War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2232
ตอนที่ 2,232 : ไอ้หนูหน้าขาว! “งั้นถ้าข้าบอกว่า ข้ามีวิธียกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าให้เป็นรากวิญญาณสีม่วงล่ะ…เจ้ายังแน่ใจนะว่าจะไม่รับการตอบแทนบุญคุณของข้า?” คำพูดของต้วนหลิงเทียนดังก้องซ้ำไปซ้ำมาในหูหวงเหวินจิ้ง ทุกครั้งที่มันดังก้อง ใจหวงเหวินจิ้งก็อดหวั่นไหวไปไม่ได้! ยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณนางให้เป็นรากวิญญาณสีม่วง? พรสวรรค์รากวิญญาณ ไม่ใช่ว่าผู้ใดเกิดมาก็มีมันติดตัวไปจนตายและไม่อาจยกระดับได้หรือไร? ไฉนตอนนี้ชายหนุ่มเบื้องหน้ากลับบอกว่าจะช่วยยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของนางให้กกลายเป็นรากวิญญาณสีม่วงเล่า? ต้องทราบด้วยว่ารากวิญญาณสีม่วง สำหรับนางแล้วนั่นคือรากวิญญาณสูงสุด! ถึงแม้ตอนนี้พรสวรรค์รากวิญญาณของนางจะถือว่าดี แต่มันก็เป็นแค่สีน้ำเงินเท่านั้น เทียบกับรากวิญญาณสีม่วงที่นับเป็นพรสวรรค์รากวิญญาณสูงสุดไม่ได้เลย! “เจ้า…เจ้าสามารถยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณได้จริงหรือ?!” หวงเหวินจิ้งมองต้วนหลิงเทียนพร้อมถามออกมาอีกครั้ง สายตานางยังจริงจังไม่น้อย เสียงยังสั่นไปเบาๆยากสังเกต หากมีคนอื่นมาบอกว่าสามารถยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณให้นางได้ แน่นอนว่านางไม่มีทางเชื่อแน่ แต่พอเป็นต้วนหลิงเทียนที่บอกนาง แม้ในใจนางจะยังมีความไม่เชื่อ แต่ก็ไม่มั่นใจเต็มสิบส่วนว่าต้วนหลิงเทียนพูดโกหก ที่สำคัญคือต้วนหลิงเทียนไม่จำเป็นต้องโกหกนาง! “ใช่แล้ว” ได้ยินคำถามของหวงเหวินจิ้งต้วนหลิงเทียนก็กล่าวตอบไปทันที ไร้ซึ่งอาการลังเลใดๆ หลังตอบ ต้วนหลิงเทียนก็มองกล่าวกับหวงเหวินจิ้งออกมาว่า “มาเถอะ ไปกับข้า เราจะไปหาเหยื่อเพื่อยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณให้เจ้ากัน” หาเหยื่อ? ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน หวงเหวินจิ้งอดไม่ได้ที่จะอื้ออึงไปอีกครั้ง ฟังจากที่ต้วนหลิงเทียนกล่าว หมายความว่าหากจะยกระดับพรสวรค์รากวิญญาณให้นาง จำเป็นต้องหาเหยื่อ? ฟุ่บ! เสียงของสายลมหนึ่งพัดผ่านหูนางไปอย่างแผ่วเบา พอหวงเหวินจิ้งคืนสติ ก็พบว่าต้วนหลิงเทียนเหินร่างไปถึงปากทางออกจากถ้ำแห่งนี้แล้ว หวงเหวินจิ้งจึงรีบเหินร่างตามไปทันที ตอนนี้ในใจหวงเหวินจิ้งเต็มไปด้วยความสงสัยนัก ว่าการยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณให้นาง มันไปเกี่ยวข้องอะไรกับการหาเหยื่อ… ที่สำคัญคือ ไอ ‘เหยื่อ’ ที่ว่ามันคืออะไรกันแน่? ฟุ่บ! ฟุ่บ! ดั่งสายลมแรง 2 สายพัดกรรโชก เป็นต้วนหลิงเทียนกับหวงเหวินจิ้งที่กลับจากถ้ำกาลเวลามาถึงโถงถ้ำกว้างใหญ่ที่มีอุโมงค์ทาง 81 สาย “ไฉนมีอุโมงค์เยอะขนาดนี้เล่า…” “แล้วนี่พวกเราจะไปทางไหนกันดี” … ทันทีที่ออกมาถึงโถงใหญ่ ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนมากกมาย ทั้งเสียงพูดคุยเซ็งแซ่ อย่างไรก็ตามกลุ่มคนที่พึ่งเข้ามาถึงจุดนี้ เป็นกลุ่มที่มาถึงที่นี่ทีหลังจึงไม่ทันรู้จักต้วนหลิงเทียน “เฮ่ๆ ดูนั่นช่องบนซ้ายมีคนพึ่งออกมา!” การปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียนกับหวงเหวินจิ้งย่อมเรียกความสนใจกลุ่มคนมากมายทันที ทันใดนั้นสายตาหลายต่อหลายคู่ก็จับจ้องไปยังร่างต้วนหลิงเทียน “เฮ่ย! ไอ้หนู! เจ้าเข้าไปได้อะไรติดมือมาบ้าง เอามาให้พี่ใหญ่ผู้นี้ดูหน่อยเถอะ!!” ชายวัยกลางคนร่างกายกำยำแลดูกักขระหนึ่ง เหินเข้ามาทางต้วนหลิงเทียนพร้อมตะโกนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงดุร้ายดังสนั่นปานฟ้าลั่น ในวาจายังแฝงไปด้วยความคุกคามอยู่บ้าง “ใช่แล้วๆ! ส่งแหวนมาให้พี่ใหญ่เราดู!!” “พี่ใหญ่ของพวกเราใจดีนัก…แต่หากในแหวนเจ้าไม่มีอะไรดีๆ เจ้าก็คงต้องอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิต!!” “พี่ใหญ่ท่านนี้กล่าววาจาตรงยิ่ง ผู้น้อยขอคารวะ ฮ่าๆๆๆ!!” … ในขณะที่ชายวัยกลางคนเหินร่างเข้าหาต้วนหลิงเทียนกับหวงเหวินจิ้ง กลุ่มคนที่อยู่ในโถงใหญ่ก็เริ่มกล่าวแซวกันออกมาอย่างสนุกสนาน เรียกว่าตอนนี้พวกมันหันมาสนใจต้วนหลิงเทียนที่พุ่งออกมาจากอุโมงค์กันหมด ผู้ที่ออกมาจากก 1 ใน 81 ช่องทางที่พวกมันไม่รู้จะไปทางไหน ใช่ได้อะไรดีๆติดไม้ติดมือมาหรือไม่? พวกมันอยากรู้เรื่องนี้! เมื่อชายวัยกลางคนเหินเข้ามาใกล้ถึงที่ๆต้วนหลิงเทียนอยู่ “ไสหัวไป!” หวงเหวินจิ้งที่พึ่งปรากฏตัวตามหลังต้วนหลิงเทียนมาติดๆ พลันกล่าวออกเสียงใส น้ำเสียงยังเยียบเย็นดุร้ายไม่น้อย และตอนนี้หวงเหวินจิ้งก็ได้กลับมาอยู่ในรูปลักษณ์โฉมงามอันดับหนึ่งอีกครั้ง ชุดขาวพิสุทธิ์ตัวใหม่ ใบหน้าทรงผมก็ถูกจัดแจงแต่งแต้มเรียบร้อย ไม่ได้แลดูอนาถเหมือนก่อนหน้าสืบไป และด้วยกลิ่นอายเย็นชาที่แผ่ออกมาจากร่างนาง พาลให้ผู้คนในโถงใหญ่รู้สึกเหน็บหนาวไม่น้อย ชายวัยกลางคนที่โผเข้าหาต้วนหลิงเทียนคนแรกเรียกว่าทานรับไอเย็นจากร่างนางก่อนใคร เรียกว่าถูกกลิ่นอายเยียบเย็นตีเข้าหน้าจังๆ! มันอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย ชะงักร่างหยุดลงทันที ราวกับกลัวว่าหากพุ่งไปสืบต่อ…ไม่พ้นได้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งแน่!! ครู่ต่อมาชายวัยกลางคนก็ค่อยๆมองไปทางหวงเหวินจิ้งด้วยสายตาหวาดกลัว สตรีนางนี้เพียงแค่ตะคอกคำเดียวพร้อมเปล่งกลิ่นอายพลังเยียบเย็น ก็ทำให้มันบังเกิดความกดดันอย่างหนัก!? นางเป็นใครกันแน่!? ขณะเดียวกันสายตาทุกคู่ก็ละออกจากร่างต้วนหลิงเทียนไปหันมองหวงเหวินจิ้งทันที หากจะบอกว่าเมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนเรียกความสนใจเพราะพึ่งกลับออกมาจากช่องทางคนแรกล่ะก็ ตอนนี้ด้วยกลิ่นอายเยียบเย็นของหวงเหวินจิ้ง พวกมันประหนึ่งถูกสะกดให้หันไปมองนางอย่างหวั่นเกรง “นาง…ไฉนแลดูคุ้นตาข้านัก?” “ใช่ ข้าก็คิดว่านางหน้าคุ้นๆ…” … หลายคนรู้สึกคุ้นหน้าหวงเหวินจิ้ง แต่ยังนึกไม่ออก ตอนนี้เอง ต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวถามออกมาว่า “เจ้าพวกนี้…ดูเหมือนจะไม่ได้มาจากวังเซียนสัญจรของเจ้าสินะ?” ต้วนหลิงเทียนเพียงถามหวงเหวินจิ้งเพื่อยืนยันเท่านั้น… เพราะตอนแรกที่เห็นหน้าพวกมัน สำนึกเทวะของเขาก็แผ่ไปตรวจสอบพวกมันหมดสิ้นแล้ว! กลุ่มคนเบื้องหน้านั้นล้วนแล้วแต่เป็นเผ่าปีศาจมนุษย์ทั้งสิ้น เลือดที่ไหลเวียนในกายของพวกมันครึ่งหนึ่งเป็นของปีศาจ ส่วนอีกครึ่งเป็นเลือดมนุษย์ ไม่ใช่มนุษย์แท้! “ใช่” แม้ไม่ทราบว่าทำไมต้วนหลิงเทียนถึงถามแบบนี้ แต่หวงเหวินจิ้งก็หันไปตอบคำของเขาทันที กระทั่งใบหน้าที่คล้ายฉาบไว้ด้วยน้ำแข็งยังอ่อนโยนลงปานน้ำแข็งละลาย พาลให้ผู้คนในโถงใหญ่ประหลาดใจไม่น้อย ไอ้หนุ่มชุดม่วงนี่มันเป็นผู้ใดกัน!? ไฉนเทพธิดาน้ำแข็งนางนี้ถึงปฏิบัติกับมันดีนักเล่า! “ฮ้า! บิดาจำได้แล้ว! นางคือหวงเหวินจิ้ง!!” ทันใดนั้นไม่ทราบใครเป็นผู้โพล่งดังออกมา หากแต่ทุกสายตาก็ละออกจากร่างต้วนหลิงเทียนไปมองหวงเหวินจิ้งอีกครั้ง “หวงเหวินจิ้ง? นางคือหวงเหวินจิ้งจริงๆหรือ โฉมงามอันดับ 1 ของเผ่าปีศาจมนุษย์เรา ทั้งยังเป็นรุ่นเยาว์อันดับ 1 ของวังเซียนสัญจรคนนั้น?” “ไม่ผิด เป็นนางแน่ ข้าจำได้!” “ช้าก่อน มิใช่ว่ากันว่าหวงเหวินจิ้งผู้นี้เย็นชานักหรือไร กระทั่งไม่แยแสผู้ใดด้วยซ้ำ ไฉนถึงทำหน้าหวานกับไอ่หนุ่มชุดม่วงขนาดนั้นเล่า…หรือไอ่หนุ่มชุดม่วงนี่เป็นคนรักที่นางซุกซ่อนไว้?” “อาจเป็นได้!” “มารดามันเถอะ! ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไป ไอ้หนุ่มชุดม่วงนี่ได้กลายเป็นศัตรูของวีรบุรุษเผ่าปีศาจมนุษย์เราทั้งหมดแน่!” …เหล่าปีศาจมนุษย์ที่กล่าวเสียงดังจอแจ โดยเฉพาะเหล่าปีศาจเพศชาย ยามมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง…ตอนนี้ เรียกว่าในแววตามากล้นไปด้วยความอิจฉาริษยาทั้งสิ้น บ้างยังเผยความเคียดแค้นออกมา! โฉมงามอันดับ 1 ของเผ่าปีศาจมนุษย์! นั่นคือโฉมงามอันดับ 1 ของพวกมันนะ!! จะไม่อิจฉาริษยา หมั่นไส้ ทั้งเคียดแค้น โจร ที่เด็ดบุปผาที่งามที่สุดของพวกมันไปได้อย่างไร!? หากเป็นก่อนหน้านี้ ลองหวงเหวินจิ้งได้ยินพวกกมันพูดแบบนี้นางคงได้มีโมโหไม่น้อยแน่ ทว่าวันนี้นางกลับไม่ได้มีโมโหอะไร ยังหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยสีหน้ารู้สึกผิด ราวกับสิ่งที่นางให้ความสนใจมากที่สุดตอนนี้ ไม่ใช่วาจาเหลวไหลของทั้งหมด แต่เป็นทัศนะของต้วนหลิงเทียน โชคไม่ดีที่นางถูกลิขิตให้ผิดหวัง แม้เผชิญกับวาจาของเหล่าปีศาจ สีหน้าต้วนหลิงเทียนยังคงสงบเฉยเมย ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่พวกมันพูด ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ แต่เห็นต้วนหลิงเทียนเฉยแบบนี้ ในใจหวงเหวินจิ้งกลับรู้สึกผิดหวังขึ้นมา “เนื่องจากพวกมันไม่ใช่คนของวังเซียนสัญจร…เช่นหน้าข้าก็ไม่ต้องเห็นแก่หน้าเจ้า!” ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบหวงเหวินจิ้งเสียงเรียบ และแทบจะพร้อมกันกกับที่เขากล่าวจบคำ ทั่วร่างต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏวังวนพลังหนึ่งขึ้นมารอบกาย! วังวนดังกล่าวพอปรากฏกก็ทำให้พลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอปั่นป่วนทันนที พวกมันไหลเชี่ยวเข้าสู่ร่างต้วนหลิงเทียนด้วยความเร็วสูง พริบตาในโถงใหญ่ก็ไม่เหลือพลังวิญญาณฟ้าดินแม้แต่น้อย ปฐมเวทย์กลืนกิน! เป็นต้วนหลิงเทียนใช้เวทย์พลังสนับสนุนดังกล่าว เพื่อเพิ่มพูนพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิด! เทียบกับถ้ำกาลเวลาแคบๆแล้ว ที่นี่กว้างกว่ากันมาก ย่อมมีพลังวิญญาณฟ้าดินมากกว่าเป็นธรรมดา! เมื่อพลังวิญญาณฟ้าดินในถ้ำกว้างถูกต้วนหลิงเทียนสูบกลืนหมดไม่มีเหลือ พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในกายก็เพิ่มพูนยกระดับขึ้นมาอย่างมหาศาล เทียบได้กับพลังเซียนต้นกำเนิดของขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนชนชั้นยอดฝีมือ! อย่างไรก็ตามหลังพลังเพิ่มพูนขึ้นแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พบปัญหาหนึ่ง… กระทั่งเป็นถ้ำที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ แต่ปริมาณพลังวิญญาณฟ้าดินที่มี กลับไม่พอยกระดับพลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดของเขาให้เพิ่มพูนขึ้นไปถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน! แน่นอนว่ายังมีช่องว่างให้ยกระดับได้อีก… อนิจจากระทั่งในโถงถ้ำกว้างใหญ่แห่งนี้…พลังวิญญาณฟ้าดินก็ยังมีจำกัด! ‘พลังเซียนสุริยันต้นกำเนิดในร่างของข้า ยังเพิ่มขึ้นไม่ใกล้เคียงกับพลังเซียนต้นกำเนิดของเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเลย…แต่พลังวิญญาณฟ้าดินในถ้ำกว่างใหญ่นี่กลับไม่มีเหลือแล้ว…’ ‘ดูเหมือนหากคิดใช้ปฐมเวทย์กลืนกินให้เต็มประสิทธิภาพ มีแต่ต้องออกไปใช้มันข้างนอกในที่โล่งๆ!’ ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ ขณะเดียวกันเขาก็หยุดกลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบสืบไป เพราะตอนนี้พลังวิญญาณฟ้าดินที่เขาสูบกลืนมาเพิ่ม ก็คือพลังวิญญาณฟ้าดินที่ค่อยๆไหลเข้ามาจากด้านนอก ซึ่งมันก็ค่อนข้างช้าอยู่บ้าง เช่นนั้นหยุดไว้เท่านี้ก็พอ ‘ตอนแรกคิดว่าออกมาที่นี่จะได้รู้ถึงขีดจำกัดว่าพลังจะเพิ่มได้เท่าไหร่…แต่ดูเหมือนที่นี่ก็ยังมีพลังวิญญาณฟ้าดินไม่พอ แบบนี้คงได้แต่ออกไปลองข้างนอกเท่านั้น’ ต้วนหลิงเทียนลอบทอดถอนในใจ หากไม่ใช่เพราะคิดทดสอบขีดจำกัดของปฐมเวทย์กลืนกินแต่แรก แม้เขาคิดจะจัดการเผ่าปีศาจทั้งหลายเบื้องหน้า ก็ไม่มีความจำเป็นที่เขาต้าองใช้ปฐมเวทย์กลืนกินเลย นั่นเพราะเหล่าปีศาจเบื้องหน้าไม่ได้มีพลังสูงพอให้เขาถึงกับต้องใช้ปฐมเวทย์กลืนกินเพื่อจัดการ เหล่าปีศาจมนุษย์เบื้องหน้า ที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นเพียงเซียนสวรรค์ 5 เปลี่ยนเท่านั้น! “ไอ้หนู เจ้าคิดจะทำอะไร?” ได้ยินคำที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับหวงเหวินจิ้ง ปีศาจวัยกลางคนที่อยู่เบื้องหน้าไม่ไกลต้วนหลิงเทียน พลันถามออกเสียงเย็น สีหน้ายังเริ่มมืดลง มันกลัวหวงเหวินจิ้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะกลัวไอ้หนุ่มหน้าขาวผู้นี้ด้วย!
คอมเม้นต์