War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2408
ตอนที่ 2,408 : ความแข็งแกร่งของเค่อเอ๋อ “ช้าก่อนแม่นางฟ้า…” หนึ่งในชายหนุ่มที่หยุดขวางเค่อเอ๋อไว้ พลันกล่าวออกมาด้วยสีหน้าทำราวเป็นวิญญชนมากคุณธรรม“แดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้มากภยันตราย ทั้งโจรร้ายชุกชุม…มิว่าผู้ใดล้วนต้องหาสหายร่วมเดินทางเพื่อคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มิทราบแม่นางฟ้าเห็นเช่นไร หากจะร่วมเดินทางไปกับพวกเรา?” ถึงแม้ชายหนุ่มอีกคนจะไม่ได้พูดอะไร แต่สายตาก็มองเค่อเอ๋อด้วยความคาดหวังนัก “ขออภัย แต่ข้ามิคิดร่วมเดินทางกับผู้ใด” ถึงแม้เค่อเอ๋อจะใจดีทั้งอ่อนโยน หากแต่ขีดความอดทนของนางก็มีจำกัด! เมื่อพบเจอเรื่องราวทำนองนี้บ่อยเข้าตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา น้ำเสียงของนางก็หาได้อ่อนโยนเหมือนเคยยังกลายเป็นเยียบเย็น!ทั่วร่างคล้ายมีไอเย็นผลักไสผู้คนให้ถอยห่างไปพันลี้!! ได้ยินคำเค่อเอ๋อ บุรุษทั้ง 2 ก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ชายหนุ่มที่ก่อนหน้าเงียบไว้ไม่กล่าวคำ เริ่มกล่าวออกมาเสียงนุ่มละมุนด้วยท่าทางราวกับคุณชายแสนดี “แม่นางท่านนี้ ตัวข้ารู้สึกเสมือนเคยพบท่านมาก่อน…แม่นางใช่มาจากระนาบเหยียนหวงเหมือนพวกเราหรือไม่?’ แน่นอนว่าที่ถามออกไปแบบนั้น เป็นมันหมายตีซี้ล้วนๆ ในสายตาของมันหากอีกฝ่ายกล่าวตอบว่ามาจากระนาบเหยียนหวง มันก็จะได้ฉวยโอกาสทำความสนิทชิดเชื้อโดยอาศัยมาตุภูมิเป็นสื่อ หากไม่ใช่ก็แค่หาวิธีอื่น “ระนาบเหยียนหวง? ในตลอดระยะเวลาครึ่งปีที่ผ่านมีคนเข้าหาเค่อเอ๋อไม่น้อยและนางก็ปฏิเสธไปหมด หลายคนก็ใช้ลูกไม้บอกมาตุภูมิเดียวกันหวังตีสนิท หากทว่าเค่อเอ๋อก็พึ่งเคยได้ยินว่ามีคนจากระนาบเหยียนหวงเอาตอนนี้เอง เมื่อเห็นเค่อเอ๋อกล่าวถามออกมาด้วยสีหน้าท่าทีสนใจ ลูกตาชายหนุ่มทั้งสองก็ทอแสงวาบขึ้นมาทันที แต่ไม่ทันได้พูดอะไรเค่อเอ๋อก็กล่าวถามเพิ่มเติมออกมาก่อน “แล้วพวกท่านรู้จักดาวเหยียนหวงหรือไม่?” “แน่นอนว่าพวกเราย่อมรู้จัก” ทันใดนั้น 1 ใน 2 ชายหนุ่มก็ชิงกล่าวออกมาก่อนสหาย “ดาวเหยียนหวงนั้นเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ต้นกำเนิดของระนาบเหยียนหวงเรา…ถึงข้าจักมิได้มีต้นกำเนิดมาจากดาวเหยียนหวง แต่ข้าก็เคยได้ยินเรื่องราวของมันไม่น้อย” “ใช่แล้วแม่นาง ดาวเหยียนหงเป็นหนึ่งในดาวเคราะห์ต้นกำเนิดที่พวกเรารู้จักดี…” ชายหนุ่มอีกคนเร่งผสมโรงหมายทำแต้มให้สาวงาม มันเริ่มจ้อเรื่องราวที่ล่วงรู้เกี่ยวกับดาวเหยียนหวงออกมาอย่างไม่มีกั๊ก ตอนนี้พวกมันเริ่มมั่นใจแล้ว ว่าสตรีงดงามปานนางฟ้าเบื้องหน้า สมควรมาจากระนาบเหยียนหวงเหมือนพวกมันไม่ผิดแน่! หากไม่ได้มาจากระนาบเหยียนหวงเหมือนพวกมัน ไหนเลยสตรีนางนี้จะรู้จักดาวเหยียนหวงได้? ต้องทราบด้วยว่าดาวเหยียนหวงนั้นเป็นดาวเคราะห์ต้นกำเนิดตั้งแต่ยุคแรกๆ จนผู้คนมากมายลืมเลือนไปหมดแล้ว หากไม่ใช่คนจากระนาบเหยียนหวงจริงๆ ไหนเลยจะรู้จักมันได้? สำหรับเรื่องที่สตรีเบื้องหน้าไฉนกล่าวถามถึงดาวเหยียนหวงออกมา พวกมันเชื่อมั่นว่านางถามไปเพราะอยากจะยืนยันว่าพวกมันทั้งคู่ใช่มาจากระนาบเหยียนหวงจริงหรือไม่เท่านั้น! และด้วยคำอธิบายทุกอย่างที่พวกมันพยายามเค้นความทรงจำกล่าวออก ก็พิสูจน์ได้อย่างชัดเจนว่าพวกมันมาจากระนาบเหยียนหวง แต่พวกมันไม่คิดเลย ที่ไฉนสตรีเบื้องหน้าถามถึงดาวเหยียนหวงนั้น…มิใช่เป็นเพราะนางมาจากระนาบเหยียนหวงและคิดยืนยันข้อเท็จจริงกับพวกมันแต่อย่างไร… ทั้งหมดเป็นเพราะสามีของนาง ต้วนหลิงเทียน เคยบอกนางไว้ว่าบ้านเกิดในชาติที่แล้วคือดาวเหยียนหวงที่อยู่ในระนาบเหยียนหวง ส่วนเรื่องที่ไฉนวิญญาณถึงข้ามภพมาโผล่ในระนาบเซียนได้นัน เขาก็ไม่รู้.. แน่นอนว่าในฐานะภรรยาของต้วนหลิงเทียน เค่อเอ๋อย่อมได้รู้เรื่องราวข้ามภพดั่งอภินิหาร รวมถึงเรื่องราวชีวิตในชาติที่แล้วของต้วนหลิงเทียนจากปากของต้วนหลิงเทียนจนหมด เช่นนั้นพอได้ยินชายทั้ง 2 เบื้องหน้าพูดถึงระนาบเหยียนหวง นางจึงอดถามถึงดาวเหยียนหวงออกมาไม่ได้ ‘ฟังจากที่พวกมันอธิบาย กับเรื่องที่พี่เทียนเคยเล่าให้ฟัง…ดาวเหยียนหวงที่พวกมันพูดถึงสมควรเป็นดาวบ้านเกิดของพี่เทียนไม่ผิดแน่!’ หลังฟังเรื่องราวมากมาย พอได้ยินเรื่องที่เคยได้ยินจากปากต้วนหลิงเทียนมา เค่อเอ๋อย่อมมั่นใจได้ทันทีว่าดาวเหยียนหวงที่อีกฝ่ายกล่าวถึงเป็นดาวบ้านเกิดต้วนหลิงเทียนไม่ผิดแน่นอน! ‘เช่นนั้นหมายความว่า…ตราบใดที่อยู่ในแดนลับต่างสวรรค์แห่งนี้ครบ 3 ปี ก็สามารถอาศัยคนของระนาบเหยียนหวงให้นำไปสู่ทางเข้าออกระหว่างระนาบเหยียนหวงกับแดนลับต่างสวรรค์ กระทั่งยังเดินทางกลับไปยังดาวเหยียนหวงที่พี่เทียนเคยอยู่เมื่อชาติที่แล้วได้ไม่ยากก?’ ใจเค่อเอ๋ออดได้ที่จะเต้นรัวขึ้นมา เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่นางเข้ามาในแดนลับต่างสวรรค์ เค่อเอ๋อจึงรู้ดีว่าสถานที่แห่งนี้หาใช่แดนลับเซียนกระบี่อันใด แต่เป็นแดนลับต่างสวรรค์! แถมนอกจากนางกับคน 7 ทวาราเที่ยงแท้แล้ว ยังมีผู้คนจากอีก 4 ระนาบเข้ามาด้วย! ที่สำคัญระนาบทั้ง 4 ที่ว่ายังเป็นมหาระนาบโลกียะ! รวมไปถึงเรื่องที่แต่ละระนาบย่อมมีประตูเข้าออกแดนลับต่างสวรรค์ และมันจะปรากฏตำแหน่งให้คนแต่ละระนาบรู้ตำแหน่งประตูของระนาบตัวเองหลังอยู่ในแดนลับต่างสวรรค์ครบ 3 ปี! ‘หากพี่เทียนได้รู้เรื่องนี้ พี่เทียนต้องดีใจมากแน่ๆ…ยิ่งไปกว่านั้นนี่มันก็ผ่านไปกว่าครึ่งปีแล้ว เผลอๆพี่เทียนคงได้รู้เรื่องนี้แล้วเหมือนกัน!’ เค่อเอ๋อลอบกล่าวในใจ ฟุ่บ! หลังเค่อเอ๋อดึงสติกลับมาจากภวังค์คิด นางเพียงเหลือบแลบุรุษทั้ง 2 เล็กน้อยพลางกล่าวคำขอบคุณสำหรับข้อมูล ก่อนที่จะเหินร่างเดินทางไปต่อของนางทันที ไม่ได้สนใจจะสนทนาอะไรกับทั้งคู่อีก… ฟุ่บ! ฟุ่บ! ทว่าเมื่อเห็นเค่อเอ๋อคิดจากไปโดยไม่ร่ำลาทั้ง 2 ก็เร่งเหินไปหยุดขวางทางเค่อเอ๋ออีกครั้ง “ข้าบอกพวกท่านไปแล้วมิใช่หรือว่ามิคิดเดินทางร่วมกับผู้ใด?” พอเห็นร่างบุรุษทั้ง 2 ยังตามมาขวางทางไม่เลิก สีหน้าเค่อเอ๋อก็เริ่มมืดลง “แม่นางหลังถามพวกเราไปเสียมากมายแบบนี้ ต่อให้ไม่คิดร่วมเดินทางกับพวกเรา แต่อย่างน้อยๆแม่นางก็อยู่เป็นเพื่อนเล่นพวกเราสักหลายๆคืน!” จังหวะนี้สองหนุ่มไม่อาจปั้นหน้าเป็นคนดีได้สืบไป หน้ากากเสแสร้งของพวกมันหลุดออก เผยสีหน้าแววตาหื่นกระหายเต็มพิกัด ยังมองแทะโลมร่างเค่อเอ๋ออย่างไม่คิดเกรงใจ วูบ! เห็นถึงสายตาแทะโลมมากราคะของทั้ง 2 สีหน้าเค่อเอ๋อก็แปรเปลี่ยนไปเป็นเยียบเย็นราวกับถูกฉาบเคลือบไว้ด้วยม่านน้ำแข็ง ขณะเดียวกันทั่วร่างเค่อเอ๋อก็แผ่กลิ่นอายผลักไสราวกับจะขับไล่พวกมันให้ถอยห่างไปไกลพันลี้ เรียกว่ายามนี้เค่อเอ๋อที่ลอยร่างอยู่ ให้ความรู้สึกประหนึ่งเทพธิดาน้ำแข็งอันสูงส่งยากที่ผู้ใดจะลบหลู่ได้ ครืน! ครืน! ครืน! ครืน! ครืน! … ทันใดนั้นมวลพลังไร้สภาพขุมหนึ่งเริ่มกำจายออกมาจากร่างเค่อเอ๋อ พริบตานั้นแผ่นฟ้าเสมือนวิปริตแปรปรวน บรรยากาศเปลี่ยนไปในฉับพลัน ห้วงมิติโดยรอบยังเริ่มสะเทือนเลือนลั่น เสียงแตกระเบิดดังสนั่นกึกก้องไม่หยุดราวกับแผ่นฟ้าพร้อมถล่มทลายลงได้ทุกเวลา! และกลิ่นอายอันทรงพลังดังกล่าวของเค่อเอ๋อ ก็ปกคลุมชายหนุ่มทั้ง 2 เอาไว้ทันที ทันใดนั้น “อั๊ค!!” เสียงกระอักโลหิตดังขึ้น เป็นชายหนุ่มทั้ง 2 ที่ไม่ทันตั้งตัวไม่อาจทานรับแรงกดดันพลังที่แผ่ออกมาจากร่างเค่อเอ๋อได้ไหว เลือดลมทั่วร่างเสมือนตีกลับจึงต้องกระทักโลหิตออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ครู่ต่อมา ชายหนุ่มทั้ง 2 ที่กระอักโลหิตจนร่างสะท้านโอนเอนกลางหาวไม่ทันได้ตอบสนองสิ่งใด แรงกดดันพลังของเค่อเอ๋อที่เคี่ยวกรำร่างพวกมันยิ่งมาก็ยิ่งมหาศาล ให้ความรู้สึกราวกับร่างพวกมันกำลังถูกขุนเขามหึมาถล่มทับ! ตอนนี้พวกมันทั้งคู่ไม่เหลือความถือดีอันใด ยังร่ำร้องออกมาอย่างหวาดผวาเสียขวัญ “ซะ…เซียนอมตะเสเพล!?” ขณะที่หวาดผวาเสียขวัญ ใจพวกมันก็บังเกิดความคิดดังกล่าวขึ้นพร้อมเพรียงราวนัดกันมา! พวกมันทั้งคู่นั้นเป็นเพียงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเท่านั้น! ผู้ที่อาศัยเพียงแรงกดดันจากไอพลังแล้วบีบคั้นทำร้ายร่างพวกมันจนสาหัสได้แบบนี้ ย่อมมีแต่เพียงชนชั้นเซียนอมตะเสเพล! แถมแรงกดดันพลังที่รุนแรงถึงขั้นทำให้ความว่างโดยรอบพังทลายหมายความว่าอะไรพวกมันไหนเลยจะไม่รู้!! จังหวะนี้หากพวกมันยังไม่สำเหนียกว่าตัวเองได้เตะเอาเข้าตอเหล็ก เกรงว่าชีวิตที่ผ่านมาของพวกมันคงไร้ค่ายิ่งกว่าสุนัข! “แม่นางฟ้าได้โปรดอภัยให้พวกเราด้วย!!” “ท่านเทพธิดา พวกเรามีตาแต่หามีแววไม่! ไท่ซานตั้งอยู่เบื้องหน้ามิอาจแลเห็น โปรดอภัยให้ผู้ต้อยต่ำไม่รู้ความด้วยเถอะ!” ตระหนักได้ว่าสตรีเบื้องหน้าที่แท้เป็นตัวตนทรงพลังขอบเขตเซียนอมตะเสเพล ทั้งคู่ก็เร่งร่ำร้องขอชีวิตออกมาทันที ขณะที่ร่ำร้องขอความเมตตา ใจพวกมันก็สะท้านไปหนักหนาด้วยความหวั่นหวาด ด้วยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมีเมตตาละเว้นพววกมันหรือไม่… เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องที่พวกมันกระทำลงไปก่อนหน้า ก็ยากที่จะให้อภัยนัก! หากสวรรค์เมตตาให้โอกาสพวกมันย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง ต่อให้พวกมันจะมีกำลังขวัญกล้าแกร่งกว่านี้พันหมื่นเท่า พวกมันก็ไม่กล้าคิดไม่ซื่อกลับสตรีเบื้องหน้าเด็ดขาด… พลั้งพลาดเพียงครั้ง เสียใจไปชั่วนิรันดร์! จังหวะนี้พวกมันรู้ซึ้งถึงวาจาประโยคนี้แจ่มแจ้งแดงแจ๋! “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว…” หลังจากชายหนุ่มทั้ง 2 วิงวอนร้องขอชีวิตไปพักหนึ่ง เสียงเย็นชาพลันแว่วดังเข้าหู และทันทีที่หูพวกมันได้ยินวาจาเยียบเย็นนี้ ลูกตาพลันหดหยีลงทันใด เพราะพวกมันสัมผัสได้ว่าในกลิ่นอายเย็นยะเยือกเบื้องหน้าเริ่มแฝงไว้ด้วยเจตนาฆ่าฟัน ‘ไม่…!!’ แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ในใจของพวกมันรู้สึกผิดท่าและร่ำร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง พวกมันก็ไม่มีแม้แต่เวลาจะตอบสนองใดอื่น แรงกดดันพลังที่มองไม่เห็นรอบกายที่แผ่ออกจากร่างเค่อเอ๋อ คล้ายกลับกลายเป็นปากกระหายเลือดของอสูรกาย เขมือบกลืนพวกมันทันที… ซูว… … ดั่งสายลมพัดเถ้าธุลีปลิดปลิว…ร่างชายหนุ่มทั้ง 2ค่อยๆสลายเป็นละอองสาบสูญไปในสวรรค์และโลก… แต่ต้นจนจบยังพึ่งผ่านพ้นไปไม่ถึงหนึ่งลมหายใจ… หากแต่ตอนนี้เหนือฟ้าคงเหลือเพียงร่างบางที่ลอยล่องอยู่ราวกับเทพธิดาน้ำแข็งคนเดียวเท่านั้น “…น่าเสียดายที่พวกเจ้าไม่ถนอมโอกาสที่ข้ามอบให้” จนตอนนี้วาจาท้ายประโยคของเค่อเอ๋อค่อยดังขึ้น อนิจจาชายหนุ่มชะตาขาดสองนาย ไม่มีโอกาสได้ยินอีกแล้ว… ความจริงเค่อเอ๋อคิดลงมือแต่แรกแล้วหากอีกฝ่ายไม่ย่อมจากไปแต่โดยดี ทว่าเพราะอีกฝ่ายกล่าวถึงเรื่องระนาบเหยียนหวงขึ้นมา นางจึงยั้งมือไว้ชั่วคราวและสอบถามข้อมูลพวกมัน สุดท้ายยังมอบโอกาสที่ 2 ให้พวกมันเป็นการตอบแทน… อนิจจานางไม่คิดเลยว่าทั้งคู่ไม่เพียงยังตามมาขวางทางนางไม่เลิก กระทั่งยังฉีกหน้ากากคนดี แล้วเลือกที่จะแทะโลมนางดั่งหมาป่าโหยหิว… เช่นนั้นนางก็คร้านจะยั้งมือไว้สืบไป… “ตั้งแต่ที่ข้าผลาญวิญญาณไปครั้งที่แล้ว…ตอนนี้พลังฝึกปรือของข้าก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่ง…จากระดับพลังตอนนี้ใช่ทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 6ทัณฑ์แล้วหรือไม่นะ?” เค่อเอ๋อเผยแววตาเลื่อนลอย ก่อนที่จะยกกมือตัวเองขึ้นมาชมดูพลางกล่าวพึมพำ “หากแต่พลังฝีมือระดับนี้…เทียบกับความแข็งแกร่งเมื่อชาติที่แล้วของข้า ยังไม่ต่างใดจากหนึ่งหยดน้ำในมหาสมุทร…ไม่คู่ควรให้กล่าวถึง” ตอนนี้เค่อเอ๋อก็ได้ฟื้นความทรงจำในชาติที่แล้วจากเศษเสี้ยวความทรงจำบางส่วน… ‘ถึงความทรงจำของข้าจะยังไม่ฟื้นคืนกลับมาจนหมด เพราะเศษเสี้ยวความทรงจำยังมิอาจปะติดปะต่อได้ครบ…หากแต่ด้วยอัตราความคืบหน้า อีกไม่นานข้าต้องฟื้นความทรงจำทั้งหมดได้แน่!’ เค่อเอ๋อลอบกล่าวในใจอย่างลับๆ ‘แต่ไม่ว่าชาติที่แล้วข้าจะเป็นผู้ใดก็ช่าง ชาตินี้ข้าคือเค่อเอ๋อภรรยาของพี่เทียนแม่ของซือหลิง…เรื่องนี้ไม่มีวันแปรเปลี่ยน ไร้สิ่งใดเปลี่ยนแปลงมันได้!’ ‘และข้าก็ไม่ยอมให้ผู้ใดหน้าไหนมาเปลี่ยนแปลงมันได้เด็ดขาด!’ เมื่อบังเกิดความคิดนี้ขึ้น สองตาเค่อเอ๋อพลันฉายประกายคมกล้าหาใดเปรียบ เผยความแน่วแน่ยิ่งกว่าครั้งใด!
คอมเม้นต์