War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2405
ตอนที่ 2,405 : ยอดสมบัติสวรรค์!? “เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้าสักครั้ง…” ในขณะที่ใจของหวังฉี หลิ่วเสวียและจางยี่จมดิ่งลงสู่ก้นบึ้ง หรงปัวที่มองสังเกตทีท่าหน้าเสียของทุกคนพลันกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มแสยะลี้ลับ “ตราบใดที่พวกเจ้า 3 คนขับไล่ต้วนหลิงเทียนออกไปจากกลุ่มเล็กๆนี่ ข้าจะเมตตาไว้ชีวิตพวกเจ้าสักครั้ง” “นอกจากนั้นพวกเจ้ามั่นใจได้เลย…ถึงแม้พวกเจ้าจะเลือกขับไล่ต้วนหลิงเทียนออกไปแต่ก็ไม่ต้องกลัวว่ามันจะลงมือกับพวกเจ้าเพราะความแค้นใดได้ เพราะข้ากับสหายจะลงมือจัดการฆ่ามันทันที!” ประโยคท้ายยามกล่าว หรงปัวก็หันมามองจ้องต้วนหลิงเทียนอย่างผู้ชนะ แววตายังเยียบเย็นปานคมมีด! แน่นอนว่าในใจของมันนั้น ได้ตัดสินโทษประหารให้ทั้ง 4 คนรวมต้วนหลิงเทียนไปแล้ว! เหตุผลที่มันเลือกจะพูดออกมาแบบนี้ ด้วยเพราะอยากเห็นสีหน้าสิ้นหวังของต้วนหลิงเทียนที่ถูกผู้อื่นผลักไสไล่ส่ง! ต่อให้หวังฉี หลิ่วเสวียกับจางยี่เลือกที่จะขับไล่ต้วนหลิงเทียนไปจริง สุดท้ายมันก็คิดจะฆ่าทั้งหมดให้ตายอยู่ดี!! “อะ…” ได้ยินข้อเสนอของหรงปัว หวังฉีกับหลิ่วเสวียอดไม่ได้ที่รู้สึกปั่นป่วนใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าข้อเสนอของหรงปัวช่างทำให้ทั้งคู่ลังเลยากตัดสินใจนัก… เพียงแต่พอคิดว่าหากไม่ขับไล่ต้วนหลิงเทียนไปตามคำหรงปัว อีกฝ่ายจะเข่นฆ่าพวกมันก็ทำให้พวกมันอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัวขึ้นมา แต่ละคนล้วนกลัวตาย พวกมันก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น หากพวกมันไม่ถึงขั้นต้องตาย ไหนเลยจะอับจนหนทางแบบนี้! “ฝันละเมอของตัวโง่งม!” ต่างจากทีท่าลังเลยากตัดสินใจของหวังฉีและหลิ่วเสวีย จางยี่ที่แม้จะเผชิญกกับคำขู่ของหรงปัวเหมือนกัน กลับแค่นคำสบถออกมาออกมาไม่กี่คำด้วยน้ำเสียงรังเกียจ! ความนัยวาจาของมันชัดนัก ไม่คิดขับไล่ผลักไสต้วนหลิงเทียนออกไปจากกลุ่ม! ส่วนด้านต้วนหลิงเทียนนั้น ก็จับจ้องไปยังร่างทั้ง 3แต่แรกหลังได้ยินข้อเสนอของหรงปัว ความลังเลของหวังฉีและหลิ่วเสวียเขาสังเกตเห็นชัด ทว่าความแน่วแน่ไม่ยอมสยบของจางยี่นั้นยิ่งชัดกระจ่างตาเขา เมื่อเห็นจางยี่มีธาตุทระนงแบบนี้ มุมปากเขาอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ‘จางยี่ผู้นี้นับว่าไม่เลวเลยจริงๆ นับว่าน่าคบหาไม่น้อย’ ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนประทับใจจางยี่จริงๆ เพิ่มดิ้นแพรบนชุดสำเร็จนั้นหาได้ง่ายดาย แต่ส่งถ่านไฟกลางหิมะช่างหาได้ยากนัก… และตอนนี้จางยี่ก็คงไม่อาจคิดคาดจินตนากากรได้ถึง หลายปีหลังจากนี้ คราใดที่มันคิดถึงการตัดสินใจกระทำแบบนี้ออกมา มันก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณสวรรค์ที่มันโชคดีเลือกแบบนี้… เพราะด้วยการตัดสินใจครั้งนี้ของมัน อนาคตมันนับว่าสดใสนัก! เพราะได้ต้วนหลิงเทียนสนับสนุน!! ต้องทราบด้วยว่าแม้มันจะนับว่ามีพรสวรรค์ไม่ใช่ชั่ว แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นอัจฉริยะระดับต้นๆของสำนักเทียนซือ สิ่งดีๆอะไรในสำนักก็ยากจะแวะเวียนมาถึงตามัน “สุราคารวะไม่รับ ชมชอบสุราจับกรอก!” การตัดสินใจเลือกข้างของจางยี่ย่อมทำให้หรงปัวมีโทสะนัก ลูกตามันหดหยีจิตสังหารเอ่อล้น พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดทั่วร่างยังปะทุออกมาในฉับพลัน! ฟู่ม! ฟู่ม! ฟู่ม! … พริบตาทั่วร่างหรงปัวก็ปกคลุมไปด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ร้อนแรงดั่งเพลิงไฟ! และสำนึกเทวะของมันก็เพ่งเล็งไปยังจางยี่ทันที! “ลงนรกไปเสีย!!” หรงปัวไม่รอช้า คนตะโกนออกมาด้วยอำมหิต พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดยิ่งมายุ่งลุกโชนเร่าๆ ชุดคลุมเริ่มโป่งพองสะบัดโบกราวอยู่ท่ามกลางมรสุม! ปง! ปง! ปง! ปง! … ทันใดนั้นเสียงอากาศแตกระเบิดสนั่นลั่นออกเป็นชุด ร่างหรงปัวพุ่งทะยานออกไปปานกระสุนปืนใหญ่ แหวกฟ้าเข่นฆ่าสังหารตบฟาดฝ่ามือไปทางจางยี่!! แรกลงมือก็คิดเอาให้ตาย!! วูบ! จางยี่เองก็ไม่อาจคาดคิดได้เลยว่าหรงปัวจะเลือกลงมือฆ่ามันทันทีแบบนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปกลับกลาย พลังเซียนต้นกำเนิดทั่วร่างเริ่มปะทุออก โคจรใช้ออกด้วยวิชาท่าร่างหมายหลบหลีกการโจมตีของหรงปัว! อนิจจาเพียงพลังพึ่งโคจรไปตามเคล็ดไม่ทันสำแดงเดช ร่างหรงปัวก็บรรลุถึงเบื้องหน้าของมันเสียแล้ว ‘ข้าต้องมาตายที่นี่วันนี้งั้นหรือ…’ ห้วงเวลานี้ใจจางยี่จมอยู่กับความสิ้นหวัง เพียงคิดว่าตัวเองยากรอดพ้นความตายแน่แล้ว อย่างไรก็ตามแม้จะสิ้นหวังแต่มันก็หาได้เสียใจกับการตัดสินใจเมื่อครู่ไม่! ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่มันมองขาดแต่แรกว่าต่อให้จะผลักไสต้วนหลิงเทียนไป หรงปัวก็คิดฆ่าพวกมันปิดปากอยู่ดี…และต่อให้หรงปัวจะเลือกไว้ชีวิตมันตามคำพูด… แต่มันก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครมาใช้อำนาจบงการบีบคั้นได้ง่ายๆ! กระทั่งทำผิดต่อใจตัวเลือกผลักไสผู้อื่นเพื่อเอาชีวิตรอดเยี่ยงตัวขี้ขลาด!! “หือ!?” ในขณะที่จางยี่คิดว่ายากรอดพ้นความตายแน่แล้ว ในชั่วพริบตาดุจละอองไฟวาบ มันสัมผัสได้ถึงสายลมหอบหนึ่ง… ทันใดนั้นบ่ามันสัมผัสได้ถึงมือหนึ่งที่จับกุมเอาไว้ ก่อนที่จะฉุดร่างของมันให้เหินลอยขึ้นฟ้าไปราวไร้น้ำหนัก… “ต้วนหลิงเทียน!?” ไม่ต้องเดาจางยี่ก็รู้ว่าใครเป็นคนช่วยชีวิตมันเอาไว้ และเมื่อมือที่หอบหิ้วมันหลบขึ้นฟ้าผละออก มันก็หันไปมองร่างที่ลอยข้างกาย เห็นเป็นต้วนหลิงเทียนตามคาด “ต้วนหลิงเทียนขอบคุณเจ้ามาก…” “เจ้าเลือกแตกหักกับหรงปัวเพื่อข้า แล้วยังจะขอบคุณข้าทำอะไรเล่า…” ได้รับคำขอบคุณของจางยี่ ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มบางๆส่ายหัวไปมา “ได้ไงกัน!?” หรงปัวที่พบว่าตัวโจนทะยานมาฟาดทุบความว่างเปล่าเต็มเหนี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะหน้าเสีย มันเงยหน้ามองขึ้นไปยังร่างต้วนหลิงเทียนบนฟ้าแทบจะทันที ท่าทางถือดีเริ่มเปลี่ยนไปใหญ่หลวง “เจ้า…ไฉนไวนัก!?” ถึงแม้มันจะไม่ได้ใช้วรยุทธ์เซียนรวมถึงเวทย์พลังเสริมท่าร่าง… ทว่าความเร็วที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาเมื่อครู่ ก็เหนือกว่ามันตอนที่ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างเสียอีก!! “ให้ตาย…ความเร็วเมื่อครู่ของมันไม่เบาเลยจริงๆ…” ไม่ทราบว่าเฝิงหม่านมาหยุดลอยข้างกายหรงปัวตั้งแต่ตอนไหน หากแต่ตอนนี้มันมก็กำลังแหงนมองร่างต้วนหลิงเทียนบนฟ้าเบื้องหน้าด้วยสายตาสนใจ “ความเร็วของเจ้านับว่าเกือบทัดเทียมความเร็วสูงสุดของข้าได้เลยทีเดียว…น่าเสียดาย วันนี้ด้วยมีข้าร่วมมือกับหรงปัว ชะตาเจ้าก็ถูกลิขิตให้ตกตายอยู่ที่นี่!” จากนั้นสายตาเฝิงหม่านก็เริ่มฉายเจตนาฆ่าฟันออกมาเช่นกัน “อ่า ข้าเกือบลืมไปแล้วไง! เฝิงหม่านเจ้ามีความเร็วเป็นที่สุด!!” หลังได้เห็นการเคลื่อนไหวในฉับพลันของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ หรงปัวย่อมสำนึกได้ทันทีว่าในแง่ความเร็วมันไม่อาจจับไล่ต้วนหลิงเทียนได้ทัน! ถึงแม้มันจะเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะเหมือนกัน แต่เมื่อจับไม่ได้ไล่ไม่ทันไหนเลยจะทำอะไรอีกฝ่ายได้?ลืมเรื่องฆ่าอีกฝ่ายไปได้เลย!! ด้วยเหตุนี้สีหน้าของมันถึงได้บิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก! ทว่าตอนนี้พอมาได้ยินคำของเฝิงหม่าน มันจึงตระหนักได้ว่ามันยังมีผู้ช่วยอยู่! และผู้ช่วยของมันคนนี้ ก็มีจุดเด่นในเรื่องของความเร็ว!! “ต้วนหลิงเทียน เจ้าช่วยมันตอนนี้ให้ได้อะไรขึ้นมา?” เมื่อมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง หรงปัวก็หวนกลับมาแสยะยิ้มถือดีเหมือนเดิม “ตอนนี้เพียงข้ากับสหายร่วมมือกัน ลำพังชีวิตตัวเองเจ้ายังไม่มีปัญญารักษา นับประสาอะไรไปวุ่นวายกับชีวิตผู้อื่น? หลังเจ้าตาย คิดว่ามันยังจะรอดไปได้? ช่างกระทำเรื่องที่ไร้ค่านัก!!” “อ้อ…จริงรึ?” ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบหรงปัวที่ยิ้มแสยะถือดีด้วยสีหน้าสงบเฉยเมยไม่ทุกข์ร้อน ทำราวกับให้ไท่ซานถล่มลงตรงหน้าก็ไม่ไหวติง ทีท่าปลอดโปร่งสบายๆไร้เรื่องราวนี้ของต้วนหลิงเทียน ยามตกลงในสายตาของหรงปัว ก็ทำให้ยิ้มแสยะถือดีของหรงปัวบิดเบี้ยวทันที มันโมโหขึ้นมาจริงๆแล้ว! “ในเมื่อเจ้ารีบร้อนอยากตายนัก เช่นนั้นข้าจะสงเคราะห์ให้!” “เฝิงหม่าน ร่วมมือกับข้าฆ่ามันกันเถอะ!” “ฆ่ามันได้สักคน…สมบัติสถานที่อาจมีมรดกของต้าหลัวจินเซียนหรือเบาะแสนำไปสู่มรดกสถานนี้ก็จักเป็นของพวกเราสองคน! ไร้ตัวเกะกะให้รำคาญตา!!” สิ้นคำดุร้ายของหรงปัว ทั่วร่างของมันก็ลุกโชนขึ้นมาด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอีกครั้ง ยังรุนแรงกว่าก่อนหน้าเป็นเท่าตัว! ตอนนี้มันใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดของครึ่งก้าวเซียนอมตะแล้ว!! “ได้!” อารมณ์ของเฝิงหม่านก็พุ่งพล่านขึ้นมาไม่น้อยหลังได้ยินคำพูดหรงปัว มันหงายฝ่ามือออกทันใด ก่อนที่จะปรากฏมวลพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดผนึกควบก่อลักษณ์ ทั้งทั่วร่างยังลุกโชนไปด้วยไอพลังราวกับเทพสงคราม! “หึ!” เผชิญหน้ากับหรงปัวและเฝิงหม่านที่คิดผนึกกำลังกรุ้มรุม ต้วนหลิงเทียนเพียงพ่นลมเสียงเย็นด้วยความดูแคลน ก่อนจะสะบัดมือคว้าจับกระบี่ที่ผุดโผล่ออกมาจากความว่าง กระบี่เล่มนี้ช่างโปร่งใสนัก ราวกับมันขึ้นรูปมาจากน้ำบริสุทธิ์! “นี่มันยังโง่งมถึงขั้นคิดใช้อาวุธอีกหรือ?” “นี่มันไม่รู้หรือไง…ว่าด้วยด่านพลังของพวกเรายามนี้ อาวุธอันใดในระนาบโลกียะล้วนไร้ค่าไม่อาจช่วยเหลืออันใดได้อีก?” เห็นต้วนหลิงเทียนสะบัดมือเรียกกระบี่ออกมาถือไว้ หรงปัวกับเฝิงหม่านอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ สำหรับเซียนอมตะเสเพลนั้น ศาสตราวุธใดๆในระนาบโลกียะล้วนไร้ค่า! สำหรับครึ่งก้าวเซียนอมตะ แม้จะไม่ถึงขั้นไร้ค่า แต่ก็ไม่อาจช่วยเหลือใดๆได้อีก รังแต่จะเกะกะเสียเปล่าๆ! ด้วยเหตุนี้พอเห็นต้วนหลิงเทียนชักกระบี่ออกมา หรงปัวกับเฝิงหม่านจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ! “เจ้าแน่ใจหรือ…” ทันทีที่เสียงกล่าวเย้ยเยาะของทั้งคู่จบลง ต้วนหลิงเทียนเพียงกล่าวถามออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย และขณะที่กล่าวคำ พลังเซียนต้นกำเนิดอันผสานไว้ด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดก็เริ่มหลั่งไหลผ่านชีพจรเซียน 99 สายในร่างดั่งน้ำหลาก! พลังเซียนต้นกำเนิดอันผสานด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดนี้ เริ่มหลั่งไหลเข้าสู่มือขวาที่ถือกระบี่ ก่อนที่จะถ่ายทอดลงสู่ตัวกระบี่ที่โปร่งใสปานแก้วผลึก! “ว่า…กระบี่ของข้าเป็นอาวุธของระนาบโลกียะ?” ต้วนหลิงเทียนเริ่มพูดต่อออกมาระหว่างถ่ายทอดพลังลงสู่ตัวกระบี่ และราวกับจะตอบสนองวาจาของต้วนหลิงเทียน ตัวกระบี่ที่ใสดั่งแก้วผลึกนั้น เริ่มส่องแสงเรืองรองออกมาเจิดจ้าปานดวงตะวัน ท่ามกลางหรงปัวกับเฝิงหม่านที่กำลังอึ้งไปตาลอยเพราะเสียงพูดต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ยังคงดังก้องในหูพวกมัน “พวกเจ้าแน่ใจหรือ…ว่ากระบี่ข้าเป็นอาวุธของระนาบโลกียะ?” เรียกว่าในขณะที่วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนดังก้องในหู… พวกมันก็พบว่ากระบี่ต้วนหลิงเทียนเริ่มเปล่งประกายสว่างจ้าออกมาราวดวงตะวัน ยังเปล่งกลิ่นอายพลังคมกล้าน่ากลัวออกมาประการหนึ่ง พาลให้เส้นขนทั่วร่างของพวกมันลุกตั้งชันขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ! นั่นเพราะเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังคมกล้าดังกล่าว สีหน้าของทั้งคู่ไม่อาจไม่เปลี่ยนสี!! “ยะ…ยอดสมบัติสวรรค์!” วินาทีพวกมันทั้งคู่ก็ร้องโพล่งออกมาอย่างพร้อมเพรียง! สองตาแทบถลนออกเบ้าทำราวพบเห็นภูตผีกลางวันแสกๆ!! มาตอนนี้พวกมันย่อมตระหนักได้ชัด กลิ่นอายพลังน่าพรั่นพรึงที่แผ่ซ่านออกมาจากกระบี่ของต้วนหลิงเทียน ไม่ใช่กลิ่นอายพลังที่ศาสตราวุธใดๆในระนาบโลกียะจะมีได้… เพราะกลิ่นอายนี้ช่างมีพลังอำนาจสะกดข่มจิตใจพวกมันให้หวั่นหวาดนัก! ศาสตราจากระนาบโลกียะไหนเลยจะมีพลังอำนาจแบบนี้ได้!! เช่นนั้นจึงมีความเป็นไปได้เพียงประการเดียว… กระบี่ในมือต้วนหลิงเทียน หาใช่ศาสตราในระนาบโลกียะไม่! แต่เป็นศาสตราจากระนาบเทวะโลก!! และศาสตราจากระนาบเทวโลก ก็มีชื่อเรียกหาว่า… ยอดสมบัติสวรรค์! “ยอดสมบัติสวรรค์!?” หรงปัวกับเฝิงหม่านตะลึงพรึงเพริด ด้านหวังฉีกับหลิ่วเสวียไม่เว้นจางยี่ก็อึ้งไปไม่ต่าง! ต้วนหลิงเทียนที่จ้อถามเรื่องราวมาตลอดทางปานคนหลังเขาไม่รู้อะไรเลย…กลับมียอดสมบัติสวรรค์ในครอบครอง? ‘หนี!!’ เมื่อตระหนักได้ว่ากระบี่ในมือของต้วนหลิงเทียนคือยอดสมบัติสวรรค์ หรงปัวกับเฝิงหม่านที่ไม่ทันได้สื่อสารกันแท้ๆ แต่กลับบังเกิดความคิดเดียวกันขึ้นมาในใจโดยไม่ได้นัดหมาย!
คอมเม้นต์