่ยวคนนี้ ในระนาบเหยียนหวงก็ถือเป็นดังเหมือนกันนะ… “รุ่นเยาว์อัจฉริยะอันดับ 1 ของนิกายถัง?” ได้ยินคำของจางยี่ ต้วนหลิงเทียนเองก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองถังเซี่ยวเซี่ยวด้วยความประหลาดใจ ถึงเขาจะรู้ว่าพลังฝีมือของถังเซี่ยวเซี่ยวไม่ใช่ชนชั้นต่ำทราม แต่เขาก็ไม่นึกเลย ว่าถังเซี่ยวเซี่ยวคนนี้จะเป็นถึงรุ่นเยาว์อัจฉริยะอันดับหนึ่งของนิกายถัง ไม่นานหลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวแนะนำจางยี่ให้ถังเซี่ยวเซี่ยวรู้จัก และเตรียมพร้อมจะเดินทางไปยังระนาบเหยียนหวงกับจางยี่ “ข้ากลับไปพร้อมพวกเจ้าด้วยแล้วกัน” ถังเซี่ยวเซี่ยวที่หลังได้ทำความรู้จักกับจางยี่แล้วนางก็กล่าวบอกต้วนหลิเทียนกับจางยี่ว่าจะไปด้วย สุดท้ายจึงเหินร่างติดตามทั้งคู่เข้าสู่หลุมดำด้วยกัน หลังจากนั้น ภายในระนาบเหยียนหวง บริเวณหลุมดำอันเป็นทางเข้าออกแดนลับต่างสวรรค์ พลันปรากฏร่าง 3 ร่างพุ่งออกมาพร้อมๆกัน “ข้ากลับมาแล้ว!” จางยี่ยิ้มกล่าว ทว่าแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนและพวกทั้ง 3 ปรากฏตัว “จางยี่!!” เสียงคำรามหนึ่งพลันดังสนั่นเข้าหูต้วนหลิงเทียนอย่างประจวบเหมาะ!
คอมเม้นต์