War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2202
ตอนที่ 2,202 : ผู้ช่วยของลัทธิอารามทมิฬ เหาฉ่วงนั้นรูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มที่รูปร่างผอมบางคนหนึ่ง เส้นผมขนคิ้วของมันมีสีขาวโพลนราววกับหิมะ ผิวหนังยังชมพูระเรื่อแลดูเรียบเนียนปานเด็กทารก นอกจากนี้ใบหน้าหล่อเหลาของมันยังเปื้อนยิ้มตลอดเวลาให้ความรู้สึกไม่มีพิษภัยกับมนุษย์และสัตว์ ทว่าเหาฉ่วงผู้นี้นอกจากจะเป็นยอดฝีมืออันดับที่ 5 ของรายนามยอดเซียนแล้ว มันยังเป็นผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่ง อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นผู้ฝึกตนอิสระที่มีพลังฝีมือเป็นอันดับ 2 รองจากเนี่ยอู๋เทียน! ในตอนที่จ้าวลัทธิบูชาไฟ ถังซวน ยังไม่ทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน มันได้ถูกขนานนามว่ายอดฝีมืออันดับ 2 ภายใต้ขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน! แต่เมื่อถังซวนทะลวงถึงเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว มันย่อมแทนที่ถังซวนทันที กลายเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ในขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าคนใหม่! อันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนของแดนดิน หมายความว่าหากเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนไม่มา มันย่อมเป็นตัวตนอันไร้เทียมทาน! ด้วยเหตุนี้พอได้เห็นว่าผู้มาเป็นมัน สื่อเฟิง ผู้พิทักษ์ของลัทธิบูชาไฟจึงอดไม่ได้ที่จะหน้าเปลี่ยนสีไปทันที นั่นเพราะมันไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าเหาฉ่วงจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้! ยิ่งไปกว่านั้นยังมาในฐานะ ‘ผู้ช่วย’ ของลัทธิอารามทมิฬ! “เหาฉ่วง?” ได้ยินเสียงอุทานของสื่อเฟิง ยกเว้นต้วนหลิงเทียนแล้ว คนอื่นๆของลัทธิบูชาไฟถึงกับหน้าเสียทันที! โดยเฉพาะผู้พิทักษ์ทั้ง 3 อย่าง ชิงหั่ว หงอวิ๋น และเหลิ่งอิง ก่อนหน้านี้พวกมนัยังคิดกันอยู่เลยว่า… เมื่อเทียบกำลังรบกันแล้ว พวกมันไม่ได้เสียเปรียบลัทธิอารามทมิฬแม้แต่น้อย กล่าวไปยังมีเปรียบด้วยซ้ำ! พอเห็นว่าจ้าวลัทธิอารามทมิฬเผยความมั่นใจ จึงไม่ต่างอะไรจากตัวตลกในสายตา แต่ในที่สุดพวกมันก็รับทราบแล้ว ว่าที่แท้บ่อเกิดความมั่นใจของจ้าวลัทธิอารามทมิฬคืออะไร…เหาฉ่วง ยอดฝีมืออันดับ 5 ในรายนามยอดเซียนคนนี้นี่เอง! ยังเป็นมือหนึ่งใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนของแดนดิน! ตัวตนเช่นเหาฉ่วง สามารถทอดตามองลงหยันหยามผู้ที่ยังไม่บรรลุเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนได้ทั้งใต้หล้า! ตราบใดที่เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนไม่เคลื่อนไหว มันนับเป็นตัวตนอันไร้เทียมทาน ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับมันได้! หากกล่าวว่าตอนแรกพวกมันยังค่อนข้างมีเปรียบลัทธิอารามทมิฬอยู่ล่ะก็… มาตอนนี้พวกมันเสียเปรียบอย่างใหญ่หลวง! “อะไร!? เป็นเหาฉ่วง ผู้ฝึกตนอิสระ ที่รั้งอยู่ในอันดับ 5 ของรายนามยอดเซียนคนนั้น?” ขณะเดียวกันอาวุโสเพลิงทองทั้งรองจ้าวหอคุมกฏ ที่ลอยร่างอยู่แถวสอง พอได้ทราบตัวตนของเหาฉ่วง สีหน้าของพวกมันก็กลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยากทันที แววตายังฉายชัดให้เห็นถึงความหวาดกลัว! “ตั้งแต่ที่ท่านจ้าวลัทธิทะลวงผ่าน…มันก็เลื่อนขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนทันที…ให้ตายเถอะ! ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเหาฉ่วงผู้นั้นจะถูกลัทธิอารามทมิฬเชิญมาได้จริงๆ!” “บัดซบ! มีมันมาเพิ่มแบบนี้ ความได้เปรียบด้านกำลังรบของพวกเราก็หายไปหมดสิ้นแล้ว!” “ดูเหมือนจ้าวลัทธิอารามทมิฬจะไม่ได้หยิ่งผยองอวดดีอะไร…ที่แท้เป็นมันววางแผนไว้เสร็จสรรพ! มันรู้ดีว่าหากเหาฉ่วงปรากฏตัว พวกเราจะไร้หนทางชนะ!!” “ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรกันดี? หากเหาฉ่วงช่วยลัทธิอารามทมิฬจริงๆ ผู้พิทักษ์ทั้ง 5 มิน่าจะมีผู้ใดสู้มันได้เลย…ถึงตอนนั้นพวกเราก็ได้แต่ผันตัวไปเป็นทหารเลวสู้แลกตาย เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้พิทักษ์แล้ว!” …… ขณะที่กล่าวพึมพำกันนั้น สีหน้าท่าทีของอาวุโสเพลิงทองทั้งหลายตึงเครียดนัก น้ำเสียงยังหนักอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด การปรากฏตัวของเหาฉ่วงไม่เพียงอยู่เหนือความคาดหมายของผู้พิทักษ์ทั้ง 4 ของลัทธิบูชาไฟเท่านั้น ยังเหนือความคาดหมายของพวกมันด้วย! “เหาฉ่วง…อันดับ 1 ใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนงั้นเหรอ…” หากจะถามว่าใครในบรรดาลัทธิบูชาไฟที่ไม่กลัวมัน ก็เห็นทีจะมีแต่ต้วนหลิงเทียนคนเดียว หลังได้รับทราบตัวตนของเหาฉ่วงแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็มองมันด้วยความสนใจทันที “อันดับ 5 ในรายนามยอดเซียน…เช่นนั้นสมควรบรรลุถึงสุดปลายขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนแล้วสิ?” ต่างจากบรรยากาศตึงเครียดอึมครึมของลัทธิบูชาไฟ ด้านลัทธิอารามทมิฬนั้นกำลังใจมาเต็ม! “พี่เหา ท่านมาแล้ว…” หลังจากเห็นเหาฉ่วงปรากฏกาย จ้าววลัทธิอารามทมิฬก็เผยยิ้มสดชื่นทันที นี่คือ ไพ่ลับ อันเป็นทีเด็ดของลัทธิอารามทมิฬ พวกมันรู้ดีว่าสถานการณ์อาจจะเป็นอีหร็อบนี้จึงได้เตรียมการไว้แต่แรก! เมื่อไร้ถังซวน และไร้อาวุโสสูงสุด นั่นหมายความว่าทั้ง 2 ฝ่ายไร้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนให้พึ่งพิง เช่นนั้นกำลังรบของลัทธิอารามทมิฬกับลัทธิบูชาไฟก็คู่คี่สูสีกัน เรียกว่าอยู่ในจุดสมดุลของพลัง! มันตระหนักแต่แรกว่าหากเวลานี้มาถึง ทั้งสองฝ่ายย่อมต้องการผู้ที่จะมาทำลายสมดุลดังกล่าว! และเหาฉ่วงย่อมเป็นตัวเลือกที่ประเสริฐที่สุด! เพราะสุดท้ายแล้วเหาฉ่วงก็คือมือหนึ่งใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน! ไร้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ก็ไร้ผู้ใดต่อกรกับเหาฉ่วงได้!! “ท่านเหาฉ่วง” พญามังกรเสื้อม่วงกับจ้าวพยัคฆ์ขาวป้องมือทักทายด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ถึงแม้พวกมันทั้งคู่จะเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนเหมือนกันกับเหาฉ่วง แต่พวกมันก็รู้ตัวเองดี… ว่าต่อให้พวกมันทั้ง 2 ผนึกกำลังกันก็ไม่ใช่คู่มือเหาฉ่วง!! “คารวะท่านเหาฉ่วง” ส่วนรองจ้าวลัทธิอารามทมิฬทั้ง 2 ก็เร่งก้มหัวคารวะทักทายด้วยท่าทีมากเคารพ “อือ” เหาฉ่วงพยักหน้ารับการทักทายเบาๆจากกลุ่มคนของลัทธิอารามทมิฬ ค่อยหันไปมองฝั่งลัทธิบูชาไฟ สุดท้ายจึงไปหยุดสายตาบนร่างชายหนุ่มชุดม่วง ที่แลดูนิ่งสงบกว่าใคร “เจ้าน่ะหรือ ต้วนหลิงเทียน ผู้พิทักษ์คนใหม่ของลัทธิบูชาไฟ? อัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า?” เหาฉ่วงกล่าวถามต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยความสนใจ “อัจฉริยะท้าทายสวรรค์อันดับ 1 ของแดนดินข้าไม่กล้ารับ…แต่ข้ามั่นใจว่าเหนือกว่าพวกใช้การไม่ได้ของลัทธิอารามทมิฬเล็กน้อย” ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบอย่างไม่แยแส ในวาจายังเสียดสีคนของลัทธิอารามทมิฬออกมาอย่างไม่ไว้หน้า ในเมื่ออีกฝ่ายมาเคาะประตูถึงบ้านหมายฆ่าเขา ไฉนเขายังต้องสุภาพกับพวกมัน? “ต้วนหลิงเทียน!” วาจาของต้วนหลิงเทียนแน่นอนว่าย่อมสร้างความเดือดดาลไม่พอใจให้กับคนของลัทธิอารามทมิฬ ต่างมีโมโหขึ้นมาทันที “ปากดีไม่เบานี่…แต่ไม่ทราบว่าฝีมือเจ้าจะดีเหมือนปากหรือไม่?” สองตาเหาฉ่วงหดหยีลง เผยประกายเยียบเย็นหนึ่ง “หืม? เจ้าอยากลองรึ?” เสียงกล่าวของต้วนหลิงเทียนยังเฉยเมย คล้ายกล่าวถึงเรื่องราวที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร “ย่อมอยากลอง” เหาฉ่วงพยักหน้า “เช่นนั้นเจ้าก็คิดให้ดีก่อนแล้วกัน…เพราะมีบางอย่างที่เมื่อตัดสินใจไปแล้วไม่อาจย้อนคืน ดั่งศรที่เหนี่ยวสายออกไปแล้วมิอาจรั้งกลับ” วาจาแต่ละคำที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยออก ไม่ขาดความข่มขู่แม้แต่น้อย! “โฮ่? เจ้ามั่นใจขนาดนั้นเชียว?” ได้ฟังลูกตาของเหาฉ่วงก็เบิกกว้างทั้งทอประกายดุร้ายออกมาวาบหนึ่ง สายตายังคมกล้าปานมีดดาบที่ไร้สิ่งใดไม่อาจผ่า! ได้ยินคำดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน คนของลัทธิอารามทมิฬก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ “ต้วนหลิงเทียน เจ้าคิดว่าเจ้าจะหลอกพี่เหาด้วยการเสแสร้งวางมาดยอดฝีมือขู่ข่มได้หรือ…ช่างเหลวไหลสิ้นดี!” จ้าววลัทธิอารามทมิฬที่หัวเราะดังกว่าใคร โพล่งคำเย้ยเยาะออกมาก่อนเพื่อน “หึหึ…ยามพี่เหาโลดแล่นสร้างชื่อเสียงในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแห่งนี้ ข้าเกรงว่าเจ้ายังไม่ทันเกิดมาด้วยซ้ำ…แต่เจ้ายังคิดเล่นลูกไม้เขียนเสือให้วัวกลัวต่อหน้าพี่เหา?” จ้าวพยัคฆ์ขาวยกยิ้มแสยะกล่าวออกด้วยน้ำเสียงดูถูก แม้พญามังกรเสื้อม่วงกับรองจ้าวลัทธิอารามทมิฬทั้ง 2 จะไม่พูดอะไร แต่แววตาที่ทำราวกับมองตัวโง่งมที่ส่งให้ต้วนหลิงเทียนก็ฉายชัดถึงความล้อเลียน ในขณะที่บรรยากาศระหว่างต้วนหลิงเทียนกับเหาฉ่วงเริ่มตึงเครียดคลุ้งกลิ่นดินปืนนั้นเอง “ท่านเหาฉ่วง…” ฝ่ายลัทธิบูชาไฟ สื่อเฟิง มองเหาฉ่วงด้วยสายตาจริงจังพลางกล่าวเสียงเคร่ง “ข้ามิทราบว่าลัทธิอารามทมิฬสัญญาว่าจะยกมอบผลประโยชน์อันใดให้ท่าน แต่ตราบใดที่วันนี้ท่านยินดีอยู่เฉยๆไม่ลงมือเป็นการไว้หน้าลัทธิบูชาไฟเรา ทางเราสัญญาว่าจะมอบสิ่งตอบแทนให้ท่านเป็น 2 เท่าจากที่พวกมันให้ท่าน!” สื่อเฟิงนั้นกับต้วนหลิงเทียนมันเพียงคิดว่าอาจจะด้อยกว่าเล็กน้อยเท่านั้น ทว่ากับเหาฉ่วงแล้วตัวมันไม่มีความหวังอะไรเลย เหาฉ่วงไม่ใช่ตัวตนธรรมดา แต่คือผู้ไร้เทียมทานใต้เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน! ในกาลก่อนจ้าวลัทธิบูชาไฟของมันก็มีประมือกับเหาฉ่วงมาบ้าง และจากที่จ้าวลัทธิกล่าวไว้ หากไม่ใช่เพราะชำนาญเวทย์พลังเสริมท่าร่างที่นับเป็นเวทย์พลังเสริมท่าร่างอันดับ 1 ของแดนดินล่ะก็ น่ากลัวว่ายังจะไม่ใช่คู่มือของเหาฉ่วง! จากจุดนี้ย่อมเผยให้รู้ว่าพลังฝีมือเหาฉ่วงน่ากลัวถึงเพียงใด! นอกจากนั้นถังซวนยังกล่าวบอกมันไว้อีกว่า หากดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจะอุบัติเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนอีกคน ไม่พ้นต้องเป็นเหาฉ่วงแน่นอน! ทำให้ตอนนี้มันมองไม่เห็นทางที่ต้วนหลิงเทียนจะเอาชนะเหาฉ่วงได้เลย! ด้วยเหตุนี้มันจึงคิดใช้ผลประโยชน์เข้าสู้ แต่ก็ไม่ได้ขอให้เหาฉ่วงช่วยเหลืออะไร เพียงให้วางตัวเป็นกลางเท่านั้น “หึ!” ได้ยินคำของผู้พิทักษ์สื่อเฟิง เหาฉ่วง แค่นคำเยียบเย็นออกมาคำหนึ่ง “ผู้พิทักษ์สื่อเฟิง ท่านเห็นข้าเหาฉ่วงผู้นี้เป็นนกสองหัวหรือไร?” “วันนี้ไม่ว่าเจ้าหรือลัทธิบูชาไฟสัญญาว่าจะมอบผลประโยชน์ใดๆให้ข้าก็ตาม…แต่ข้าเลือกแล้วว่าจะช่วยเหลือลัทธิอารามทมิฬ! ข้าเหาฉ่วงนับว่าพอมีชื่อเสียงในแดนดินอยู่บ้าง ข้าไม่คิดจะทำให้ชื่อเสียงของข้าเสื่อมเสียอย่างเลือกประพฤติตัวเป็นพวกลิ้นสองแฉก หันไปเห็นดีเห็นงามอะไรกับลัทธิบูชาไฟเจ้า!” วาจาที่เหาฉ่วงกล่าว ประกาศจุดยืนของมันชัดเจน! “ผู้พิทักษ์สื่อเฟิง อย่าได้เสียแรงเปล่าเลย…” จ้าวลัทธิอารามทมิฬแสยะยิ้ม พลางกล่าวเย้ยออกมาด้วยท่าทางถือดี “เมื่อครู่เป็นข้าให้โอกาสท่านแล้ว แต่สุราคารวะท่านไม่รับ ชมชอบสุราจับกรอก! จากนี้ก็อย่าได้โทษว่าลัทธิอารามทมิฬของเราไร้ปราณีซะเล่า!!” “เฮอะ! ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจักหาญกล้าลงมือทำอะไรพวกเรา! หากเจ้ากล้าฆ่าพวกเรา ลองดูแล้วกันว่าท่านจ้าวลัทธิจะล้างผลาญพวกเจ้าอย่างไร! ข้าเชื่อว่าต่อให้เป็นอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬของเจ้า ก็ไม่มีปัญญาทำอะไรท่านจ้าวลัทธิของพวกเราได้!!” เหลิ่งอิงมองจ้าวลัทธิอารามทมิฬด้วยสายตาเยียบเย็น กล่าวออกมาอย่างดุร้าย “ด้วยพลังฝีมือของท่านจ้าวลัทธิเราตอนนี้…ต่อให้ท่านจ้าวคิดฆ่าล้างบางลัทธิอารามทมิฬสวะพวกเจ้าทุกตัว อาวุโสสูงสุดที่พวกเจ้าบูชานักหนาก็ไม่มีปัญญาจะขัดขวาง!!” ถังซวนนั้นแต่ก่อนกระทั่งอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬร่วมมือกับเซียนสววรรค์ 9 เปลี่ยนอีกคนก็ไม่มีปัญญาทำอะไรได้… นับประสาอะไรกับตอนนี้? ตราบใดที่ถังซวนต้องการคิดอยากให้ใครตายมันผู้นั้นก็ต้องตาย! อาวุโสสูงสุดไม่มีปัญญาจะปกป้องใครได้เลย!! ถึงตอนนั้นจริง ลัทธิอารามทมิฬไม่พ้นต้องฉิบหายวายวอด…และทั้งลัทธิคงเหลืออาวุโสสูงสุดแค่คนเดียวเท่านั้นที่ยืนอยู่ท่ามกลางกองซากศพ!!
คอมเม้นต์