War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2226
ตอนที่ 2,226 : อาวุโสวังเซียนสัญจร! อย่างไรก็ตาม แม้เผชิญหน้ากับหวงหวินจิ้งที่ท่องกระบี่ลงมาพร้อมพลังกระบี่ดั่งห่าฝน ต้วนหลิงเทียนยังคงมีสีหน้าสงบไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ไม่มีความกลัวแม้แต่น้อย “เล่นกระบี่ต่อหน้าข้า…เจ้ายังอ่อนหัดนัก!” ทันใดนั้นสองตาต้วนหลิงเทียนพลันทอแสงสว่างจ้าเรืองวาบขึ้นมา ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนเต็มไปด้วยความมั่นใจ และความมั่นใจนี้ย่อมมาจากเต๋ากระบี่สูงสุด ยอดใจกระบี่! ในขณะที่ร่างต้นต้วนหลิงเทียนเริ่มเคลื่อนไหว ร่างแยกอวตารทั้งหลายก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน แถมยังพร้อมเพรียงกันนัก ยากที่ใครจะบอกได้ว่าที่แท้คนไหนเป็นต้วนหลิงเทียนตัวจริงคนไหนเป็นร่างแยกกันแน่! ครู่ต่อมา! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! … ทั้งร่างจริงและร่างแยกอวตารของต้วนหลิงเทียน แต่ละคนพลันยกนิ้วขึ้นมาจี้ออกเป็นดัชนีต่างกระบี่! พริบตาต่อมาก็ปรากฏลำแสงดัชนีกระบี่พุ่งวาบทะลวงยิงขึ้นฟ้า! ที่สำคัญดัชนีกระบี่รอบนี้ กลับเรียงรายต่อแถววกันไปราวทหารหาญ พวกมันพุ่งทะลวงเข้าช่องโหว่และจุดตายของกระบวนท่ากระบี่หวงเหวินจิ้งอย่างไร้ปราณี! ด้านหวงเหวินจิ้งตอนแรกที่เห็นต้วนหลิงเทียนยิงดัชนีกระบี่ออกมานางก็ไม่ได้แยแส อย่างไรก็ตามเมื่อพบว่าทันทีที่ต้วนหลิงเทียนจี้ดัชนีออก ดัชนีกระบี่รอบนี้กลับพุ่งทะยานแหวกฟ้ามาฉับไว ได้ยินก็แค่เพียงเสียงบางสิ่งแหวกอากาศมาด้วยความเร็วสูง แทบไม่อาจแลเห็นร่องรอย! สีหน้าหวงเหวินจิ้งก็เปลี่ยนไปทันที!! “ปะ…เป็นไปได้ยังไง!?” นี่เป็นความคิดที่ผุดวาบขึ้นมาในใจของนาง และนางก็ไม่ทันมีเวลาได้คิดถึงเรื่องใดอื่น! ก่อนหน้านี้ตอนที่ต้วนหลิงเทียนยิงดัชนีไปหมายฆ่าเหอเซินเจี๋ย นางสามารถหยุดการลงมือของต้วนหลิงเทียนได้ แม้จะไม่ง่าย แต่ก็ยังหยุดได้! ทว่ามาตอนนี้นางกลับพบว่า… การลงมือของต้วนหลิงเทียนคราวนี้…ไม่เพียงทรงพลังฉับไวกว่าเดิมแค่เล็กน้อย ทว่ามันแตกต่างกันราวกับอยู่คนละโลก!! “แย่แล้ว!” ในขณะที่สีหน้าหวงเหวินจิ้งเปลี่ยนไปอย่างหนัก และนางกำลังเตรียมจะเร่งเร้าพลังป้องกันกระบวนท่าดัชนีกระบี่ของต้วนหลิงเทียน นางก็พบว่า… ดัชนีกระบี่ที่ยิงทำลายออกมาพร้อมเพรียงทั้งราวกับจะเรียงแถวนั้น ได้จี้ยิงไปยังจุดๆเดียวกัน! นอกจากนั้นจุดที่พลังดัชนีกระบีจี้เข้ามา ยังทำให้ใบหน้าหวงเหวินจิ้งซีดลง ความประหลาดใจเหนือคาดคิดยังฉายชัดบนใบหน้าเย็นชา! “มันรู้ได้อย่างไร!” เรียกว่าตอนนี้หวงเหวินจิ้งไม่เพียงแต่จะหน้าเปลี่ยนสี ในใจยังคล้ายมีมรสุมก่อเกิด นางไม่แม้แต่จะนึกฝัน ว่าต้วนหลิงเทียนสามารถค้นพบจุดอ่อนของนางได้ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ! ตัวนางที่เป็นผู้ใช้กระบววนท่านี้ นางย่อมรู้ดีว่าระหว่างวรยุทธ์เซียนของนางที่ผสานกับเวทย์พลัง ยามลงมือกลับปรากฏช่องโหว่อยู่เล็กน้อยเป็นจุดที่ความเข้มแข็งของพลังอ่อนด้อยที่สุด! แต่นั่นสมควรมีแต่นางเท่านั้นที่รู้…ไหนเลยคนอื่นจะล่วงรู้จุดตายของกระบวนท่านางได้แบบนี้!! กระทั่งยอดฝีมือที่เป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 8เปลี่ยนทั้งหลายในวังเซียนสัญจรยังไม่รู้ แม้แต่จ้าววังเองก็หาช่องโหว่นี้ไม่พบด้วยซ้ำ! ทว่าตอนนี้กลับถูกต้วนหลิงเทียนค้นพบ! จะไม่ให้นางแปลกใจได้อย่างไรไหว! แน่นอนว่าแม้จะแตกตื่นทั้งประหลาดใจมากเพียงใด แต่นางก็ไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ ไม่รอช้ารีบเร่งเร้าพลังเซียนต้นกกำเนิดชั่วชีวิตหมายรวมรั้งพลังหยุดกระบวนดัชนีของต้วนหลิงเทียน! แต่ทว่าทันใดนั้นเอง ปงงงง! ซู่มมม!! เสียงดัชนีกระบี่เริ่มปะทะกันกับกระบวนท่าของนางดังสนั่นขึ้น ยังปรากฏดัชนีกระบี่เล่มหนึ่งพุ่งแซงดัชนีกระบี่สายอื่น จี้ตะบึงเข้าหาจุดตายของหวงเหวินจิ้ง!! ดัชนีกระบี่สายนี้ไม่เพียงปะทุพลังเหี้ยมหาญเหนือสายใด หากแต่อยู่ๆมันก็ปะทุความเร็วอันเหนือชั้นสุดที่นางจะต้านทานได้ทัน! พริบตาดุจละอองไฟ ดัชนีกระบี่ร้ายกาจดังกล่าวก็ทะลวงจุดตายของกระบวนท่านางเข้ามาอย่างง่ายดาย! เรียกว่าทำลายการผสานพลังทั้งหมดของนางลงได้อย่างไม่มีชิ้นดี!! และหากกระบวนท่านี้ของนางถูกทำลาย นางที่ไม่มีเวลาเร่งเร้าพลังป้องกันยังจะต่างใดกับลูกแกะน้อยแสนอ่อนแอ! หากต้วนหลิงเทียนคิดลงมือด้วยอำมหิตขึ้นมา หนึ่งชีวิตนี้ของนางคงต้องดับดิ้นแน่แล้ว!! เปรี๊ยงงง!! อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่ได้ลงมือฆ่านางอย่างโหดร้าย ในห้วงเวลาแห่งความเป็นตาย ต้วนหลิงเทียนเพียงพลิกฝ่ามือเล็กน้อย ดัชนีกระบี่ทั้งมวลก็ผสานหลอมรวมกลับกลายเป็นกระบี่พลังมีสภาพเล่มหนึ่ง! มันพุ่งเบนจากหว่างคิ้วของนางไปทะลวงอากาศธาตุด้านข้าง! ก่อนที่จะตวัดตบใบหน้านางดังฉาด!! “โอ๊ยย!!” หวงเหวินจิ้งที่ถูกกระบี่พลังมีสภาพจากการรวมรั้งดัชนีกระบี่ตบฟาดเข้า ใบหน้าถึงกับปรากฏรอยช้ำเลือด โลหิตกระอักออกปากคำใหญ่อย่างไม่อาจห้าม! บัดนี้โฉมงามอันดับ 1 ของเผ่าปีศาจมนุษย์อันสง่างามน่าเกรงขาม ได้ถูกต้วนหลิงเทียนทำลายใบหน้ามั่นใจจนยับเยิน! ม่านน้ำแข็งที่ฉายคลุมหน้างามไม่มีเหลือสืบไป เปลี่ยนเป็นซีดเซียวลงถนัดตา!ความถือดีของนางถูกบดขยี้จนย่อยยับ!! ในสายตาของทุกผู้คน พริบตาเดียวหวงเหวินจิ้งที่ลงมือมาด้วยสภาวะพลังดุดันแกร่งกร้าวก็ถูกตบปลิว…แพ้พ่าย! จังหวะนี้ผู้คนโดยรอบถึงกับเงียบกริบ ต่างพูดอะไรกันไม่ออก! “ปะ…เป็นไปได้ยังไงกัน?!” ในขณะที่ผู้ชมทั้งหมดโดยรอบกำลังตกตะลึงพรึงเพริดกับเรื่องราวที่พลิกผันครั้งมโหฬาร ในใจเหอเซินเจี๋ยเสมือนมีมรสุมลูกใหญ่ก่อเกิด ใบหน้าฉายออกชัดถึงความตื่นตระหนกตกใจทั้งไม่อยากจะเชื่อ! ฉากเบื้องหน้าเป็นอะไรสุดที่มันจะจินตนาการได้ออกจริงๆ! สหายของหวงฉี่หลิง ไฉนมีพลังฝีมือร้ายกาจถึงขนาดนี้ได้!? “น้องหลิงเทียน…” จังหวะนี้ไม่เพียงแต่เหอเซินเจี๋ยจะตกใจ กระทั่งหวงฉี่หลิงยังตกใจแทบตาย! มันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยจริงๆ ว่าคนที่มันเข้าหาด้วยความบังเอิญจะมีพลังฝีมือร้ายกาจได้ถึงขนาดนี้ กระทั่งรุ่นเยาว์อัจฉริยะอันดับ 1 ของวังเซียนสัญจรยังไม่ใช่คู่มืออีกฝ่าย! “นิ…นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?” “ข้าใช่ตาฝาดไปหรือไม่…กระทั่งหวงเหวินจี้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดารุ่นเยาว์ของวังเซียนสัญจรกลับไม่ใช่คู่มือของเจ้าหนูนั่น!?” “นี่มันอะไรกันแน่!? มิใช่ว่าก่อนหน้าแม่นางหวงเหวินจี้ยังหยุดพลังดัชนีของมันได้ง่ายดายหรือไร ไฉนคราวนี้ถึงได้แพ้พ่ายย่อยยับขนาดนั้นเล่า?” … เหล่าปีศาจที่มุงล้อมชมดูเรื่องราว ตอนนี้พอหันมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งแววตายังเผยความเหลือเชื่อออกมา ฉากเรื่องราวตรงหน้าเป็นอะไรที่อยู่เหนือความคาดหมายของมันอย่างสิ้นเชิง “เห็นแก่หน้าท่านข้าจะไว้ชีวิตนาง…” หลังสยบหวงเหวินจิ้งแล้ว ต้วนหลิงเทียนพลันหันไปมองหวงฉี่หลิงพลางกล่าวออกเสียงเรียบ ครู่ต่อมาภายใต้สายตาตกตะลึงของหวงฉี่หลิง ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบหายเข้าไปในป่าศิลาเบื้องล่าง สุดท้ายก็ไม่เห็นแม้แต่เงาหลัง “หวงฉี่หลิงเจ้าตายแน่! คราวนี้เจ้าตายแน่!!” ขณะเดียวกันเหอเซินเจี๋ยที่พึ่งจะรู้สึกตัว ก็หันไปตะคอกคำกล่าวกับหวงฉี่หลิงเสียงเย็น “เจ้ากล้าร่วมมือกับคนนอกทำร้ายน้องเหวินจิ้งแบบนี้ได้อย่างไร!” “เจ้า…” เมื่อเห็นเหอเซินเจี๋ยออกมาโวยวายใส่ร้ายป้ายสีมันอีกครั้ง หวงฉี่หลิงก็มีโมโหนัก อย่างไรก็ตามไม่ทันที่มันจะทันได้กล่าวใดจบคำดี สีหน้าโมโหของหวงฉี่หลิงก็จำต้องชะงักค้าง ฟั่ฟฟฟ! เสียงหอนของบางสิ่งกรีดอากาศดังขึ้น เป็นดัชนีกระบี่อีกสาย!! ทุกคนเห็นเพียงประกายแสงสว่างวาบลัดฟ้าเท่านั้น ก่วนที่เสียงบางสิ่งทะลวงเลือดเนื้อกกระดูกจะดังขึ้นแผ่วเบา รู้ตัวอีกทีหว่างคิ้วของเหอเซินเจี๋ยก็ปรากฏหลุมโลหิตอันน่าสยดสยอง เจริญรอยตามสหายนายน้อยสวะทั้ง 2 ที่ลงนรกไปรอมันก่อนหน้า… ตาย!! “มันสมควรตาย!” แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เหอเซินเจี๋ยถูกฆ่า พลันมีเสียงเยียบเย็นหนึ่งดังขึ้นจากในป่าศิลา เป็นเสียงของต้วนหลิงเทียน! เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนฆ่าเหอเซินเจี๋ย! ได้ยินเสียงยะเยือกมากอำมหิต ทั้งเห็นร่างเหอเซินเจี๋ยที่ตกตายตาไม่หลับโดยมีเลือดทั้งสมองทะลักออกมาจ๊อกๆตามรายทางขณะร่วงตกฟ้า แผ่นหลังหวงฉี่หลิงถึงกับหนาววาบ ตั่วยังสั่นไปด้วยความกลัว! หลังกล่าวจบเสียงต้วนหลิงเทียนก็เงียบหายไปเลย ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ฟุ่บ! สายลมเย็นหอบหนึ่งพัดตีปะทะใบหน้าหวงฉี่หลิง เป็นหวงเหวินจิ้งที่ถูกกระบี่พลังตบจนหน้าสั่นร่างปลิว เหินร่างกลับมาด้วยใบหน้าช้ำเลือด… หลังกลับมาแล้ว สีหน้าหวงเหวินจิ้งก็คล้ายจะฉาบเคลือบไปด้วยม่านน้ำแข็งอีกครั้ง นางเพียงมองหวงฉี่หลิงด้วยสายตาไม่แยแสคราหนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไร ร่างบางก็วูบหายเข้าไปในป่าศิลาเบื้องล่างเช่นกัน “เรื่องราวกลายเป็นลุกลามใหญ่โตแล้ว…” หลังเห็นสายตาเยียบเย็นที่จ้องมาของหวงเหวินจิ้ง หวงฉี่หลิงอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มเฝื่อนๆ แววตาฉายออกถึงความกังวลแจ่มชัด 3 นายน้อยสารเลวที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งฆ่าไป ไม่ใช่ศิษย์ธรรมดาๆของวังเซียนสัญจร! แต่ละคนล้วนมีภูมิหลังใหญ่โตในวังเซียนสัญจรทั้งสิ้น! หากเป็นเพียงคนใดคนหนึ่งในนั้น ยังไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ แต่พอสามคนรวมกันเรื่องราวก็ใหญ่โตหนักหนาแล้วจริงๆ! ในขณะที่หวงฉี่หลิงกำลังกังวลกับวนหลิงเทียน วังเซียนสัญจรภายในเมืองเหรินโม่เชิ่ง ก็วุ่นวายไม่น้อย! เพราะอยู่ๆไข่มุกวิญญาณ 3 ลูกกลับแตกลงในเวลาไล่เลี่ยกัน “ใคร! ใครที่มันกล้าฆ่าลูกชายข้า!?” ภายในตำหนักหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่อย่างสันโดษของวังเซียนสัญจร ปรากฏเสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดดังก้องไปทั่วตำหนัก! เสียงดังก้องฟ้านี้ของมัน ยังมีอานุภาพพลังแฝงเร้นไม่ใช่ชั่ว ประตูหน้าต่างทั้งตำหนักถึงกับปิดเปิดอย่างแรง ข้าวของล้มระเนระนาด ตำหนักทั้งหลังสั่นสะเทือนจนราวกับพร้อมถล่มลงได้ทุกเวลา! ตูมมมม!! ทันใดนั้นพลันบังเกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมาจากห้องโถงหลักของตำหนัก ปรากฏร่างหนึ่งเหินทะเพดานห้องโถงขึ้นฟ้าไปอย่างดุร้าย! แน่นอนว่าแม้มันจะพุ่งทลายเพดานห้องโถงของตำหนักขึ้นมา มันก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ผู้ที่เหินทะลุเพดานขึ้นมาเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ตรงนี้คงเดาได้ทันทีว่ามันเป็นใคร เพราะเค้าโครงใบหน้าอีกฝ่าย ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับเหอเซินเจี๋ยที่เขาพึ่งฆ่าทิ้งไปนัก! ชายวัยกลางคนผู้นี้ ก็คือบิดาของเหอเซินเจี๋ย! “กังเอ๋อ!!” “สารเลว! มิว่าเจ้าจักเป็นผู้ใด แต่กล้าฆ่าหลานชายของข้า ไม่เพียงแต่ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต แต่ข้าจะล้างผลาญทั้งโคตรของเจ้าให้วอดวาย! เอาเลือดทั้งโคตรของเจ้าเซ่นส่งวิญญาณหลานชายข้า!!” ในตำหนักส่วนตัวอีกหลัง ก็บังเกิดเสียงร่ำร้องด้วยความเสียใจทั้งเคียดแค้นสุดประมาณดังขึ้นเช่นกัน หลังจากนั้นร่างหนึ่งก็พุ่งร่างออกจากตำหนักเหินลอยขึ้นมาบนอากาศ พริบตาก็บรรลุถึงน่านฟ้าสูง หางสังเกตให้ชัดจะพบว่า มันเป็นชายชราคนหนึ่งเส้นผมขนคิ้วขาวโพลน ใบหน้ายังฉายความเคียดแค้นจนแดงก่ำ! ชายชราคนนี้ก็เป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของวังเซียนสัญจร ยังเป็นปู่ของหลินฉีกัง นายน้อยขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งไปเมื่อไม่นานมานี้ “อวี่จี๋หลานย่า! เป็นผู้ใดทำเจ้า!!” ไม่นานนัก เสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเสียงใจ ก็ดังขึ้นจากตำหนักส่วนตัวอีกหลัง ทว่าผู้ที่ลอยร่างขึ้นมากลางฟ้าล่าสุดนี้ เป็นหญิงชราเส้นผมหงอกขาว และนางก็คือ ย่า ของซือถูอวี่จี๋ ศิษย์วังเซียนสัญจรขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งไปก่อนหน้าอีกคน… ภูมิหลังของทั้ง 3 นายน้อยสวะที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าทิ้งไป แต่ละคนนับว่าไม่ใช่ชนชั้นธรรมดาในวังเซียนสัญจรจริงๆ นั่นเพราะทั้ง 3 ล้วนเป็นผู้อาวุโสในวังเซียนสัญจร! สามารถดำรงตำแหน่งอาวุโสได้แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่คนธรรมดา! แต่ละคนล้วนบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน!! ในวังเซียนสัญจรนั้น ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือจ้าววัง พลังฝีมือของมันบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว เรียกว่าความแข็งแกร่งไม่เป็นที่กังขาของใคร ส่วนผู้ที่เข้มแข็งรองจากจ้าววังก็คือชนชั้นรองจ้าววังที่มีอยู่หลายคน แต่ละคนก็ล้วนบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนสุดปลายด่านพลัง รองลงมาจากรองจ้าววังก็คือชนชั้นผู้อาวุโสที่พลังฝีมืออยู่ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนทั่วๆไป และผู้อาวุโสทั้ง 3 ของนายน้อยสวะที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าไป ก็คืออาวุโสระดับสูงเหล่านี้นี่เอง กล่าวอีกอย่างได้ว่า การลงมือสังหารเหอเซินเจี๋ย หลินฉีกัง และซือถูอวี่จี๋ของต้วนหลิงเทียนครั้งนี้ ได้เพาะสร้างความแค้นถึงขั้นไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้กับตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนทั้ง 3 คน! เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนยังไม่ล่วงรู้เรื่องนี้… ……
คอมเม้นต์