War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2448
ตอนที่ 2,448 : ชื่อเสียงเริ่มขจรขจายในแดนลับต่างสวรรค์ “ยังมีใคร…คิดจะลองอีกไหม?” ต้วนหลิงเทียนลอยร่างกลางหาว ชุดคลุมสีม่วงต้องลมสะบัดแผ่วเบา มือขวาคอนกระบี่จี้เฉียงลงข้างตัว เส้นผมสีดำขลับสั่นไหวเล่นลมเบาๆ กล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ใบหน้าให้ความรู้สึกสบายๆราวเมฆคล้อยลอยเคลื่อน ไม่ยินดียินร้ายใดๆ หากทว่า…เพียงกวาดตาเฉยเมยมองถามผ่านๆไปยังเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ทั้ง 5 ด้วยสีหน้าเช่นนั้น กลับทำให้พวกมันรู้สึกกดดันเป็นที่สุด! กระทั่งหลังถูกต้วนหลิงเทียนมองมา พวกมันก็ได้แต่ก้มหน้าหลบตากันเป็นแถบ! เซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์!! ชายหนุ่มเบื้องหน้าของพวกมันกลับมีพลังฝีมือทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์!! ‘หลังจากที่มันแปลงสภาพไปเป็นกระบี่ ทั้งพลังสังหารที่ปะทุออกในพริบตาสุดท้ายนั่น…ข้าเกรงว่ายังเหนือกว่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ทั่วไปเสียอีก!เผลอๆมันน่าจะเทียบได้กับยอดฝีมือขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์!!’ เหล่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ได้แต่คิดไปในทำนองเดียวกัน และพวกมันตระหนักถึงเรื่องหนึ่งได้อย่างชัดเจน…พวกมันไม่นับเป็นตัวอะไรต่อหน้าต้วนหลิงเทียน! “ตะ..ตายแล้ว? เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ตกตายแล้ว ง่ายดายเพียงเท่านี้?!” “สวรรค์ช่วย! ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เป็นสัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใดกัน มิใช่ว่ามันมาจากระนาบโลกียะขนาดย่อมอย่างระนาบเซียนรึไร? ไฉนระนาบโลกียะขนาดย่อมถึงได้คลอดตัวประหลาดพรรค์นี้ออกมาได้?!” “มันใช่ครึ่งก้าวเซียนอมตะแน่หรือ…ไม่ใช่ว่าเป็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ปลอมตัวมาหรอกนะ?” “เหอๆ…หากมันเป็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์จริง มันไหนเลยจะเข้าไปในสมบัติสถานระดับสวรรค์ได้?” … หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆด้วยความตื่นตระหนก เหล่าเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ก็อดไม่ได้ที่จะพูดคุยกันอย่างอกสั่นขวัญแขวน ตอนนี้มองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในสายตาของพวกมันนอกจากครั่นคร้ามก็มีแต่ความหวาดกลัว ก่อนหน้าพวกมันคิดไม่ฝันมาก่อนเลย ว่าตัวตนระดับพวกมัน…จะบังเกิดความหวาดกลัวต่อรุ่นเยาว์ที่อายุไม่ถึงร้อยปีได้! “ช้าก่อน! ข้าจำได้แล้ว มิใช่ว่าครั้งสุดท้ายที่แดนลับต่างสวรรค์เปิดออก ก็เป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะจากระนาบเซียนมิใช่หรือไรที่ได้รับสืบทอดมรดกของต้าหลัวจินเซียน และหลังจากที่คนผู้นั้นออกมา ก็เข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ที่คิดปล้นสมบัติจนตายคาที่!” เซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์คนหนึ่งโพล่งออกมา หลังนึกอะไรได้ออก “ใช่ ข้าเองก็จำได้…คนผู้นั้นเรียกว่าฟงชิงหยาง และเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะเพียงคนเดียวจากระนาบเซียนที่ได้เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ อย่างไรก็ตามก่อนได้รับสืบทอดมรดกของต้าหลัวจินเซียน พลังฝีมือของมันก็เพียงเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์เท่านั้น และว่ากันว่าพลังฝีมือระดับนี้เป็นได้หลังจากที่ได้รับกระบี่เซียนอมตะมาครอง” เซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์อีกคน กล่าวเสริม “ต้วนหลิงเทียนคนนี้…คงมิได้รับสืบทอดมรดกของต้าหลัวจินเซียนไปแล้วหรอกนะ?” เซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์คนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะกล่าวคาดเดาออกมา และทันทีที่มันกล่าวจบคำ ผู้คนโดยรอบก็เงียบไปทันที ใช่! หรือชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า ที่แท้จะได้รับสืบทอดมรดกของต้าหลัวจินเซียนมาแล้ว? “ไปกันเถอะ…” ในขณะที่เหล่าเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์และ 7ทัณฑ์มองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหวาดกลัว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปกลาวชวนจางยี่กับหานเฉวี่ยไน่ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เหินร่างนำพาจางยี่กับหานเฉวี่ยไน่จากไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน หากทว่าคราวนี้เหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายไม่มีใครคิดจะตามไปอีก กระทั่งพอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนเหินร่างพาทุกคนจากไปโดยที่ไม่เอาความอะไรกับพวกมันๆก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แม้ในบรรดาเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์จะมีบางคนที่ส่งเสียงไปชักชวนคนอื่นให้ไปลองกลุ้มรุมต้วนหลิงเทียนดู เพราะอย่างไร 2 หมัดก็ยากต้านทาน 4 ฝ่ามือ… แต่สุดท้ายไม่มีใครเอาด้วยกับมันสักคน! ถึงแม้พวกมันเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์จะมีกัน 5คน แต่พอนึกถึงพลังอันน่ากลัวที่ต้วนหลิงเทียนใช้ออกก่อนหน้า พวกมันก็สำเหนียกได้ไม่ยากว่าให้ร่วมมือกันก็แค่ชะลอเวลาตายออกไปอีกเล็กน้อย… “น่าเสียดาย…ข้ากลับเสียเวลาอันมีค่าไปเปล่าๆปลี้ๆ…” เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์บางคนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ “นั่นสิ หากข้ารู้แต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนร้ายกาจขนาดนี้…ข้าไหนเลยจะมาเสียเวลารอเป็นบ้าอยู่ 2 ปีดีดัก…” เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์อีกคนก็กล่าวออกมาอย่างสะทกสะท้อน เหล่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ที่ยังรั้งอยู่ตอนนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มาเฝ้ารอตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน ทว่าจากสถานการณ์ตอนนี้เวลาที่พวกมันใช้เฝ้ารอเห็นทีจะสูญเปล่าแล้วจริงๆ ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย “แม้ว่าพวกเราจะเสียเวลารอไป 2 ปีอย่างสูญเปล่า…แต่อย่างน้อยพวกเราก็ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนที่ตกตายไม่เพียงแต่เสียเวลารออย่างไร้ค่า ยังตายเปล่าอีกด้วย…” เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์อีกคนเอ่ยขึ้น และพอได้ยินวาจาของเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์คนนี้ คนอื่นๆก็รู้สึกขอบคุณสวรรค์ในใจ “แต่…ต้วนหลิงเทียนนั่นมันมิใช่เซียนอมตะเสเพลปลอมตัวมาแน่หรือ?” กระทั่งถึงจุดนี้ยังมีคนตั้งคำถามเหลวไหลดังกล่าว “ไม่ใช่เซียนอมตะเสเพลแน่นอน…หากมันเป็นเซียนอมตะเสเพล มันไหนเลยจะเข้าไปในสมบัติสถานระดับสวรรค์ได้…เจ้าเองก็รู้ดีว่าในแดนลับต่างสวรรค์ เซียนอมตะเสเพลอย่างเราๆอย่าว่าแต่สมบัติสถานระดับสวรรค์เลย กระทั่งสมบัติสถานระดับมนุษย์ก็เข้าไปไม่ได้แล้ว…” “ต่อให้เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ก็มิอาจฝ่าฝืนกฏข้อนี้ได้! ทั้งๆที่เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ก็คือตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในระนาบโลกียะแล้ว” ไม่นานก็เริ่มมีคนยกอ้างเหตุผลมาหักล้างคำถามเหลวไหลดังกล่าว “ไม่ผิด มันไม่มีทางเป็นเซียนอมตะเสเพลไปได้” หลายคนก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ “หากมันไม่ใช่เซียนอมตะเสเพล…ให้เป็นอัจฉริยะเพียงใดแต่ครึ่งก้าวเซียนอมตะก็ไม่น่าจะมีพลังร้ายกาจขนาดนี้! เว้นเสียแต่มันจะได้รับสืบทอดมรดกของต้าหลัวจินเซียนมาแล้ว” เซียนอมตะเสเพลที่ตั้งคำถามกล่าวออกอีกครั้ง มรดกต้าหลัวจินเซียน! ทันใดนั้นใจของเหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายก็สะท้านไปทันใด เพราะนั่นคือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุดในแดนลับต่างสวรรค์ “ยังมีความเป็นไปได้อีกประการหนึ่ง…นั่นคือก่อนที่มันจะเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ มันเคยได้รับมรดกที่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่ามรดกของต้าหลัวจินเซียนจากระนาบเซียนของมัน” บางคนกล่าวขึ้น “เรื่องนี้อาจเป็นได้!” หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย “แต่ข้ากลับรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้…หากมันได้รับมรดกเลิศล้ำขนาดนั้น แล้วไฉนมันยังต้องเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์อีก?” บางคนท้วงขึ้น “นั่นมิจำเป็น! บางทีมันอาจเข้ามาเพื่อหาประโยชน์ให้ญาติกับสหายมิใช่หรือ? ยอดสมบัติสวรรค์ยังมีผู้ใดบ่นหากมีเพิ่ม?” ทันทีที่วาจาดังกล่าวของมันดังออก ก็มีคนท้วงติงมากมาย ทำให้ตอนนี้แหล่งที่มาพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนได้กลายเป็นปริศนาสำหรับทุกคน “อย่างไรก็แล้วแต่ เท่าที่รู้ก็คือ ต้วนหลิงเทียนจากระนาบเซียนผู้นี้เป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะที่มีพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์!” สุดท้ายไม่ว่าเหล่าเซียนอมตะเสเพลทั้งหลายจะมีความเห็นแตกต่างกันเพียงไหน แต่พวกมันก็ได้ข้อสรุปเดียวกัน กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองก็คิดไม่ถึง ว่าหลังผ่านการเข่นฆ่าคราวนี้ เหล่าเซียนอมตะเสเพลที่แยกย้ายกันไป จะนำเรื่องราวไปเล่าให้สหายหรือคนรู้จักฟัง จนทำให้มีคนรู้เรื่องเขามากขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนั้นจำนวนผู้ที่รู้เรื่องเขา แค่ไม่ทันไรก็มีมากมายนัก! “อะไรนะ!? ต้วนหลิงเทียน ครึ่งก้าวเซียนอมตะจากระนาบเซียน มีพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 8ทัณฑ์เชียวรึ!?” ได้ยินเรื่องราวสังหารเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ของต้วนหลิงเทียน บางคนก็ตื่นตระหนกตกใจ บางคนก็ไม่เชื่อ “เจ้าล้อข้าเล่นเหรอ! อาศัยครึ่งก้าวเซียนอมตะเนี่ยนะฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์?” “ใครอยากเชื่อก็เชื่อไปเถอะ แต่ข้าคนนึงที่ไม่อาจทำใจเชื่อเรื่องเหลวไหลพรรค์นี้ได้ลงคอ!” “ข้าอีกคนที่ไม่เชื่อ! ในประวัติศาสตร์ของระนาบโหมหลัวข้า ครึ่งก้าวเซียนอมตะที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยมีมาก็แค่มีพลังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์ทั่วไปเท่านั้น…ยิ่งไปกว่านั้นตัวตนดังกล่าวก็เป็นดั่งตำนานในระนาบโหมหลัวของพวกเรา มีปรากฏขึ้นไม่กี่คนเท่านั้น!” “ระนาบคงสิงของข้าก็เหมือนกัน” “ในความคิดข้า…ต้วนหลิงเทียนอะไรนั่นมิใช่ครึ่งก้าวเซียนอมตะหรอก สมควรเป็นเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์ปลอมตัวมา!” “แต่ข้าได้ยินสหายเล่ามาว่าต้วนหลิงเทียนที่ว่ามันเข้าไปในสมบัติสถานระดับสวรรค์ได้นี่นา…หากมันเป็นเซียนอมตะเสเพลจริง ก็สมควรเข้าไปไม่ได้มิใช่หรือ?” “แล้วผู้ใดจะรู้ว่าเรื่องที่สหายเจ้าเล่ามันจริงหรือไม่ …แต่ข้าคนนึงล่ะที่ไม่เชื่อ!” … ไม่นานข่าวเรื่องราวของต้วนหลิงเทียนก็แพร่กระจายออกไป แต่มีผู้คนมากมายที่ไม่เชื่อเรื่องนี้ และไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนจะร้ายกาจได้ขนาดนั้น เกรงว่าจะเป็นข่าวลือที่ไม่มีมูลความจริงมากกว่า “ต้วนหลิงเทียน…หลังฆ่าเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์แล้วยังฆ่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์อีก แถมทั้งคู่ล้วนตกตายในกระบี่เดียว?” “เช่นนั้นหมายความว่า…มัน…หานเฉวี่ยไน่…กับจางยี่ก็สามารถจากไปภายใต้สายตาของเหล่าเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ทั้งหลายอย่างปลอดภัยไร้เรื่องราว?” หลิ่วเสวีย สตรีที่แยกตัวออกจากกลุ่มของต้วนหลิงเทียนแล้วเอาเรื่องราวไปโพทนาเมื่อ 2 ปีก่อน นางอดไม่ได้ที่จะตะลึงหลังได้ยินข่าวเรื่องราวของต้วนหลิงเทียน ตอนแรกที่นางเอาเรื่องราวไปโพทนา ก็เพราะหวังให้พวกต้วนหลิงเทียนถูกเหล่าเซียนอมตะเสเพลอันร้ายกาจทั้งหลายจัดการ… แต่ไม่คิดเลยว่าแม้เซียนอมตะเสเพลอันร้ายกาจมากมายจะรวมตัวกันไปปล้น แต่ทั้งหมดก็ไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้! กระทั่งไม่เพียงแต่ไม่อาจทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้ ยังตกตายคามือต้วนหลิงเทียนไปอีก! “ความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน…มันเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์เชียวหรือ!?” “ไม่จริง! เรื่องพรรค์นี้จะเป็นไปได้อย่างไร…เป็นไปไม่ได้!!” “เจ้าต้วนหลิงเทียนนั่น…ไหนเลยจะมีพลังร้ายกาจขนาดนี้ได้!?” หลิ่วเสวียไม่เชื่อ อีกทั้งยังไม่อยากจะเชื่อ อย่างไรก็ตามต่อให้นางไม่อยากจะเชื่อเพียงใด แต่นางก็รู้ดีแก่ใจ…ข่าวลือเป็นความจริง! ในสายตาของนาง ต้วนหลิงเทียนนั้นเต็มไปด้วยความลึกลับ แม้พลังฝีมือของอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งจนนางตกใจ แต่นางรู้สึกลึกๆว่านี่ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้อย่างที่ปากพูดพร่ำออกไป ‘อีกครึ่งปี…ข้าก็จะสัมผัสได้ถึงประตูเข้าออกระนาบฉีอวิ๋นแล้ว ถึงตอนนั้นข้าจะรีบกลับไปให้เร็วที่สุด จะได้ไม่ต้องเสี่ยงไปเจอต้วนหลิงเทียนนั่นในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้อีก…หากมันเจอข้ามันไม่มีวันปล่อยข้าไปแน่!’ หลิ่วเสวียตัดสินใจแล้ว ครึ่งปีหลังจากนี้ นางจะออกจากแดนลับต่างสวรรค์ แม้จะมียอดสมบัติ เวทย์พลังและวรยุทธ์เซียนอมตะในแดนลับต่างสวรรค์มากมาย แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาตลอด 2 ปีกว่าบอกให้นางรู้ดี…ว่าสิ่งดีๆเหล่านั้นเกินระดับพลังฝีมือของนางจะไขว่คว้า ดังนั้นนางไม่อาจฝันเฟื่องถึงสิ่งเหล่านี้ได้ ‘หวังว่าตลอดเวลา 6 เดือนหลังจากนี้ข้าจะไม่บังเอิญไปเจอกับต้วนหลิงเทียนมันเข้า…ไม่งั้นด้วยนิสัยของคนอย่างต้วนหลิงเทียนข้าต้องตายแน่นอน!’ ทันทีที่นึงถึงเรื่องนี้หลิ่วเสวียก็บังเกิดความหวาดกลัวอย่างหนัก หลังจากใช้เวลาเดินทางร่วมกับต้วนหลิงเทียนสักพัก นางก็พอจะรู้นิสัยของต้วนหลิงเทียนมาบ้าง จึงรู้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนประเภท ‘ใครไม่รุกราน ไม่รุกรานใคร’ และหากใครรุกรานก็จะให้อีกฝ่ายชดใช้เป็นสิบเท่าร้อยเท่า!
คอมเม้นต์