War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2443
ตอนที่ 2,443 : ในที่สุด…ก็สำเร็จ!! ฟุ่บ! ฟุ่บ!! ก่านหรูเยี่ยนถูกเค่อเอ๋อนำตัวจากไปทันที ทั้งคู่ประหนึ่งอันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตาเหล่าเซียนอมตะเสเพลดั่งสายลมหอบหนึ่ง… “ยังมีผู้ใดบอกข้าได้บ้าง…ว่าโลกหล้าเป็นเช่นไรแล้ว เซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนไฉนมีน้องสาวร้ายกาจเช่นนี้ได้?” เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์คนหนึ่งกลืนน้ำลายลงคอดังอึก ค่อยเอ่ยถามลอยๆออกมา “ข้ามิทราบ…คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ผู้ที่ไม่ใช่เซียนอมตะเสเพลและเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ได้จะอย่างไรก็ต้องมีอายุน้อยกว่าร้อยปี นางที่มีพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์หากเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าก็คงมิแปลกอะไร แต่นี่นางกลับเป็นน้องสาวของยาโถวน้อยเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนนั่นจริงๆ…” คนส่วนใหญ่ล้วนสับสน “หรือจะเป็นเพราะเรื่องนี้…” ตอนนี้เองเซียนอมตะเสเพลคนหนึ่งพลันเอ่ยความเห็นออกมา “ผู้ที่เป็นพี่สาวนั่นอาจกลับชาติมาเกิด! ข้าเคยได้ยินตำนานบทหนึ่งมา เห็นว่าในอดีตที่ระนาบเซียนมีเคล็ดวิชาบางประการที่ทำให้กลับชาติมาเกิดใหม่ได้…นางใช่เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าเมื่อหมื่นกว่าปีก่อนที่พึ่งกลับชาติมาเกิดหรือไม่?” “ส่วนสตรีที่มีพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์นั่น อาจเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าจริงๆ เพราะพวกเรามิอาจใช้สำนึกเทวะตรวจสอบได้ว่านางเป็นอะไรกันแน่?” “หากเป็นอย่างที่ข้าว่าจริงเรื่องทั้งหมดจึงมีคำอธิบาย ว่าไฉนตัวตนที่มีพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ถึงยังเรียกหานางว่าพี่สาว” การคาดเดาของเซียนอมตะเสเพลคนนี้ ทำให้ทุกคนจมในภวังค์อย่างเงียบงันคิดทันที พวกมันเองก็เคยไดยินเรื่อการกลับชาติมาเกิดอยู่บ้าง หากแต่ทั้งหลายคิดว่าเรื่องนี้มันเหลือเชื่อเกินไป ไม่น่าจะเป็นความจริงไปได้ ต้วนหลิงเทียนแน่นอนก็เคยได้ยินตำนานเรื่องนี้มาเช่นกัน ตอนนั้นเขาจึงตระหนักได้ว่า เคล็ดวิชากลับชาติ 3วัฏฏะที่จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดของทวีปเมฆาล่องบังเอิญได้รับมานั้น ต่อให้เป็นทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ก็ถือเป็นสมบัติอันเลิศล้ำ! “ดูเหมือนว่าตอนนี้จักพูดได้แค่นี้เท่านั้น…ถึงมันจะรู้สึกน่าเหลือเชื่อทั้งเกินจริงไปหน่อยก็ตามที…” “ข้าว่าหากเทียบกับคำอธิบายที่สหายท่านนี้กล่าวออก เรื่องยาโถวน้อยอายุมิถึงร้อยปีอาศัยเพียงมือเปล่ามิใช้ยอดสมบัติสวรรค์อันใดก็มีพลังทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ได้นั่น…มิใช่ว่าจะเหลือเชื่อเกินจริงยิ่งกว่ารึไร?” “ข้าก็คิดเช่นนั้น” … ก่านหรูเยี่ยนไม่ได้รู้ตัวเลยว่าตอนนี้นางถูกมองว่าเป็นผู้ที่กลับชาติมาเกิดไปเสียแล้ว ตอนนี้นางถูกเค่อเอ๋อพามาในหุบเขาที่เต็มไปด้วยมวลหมู้บุปผาและความเงียบสงบแห่งหนึ่ง “พี่หญิงข้ารู้ว่าตอนนี้ท่านคงมีคำถามมากมายคิดถามข้า…ข้าย่อมสามารถบอกทุกอย่างกับท่านได้ เพียงแต่ข้าหวังว่าท่านจะสัญญากับข้าก่อน…ว่าเรื่องนี้ท่านจะมิเอาไปบอกพี่เทียน ข้าไม่อยากให้พี่เทียนต้องคิดมาก” เค่อเอ๋อมองกล่ากับก่านหรูเยี่ยน “ข้าสัญญากับเจ้าก็ได้…เจ้าบอกมาเถอะ” ได้ยินคำขอเค่อเอ๋อใจก่านหรูเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะสะท้านไปทันที เพราะนางตระหนักได้รางๆในใจ ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้เค่อเอ๋อมีพลังฝึกปรือสูงล้ำขึ้นถึงขนาดนี้ ต้องเป็นอะไรที่อันตรายอย่างมากแน่! หากไม่ใช่แบบนั้น ไฉนน้องสาวของนางถึงต้องให้นางกล่าวคำสัญญาด้วยท่าทางจริงจังแบบนี้ด้วย หลังจากนั้น เค่อเอ๋อก็เริ่มเล่าเรื่องราวออกมา ทำให้สีหน้าก่านหรูเยี่ยนเปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันที! “ผลาญวิญญาณเพื่อกู้คืนเศษเสี้ยวความทรงจำในชาติที่แล้ว ทำให้ยกระดับพลังฝึกปรือได้อย่างรวดเร็ว?” “อีกทั้งด้วยการใช้วิธีผลาญวิญญาณแบบนี้ เจ้าก็สามารถหลีกเลี่ยงหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้ แถมตอนนี้พลังของเจ้าก็ไม่อ่อนด้อยไปกว่าเซียนอมตะเสเพล 7ทัณฑ์แล้ว?” ถึงแม้เค่อเอ๋อจะเล่าเรื่องการผลาญวิญญาณเพื่อู้คืนเศษเสี้ยวความทรงจำเมื่อชาติที่แล้วและยกระดับพลังออกมาด้วยวาจาธรรมดาแลคล้ายไร้เรื่องราวใดๆ อย่างไรก็ตามก่านหรูเยี่ยนย่อมนึกภาพออกได้เลย กระบวนการที่ว่าไม่พ้นต้องเจ็บปวดทรมานแสนสาหัส! “เค่อเอ๋อ…ทำไมเจ้าต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย…” ก่านหรูเยี่ยนเผยยิ้มขื่นขมออกมา สองตาไม่ทราบเอ่อคลอตั้งแต่เมื่อไหร่ หยาดใสไหลรินลงมาเป็นสายรดแก้ม ยิ่งมองใบหน้างามแสนอ่อนโยนเบื้องหน้ามากเท่าไหร่ ยิ่งบังเกิดความเวทนาสงสารน้องสาวฝาแฝดผู้นี้นัก… “พี่หญิง…ข้าไม่อยากเป็นภาระเขาอีกแล้ว” และคำตอบของเค่อเอ๋อก็เรียบง่ายนัก สำหรับ เขา ที่เค่อเอ๋อว่าแน่นอนย่อมหมายถึงต้วนหลิงเทียน “เจ้า…โง่งม ตัวโง่งม!” ได้ยินคำตอบของเค่อเอ๋อทั้งเห็นรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าเค่อเอ๋อขณะเหม่อนึกถึงใครบางคน ใจก่านหรูเยี่ยนก็สั่นสะท้านนัก ปากอดไม่ได้ที่จะสบถออกมาคำเดิมซ้ำๆ… ในความคิดของนางน้องสาวผู้นี้โง่งมเกินไป! “พี่หญิงท่านพึ่งเข้ามาหรือ?” เค่อเอ๋อกล่าวถามเปลี่ยนเรื่องทันที “อื๊ม” ก่านหรูเยี่ยนพยักหน้ารับ จากนั้นค่อยถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “พอเข้ามาข้าก็ไปปรากฏตัวในสถานที่เมื่อครู่ทันที และได้เห็นคนกำลังช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์เล่มนี้กันอยู่” กล่าวถึงจุดนี้ก่านหรูเยี่ยนก็ยกดาบเสี้ยวจันทร์ในมือขึ้นมาชมดู ถึงตอนนั้นแม้นางไม่ได้สนใจอะไรมากมายนักว่ายอดสมบัติสวรรค์ชิ้นนี้จะตกอยู่ในมือใคร และนางก็ไม่คิดอิจฉาคนที่ได้ยอดสมบัติสวรรค์ไปครอง เพราะตอนนั้นนางไม่กล้าคิดหวังอะไรในยอดสมบัติสรรค์ แต่ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายยอดสมสมบัติสวรรค์เล่มนี้จะตกมาอยู่ในมือของนาง! “เช่นนั้นท่านก็คงยังมิรู้…ว่าที่นี่ไม่ใช่แดนลับเซียนกระบี่ที่อาวุโสฟงชิงหยางทิ้งไว้?” เค่อเอ๋อถามออกมาอีกรอบ “อะไร!?” และคำพูดของเค่อเอ๋อก็ทำให้ก่านหรูเยี่ยนประหลาดใจนัก ที่นี่ไม่ใช่แดนลับเซียนกระบี่งั้นเหรอ?! “เช่นนั้นที่นี่คืออะไรกันแน่?” ก่านหรูเยี่ยนรู้ดีว่าน้องสาวของนางคงไม่เอ่ยขึ้นมาลอยๆ จึงอดไม่ได้ที่จะถามกลับไป “สถานที่แห่งนี้เรียกว่า แดนลับต่างสวรรค์” หลังจากนั้นเค่อเอ๋อก็เริ่มกล่าวถึงเรื่องราวของแดนลับต่างสวรรค์ที่นางรู้มาให้ก่านหรูเยี่ยนฟัง “แดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ เชื่อมต่อกับระนาบโลกียะทั้ง 5?” “แถมในแดนลับต่างสวรรค์…ผู้ที่มาจากระนาบเซียนก็มีแต่พวกเราไม่กี่คนเท่านั้น ส่วนคนที่เหลือล้วนมาจากระนาบโลกียะอื่นๆ? อีกทั้งระนาบโลกียะอื่นๆทั้ง 4 ก็เป็นมหาระนาบโลกียะทั้งนั้น?” “ในมหาระนาบโลกียะเหล่านั้น…ยังมีสัตว์ประหลาดอายุน้อยกว่าร้อยปีแต่บรรลุครึ่งก้าวเซียนอมตะหลายคน? แถมพลังฝีมือของครึ่งก้าวเซียนอมตะบางคนยังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ หรือแม้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์!?” … เรื่องราวที่เค่อเอ๋อเล่าออกมา เสมือนเปิดประตูสู่โลกใหม่ให้ก่านหรูเยี่ยนก็ไม่ปาน ขยายขอบเขตสามัญสำนึกของนางไปไม่น้อย แน่นอนว่าในขณะเดียวกันใจของก่านหรูเยี่ยนก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “ที่แท้…เซียนอมตะเสเพลที่มาแย่งชิงยอดสมบัติสวรรค์เหล่านั้น ล้วนเป็นเซียนอมตะเสเพลจากระนาบโลกียะอื่น…” ก่านหรูเยี่ยนตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ทันที ต้องกล่าวเลยว่าก่านหรูเยี่ยนโชคดีนัก ที่เค่อเอ๋อได้ตามมาสมทบกับนางทันทีหลังจากที่นางเข้าสู่แดนลับต่างสวรรค์ หาไม่แล้วแม้นางจะมีพลังฝึกปรือเซียนสวรรค์ 7เปลี่ยน แต่ด้วยอันตรายในแดนลับต่างสวรรค์ นางต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย! … วันเวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน ไม่ทันรู้ตัว พริบตาก็ผ่านพ้นไปอีก 1 ปี เหล่าเซียนอมตะเสเพลที่เฝ้ารออยู่ด้านนอกสมบัติสถานระดับสวรรค์ที่เหลือทิ้งไว้โดยเซียนกระบี่บงกชฟ้าหลี่ไป๋ ยกเว้นเหล่าเซียนอมตะเสเพลที่พลังอ่อนด้อยและไม่คิดอยู่ดูชมเรื่องราวอีกแล้วที่พากันจากไป เหล่าเซียนอมตะเสเพลที่มีพลังสูงๆกับผู้ที่อยากชมดูเรื่องราวจริงๆล้วนอยู่กันครบไม่คิดจากไปไหน พวกมันเฝ้ารออย่างอดทน! เพราะเมื่อปีที่แล้วพวกมันสามารถยืนยันได้ว่า…เด็กน้อยทั้ง 3 ที่ถือครองยอดสมบัติสวรรค์ยังคงอยู่ในสมบัติสถานระดับสวรรค์เบื้องล่าง เพียงแค่ยังไม่ออกมากันแค่นั้น! “ไอ้หนู 2 คนนั่นกับยาโถวน้อยนางนั้น…คงไม่คิดจะอยู่ในนั้นไปอีก 8 – 9 ปีหรอกนะ?” เซียนอมตะเสเพลคนหนึ่งขมวดคิ้ว “ไม่สำคัญหรอกว่าพวกมันจะอยู่ในนั้น 8 หรือ 9ปี…ข้าจักเฝ้ารอพวกมัน! จะอย่างไรไม่ช้าก็เร็วพวกมันก็ต้องออกมา เว้นเสียแต่พวกมันอยากตาย!!” เซียนอมตะเสเพลอีกคนกล่าว 3 ปีหลังจากแดนลับต่างสวรรค์เปิดออก ทุกคนที่เข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์จะสามารถสัมผัสได้ถึงตำแหน่งของทางเข้าออกที่เชื่อมระหว่างแดนลับต่างสวรรค์กับระนาบของตัวเอง แน่นอนว่าหากคิดจะออกจากแดนลับต่างสวรรค์ ต้องเดินทางไปยังทางเข้าออกตามความเชื่อมโยงที่เกิดขึ้นเท่านั้น อีกทั้งแดนลับต่างสวรรค์จะเปิดออกทั้งสิ้นเป็นเวลาสิบปี หากไม่กลับออกไปภายใน 10 ปี ผู้ที่ยังอยู่ในแดนลับต่างสวรรค์ก็จะถูกขังไว้ด้านใน และจะออกไปได้ก็ต่อเมื่อแดนลับต่างสวรรค์เปิดออกอีกรอบเท่านั้น! แน่นอนว่าก่อนอื่นเลยทั้งหมดต้องมีชีวิตอยู่ให้รอดถึงวันนั้นเสียก่อน! ยิ่งไปกว่านั้นต่อให้จะมีชีวิตรอดไปได้ แต่ไม่พ้นจิตใจอาจจะต้องพังทลาย… ต้องทราบด้วยว่าแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้เป็นพื้นที่ปิดอย่างสมบูรณ์ ไม่อาจเยื้องย่างขึ้นสู่ระนาบเทวโลกจากที่นี่ได้! กล่าวได้ว่าต่อให้เป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ หรือเซียนอมตะเสเพลก็ไม่มีทางขึ้นไปยังระนาบเทวโลกได้ และไม่มีทางพบเจอหายนะทัณฑ์อะไรทั้งสิ้น… ดังนั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นใคร ก็ไม่คิดจะถูกขังอยู่ในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้แน่นอน หากติดอยู่ในนี้อยู่ก็เหมือนตาย! “สหายทุกท่านข้าเพียงต้องการแต่กระบี่เซียนอมตะเล่มเดียวเท่านั้น…ส่วนยอดสมบัติสวรรค์ชิ้นอื่นๆข้าจักมิยุ่งเกี่ยว” ทันใดนั้นเองเซียนอมตะเสเพลคนหนึ่งพลันกล่าวประกาศแจ้งต่อเหล่าเซียนอมตะเสเพลโดยรอบ อย่างไรก็ตามไม่มีใครสนใจมัน หากเหล่าเด็กน้อยออกมา ผู้ใดจะเป็นเจ้าของยอดสมบัติสวรรค์ก็ขึ้นอยู่กับพลังฝีมือ…ใครดีใครได้!! หากพลังฝีมือท่านสูงส่งก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่ท่านจะฮุบยอดสมบัติสวรรค์ทั้ง 3 ชิ้นไปเป็นของตัวเอง! ภายในห้องโถงพระราชวังใต้ดิน อันเป็นสมบัติสถานระดับสวรรค์ที่เซียนกระบี่บงกชฟ้าหลี่ไป๋เหลือทิ้งไว้… ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! … เสียงหอนของเหล่ารังสีกระบี่พุ่งแหวกอากาศดังขึ้นก้องโถงพระราชวังอันงดงาม ราวกับพวกมันไม่รู้จะหยุดลงอย่างไร และภายในอาณาเขตทรงกลมที่ห่ารังสีกระบี่เหินบินฉวัดเฉวียนวนไปเวียนมา ปรากฏร่างชายหนุ่มชุดม่วงนั่งขัดสมาธิกลางหาวแน่นิ่งไม่ไหวติง ห่างออกไปไม่ไกลนัก มีสตรีหน้าตาหมดจดกับชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิอยู่อีกมุมหนึ่งของโถง แลคล้ายกำลังบ่มเพาะพลังหรือทำความเข้าใจอะไรอยู่ ทันใดนั้นเอง ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! … เสียงหอนของกระบี่แบบเดิมยังคงดังขึ้น อย่างไรก็ตามความเร็วของประกายกระบี่ที่ฉวัดเฉวียนรอบกายชายหนุ่มยิ่งมายิ่งไวฟ้าผ่า! ทันใดนั้น ซุ่ม! ซุ่ม! ซุ่ม! ซุ่ม! ซุ่ม! … เสียงบางสิ่งเสียดสีอากาศมาด้วยความเร็วสูและหยุดลงอย่างกะทันหันดังขึ้น เป็นเหล่ารังสีกระบี่นับพันที่พุ่งฉวัดเฉวียนด้วยความเร็วสูงพากันหยุดลงอย่างพร้อมเพรียงปานห้วงเวลาหยุดเดิน! ประหนึ่งรถสปอร์ตความเร็วสูงหลายคันเบรกอย่างพร้อมเพรียง! บูมมม!! พริบตาที่รังสีกระบี่นับพันหยุดลง มวลอากาศคล้ายถูกกระแทกอย่างแรงจนแตกระเบิดออก เกิดวงคลื่นอากาศกำจายออกไปนับพันอย่างพร้อมเพรียง พาลให้บรรยากาศในโถงสะท้านสะเทือนไปไม่น้อย! และหลังจากที่คลื่นลมวิปริตหยุดลง ชายหนุ่มชุดม่วงแต่เดิมที่นั่งขัดสมาธิกลางหาวราวภิกษุชราเข้าฌาณเพื่อบำเพ็ญทุกรกิริยาก็ลืมตาตื่นขึ้นมา! “ในที่สุด…ก็สำเร็จเสียที!!” ชายหนุ่มชุดม่วงพอลืมตาขึ้น สองตาก็ทอประกายสว่างจ้า รอยยิ้มสดใสยังคลี่กางออกมาบนหน้าด้วยความพึงพอใจ!
คอมเม้นต์