War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2378
ตอนที่ 2,378 : การติดต่อจากลัทธิบูชาไฟ “ชายหนุ่มผู้นั้นที่แท้มันเป็นผู้ใดกันแน่ ลำพังแค่ผู้ติดตามข้างกายมันยังร้ายกาจถึงเพียงนี้!” สีหน้าผู้พิทักษ์เหลิ่งอิงฉายความเคร่งเครียดออกชัด “มิผิด เจ้านั่นมันพลังฝีมือสูงส่งนัก! เพียงโบกมือส่งๆราวปัดแมลงวัน หากแต่ทำให้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนข้างกายจ้าวลัทธิตกตายโดยที่ไม่มีแม้แต่โอกาสจะตอบโต้อันใด…” ผู้พิทักษ์หงอวิ๋นที่หน้าเสียก็พยักหน้ากล่าวคำเห็นด้วย ตอนนี้ในใจของนางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสมือนตัวเองช่างอ่อนแอไร้กำลัง “ชายผู้นั้น…อย่างน้อยๆก็สมควรเป็นเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์มิผิดแน่!” ตอนนี้เองชายวัยกลางคนร่างกายกำยำที่ยืนอยู่ด้านหลังก่านหรูเยี่ยนพลันกล่าวออกมาด้วยสีหน้าอัปลักษณ์ปั้นยากถึงขีดสุด ตัวมันนั้นเป็นสหายกับชายวัยกลางคนร่างสูงผอมปานลำไผ่นั่นมานานปีแล้ว เรียกว่าอีกฝ่ายไม่ต่างใดจากพี่น้องของมัน! และในบรรดาทุกกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ นับว่ามันมี ‘วิจารณญาณ’ สูงและน่าเชื่อถือมากที่สุด! เพราะแม้แต่ผู้พิทักษ์สื่อเฟิงที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาผู้พิทักษ์ พลังฝีมือยังอ่อนด้อยกว่ามันอยู่ก้าวใหญ่ ถึงด่านพลังฝึกปรือจะทัดเทียมกันก็ตามที ด้วยเหตุนี้ทุกคนจึงเชื่อสายตาและการตัดสินของมัน “สวรรค์…เซียนอมตะเสเพล! ยังเป็นเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์เชียวหรือ?” “เช่นนั้นกล่าวได้ว่า…ชายวัยกลางคนนั่นอาจเป็นได้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ หรือเหนือกว่านั้น?” “มีข้ารับใช้เป็นตัวตนเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์หรืออาจจะเหนือกว่านั้น…เจ้าหนุ่มนั่นที่แท้มันเป็นผู้ยิ่งใหญ่มาจากไหนกันแน่!?” …… ตอนที่เหล่าระดับสูงของลัทธิบูชาไฟพูดถึงเรื่องนี้นอกจากความหวาดกลัวแล้ว ในแววตาของพวกมันยังเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก… “กาลก่อนข้าคิดว่าครึ่งก้าวเซียนอมตะคือตัวตนที่อยู่เหนือสุดในแดนดิน…มาตอนนี้ดูเหมือนมิอาจนับเป็นอะไรได้เลย ยามอยู่ต่อหน้าเหล่าผู้อมตะเสเพลที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า ครึ่งก้าวเซียนอมตะก็มิได้มีราคาค่างวดอันใด…” “เหอะๆ…ต่อหน้าพวกเซียนอมตะเสเพล ครึ่งก้าวเซียนอมตะมิได้ต่างจากต้นข้าวที่ทำได้แค่รอให้ผู้อื่นเก็บเกี่ยว!” “ข้าไม่คิดเลยจริงๆ ว่าผู้ที่ล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ จักได้รับโอกาสที่ 2 รวมถึงยังกลายเป็นตัวตนที่ทรงพลังเหนือครึ่งก้าวเซียนอมตะแบบนี้…” …… ในขณะที่ระดับสูงของลัทธิบูชาไฟได้แต่กล่าวออกมาอย่างทดท้อไร้กำลัง ด้านผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของลัทธิบูชาไฟก็ได้แต่หันไปมองก่านหรูเยี่ยนเป็นสายตาเดียวกัน “หรูเยี่ยน…เจ้าแจ้งให้มันรู้เรื่องนี้เถอะ” ผู้พิทักษ์ชิงหัวที่มองก่านหรูเยี่ยนด้วยสายตาอับจนได้แต่กล่าวออกมาเสียงอ่อน “รอก่อนเถอะท่านอาจารย์…” ก่านหรูเยี่ยนส่ายหน้าไปมา “จะอย่างไรพวกเราก็ยังมีเวลาอีก 10 วัน…ให้ข้าคิดดูก่อน” “เรื่องความเป็นความตายเช่นนี้เจ้ายังต้องคิดอันใดอยู่อีก!” ผู้พิทักษ์ชิงหัวกล่าวออกมาด้วยความร้อนใจ “แล้วจักเกิดอันใดขึ้นเล่า ถ้าแม้แต่มันยังมิใช่คู่มือสองคนนั่น!?” ก่านหรูเยี่ยนได้แต่มองแย้งผู้พิทักษ์ชิงหั่ว สีหน้าของนางตอนนี้แลดูอับจนนัก รอยยิ้มเศร้าๆที่คลี่กางออกมาชวนให้หน้างามน่าเวทนาไม่น้อย หากต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คู่มือของชายทั้ง 2 คนนั่น การที่นางเรียกต้วนหลิงเทียนมาโดยไม่คิด มิใช่ว่าเป็นการทำร้ายต้วนหลิงเทียนหรือไร? ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่นางแอบชอบต้วนหลิงเทียนเลย ต่อให้นางไม่ได้คิดอะไรกับต้วนหลิงเทียน แต่นางก็ไม่อาจเอาชีวิตต้วนหลิงเทียนมาแลกกับชีวิตนางได้! ต้วนหลิงเทียนเป็นสามีของน้องสาวฝาแฝดนาง ยังเป็นบิดาของหลานสาวที่นางเห็นมาตั้งแต่แบเบาะ! “หรูเยี่ยน…” ผู้พิทักษ์ชิงหัวเผยทีท่าคล้ายจะพูดอะไรออกมาเพิ่มเติม หากแต่ก่านหรุเยี่ยนกลับกล่าวขัดเสียงห้วน “ท่านอาจารย์อย่าได้เสียเวลาเกลี้ยกล่อมข้าอีกเลย…ข้าบอกว่าขอเวลาข้าคิดดูก่อน ก็ให้ข้าคิดดูก่อนเถอะ!” เรียกว่านี่เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่ก่านหรูเยี่ยนหาญกล้าขัดผู้พิทักษ์ชิงหั่ว นับตั้งแต่นางเป็นลูกศิษย์ของผู้พิทักษ์ชิงหั่ว กล่าวจบคำก็ไม่รอให้ผู้พิทักษ์ชิงหั่ววตอบสนองอะไร นางเหินร่างเข้าไปยังเกาะส่วนตัวของชิงหั่วทันที เพราะตอนนี้สถานที่บ่มเพาะของนางถูกชายแปลกหน้าอันทรงพลังทั้ง 2 ยึดครองไปแล้ว นางย่อมไม่กล้าบุกเข้าไปอย่างวู่วาม ใครจะไปรู้ว่าอีกฝ่ายจะบังเกิดความไม่พอใจอะไรหรือไม่? บางทีภายใน 10 วันนี้อีกฝ่ายอาจไม่คิดฆ่านาง แต่หากอีกฝ่ายมีโมโหแล้วเอาไปลงกับคนอื่นเล่า? นั่นไม่ใช่อะไรที่ก่านหรูเยี่ยนอยากจะเห็นแม้แต่น้อย…ตอนนี้นางเป็นจ้าวลัทธิบูชาไฟ ย่อมไม่อยากให้มีอาวุโสหรือใครในลัทธิบูชาไฟตายตกเพราะการกระทำของนาง!! “เฮ่อ…” สำหรับเรื่องที่ก่านหรูเยี่ยนเผยทีท่า ‘ก้าวร้าว’ แบบนี้ ผู้พิทักษ์ชิงหั่วไม่ได้โกรธอะไร เพราะมันเข้าใจก่านหรูเยี่ยนดี จึงได้แต่อดลอบทอดถอนในใจไม่ได้ ‘ยัยหนูนี่ใจดีเกินไป…’ “ท่านผู้พิทักษ์ชิงหั่ว” ตอนนี้เองรองจ้าวลัทธิบูชาไฟพลันมองกล่าวกับชิงหั่วด้วยสีหน้าท่าทีเคร่งเครียดกังวล “หากจ้าวลัทธิยืนกรานไม่บอกใต้เท้าหลิงเทียนเรื่องนี้…อีก 10 วันข้าเกรงว่าไม่เพียงแต่จ้าวลัทธิต้องตายด้วยน้ำมือ 2 คนนั่นเท่านั้น…” “ข้าเกรงว่ามัน…อาจโมโหเพราะมิได้ดั่งใจจนพวกเราพลอยเป็นที่รองรับโทสะอารมณ์ของมันด้วย! มิแน่ว่าลัทธิบูชาไฟเราอาจจะ…” รองจ้าวลัทธิบูชาไฟกล่าวออกมาคราวนี้ เสมือนกล่าววาจาแทนใจของทุกคนในที่นี้ก็ไม่ปาน และนี่คือความกังวลที่อยู่ในใจของทุกคนจริงๆ ในขณะที่ทุกคนกำลังหันไปมองผู้พิทักษ์ชิงหั่ว ด้วยอยากรู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป “อะไร! เจ้ากลัวว่าจ้าวลัทธิจะทำให้ลัทธิบูชาไฟของพวกเราพลอยซวยไปด้วย?” ผู้พิทักษ์ชิงหั่วย่อมมีโมโหทันทีเมื่อได้ยินคำถามแบบนี้จากรองจ้าวลัทธิบูชาไฟคนดังกล่าว มันจึงตะคอกตอบออกไปด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง และในขณะที่ชิงหั่วกำลังตะคอกรองจ้าวลัทธิด้วยความขุ่นเคืองนั้นเอง ชายวัยกลางคนร่างกำยำที่แต่เดิมคิดจะเหินร่างติดตามก่านหรูเยี่ยนไป พลันหยุดลงก่อนที่จะหันไปมองจ้องรองจ้าวลัทธิที่กล่าวคำถามเมื่อครู่ด้วยสายตาเยียบเย็น “ใต้เท้าโปรดยั้งมือไว้ไมตรีด้วย!!” แทบจะทันทีที่เห็นความเคลื่อนไหวผิดปกติของชายวัยกลางคนร่างหนา ผู้พิทักษ์สื่อเฟิงตระหนักได้ทันทีว่าผิดท่าแล้ว จึงเร่งกล่าวตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนใจ! ปงงง!! เสียงสนั่นดังขึ้นกลางฟ้า เป็นชายวัยกลางคนตบฟาดฝ่ามือออกไปส่งๆ! ทันใดนั้นมวลพลังมหาศาลพลันควบแน่นก่อเกิดเป็นประทับฝ่ามือหนึ่ง พุ่งทะยานออกไปฉับไวสุดที่ใครจะตั้งตัว ป่นทำลายร่างรองจ้าวลัทธิที่กล่าวถามออกมาเมื่อครู่จนกลายเป็นละอองโลหิตทันที!! ฉากเรื่องราวครานี้ช่างละม้ายคล้ายฉากเรื่องราวที่ข้ารับใช้วัยกลางคนที่ติดตามชายหนุ่มแปลกหน้า สังหารชายวัยกลางคนร่างสูงผอมปานลำไผ่ด้วยการตบฟาดฝ่ามือออกไปส่งๆอยู่บ้าง… ไม่ว่าจะเป็นชายวัยกลางคนที่มาเยือนลัทธิบูชาไฟเข่นฆ่าชายร่างผอมสูงปานลำไผ่ก็ดี จะชายวัยกลางคนร่างกำยำฆ่ารองจ้าวลัทธิบูชาไฟก็ดี ล้วนแล้วแต่กระทำได้ง่ายดายนัก! “ผู้ใดหาญกล้าดูหมิ่นนายหญิงของข้า มันผู้นั้นต้องตาย!” ภายใต้สายตาที่มองจ้องมาด้วยความหวาดกลัว ชายวัยกลางคนร่างกำยำก็พุ่งร่างหายเข้าไปในเกาะส่วนตัวของชิงหั่วตามก่านหรูเยี่ยน เรียกว่ากว่าที่ระดับสูงของลัทธิบูชาไฟจะตอบสนองเรื่องราว ชายวัยกลางคนก็จากไปแล้ว… ผู้พิทักษ์ชิงหั่วได้แต่ลอยร่างอื้ออึงอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเผยยิ้มขื่นขมออกมา แม้ชายวัยกลางคนร่างกำยำจะสังหารรองจ้าวลัทธิที่กล่าววาจาไม่เข้าหูจนทำให้มันมีโทสะ แต่ในฐานะผู้พิทักษ์คนหนึ่งของลัทธิบูชาไฟ ชิงหั่วย่อมไม่รู้สึกยินดีกับเรื่องนี้ เพราะมันย่อมตระหนักได้ชัดดี ว่าลัทธิบูชาไฟได้เสียชนชั้นรองจ้าวลัทธิขอบเขตพลังเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยนไปด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องโดยแท้…. อย่างไรก็ตามมันรู้ดีว่าการกระทำของชายวัยกลางคนร่างกำยำนั้น สุดที่ตัวมันจะสอดมือเข้าไปยุ่งได้… ชายวัยกลางคนร่างกำยำนั่น ทั้งลัทธิบูชาไฟเพียงฟังคำของก่านหรูเยี่ยนศิษย์มันแค่คนเดียวเท่านั้น… ด้านผู้พิทักษ์ลัทธิบูชาไฟอีก 3 คนที่เหลือ ก็ได้แต่หันหน้ามามองสบตากันเอง สุดท้ายก็พากันส่ายหน้าไปมาพร้อมถอนหายใจออกมาด้วยความทดท้ออย่างช่วยไม่ได้… สำหรับระดับสูงคนอื่นๆของลัทธิบูชาไฟ เมื่อเห็นชนชั้นรองจ้าวลัทธิตกตายลงตรงหน้า ก็ได้แต่หวาดกลกัวตัวแข็งพูดอะไรไม่ออก “พวกเจ้าแยกย้ายกันกลับไปเถอะ” จนเมื่อได้ยินคำของผู้พิทักษ์สื่อเฟิง ระดับสูงของลัทธิบูชาไฟก็รีบแจ้นจากไปด้วยความโล่งอก ถึงแม้ตอนนี้ในใจของพวกมันจะเจ็บแปลบ แต่ก็ทำได้แค่เก็บเอาไว้ในส่วนลึก ไม่กล้าจะพูดออกมาแม้ครึ่งคำ “ผู้พิทักษ์ชิงหั่ว…” เมื่อเห็นว่าคนอื่นๆกลับไปหมดแล้ว ผู้พิทักษ์สื่อเฟิงพลันมองไปยังชิงหั่วด้ยสายตาจริงจังกล่าวออกกเสียงเคร่ง “ถึงแม้วาจาของมันจะชวนให้หงุดหงิดใจ…แต่ก็มิใช่ว่าคำพูดของมันจะมิอาจเกิดขึ้นจริงๆ! ผู้พิทักษ์ชิงหั่วท่านคิดว่า..” “ยามที่ผู้พิทักษ์หลิงเทียนจากไป ได้ลอบมอบป้ายหยกสื่อสารเอาไว้ให้ข้า…” ผู้พิทักษ์ชิงหั่วย่อมรู้เป็นธรรมดาว่าผู้พิทักษ์สื่อเฟิงคิดจะพูดอะไร เช่นนั้นจึงไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายกล่าวถาม จึงเลือกเปิดประตูเห็นภูผากล่าวออกมาทันที “ดูเหมือนจะคาดคิดไว้แล้วว่าอาจจะเกิดเรื่องราวทำนองนี้ขึ้น และหรูเยี่ยนอาจปกปิดเอาไว้ไม่ติดต่อไป…จึงทิ้งป้ายหยกสื่อสารเอาไว้ให้ข้าแต่แรก” ในสายตาของผู้พิทักษ์ชิงหั่วผู้พิทักษ์ที่เหลือทั้ง 3 ไม่ใช่คนนอกอะไร จึงหยิบป้ายหยกสื่อสารออกมาอย่างไม่คิดจะปิดบัง ป้ายหยกสื่อสารที่ต้วนหลิงเทียนให้ไว้นั้น สามารถบนทึกเสียงผ่านพลังลงป้ายหยก แล้วสามารถส่งข้อความติดต่อไปได้ พอชิงหั่วหยิบขึ้นมาก็เริ่มจ่ายพลังเซียนต้นกำเนิด พร้อมกล่าวผ่านพลังลงสู่ตัวหยกทันที “ผู้พิทักษ์หลิงเทียน…” หลังจากนั้นผู้พิทักษ์ชิงหั่วก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด การมาเยือนของชายแปลกหน้า 2 คนที่คิดบีบคั้นก่านหรูเยี่ยน “หรูเยี่ยนเรื่องนี้เจ้ามิอาจตำหนิอาจารย์ได้…เพราะทั้งหมดอาจารย์ล้วนทำเพื่อเจ้า” ขณะที่บดขยี้ป้ายหยกสื่อสารเพราะบันทึกข้อความเสร็จแล้ว ชิงหั่วก็อดกล่าวออกมาอย่างอับจนไม่ได้ “นอกจากนี้ข้ายังแจ้งผู้พิทักษ์หลิงเทียนไว้แล้วว่าพลังฝีมือของผู้มาเยือนสมควรร้ายกาจมิด้อยไปกว่าเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์…อาจารย์จึงกล่าวย้ำไปว่าหากมิมั่นใจก็อย่าได้กลับมา” ณ เขาลูกหนึ่งทางภาคเหนือที่หิมะตกตลอดทั้งปี ในศาลาแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กึ่งกลางขุนเขา ปรากฏร่างต้วนหลิงเทียนและเค่อเอ๋อยืนในศาลาชมมองฉากหิมะพร่างพรมร่วงฟ้าลงมาอย่างงดงามเบื้องหน้า และมิใช่ว่าทั้งคู่จะชมทิวทัศน์อย่างเดียว ยังมองไปยัง 2 ร่างที่กำลังปาบอลหิมะกันอย่างสนุกสนานท่ามกลางอากาศหนาวยะเยือก “น้าเทียนหวู่ ท่านโดนข้าอีกลูกแล้ว! แต้มข้านำท่านแล้วนะ!!” “ซือหลิงร้ายกาจไม่เบานี่นา แต่หากยังเดินมิทั่วเล้าไก่อย่าพึ่งนับไข่ในตะกร้า! ระวังให้ดีน้าจะเอาจริงแล้วนะ!” “มาซี่ท่านน้าซือหลิงกลัวที่ไหนเล่า! บอลหิมะเหิน!!” …… เสียงละเล่นอย่างสนุกสนานของทั้งคู่ดังเจื้อยแจ้วไม่หยุด เค่อเอ๋อกับต้วนหลิงเทียนอดชมดูเรื่องราวด้วยสายตาอ่อนโยนไม่ได้ “ซือหลิง…ดูท่าจักชอบน้องหญิงเทียนหวู่ยิ่ง” เค่อเอ๋อกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “อื้อ” ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ทว่าครู่ต่อมาคล้ายตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง รอยยิ้มบนใบหน้าต้วนหลิงเทียนพลันชะงักค้างทันใด คิ้วยังเริ่มขมวดย่นเป็นปม วูบ! ขณะเดียวกันเขาก็สะบัดมือเรียกป้ายหยกหนึ่งขึ้นมา ซู่มม!! และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เขาเรียกป้ายหยกออกมา ก็ปรากฏลำแสงหนึ่งที่พุ่งมาจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ ดิ่งลงจากฟ้ามาฉับไวก่อนจะพุ่งหายเข้าไปในป้ายหยกที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งหยิบออกมาได้อย่างพอดิบพอดี! “มีคนจากลัทธิบูชาไฟติดต่อมางั้นหรือ…” ความเคลื่อนไหวของต้วนหลิงเทียนย่อมอยู่ในสายตาของเค่อเอ๋อตลอด และพอได้ฟังเสียงพึมพำของต้วนหลิงเทียน เค่อเอ๋อ ก็เร่งกล่าวถามออกมาทันที “พี่เทียน ใช่มาจากพี่หญิงหรือไม่?” สีหน้าทั้งเสียงกล่าวถามของเค่อเอ๋อเต็มไปด้วยความกังวลนัก แคร่ก! แทบจะพอดีกับที่เค่อเอ๋อกล่าวจบคำ ต้วนหลิงเทียนก็บดขยี้ป้ายหยกในมือทันที ทันใดนั้นเสียงชายชราหนึ่งก็ดังขึ้นมา… “เป็นเสียงผู้พิทักษ์ชิงหั่ว…” พอได้ยินเสียงคุ้นเคยคิ้วต้วนหลิงเทียนก็ขดย่นลงเล็กน้อย จนเมื่อได้ยินเรื่องราวที่ผู้พิทักษ์ชิงหั่วเล่า ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็อดหดเล็กลงไม่ได้ “ชายหนุ่มกับผู้ติดตามลึกลับ…อีกทั้งผู้ติดตามที่ว่ายังมีพลังฝึกปรือสูงส่ง ไม่แน่ว่าอาจจะเหนือกว่าเซียนอมตะเสเพล 3 ทัณฑ์..” “ยิ่งไปกว่านั้นมันยังจงใจไปหาตัวข้าที่ลัทธิบูชาไฟ…แถมยังล่วงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับหรูเยี่ยนเป็นอย่างดี…” “สองคนนั่น…สมควรเป็นคนของเผ่ามังกรไม่ผิดแน่ และน่าจะเป็นผู้มีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังหลี่ปิงที่ตายด้วยน้ำมือข้าวันนั้น!” “แต่ไม่ใช่…ซานเตาบอกไว้แล้วหรือไร ว่าการสังหารหลี่ปิงยังอยู่ในขอบเขตข้อพิพาทส่วนบุคคล และมิมีทางที่เผ่ามังกรจะสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยว?” สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา “พี่หญิง!” หน้างามของเค่อเอ๋อก็อดเปลี่ยนสีไปไม่ได้ เมื่อได้รับทราบว่าพี่สาวฝาแฝดของนางกำลังตกอยู่ในสถานการณ์อะไร…
คอมเม้นต์