War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2435
ตอนที่ 2,435 : ส่งกระบี่เซียนอมตะไปให้มัน ฟังจากที่จางยี่เล่ามา ต้วนหลิงเทียนยังรู้ได้ไม่ยาก ถึงแม้จางอวิ๋นเฟยจะฝึกฝนวรยุทธ์เซียนอมตะอย่าง ‘อัสนีบาตพิฆาตเซียนอมตะ’ ได้สำเร็จ หากแต่พลังก็เพียงเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์เท่านั้น เพราะความที่พี่ชายของฝึกฝนได้สำเร็จก่อน และสำนักเทียนซือก็ไม่มียอดสมบัติสวรรค์ชิ้นที่ 3 เช่นนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะได้รับยอดสมบัติสวรรค์มาใช้… ด้วยเหตุนี้มันทำได้แค่พึ่งตัวเองเท่านั้น ต้องต่อสู้ช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์เอาเอง! ตอนนี้พอมันได้รู้ว่าจางยี่มียอดสมบัติสวรรค์อยู่ในมือ มันไม่คิดพลาดโอกาสดีงามแบบนี้เด็ดขาด! “จางยี่ส่งกระบี่เซียนอมตะที่เจ้ามีมา แล้วคุกเข่าโขกหัวให้ข้าสัก 3 ที…หากเจ้าทำให้ข้าพอใจ ข้าจะเมตตาไว้ชีวิตสุนัขของเจ้าสักครา หาไม่แล้ววันนี้ปีหน้าจะเป็นวันครบรอบวันตายของเจ้า!” จางอวิ๋นเฟยมองจางยี่ด้วยสายตาไม่แยแส พลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ในวาจาทำราวกับมันเป็นยมทูตที่สามารถลิขิตความเป็นความตายให้จางยี่ได้ง่ายๆ จางยี่พอได้ฟังวาจาดังกล่าวสีหน้าก็มืดลงสองหมัดยังกำแน่นจนข้อขาว ร่างสะท้านไปด้วยความโกรธ! อย่างไรก็ตามให้มันมีโมโหมากขนาดไหนมันก็ไม่คิดวู่วาม ด้วยรู้ดีว่าพลังฝีมือของตัวเองต่างจากจางอวิ๋นเฟยลิบโลก! หมับ! ได้ยินเสียงแผ่วเบาหนึ่งดังขึ้นข้างหูจางยี่อดไม่ได้ที่จะสะดุ้ง หากแต่ไม่นานก็ตระหนักได้ว่ามีมือหนึ่งมาจับไหล่มันเอาไว้ จากนั้นร่างข้างๆ ก็ก้าวออกมาด้านหน้าเพื่อปกป้องมัน “จะใช่หรือ?” ที่ออกหน้าให้จางยี่ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นต้วนหลิงเทียนเอง “แต่ทำไมข้ากลับรู้สึกว่าวันนี้ปีหน้าจะเป็นวันตายของจางอวิ๋นเฟยเจ้าแทนล่ะ?” ต้วนหลิงเทียนที่ก้าวออกมาบังจางยี่ไว้ มองกล่าวกับจางอวิ๋นเฟยด้วยท่าทีสงบกล่าวออกเสียงเบา อย่างไรก็ตามแม้วาจากับสีหน้าจะแลดูสงบใจเย็น หากแต่ลึกลงไปในแววตาต้วนหลิงเทียนกลับเผยจิตฆ่าฟันอันเยียบเย็นหนึ่ง! จางยี่เป็นสหายที่เขายอมรับจากใจ ทว่าตอนนี้มีคนกลับบอกว่าจะฆ่าเพื่อนเขาต่อหน้า! เพื่อนของเขาต้วนหลิงเทียน จะปล่อยให้ถูกผู้อื่นฆ่าต่อหน้าได้อย่างไร? วูบ! เมื่อต้วนหลิงเทียนออกหน้าให้จางยี่ ในที่สุดสายตาของจางอวิ๋นเฟยก็ละออกจากจางยี่มาสนใจเขาแทน “ไอ้หนู เป็นเจ้าวอนหาที่ตายเอง!” และแทบจะทันทีที่หันมองไปยังต้วนหลิงเทียน สายตาจางอวิ๋นเฟยก็ฉายแววอำมหิตมากล้นไปด้วยเจตนาฆ่าฟันอันเยียบเย็น พลังเซียนต้นกำเนิดทั้งพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดเริ่มลุกโชนขึ้นท่วมร่างมันอีกครา มองไปคล้ายร่างจางอวิ๋นเฟยกำลังลุกเป็นไฟก็ไม่ปาน! “ไปลงนรกเสีย!” จางอวิ๋นเฟยคร้านกล่าววาจาเหลวไหลอะไรกับต้วนหลิงเทียนให้มากความ มันตะโกนออกทั้งจี้กระบี่สายฟ้าในมือมาทางต้วนหลิงเทียนทันที! และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่จางอวิ๋นเฟยชี้กระบี่สายฟ้ามา เปรี๊ยง!! เสียงสนั่นพลันลั่นดังขึ้นก้องโถงพระราชวังอีกครา เป็นแพเมฆสองสีขาวม่วงเบื้องบน ปะทุเส้นสายอัสนีเส้นเขื่องนับสิบๆทั้งขาวม่วงฟาดผ่าลงมาทางต้วนหลิงเทียนอย่างเกรี้ยวกราด โถงพลันสว่างจ้าไปด้วยแสงม่วงขาวทันที! ทุกเรื่องราวอยู่ๆก็อุบัติขึ้นในชั่วพริบตา! ความเร็วของเส้นสายอัสนียังรวดเร็วเกินกว่าที่หานเฉวี่ยไน่กับจางยี่จะมองได้ทัน! “หึ!” เผชิญหน้ากับอัสนีที่ฟาดลงอย่างเกรี้ยวกราดจาก วรยุทธ์เซียนอมตะ ‘อัสนีบาตพิฆาตเซียนอมตะ’ ของจางอวิ๋นเฟย ต้ววนหลิงเทียนเพียงพ่นลมสบถเสียงเย็นเย้ยคำหนึ่ง ค่อยยกมือขวาขึ้น ปรากฏกระบี่โปร่งใสราวแก้วผลึกผุดออกจากความว่างมากระชับถือไว้! พร้อมกันนั้นเองพลังในร่างยังไหลเชี่ยวปานน้ำหลากผ่านชีพจรเซียนทั้ง 99 สาย ถ่ายทอดลงสู่กระบี่เซียนอมตะในชั่วพริบตา! ทันใดนั้นเอง วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! … กระบี่เซียนอมตะที่อัดแน่นไปด้วยพลังของต้วนหลิงเทียน กู่ร้องกังวานออกมาราวมีชีวิต ยังปรากฏกรังสีกระบี่คมกล้าฉาบคลุมไปทั่ว แสงพลังแยงตาเปล่งออกจากตัวกระบี่อย่างเจิดจ้า! “ใจกระบี่เหิน” เพียงหนึ่งความคิด กระบี่เซียนอมตะที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังก็อันตรธานหายไปจากมือขวาต้วนหลิงเทียน มันเหินทะยานจี้ไปยังห่าอัสนีที่ฟาดลงจากเบื้องบนด้วยความเร็วสูงล้ำ! ส่วนอัสนีบาตพิฆาตเซียนอมตะจะอย่างไรก็เป็นวรยุทธ์เซียนอมตะ พลังของมันย่อมไม่ใช่ชั่ว! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! เปรี๊ยง! … เสียงอัสนีฟาดลั่นดังออกมาสนั่นโถง พร้อมกันนั้นยังปรากฏคลื่นพลังอันน่าหวั่นหวาดกวาดซัดทำลายออกมาจากอัสนีบาตแต่ละสาย! ฟั่ฟฟฟ!! อย่างไรก็ตามเสียงดังสะท้านหูของเส้นสายอัสนีทั้งหลายคลายจะถูกหนึ่งเสียงที่แว่วดังขึ้นสะกดไว้ได้อย่างชะงัด! เป็นเสียงกระบี่แหวกอากาศด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อของต้วนหลิงเทียนเอง! มันกำลังพุ่งสวนเข้าไปหาเส้นสายอัสนีนับสิบอย่างอหังการ!! ทันใดนั้นห่วงเวลาคล้ายหยุดลง! อัสนีบาติสองสีนับสิบสายก็คล้ายจะหยุดนิ่งกลางฟ้า! และภายใต้อัสนีสองสีอันเปี่ยมล้นไปด้วยพลังอำนาจทำลายล้างนั่น เป็นกระบี่เซียนอมตะของต้วนหลิงเทียนที่พุ่งทะลวงความว่างเปล่ามาด้วยความเร็วอันน่าพรั่นพรึง จี้ตรงไปยังกลุ่มอัสนีอย่างไร้ครั่นคร้าม! สองขุมพลังเตรียมปะทะหักหาญชิงชัย!! แน่นอนว่าห้วงเวลาเสมือนหยุดลงชั่ววูบเท่านั้น ตูมมมมม!!! เสียงระเบิดดังลั่นสนั่นออกมาอย่างกึกก้อง คลื่นลมอันรุนแรงหอบคลื่นกระแทกอันน่าสะพรึงระเบิดออกมาจากจุดปะทะกลางหาวกวาดทำลายไปทั่วโถง หานเฉวี่ยไน่กับจางยี่เองยังถูกคลื่นกระแทกดังกล่าวซัดสาด พาลให้ตกใจทั้งบาดเจ็บเล็กน้อย! ตูม! ตูม! ตูม! ตูม! … เสียงระเบิดยังดังขึ้นติดๆถี่ยิบ! บรรยากาศในโถงกลับกลายเป็นวิปริตแปรปรวนทันใด!! ยังดีว่าที่นี่ไม่ใช่ระนาบโลกียะ! หาไม่แล้วการปะทะกันของสุมพลังอันเกรี้ยวกราดนี้ มิพ้นทลายว่างเปล่าจนแหลกเป็นเสี่ยง คงต้องเกิดรอยแยกมิติขึ้นมากมายเป็นแน่! อย่างไรเสียสองขุมพลังที่หักหาญกลางอากาศก็เป็นพลังอำนาจของเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์! คลื่นลมในโถงเพียงปั่นป่วนไปพักหนึ่ง ไม่นานก็หวนคืนสู่ความสงบ การปะทะกันกลางหาวก็รู้ผลลัพธ์ ก้ำกึ่ง! ไฉนที่ต่างฝ่ายต่างสิ้นพลังไปโดยที่ไม่อาจมีเปรียบกันได้ ล้วนเพราะต้วนหลิงเทียนเพียงลงมือทันที ไม่ได้ใช้ปฐมเวทย์กลืนกินกับเคล็ดพลังขอบเขตที่ 4กระบี่ใจกระจ่างอย่าง กายกระบี่รวมหนึ่งออกมา…เพียงใช้ออกแค่กระบี่บินจากเคล็ดกระบี่อยู่ที่ใจเท่านั้น! หาไม่แล้วไฉนพลังอำนาจของตัวกระบี่จะทำได้แค่เสมอกับห่าสายฟ้าของจางอวิ๋นเฟย! “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นต้วนหลิงเทียนจากระนาบเซียนงั้นสินะ…ด้วยมีกระบี่เซียนอมตะในมือทั้งวรยุทธ์เซียนอมตะควบคุมกระบี่บินนี่ ทำให้เจ้าปลดปล่อยพลังทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ได้เหมือนข้า!” จางอวิ๋นเฟยที่เห็นว่าผลลัพธ์ไม่เป็นไปดั่งใจหวัง อดไม่ได้ที่จะหยีตามองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนเสียงขรึม “หืม? เจ้ารู้จักข้าด้วย?” ต้วนหลิงเทียนเลิกกคิ้วขึ้นทันที หลังได้ยินคำพูดของจางอวิ๋นเฟย อย่างไรก็ตามจางอวิ๋นเฟยเพิกเฉยไม่ตอบคำเขา มันหันไปมองจางยี่ทั้งส่งเสียงผ่านพลังออกไปทันที “จางยี่ตราบใดที่เจ้าให้ข้ายืมกระบี่เซียนอมตะของเจ้ามาฆ่าไอ้หนูนี่….หลังจากมันตายกระบี่เซียนอมตะในมือมันจะเป็นของเจ้า!” “นอกจากนั้นข้าไม่คิดจะแก่งแย่งมรดกที่ไม่สมบูรณ์ของเซียนกระบี่บงกชฟ้าหลี่ไป๋กับเจ้า…กระทั่งยังจะช่วยเหลือเจ้าให้ผ่านด่านทดสอบทั้งหมด และรับมรดกไม่สมบูรณ์ของหลี่ไป๋ได้อย่างไร้เรื่องราว” ในขณะที่ส่งเสียงผ่านพลังมาถึงจางยี่ คราวนี้น้ำเสียงของจางอวิ๋นเฟยไร้ความถือดีอะไร ยังฟังแล้วรื่นหูไม่น้อย แลดูสุภาพผิดไปราวคนละคน สาเหตุที่ไฉนเสียงมันถึงบังเกิดความเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าค่ำดินขนาดนี้ เป็นเพราะมันอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก! มันไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าไอ้หนุ่มหน้าขาวข้างกายจางยี่ จะมีพลังสามารถกล้าแข็งขนาดนี้! แต่แน่นอนว่าหลังเห็นการลงมือของอีกฝ่ายแล้ว มันก็มั่นใจเต็มสิบส่วน ว่าถ้ามันมีกระบี่เซียนอมตะใช้บ้าง อีกฝ่ายต้องไม่ใช่คู่มือมันแน่นอน! อาจกล่าวได้ว่ากุญแจสำคัญในการเข่นฆ่าอีกฝ่าย กลับไปตกอยู่กับจางยี่คนเดียว! สำหรับคำสัญญาที่มันส่งเสียงผ่านพลังไปกล่าวบอกจางยี่นั้น เป็นธรรมดาที่มันจะกล่าวอย่างขอไปที! ตราบใดที่มันได้รับกระบี่เซียนอมตะจากจางยี่ ไม่เพียงมันจะเข่นฆ่าไอ้หนุ่มหน้าขาวเบื้องหน้า มันยังจะฆ่าจางยี่ด้วย!! ถึงตอนนั้นมันก็จะได้รับกระบี่เซียนอมตะทั้งสิ้น 2เล่ม แถมยังได้รับมรดกที่ไม่สมบูรณ์ของหลี่ไป๋อีก! กล่าวได้ว่าจางอวิ๋นเฟยดีดลูกคิดรางแก้วมาดีนัก! ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้วขาดเพียงลมตะวันออกเท่านั้น… และลมตะวันออกที่ว่าก็ขึ้นอยู่กับจางยี่ล้วนๆ ว่าจางยี่จะส่งกระบี่เซียนอมตะให้มันหรือไม่! “จางอวิ๋นเฟย” ได้ยินเสียงผ่านพลังของจางอวิ๋นเฟย จางยี่ที่รู่เช่นเห็นชาติจางอวิ๋นเฟยดีไหนเลยไม่ทราบสันดารของอีกฝ่าย จึงส่ายหัวกล่าวตอบไปเสียงแข็ง “ต่อให้ข้าจะส่งกระบี่เซียนอมตะให้ไป…แต่เจ้าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของต้วนหลิงเทียนหรอก!” จางอวิ๋นเฟยเองก็คาดไม่ถึงว่าจางยี่จะเอาเรื่องที่มันส่งเสียงไปมาโพล่งออกตรงๆแบบนี้ หน้ามันจึงอดเปลี่ยนสีไปไม่ได้ทันที ตะคอกคำออกไปอย่างเกรี้ยวกราด “จางยี่เจ้าอยากตายงั้นเหรอ!” และเป็นธรรมดาว่ามันไม่ได้เชื่อในวาจาของจางยี่แม้แต่นิดเดียว เพียงคิดว่าจางยี่จงใจกล่าวข่มมันให้สะใจเท่านั้น “จางยี่…” ในขณะที่จางอวิ๋นเฟยกำลังถลึงตามองจางยี่ด้วยสายตาปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองกล่าวกับจางยี่เสียงเบา “ในเมื่อมันคิดว่ามีกระบี่เซียนอมตะในมือแล้วมันจะเอาชนะข้าได้…งั้นเจ้าสงเคราะห์ให้มันหน่อย ส่งกระบี่เซียนอมตะให้มันดู” “ข้าเองก็อยากรู้เหมือนกัน…ว่ามันจะแน่ขึ้นมาสักแค่ไหน หลังมีกระบี่เซียนอมตะอยู่ในมือ…” ขณะกล่าวสีหน้าท่าทางต้วนหลิงเทียนแลดูเฉยๆไร้เรื่องราวนัก! และแทบจะทันทีที่ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน จางยี่ก็อดไม่ได้ที่จะทำตาลุกวาวด้วยความสนุกสนาน ไม่รอช้าสะบัดมือเรียกกระบี่เซียนอมตะออกมา พร้อมโยนไปให้จางอวิ๋นเฟยราวขยะชิ้นหนึ่ง “จางอวิ๋นเฟย เดี๋ยวเจ้าได้รู้เรื่องแน่…ว่าที่ข้าพูดไปหาได้โกหกเจ้าไม่!” หมับ! ในขณะที่จางอวิ๋นเฟยคว้ากระบี่เซียนอมตะที่จางยี่โยนมา ใจที่มาดมั่นของมันก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไหว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ยืนยันแล้วว่ากระบี่ในมือที่จางยี่โยนมา กลับเป็นกระบี่เซียนอมตะจริงๆ! ทันใดนั้นในใจของมันบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลหนึ่งขึ้นมา…อย่างไรก็ตามแม้ในใจจะมีสังหรณ์อัปมงคล แต่มันรู้ดีว่าไม่มีทางถอย! มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว! ‘เสแสรงทำเป็นลึกลับ! พวกมันต้องกำลังเสแสร้งทำเป็นลึกลับอยู่แน่!!’ หลังกล่าวปลอบตัวเองด้วยเหตุผลข้างๆคูๆ จางอวิ๋นเฟยก็เริ่มลงมืออีกครั้งโดยใช้กระบี่เซียนอมตะ ไม่เพียงแต่ใช้ออกด้วยเวทย์พลังสนับสนุนจากระนาบเทวโลกอีกรอบ ยังใช้ออกด้วยอัสนีบาตพิฆาตเซียนอีกครั้ง! “ปฐมเวทย์กลืนกิน!” และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่จางอวิ๋นเฟนตัดสินใจเอาหัวไถลงมืออย่างไม่เชื่อ ต้วนหลิงเทียนก็ใช้ออกด้วยเวทย์พลังสนับสนุนออกมาทันที บังเกิดวังวนพลังดูดรั้งหนึ่ผุดขึ้นล้อมกายต้วนหลิงเทียน! วังพลังดูดรั้งเพียงอุบัติขึ้นในชั่วพริบตาก่อนที่จะอันตรธานหายไป ทั้งหานเฉวี่ยไน่และจางยี่ไม่ทันมีใครได้สังเกตเห็นวังวนพลังดูดรั้งที่ผุดขึ้นดั่งละอองไฟวาบดับสักคน อย่างไรก็ตามทั้งสองคนไม่เห็น ก็ไม่ใช่ว่าจางอวิ๋นเฟยจะไม่เห็นไปด้วย! ‘นั่นมัน…เวทย์พลังสนับสนุนงั้นเรอะ!’ ในฐานะคนที่เชี่ยวชาญเวทย์พลังสนับสนุนจากระนาบเทวโลก จางอวิ๋นเฟยย่อมสังเกตเห็นได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนพึ่งใช้เวทย์พลังสนับสนุนออกมา แถมเวทย์พลังของต้วนหลิงเทียนท่าทางไม่อ่อนด้อยไปกว่าของมัน! เนื่องจากอยู่ในการต่อสู้การที่ต่างใช้ออกด้วยเวทย์พลังสนับสนุนโดยการกลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินเหมือนกัน ด้วยเวทย์พลังของมันอ่อนด้อยกว่า จึงไม่อาจแข่งขันในเรื่องกลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินแข่งกับต้วนหลิงเทียนได้เลย! อย่างไรก็ตามมันยังพอกลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินจากส่วนที่แพร่เข้ามาเติมเต็มภายหลัง และนั่นก็มากพอให้เวทย์พลังของมันสำแดงพลังเต็มอานุภาพแล้ว… ‘ด้วยกระบี่เซียนอมตะ…ตอนนี้ยามข้าลงมือต้องมีพลังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์แน่!’ ‘ต่อให้มันจะมีเวทย์พลังสนับสนุนจากระนาบเทวโลกเหมือนกันแล้วอย่างไร? อย่างดีก็ทำได้แค่สูสีกับข้าเท่านั้นล่ะ!!’ จางอวิ๋นเฟยได้แต่กล่าวปลอบตัวเองในใจ
คอมเม้นต์