War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2293

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2293 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

ตอนที่ 2,293 :ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์!
 
สำหรับต้วนหลิงเทียนในตอนนี้…
 
มันไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันเลยระหว่างจะเลือกหลบหนีออกจากวังเซียนสัญจร หรือจะมุ่งหน้าไปยังสถานที่ตั้งคฤหาสน์ของอวี่เหวินฮ่าวเฉิน
 
เลือกจะออกจากวังเซียนสัญจร ก็ต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนอย่างฉีหนานฟง
 
ไปยังคฤหาสน์ ณ ใจกลางนั่น ก็ต้องเผชิญหน้ากับยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนอย่างอวี่เหวินฮ่าวเฉิน
 
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขาเลือกหนทางที่จะให้ผลลัพธ์เลิศล้ำที่สุด อย่างเข้าหาบางสิ่งที่กำลังเพรียกหาพลังสุริยันดีกว่า!
 
อย่างน้อยหลังได้เลือกแบบนั้น สำนึกรู้ฟ้าดินของเขาก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!
 
‘เนื่องจากนั่นเป็นเมฆหายนะสู่สวรรค์ที่อวี่เหวินฮ่าวเฉินชักนำมา…เช่นนั้นใจกลางที่เมฆหายนะสู่สวรรค์กำลังไปบรรจบกัน ก็สมควรเป็นสถานที่บ่มเพาะหลักของมัน คฤหาสน์ประจำตำแหน่งจ้าววัง…’
 
‘พูดได้ว่านี่ข้ากำลังมุ่งหน้าไปยังที่พักของมันเลยสินะ…’
 
ในขณะที่เดินทางแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่พูดอะไร แต่ก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่ในใจ
 
‘อวี่เหวินฮ่าวเฉินนั่นถึงแม้ในที่สุดมันจะข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ แต่อย่างไรก็ต้องใช้เวลาหลายวัน…เพราะสุดท้ายแล้วหายนะทัณฑ์สวรรค์ครานี้มันก็ต่างจากทัณฑ์สวรรค์อื่นใด มันมีอัสนีทัณฑ์สวรรค์เก้าชุดเก้ากระบวนทั้งสิ้น 81 สาย!’
 
‘หากสามารถต้านทานอัสนีทัณฑ์สวรรค์ทั้งเก้าเก้า 81 สายได้โดยที่ไม่ตาย ก็ถือได้ว่ารอดพ้นหายนะสู่สวรรค์สำเร็จ!ในร่างจะเริ่มก่อเกิดพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด…และนั่นก็ถือได้ว่ามันบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะเรียบร้อย!’
 
‘แต่ก่อนที่มันจะบรรลุถึงขั้นนั้น ตัวมันก็ยังเป็นชนชั้นยอดฝีมือเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเหมือนๆกันกับฉีหนานฟง จ้าววังวิญญาณอสุรา!’
 
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตัดสินใจได้เด็ดขาด ความเร็วในการเหินบินทั้งหอบหิ้วทั้ง 3 เพิ่มขึ้นทันที
 
เผิงไหลเองก็เหินร่างตามไปติดๆ
 
จ้าววังวิญญาณอสุรา ฉีหนานฟง เองก็ตามมาอยู่ไม่ห่าง
 
ถัดจากจ้าววังวิญญาณอสุราฉีหนานฟงแล้ว ด้านหลังก็เป็นคนของ 1 วัง 6 ตำหนักที่เหลือ ติดตามมาดูเรื่องราวเช่นกัน
 
แน่นอนว่านอกจากนั้นก็ยังมีอาวุโสของวังเซียนสัญจรอีกด้วย!
 
ผู้อาวุโสวังเซียนสัญจรเหล่านี้ ได้รับคำสั่งจากรองจ้าววังอย่างอวิ๋นฟู่เหย่ เพื่อให้มาเฝ้าจับตาดูต้วนหลิงเทียนเอาไว้ ตอนนี้เมื่อต้วนหลิงเทียนออกจากคฤหาสน์แล้ว พวกมันก็จำต้องติดตามไปเฝ้าดูอย่างไม่ให้คลาดสายตา
 
คนกลุ่มใหญ่ที่นำโดยพวกต้วนหลิงเทียน พากันเหินร่างไปยังคฤหาสน์จ้าววังเซียนสัญจร มองไปคล้ายเหล่าแมลงที่คิดไปดมตอมบุปผา!
 
‘สำนึกรู้ฟ้าดินของข้ายิ่งมายิ่งเพิ่มพูนสูงขึ้น…แถมอัตราในการเพิ่มพูนยังมากขึ้นทุกขณะ!’
 
ยิ่งเข้าใกล้คฤหาสน์ของจ้าววังเซียนสัญจรมากเท่าไหร่​ต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ชัดเจน
 
‘ช่างน่าสนใจนัก…’
 
ด้วยเหตุนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนบังเกิดความคาดหวัง ทั้งยังตั้งหน้าตั้งตารอนักว่า ‘บางสิ่ง’ ที่กำลังเพรียกหาพลังสุริยันจะก่อให้เกิดผลลัพธ์อะไรกันแน่
 
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับพวกกำลังมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์จ้าววังเซียนสัญจร
 
ในเขตที่พักที่มีเหล่าชนชั้นผู้นำของ 1 วัง 6 ตำหนักพักอาศัยอยู่ ทั้งหมดก็ได้รับทราบข่าวเรื่องราวจากคนที่พวกมันส่งไปจับตาดูสถานการณ์เรียบร้อยแล้ว ทำให้พวกมันตื่นตระหนกกับข่าวดังกล่าวนัก! ด้วยไม่คิดเลยว่า…จ้าววังเซียนสัญจรกำลังจะกลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ!!
 
ณ วังอัคคีสีชาด
 
“อะไรนะ? อยู่ๆ อวี่เหวินฮ่าวเฉิน นั่นมันก็ชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้งั้นเหรอ? ให้ตาย…”
 
จ้าววังอัคคีสีชาด หวู่เทียนจิน พอได้รับทราบข่าวสถานการณ์จากอาวุโสที่พึ่งกลับมาจากวังเซียนสัญจร มันก็ถึงกับนั่งไม่ติดเก้าอี้ ตกใจใหญ่แล้ว!
 
อวี่เหวินฮ่าวเฉิน จ้าววังเซียนสัญจร เดิมทีก็ได้รับการยอมรับจากเผ่าปีศาจมนุษย์ทั้งหมด ว่าเป็นตัวตนที่ใกล้เคียงกับตำแหน่งประมุขเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์มากที่สุด…
 
มาตอนนี้ อีกฝ่ายกลับชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้แล้วจริงๆ!?
 
“ด้วยมีมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นของวังเซียนสัญจร…จ้าววังเซียนสัญจรไม่ว่าจะกี่รุ่นต่อกี่รุ่นก็ไม่เคยมีใครล้มเหลวในการข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์สักคน!”
 
“กล่าวได้ว่าสำหรับอวี่เหวินฮ่าวเฉินแล้ว การข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์เป็นเรื่องที่ต้องเจอพอเป็นพิธีเท่านั้น! อีกไม่กี่วันมันต้องข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ บรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะได้อย่างราบรื่นแน่!”
 
จังหวะนี้หวู่เทียนจินอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ ยังเร่งรุดเหินร่างไปยังวังเซียนสัญจรทันที!
 
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก!
 
ยังถือเป็นเรื่องใหญ่มากพอจะสะท้านไปทั้งวังอัคคีสีชาด ไม่สิ! สะท้านไปทั่วทั้งเผ่าปีศาจมนุษย์!!
 
ณ ตำหนักขจีจรัส
 
“จ้าววังอวี่เหวิน กำลังจักเผชิญหน้ากับหายนะทัณฑ์สวรรค์งั้นเหรอ?”
 
“สวรรค์! เผ่าปีศาจมนุษย์เรากำลังจะอุบัติครึ่งก้าวเซียนอมตะคนที่ 2 งั้นรึ!?”
 
“ว่ากันว่ายามนี้น่านฟ้าเหนือวังเซียนสัญจรนั้นเต็มไปด้วยเมฆหายนะสู่สวรรค์อันน่าเกรงขาม…ข้าต้องไปชมดูเรื่องราวให้เป็นบุญตาเสียหน่อย! แม้จะทำได้แค่ดูจากไกลๆเพราะเข้าไปในวังเซียนสัญจรไม่ได้ก็ตามที!!”
 
“ไปๆ! ข้าไปกับเจ้าด้วย! ตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยเห็นเมฆหายนะสู่สวรรค์สักครั้ง! นับประสาอะไรกับหายนะทัณฑ์สวรรค์!!”
 

 
ในเขตตำหนักขจีจรัส หลังได้รับทราบข่าวเรื่องจ้าววังงเซียนสัญจรชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ ทุกคนก็บังเกิดความพุ่งพล่านคึกคักนัก!
 
กลุ่มคนมากมายเหินร่างขึ้นมาจากตำหนักขจีจรัส พากันเหินร่างไปยังวังเซียนสัญจรราวตั้งแตนฝูงใหญ่!
 
และตอนนี้ไม่ใช่แค่วังอีคคีสีชาดกับตำหนักขจีจรัสเท่านั้น อีก 5 ตำหนักที่เหลือของเผ่าปีศาจมนุษย์พอได้รับทราบข่าวใหญ่โตจากวังเซียนสัญจร ทั้งหมดก็ยกโขยงเหินร่างออกไปดูชมเรื่องราวทันที!
 
การที่ฝูงชนจาก 1 วัง 6 ตำหนักพากันเหินร่างขึ้นมามากมายราววห่าตั๊กแตน และทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน ย่อมสร้างความตื่นตระหนกให้เหล่าปีศาจในเมืองเหรินโม่เชิ่งไม่น้อย
 
และไม่นานข่าวเรื่องที่จ้าววังเซียนสัญจรชักนำเมฆหายนะสู่สวรรค์ให้ปรากฏ ก็เริ่มแพร่ออกไปดังไฟลามทุ่งในเวลาอันสั้น
 
“หมายความว่าในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้…เผ่าปีศาจมนุษย์ของพวกเราจะปรากฏครึ่งก้าวเซียนอมตะคนที่ 2 ยังงั้นเหรอ!?”
 
“เรื่องราวครั้งนี้นับว่าเป็นเรื่องราวอันดีงามอย่างถึงที่สุดของเผ่าปีศาจมนุษย์ของพวกเราจริงๆ!!”
 
“ไหนเลยเพียงดีงาม นี่มันเป็นเรื่องที่มารดามันดีงามครั้งยิ่งใหญ่แล้ว!!”
 
“จ้าววังเซียนสัญจรผู้นั้นกำลังจะกลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะงั้นหรือ…นั่นหมายความว่าอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ วังเซียนสัญจรจะเป็นขุมพลังที่ยิ่งใหญ่เหนือใดในบรรดา 3 วัง 6 ตำหนักของเผ่าปีศาจมนุษย์เรา!!”
 
……
 
ทั่วทั้งเมืองเหรินโม่เชิ่งเรียกว่าบังเกิดความโกลาหลกันใหญ่ แต่ละคนคึกคักกันปานถูกฉีดเลือดไก่!
 
ยกเว้นคนบางกลุ่มใน 2 วัง 6 ตำหนักแล้ว เรียกว่าทั้งหลายล้วนบังเกิดความตื่นเต้นยินดีนัก ที่เผ่าปีศาจมนุษย์ของมันจะปรากฏครึ่งก้าวเซียนอมตะคนที่ 2 แบบนี้!
 
นั่นเพราะเมื่อเผ่าปีศาจมนุษย์ของพวกมันปรากฏครึ่งก้าวเซียนอมตะคนที่ 2 ขึ้นมา สถานะโดยรวมในเผ่าพันธุ์ปีศาจก็จะยกระดับสูงขึ้น!!
 
ในฐานะสมาชิกของเผ่าปีศาจมนุษย์ จะไม่ให้พวกมันดีใจได้อย่างไรไหว!?
 
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
 

 
ณ มุมหนึ่งทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเหรินโม่เชิ่ง ภายในคฤหาสน์เรียบง่ายแลดูเก่าแก่ทรุดโทรมหลังหนึ่ง อยู่ดีๆพลันปรากฏสายลมแรงหอบพัด พร้อมกลิ่นอายพลังน่าพรั่นพรึงแผ่มาปกคลุม!
 
ยามเมื่อสายลมแรงพร้อมไอพลังน่าพรั่นพรึงกำจายออกมาสะท้านในบรรยากาศ ก็ปรากฏร่างหนึ่งที่รวดเร็วปานพายุปรากฏตัวขึ้นในลานหน้าเรือนเก่าๆทรุดโทรมหลังหนึ่ง ร่างที่ว่ายังเสมือนผุดโผล่ออกมาจากอากาศว่างเปล่า!
 
มันเป็นชายวัยกลางคนท่รูปร่างกำยำล่ำสัน มาในชุดหรูหราตาโตคิ้วหนาเข้ม ใบหน้าช่างเฉยเมยเย็นชา ไม่อาจแลเห็นซึ้งถึงอารมณ์ใดๆบนนั้น
 
แอด! แอด! แอด!
 

 
เพียงไม่กี่ก้าว ร่างชายวัยกลางคนที่ย่ำขึ้นไปบนเรือนทรุดโทรมหลังหนึ่งจนเกิดเสียงไม้ดังออดแอดราวกับจะหักแหล่มิหักแหล่ ก็มาถึงหน้าห้องหับห้องหนึ่ง…
 
ห้องหับนี้ หน้าประตูเก่าๆทรุดโทรมมีรอยแตกทั้งปรากฏใยแมงมุมโยงไว้มากมาย เห็นได้ชัดว่าประตูห้องได้ถูกปิดตาย ไม่มีผู้ใดเปิดมันนานมากแล้ว
 
อย่างไรก็ตามชายวัยกลางคนที่พึ่งลุมาถึง กลับก้มหัวโค้งให้ประตูเก่าโทรมดังกล่าวด้วยความเคารพ ราวกับมีปูชณียบุคคลที่สำคัญกับมันอย่างยิ่งยวดอยู่ด้านหลังประตูที่ราวกับจะปิดตายมานานปีดังกล่าว
 
“ท่านอาจารย์ ตอนนี้จ้าววังเซียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน ประสบความสำเร็จในการชักนำเมฆหายนะสู่สวรรค์ให้ปรากฏแล้วขอรับ…อีกไม่กี่วันหลังจากนี้มันต้องบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะได้แน่”
 
ชายวัยกลางคนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงมากเคารพ
 
แต่ต้นจนจบทีท่าของมันแลดูนอบน้อมถ่อมตัวนัก!
 
อีกทั้งพอได้ฟังจากวาจากล่าววคำเมื่อครู่ ก็รู้ได้ทันทีว่าไฉนมันถึงได้แลดูนอบน้อมมากเคารพขนาดนี้ ที่แท้หลังประตูเก่าโทรมคล้ายถูกปิดตายนั่น มีอาจารย์ของมันอาศัยอยู่นั่นเอง!
 
ยังดีที่ชนชั้นผู้นำของ 3 วัง 6 ตำหนักไม่ได้มาอยู่ที่นี่…
 
หากพวกมันมาอยู่ที่นี่และได้เห็นชายวัยกลางคนเผยท่าทีนอบน้อมต้อยต่ำแบบนี้ พวกมันไม่พ้นได้ตกใจกันจนตาย!
 
เพียงเพราะว่า…
 
ชายวัยกลางคนผู้นี้หาใช่ใครอื่นไม่! แต่มันเป็นถึงประมุขเผ่าพันธุ์ปีศาจมนุษย์คนปัจจุบัน! ตัวตนทรงพลังขอบเขตครึ่งก้าวเซียนอมตะ!!
 
วูว! วูววว! ฟู่…!!
 

 
แทบจะพร้อมกันกับชายวัยกลางคนผู้เป็นถึงประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์กล่าวจบ บังเกิดเสียงลมแว่วดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
 
จากนั้นมองไปตามรอยแตกของประตูโทรมๆเก่าๆเบื้องหน้าที่มีใยแมงมุมโยงอยู่อย่างแน่นหนา ที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ ก็ปรากฏหมอกควันสีเทาหนึ่งค่อยๆผุดซึมออกมาจากภายในห้อง!
 
ในกระบวนการดังกล่าวใยแมงมุมทั้งหลายก็ถูกกวาดออกไปจนหมด
 
หลังหมอกควันดังกล่าวพวยพุ่งออกมาจากประตูจนหมด พวกมันก็ลอยล่องอยู่เบื้องหน้าประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ไม่ไกล ก่อนที่จะเริ่มเกาะกลุ่มควบรวมก่อเกิดรูปร่างดั่งองคาพยพผู้คน!
 
ไม่นานนักหมอกสีเทาก็กลับกลายเป็นชายชราในชุดสีเทาคนหนึ่ง!!
 
ชายชราผู้นี้มีเส้นผมขนคิ้วขาวโพลน ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น ในมือข้างหนึ่งถือไว้ด้วยไม้เท้าค้ำยันร่างกายโทรมๆ แลดูไม่ต่างอะไรจากชายชราใกล้ลงโลงไร้เรี่ยวแรงจะเดิน…
 
อย่างไรก็ตามมองจากกลวิธีในการปรากฏตัวปานผีสางของมัน ไม่ว่าใครก็บอกได้ทันทีว่ามันหาใช่เฒ่าชราใกล้ลงโลงไร้แรงเดินไม่!
 
สิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ กระทั่งประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ยังเรียกหาอีกฝ่ายว่า อาจารย์!
 
ล้อกันเล่นหรือไร!?
 
ผู้ที่ถูกประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์เรียกหาว่าอาจราย์ ไหนเลยจะเป็นชายชราใกล้ลงโลงไร้แรงเดินธรรมดาๆได้?
 
“อวี่เหวินฮ่าวเฉินนั่น…ใช่ลูกหลานของแพะชราน่าตาย ‘อวี่เหวินตงชิง’ ของวังเซียนสัญจรหรือไม่?”
 
ทันใดนั้นดวงตาสีขุ่นของชายชราก็คล้ายทอประกายลี้ลับออกวาบหนึ่ง มองถามชายวัยกลางคนในชุดหรูหราทันที
 
เสียงของชายชรายังแหบแห้งน่ากลัวนัก พาลให้ผู้ที่ได้ฟังอดรู้สึกขนลุกกไม่ได้
 
“ใช่ขอรับ”
 
ได้ยินคำถามของชายชรา ชายวัยกลางคนในชุดหรูหราผู้เป็นประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์พยักหน้าตอบคำอย่างสุภาพ
 
อวี่เหวินตงชิงเป็นใคร มันย่อมรู้ดี
 
นั่นคือนามของผู้อาวุโสวังเซียนสัญจรเมื่อ 5,000 ปีก่อน!
 
5,000 ปีที่แล้ว ในฐานะอาวุโสของวังเซียนสัญจร อวี่เหวินตงชิง เป็นเพียงตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 8เปลี่ยนคนหนึ่ง ทว่าต่อมามันก็บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน และในที่สุดก็สามารถชักนำหายนะทัณฑ์สวรรค์ให้ปรากฏลงมาได้สำเร็จ!
 
อนิจจาที่อีกฝ่ายเป็นเพียงชนชั้นอาวุโสของวังเซียนสัญจรหาได้เป็นจ้าววังเซียนสัญจรไม่ จึงไม่อาจข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์ได้สำเร็จ ล้มเหลวในการบรรลุถึงครึ่งก้าวเซียนอมตะ…
 
และในสายตาของผู้คนส่วนใหญ่ในเผ่าปีศาจมนุษย์
 
เมื่อไม่อาจข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ได้ ก็ย่อมตกตายไปแล้วเป็นแน่!
 
อย่างไรก็ตามหากคนผู้นั้นตกตายไปแล้วจริง ชายชราแลดูลึกลับยากหยั่งถึงผู้เป็นอาจารย์ของประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์จะเรียกหาอีกฝ่ายว่า ‘แพะชราน่าตาย’ หรือไม่?
 
“ไม่เลว…”
 
ได้ยินคำยืนยันจากประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์ ชายชราชุดเทาพลันพยักหน้า “วาสนาของมันยังนับว่าเหนือกว่า แพะชราน่าตายอวี่เหวินตงชิงในปีนั้นนัก…”
 
“ข้าเองก็เฝ้ารอวันนี้มานานแล้ว…ในเมื่อตอนนี้เผ่าปีศาจมนุษย์กำลังจักมีครึ่งก้าวเซียนอมตะคนที่ 2ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ข้าต้องจากไปเสียที…”
 
ชายชราในชุดสีเทายังคงกล่าวสืบต่อ ในวาจาคล้ายมากล้นไปด้วยความปลอดโปร่งราวกับได้ปลดเปลื้องภาระบางสิ่ง
 
“ท่านอาจารย์…ท่านต้องจากไปจริงๆหรือ?”
 
ประมุขเผ่าปีศาจมนุษย์คล้ายล่วงรู้แต่แรกแล้วว่าชายชราต้องกล่าวแบบนี้ แม้จะไม่ได้แปลกใจหากแต่มันก็ไม่ค่อยยินยอมพร้อมใจสักเท่าไหร่…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด