War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2338
ตอนที่ 2,338 : ผู้สืบทอดหมอกพิรุณ! “เป็นไปไม่ได้?” ได้ยินคำของหยางฉงจวิน หยางเจิ้นซิงได้แต่คลี่ยิ้มขื่นขม หากแต่มันก็ไม่ได้แปลกใจอะไรที่หยางฉงจวินจะไม่เชื่อ เพราะหากมันเป็นหยางฉงจวิน มันเองก็คงไม่เชื่ออะไรแบบนี้จนกว่าจะได้เห็นกับตา ตัวตนที่พึ่งบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ แต่พลังความแข็งแกร่งกลับบรรลุถึงเซียนอมตะเสเพล 5ทัณฑ์ หรือแม้กระทั่งเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์… เรื่องนี้เสมือนเรื่องเล่าในนิทานเพ้อฝัน! “ท่านอาจารย์ลุงตอนที่ท่านอาจารย์ข้าถูกต้วนหลิงเทียนฆ่า ยามนั้นมีคนของ 3 วัง 6 ตำหนักมากมายเป็นพยาน…หากท่านไม่เชื่อ ท่านลองไปตรวจสอบกับพวกมันได้…” หลังระบายลมหายใจอย่างอับจน หยางเจิ้นซิงก็มองกล่าวกับหยางฉงจววินออกมาสืบต่อว่า “อันที่จริงข้าที่เห็นมากับตายังมิอยากจะเชื่อ…” “แต่เวทย์พลังสนับสนุนที่ต้วนหลิงเทียนใช้นั่น ระดับของมันเหนือกว่าเวทย์พลังสนับสนุนใดๆในโลก…หากให้ข้าเดาสมควรเป็นเวทย์พลังจากระนาบเทวโลกเป็นแน่ แต่เรื่องพรรค์นั้นมันจะเป็นไปได้อย่างไร!?” หลังพูดประโยคนี้ออกมาอยางเจิ้นซิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวบอกปัดความคิดตัวเอง เพราะเรื่องนี้มันน่าเหลือเชื่อเกินไป อย่างไรก็ตามหยางเจิ้นซิงยังไม่รู้ ที่ต้วนหลิงเทียนสามารถสำแดงพลังอันน่ากลัวขนาดนั้นได้ ไม่เพียงแต่มีเวทย์พลังสนับสนุนเท่านั้น แต่ยังมียอดใจกระบี่หนุนเสริมด้วย ตอนนี้หลังต้วนหลิงเทียนใช้ปฐมเวทย์กลืนกินแล้ว หากไม่ใช้สิ่งอื่นใด…พลังของเขาก็เพียงทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์เท่านั้น ด้วยอาศัยเคล็ดพลังจากขอบเขตที่ 3 กระบี่อยู่ที่ใจของยอดใจกกระบี่ ทำให้พลังของเขาจะเพิ่มขึ้นไปทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ และถ้าหากเขาใช้ออกด้วยกระบวนท่า กายกระบี่รวมหนึ่งด้วยเคล็ดพลังที่ 4 ของยอดใจกระบี่อย่าง กระบี่ใจกระจ่างล่ะก็ พลังของเขาจะแข็งแกร่งเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ “ที่เจ้าพูดมา…เป็นเรื่องจริง?” ถึงแม้หยางฉงจวินจะหววั่นไหวไม่น้อย แต่มันก็ยังไม่ปักใจเชื่อ ครึ่งก้าวเซียนอมตะ สำแดงพลังได้ทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์? อย่างไรก็ตามด้วยหยางเจิ้นซิงกล่าวย้ำคำเดิม ถึงขั้นที่ยังเอ่ยคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าเพื่อพิสูจน์ความจริง หยางฉงจวินแม้ใจยังไม่อยากจะเชื่อเพียงใดก็จำต้องเชื่อ… “หากเป็นเช่นนั้นจริง…เวทย์พลังสนับสนุนนั่นของมัน กระทั่งต่อให้เป็นในระนาบเทวโลก ก็ยังถือว่าเป็นเวทย์พลังชั้นหนึ่ง!” หยางฉงจวินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กล่าวคาดเดา “ในระนาบเทวโลก…ยังถือว่าเป็นเวทย์พลังชั้นหนึ่งเลยหรือ” หยางเจิ้งซิงตกตะลึง หากแต่มันก็รู้สึกว่าคงมีแต่เป็นแบบนี้เท่านั้น ถึงจะอธิบายได้ว่าไฉนเวทย์พลังสนับสนุนของต้วนหลิงเทียนถึงมีอำนาจเหลือเชื่อแบบนั้น “มันเป็นแค่สารเลวน้อยเผ่ามนุษย์ ไฉนถึงโชคดีได้รับเวทย์พลังเช่นนั้นมาได้…” สุดท้ายไม่ว่าจะเป็นหยางฉงจวินหรือหยางเจิ้นซิงก็อดไม่ได้ที่จะอิจจาต้วนหลิงเทียน ที่มีเวทย์พลังสนับสนุนอย่างปฐมเวทย์กลืนกินไว้ใช้ แน่นอนว่าพวกมันไม่รู้ ว่าเวทย์พลังสนับสนุนของต้วนหลิงเทียนเรียกว่าปฐมเวทย์กลืนกิน… “ท่านอาจารย์ลุง ตอนนี้เมื่อท่านเชื่อแล้วว่าพลังของต้วนหลิงเทียนนั่นมันทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์จริง…ท่านจะพาข้าไปพบท่านบรรพบุรุษเลยหรือไม่?” หยางเจิ้นซิงกล่าวออกหน้าเคร่ง ขณะมองถามอย่างฉงจวิน “เพราะสุดท้ายแล้ว…เรื่องนี้เกี่ยวพันกับการอยู่รอดของเผ่าปีศาจมนุษย์ของเรา หากล่าช้าข้าไม่รู้ว่าสารเลวน้อยต้วนหลิงเทียนนั่นมันจะทำให้เผ่าปีศาจมนุษย์ของพวกเราล่มสลายหรือไม่!” “เจ้ามากับข้า!” ได้ยินความกังวลของหยางเจิ้นซิง สีหน้าหยางฉงจววินก็เผยความเคร่งขรึมขึ้นมาทันที หลังจากนั้นมันก็กล่าวบอกให้หยางเจิ้นซิงตามมันที่หันหลังไปทางแท่นบูชา หยางเจิ้นซิงเองก็ไม่รอช้าเร่งติดตามไปไม่ห่าง จากนั้นหยางเจิ้งซิงเดินตามหยางฉงจวินไปได้ไม่นานมันก็พบว่า… ด้านหลังแท่นบูชามหึมานี้ กลับมีค่ายกลซุกซ่อนอยู่ และภายในค่ายกลเปรียบดั่งเป็นโลกอีกใบก็ไม่ปาน มันตัดขาดจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง ทางเข้านั้นเป็นบันไดหินที่ทอดตัวลึกลงไป ตลอดทางมีคบเพลิงส่องสว่างราวกลางวัน “เซียนอมตะเสเพลของเผ่าปีศาจมนุษย์เรามักมาเข้าฌาณบ่มเพาะพลังที่นี่…ตามข้ามาให้ดี และเข้าไปแล้วอย่าได้ไปรบกวนผู้ใดเด็ดขาด” ขณะที่เดินลงบันไดหินไปจนสุดทาง หยางฉงจวินก็หันไปกำชับหยางเจิ้นซิงด้านหลัง “ศิษย์ทราบ” หยางเจิ้นซิงพยักหน้า หากแต่ในใจอดสงสัยไปไม่ได้ ‘ไม่รู้ที่แท้ในเผ่าปีศาจมนุษย์เรา มีเซียนอมตะเสเพลมากมายเท่าใด…’ “ท่านอาจารย์ลุง…” ในที่สุดหยางเจิ้นซิงก็ทนความอยากรู้ไม่ไหวจึงส่งเสียงไปถามหยางฉงจวิน “เผ่าปีศาจมนุษย์ของเรามีกฏอันเข้มงวดหนึ่ง นอกจากเซียนอมตะเสเพลพเนจรแล้ว มิมีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เปิดเผยเรื่องนี้กับผู้ใด…หรือเจ้าไม่คิดบ้างว่าไฉนอาจารย์ของเขาไม่บอกเจ้าแต่แรกว่าข้ายังไม่ตาย และกลายเป็นเซียนอมตะเสเพล?” หยางฉงจวินส่งเสียงตอบกลับ เมื่อหยางเจิ้นซิงได้ยินเรื่องนี้ มันก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่อาจเป็นข้อห้ามอะไรสำหรับเผ่าปีศาจมนุษย์ของมัน จึงไม่คิดซักไซ้ ตลอดทางหยางเจิ้นซิงก็ได้เรียนรู้ว่า ที่แท้ใต้แท่นบูชาที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือห่างจากสถานที่ตั้งเผ่าปีศาจมนุษย์ในแดนเนรเทศมาหลายพันลี้ กลับมีพระราชวังใต้ดินใหญ่โตซุกซ่อนอยู่! ตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพลนั้น ก็มักมาอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ตัดขาดจากทุกสิ่ง เพื่อตั้งใจบ่มเพาะพลัง รอคอยการมาถึงของหายนะพันปี “ท่านบรรพบุรุษ!” ไม่นานหยางฉงจวินก็พาหยางเจิ้นซิงมาถึงตำหนักหลังหนึ่งที่อยู่ในเขตพระราชวังใต้ดิน ก่อนจะหยุดลงหน้าประตูแล้วกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงเคารพ “ท่านบรรพบุรุษ!” หยางเจิ้นซิงเองก็ทำตาม เร่งคารวะทักออกไปด้วยน้ำเสียงเคารพหน้าประตู เพราะมันเองก็ตระหนักได้ว่าบรรพบุรุษของเผ่าปีศาจมนุษย์สมควรบ่มเพาะอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ขณะเดียวกันในใจหยางเจิ้นซิงก็อดกล่าวไปไม่ได้ว่า ‘หากยังมีชีวิตอยู่ถึงวันนี้ นั่นหมายความว่าอย่างน้อยๆท่านบรรพบุรุษก็สมควรบรรลุถึงเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์…แต่ไม่รู้วว่าจะบรรลุถึงเซียนอมตะเสเพล 8 ทัณฑ์แล้วหรือไม่?’ เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์กับ 8 ทัณฑ์นั้น แม้มันจะห่างกันขั้นเดียว ทว่าหยางเจิ้นซิงรู้ดี ว่าช่องว่างระหว่างทั้งคู่ ต่างกันประหนึ่งอยู่คนละโลก ถึงแม้มันจะไม่ใช่เซียนอมตะเสเพล แต่มันก็เคยได้ยินอาจารย์กล่าวถึงช่องว่างแต่ละขั้นของเซียนอมตะเสเพลมาไม่น้อย เซียนอมตตะเสเพลนั้น ยิ่งมายิ่งแข็งแกร่ง! โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวตนที่บรรลุถึงเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์แล้ว แต่ละขั้นหลังจากนี้ช่องว่างก็ยิ่งทวีความแตกต่างมากยิ่งขึ้น หลังหยางฉงจวินกับหยางเจิ้นซิงทักไปแล้ว ทว่าภายในตำหนักกลับเงียบเชียบไร้เสียงใดตอบกลับ ตอนแรกทั้งคู่ก็ได้แต่เฝ้ารออย่างอดทน ทว่าผ่านไปพักหนึ่งพอเห็นว่ามันผ่านไปนานผิดปกติแล้ว ทั้งสองก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองหน้ากันด้วยสงสัย “อ่าว เจ้าหนูฉงจวิน เจ้ามาหาบรรพบุรุษรึ?” ทว่าทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงแผ่วเบาหนึ่งแว่วมาแต่ไกล แม้เสียงนี้จะแผ่วเบาราวกระซิบ หากแต่หยางฉงจวินกับหยางเจิ้นซิงรู้สึกเสมือนมีคนมากระซิบข้างหู! ซัว! ไม่นานก็ปรากฏเงาร่างปีศาจมนุษย์ตนหนึ่งเบื้องหน้าทั้งสอง ไม่นานร่างดังกล่าวก็เริ่มชัดขึ้นสุดท้ายก็แลเห็นเป็น ชายหนุ่มร่างผอมบางเกินต้านลม ‘คนผู้นี้…เรียกท่านอาจารย์ลุงว่าเจ้าหนูฉงจวินหรือ?’ พอตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายถึงขั้นเรียกหาอาจารย์ลุงมันว่าเจ้าหนู ร่างหยางเจิ้นซิงอดไม่ได้ที่จะสะท้านไปทันใด “อาจารย์ลุง” และครู่ต่อมาพอได้ยินวาจากล่าวทักตอบของหยางฉงจวิน หยางเจิ้นซิงก็รู้สึกเสมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง อาจารย์ลุงของมัน กลับเรียกผู้อื่นว่าอาจารย์ลุง… เช่นนั้นไม่ได้หมายความว่าชายหนุ่มร่างผอมผู้นี้มีลำดับอาวุโสเหนือกว่ามัน 4 รุ่นหรือไง!? “นี่เป็นผู้ใดกัน?” ไม่นานสายตาของชายหนุ่มร่างผอมก็หันมามองสำรวจหยางเจิ้นซิงขึ้นๆลงๆตั้งแต่หัวจรดเท้า เผชิญหน้ากับสายตาของชายหนุ่มร่างผอมผู้นี้ หยางเจิ้นซิงรู้สึกเสมือนตัวเองล่อนจ้อน ไม่อาจปกปิดสิ่งใดต่อหน้าอีกฝ่ายได้เลย “ศิษย์หยางเจินซิงขอคารวะท่าน อาจารย์…อาจารย์…” พอนึกถึงลำดับอาวุโสของชายหนุ่มเบื้องหน้าหยางเจิ้นซิงก็หวาดกลัวนัก ร่างมันสั่นไปเล็กน้อยและเร่งกล่าวทักทายตอบอีกฝ่ายกลับไป หากแต่ไม่นานมันก็พบว่า…มันไม่รู้จะเรียกอีกฝ่ายว่าอย่างไรดี! อีกฝ่ายเป็นอาจารย์ลุงของอาจารย์ลุงมัน… แล้วมันต้องเรียกว่าอะไร? “อาจารย์ลุง มันเป็นศิษย์ของเลี่ยวหนันเจียงศิษย์น้องข้า และตอนนี้ยังเป็นประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์คนปัจจุบัน” ตอนนี้เองเป็นหยางฉงจวินที่กล่าวตอบชายหนุ่มร่างผอมออกมาได้ทันท่วงที “อ้อ ที่แท้เจ้าก็คือประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์คนปัจจุบันของพวกเรานี่เอง เรียกว่าหยางเจิ้นซิงใช่หรือไม่?ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องเจ้ามานานแล้ว” ชายหนุ่มร่างผอมพยักหน้ารับรู้ และเมื่อเห็นว่าหยางเจิ้นซิงคล้ายไม่รู้จะเรียกหามันว่าอะไร มันก็กล่าวออกเสียงค่อย “ข้าแซ่เซี่ย…เจ้าเรียกกข้าว่าอาววุโสเซี่ยเถอะ” “ศิษย์หยางเจิ้นซิงขอคารวะอาวุโสเซี่ย!” พอได้ยินคำของชายหนุ่มร่างผอม หยางเจิ้นซิงอดไม่ได้ที่จะโล่งอก และเร่งกล่าวคารวะทักทายอีกฝ่ายด้ยทีท่าเคารพทันที “อาจารย์ลุงเป็น 1 ใน 2 เซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์ของเผ่าปีศาจมนุษย์เรา” ตอนนี้เองเสียงผ่านพลังของหยางฉงจวินพลันดังขึ้นในหูหยางเจิ้นซิงอย่างประจวบเหมาะ เซียนอมตะเสเพล 6 ทัณฑ์?! ได้ยินคำของหยางฉงจวิน ร่างหยางเจิ้นซิงก็นิ่งค้างไปทันที ยากจะฟื้นตัวได้อยู่นาน “ว่าแต่ไฉนเจ้าพาเจ้าหนูนี่มาได้เล่า?” ชายหนุ่มหันไปมองถามหยางฉงจวินด้วยน้ำเสียงสงสัย คิ้วยังขมวดเบาๆ คล้ายไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ เพราะสุดท้ายแล้วสถานที่แห่งนี้ก็มีไว้สำหรับให้พวกมันปิดด่านบ่มเพาะ โดยปกติแล้วจะตัดขาดกับโลกภายนอกและไม่อนุญาตให้คนอื่นที่ไม่ใช่เซียนอมตะเสเพลของเผ่าปีศาจมนุษย์เข้ามา กระทั่งประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น! ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์นั้นอาจจะมีฐานะสูงส่งและยิ่งใหญ่ในสายตาปีศาจมนุษย์ทั่วๆไป แต่ในสายตาของตัวตนเช่นพวกมัน ย่อมไม่ต่างใดจากเด็กน้อยขนอุย ไร้สำคัญ… “ท่านอาจารย์ลุง เรื่องมันเป็นเช่นนี้…” เมื่อเห็นว่าอาจารย์ลุงของมันคล้ายไม่ค่อยจะพอใจสักเท่าไหร่ หยางฉงจวินไม่กล้ารอช้า เร่งอธิบายรายละเอียดของเรื่องราวออกมาทันที สุดท้ายมันก็มองหยางเจิ้นซิงเล็กน้อย ค่อยกล่าวเพิ่มอีกประโยค “มันเพื่อพิสูจน์คำพูด…ยังได้ทำการสาบานต่อทัณฑ์สววรรค์เก้าเก้าเรียบร้อยแล้ว” … ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ทราบเลย… ว่าประมุขเผ่าปีศาจที่รอดพ้นมือเขาไปได้ ได้กลับมาแจ้งเรื่องราวที่เขาได้กระทำไว้ในวังเซียนสัญจรให้เซียนอมตะเสเพลของเผ่าปีศาจมนุษย์เรียบร้อยแล้ว ทว่าด้านต้วนหลิงเทียนเองตอนนี้ก็กำลังตกอยู่ในอาการตกตะลึง ด้วยเพราะพึ่งได้ยินข่าวลือเรื่องหนึ่งมาหมาดๆ… “ทายาทของหมอกพิรุณ…ผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 ของ 7 ทวาราเที่ยงแท้?” “ท่านผู้อาวุโสฟงชิงหยาง…ก็คืออดีตผู้สืบทอดทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณ?” ต้วนหลิงเทียนยังคงจดจำได้เป็นอย่างดี ว่าในวันที่เขาได้รับสืบทอดเคล็ดบำเพ็ญจิตเต๋ากระบี่สูงสุดอย่าง ยอดใจกระบี่ ที่เซียนกระบี่ฟงชิงหยางเหลือทิ้งไว้เป็นมรดกนั้น เขาก็รู้ดีว่าตัวเองคือผู้สืบทอดหมอกพิรุณที่ว่า…
คอมเม้นต์