War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2169
ตอนที่ 2,169 : สะเทือนทั้งลัทธิบูชาไฟ! ข่าวที่มีต้นกำเนิดจากนครแห่งบาป หลังใช้เวลาไม่นานไม่เพียงแต่ในภาคกลาง มันก็ได้แพร่มาถึงภูมิภาคตะวันตกด้วยเช่นกัน และแม้แต่ลัทธิบูชาไฟ ที่ค่อนข้างอยู่ในพื้นที่สันโดษทางภูมิภาคตะวันตกยังได้รับทราบข่าวดังกล่าว “ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวแล้วหรือ…ยังเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงต่อหน้าผู้คนเลยด้วย!?” “ศิษย์พี่รอดชีวิตมาจากกับดักที่ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะสร้างไว้ได้? กับดักที่คร่าชีวิตยอดฝีมือไปมากมายเมื่อ 3 ปีที่แล้วนั่นน่ะหรือ?” “แถมทันทีที่ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนรอดมาได้ ก็มาประกาศเรื่องราวใหญ่โตที่นครแห่งบาปโดยมีหลักประกันเป็นการสาบาต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า? ยืนยันแน่ชัดแล้ว…ว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจบุกเข้ามาในภูมิภาคเราตั้งแต่ 3 ปีก่อน?” “ให้ตายเถอะ! เผ่าพันธุ์ปีศาจบุกเข้ามาแล้วจริงๆ…ข้าเกรงว่าอีกไม่นานพวกมันได้ยกพลบุกขึ้นมาที่ภูมิภาคเบื้องบนของพวกเราแน่!!” … เหล่าผู้คนในลัทธิบูชาไฟพากันตกตะลึงเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวว่า เผ่าพันธุ์ปีศาจได้บุกเข้ามาตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อนอยู่บ้าง ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนใช้การสาบานเพื่อยืนยันความจริง การที่คนยังมีชีวิตอยู่ไม่ถูกฟ้าผ่าตายตก ย่อมเป็นเครื่องบ่งชี้ที่ดีที่สุดว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นความจริง! แน่นอนสำหรับคนของลัทธิบูชาไฟ แม้จะได้รู้ว่าเรื่องปีศาจบุกเขามาเป็นเรื่องจริงๆ แต่พวกมันก็ไม่ได้หวาดกลัวมากมายสักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าจะยังไงพวกมันก็คือ 1 ใน 3 มหาอำนาจยักษ์ใหญ่ ขุมกำลังของพวกมันดั่งอสูรกายตัวเขื่องที่ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า! หากเผ่าพันธุ์ปีศาจบุกขึ้นมายังภูมิภาคเบื้องบนจริงๆ พวกมันจะกลายเป็นหนึ่งในความหวังของมวลมนุษย์ชาติทันที หากกระทั่งพวกมันที่เป็นคนของลัทธิบูชาไฟยังหวาดกลัวล่ะก็ น่ากลัวว่ามนุษย์ชาติคงสิ้นไร้หนทางแล้วจริงๆ… “แต่จะว่าก็ว่าเถอะ ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าเซียนสวรรรค์ 9 เปลี่ยนอย่างอาวุโสสูงสุดของลัทธิอารามทมิฬนั่น จะกล้าหลอกลวงผู้คนจริงๆ…พวกมันกลัวคนอื่นชิงยอดศาสตราเซียนของต้วนหลิงเทียนมากจนถึงกับต้องปั้นเรื่องเหลวไหลไร้สาระอย่างยอดศาสตราเซียนของต้วนหลิงเทียนถูกพวกมันชิงไปแล้วจริงๆ…” “เรื่องนี้ข้าไม่แปลกใจเท่าไหร่ ที่ข้าแปลกใจคือไฉนศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนกลับมียอดศาสตราเซียนแค่ชิ้นเดียวได้ ไม่ใช่ 2 ชิ้น? แถมตราผนึกมารนั่นเดิมทีก็เป็นของศิษย์พี่อยู่แล้ว นี่ก็เหมือนกลับมาสู่เจ้าของเก่าเท่านั้น…” … เรื่องราวทำนองนี้พูดกันไปทั่วลัทธิบูชาไฟ หลังจากนั้นไม่นานข่าวเรื่องราวที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าเซี่ยคังฉวิน จ้าวราชสีห์ขนทอง 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬก็แพร่มาตามติด และครานี้ทำให้คนของลัทธิบูชาไฟตกตะลึงกันยกใหญ่แล้วจริงๆ! “กระบี่แรกของศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนสะบั้นแขนขวา กระบี่ที่ 2 สะบั้นแขนซ้าย ส่วนกระบี่ที่ 3 ก็ปลิดชีพเซี่ยคังฉวิน? อีกทั้งตั้งแต่ต้นจนจบเซี่ยคังฉวินไม่อาจตอบโต้ใดๆได้เลย?” “นี่ใช่ล้อกันเล่นหรือไม่? แม้ข้าจะยอมรับว่าพรสวรรค์ของศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนสูงส่ง และหลังผ่านไป 3 ปีพลังฝีมือต้องก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย…แต่ถึงขนาดที่เซี่ยคังฉวินนั่นไม่อาจตอบโต้ได้เลยข้าว่ามันก็เกินไป! นั่นมันเซี่ยคังฉวินเชียวนะ มิใช่ไก่กาหมาแมวอะไร!!” “นั่นสิเซี่ยคังฉวินนั่นมันไม่ใช่แค่บรรลุเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนมานาน แต่พลังฝีมือยังติดอยู่ในอันดับที่ 18 ของรายนามยอดเซียน! มองทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ากระทั่งในบรรดาขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน มันยังมีพลังฝีมือเป็นอันดับต้นๆ…แต่ตัวตนเช่นนี้ไม่มีปัญญาตอบโต้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนของพวกเราเรอะ?” “ผู้คนยังกล่าวว่าพลังฝีมือของศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนเราตอนนี้ เทียบได้กระทั่งเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยนแล้วด้วย!” “เหอะๆ นี่ก็เกินไป! ข้าเชื่อไม่ลงจริงๆ…” … เรื่องต้วนหลิงเทียนสังหารเซี่ยคังฉวิน จ้าวราชสีห์ขนทองได้ใน 3 กระบี่นั้น ถึงแม้ยามแพร่ไปในลัทธิบูชาไฟ จะทำให้ผู้คนแตกตื่นกันยกใหญ่ เรียกว่าสร้างความสะท้านสะเทือนไปทั้งลัทธิบูชาไฟเลยก็ตาม… ทว่าแทบไม่มีใครเชื่อ ว่าต้วนหลิงเทียนจะมีพลังฝีมือร้ายกาจถึงขั้นนั้นจริงๆ แม้แต่หลิวอวิ๋น และหลิวมู่ รวมถึงคนอื่นๆที่สนิทกับต้วนหลิงเทียนในอดีต ตอนที่ได้ยินข่าวเรื่องราวนี้ ก็ยังรู้สึกว่ามันเหลือเชื่อและเกินความจริงไปมาก ไม่มีความน่าเชื่อถือแม้แต่นิดเดียว จริงอยู่ที่พรสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนนั้นดี เมื่อ 3 ปีก่อนยังสามารถสังหารเซี่ยจง บุตรชายของจ้าวราชสีห์ขนทองแห่งลัทิอารามทมิฬมาได้… ทว่าหากจะกล่าวว่า…หลังจากที่เวลาผ่านไปแค่ 3 ปี แต่พลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนกลับก้าวหน้าขึ้นมาถึงขั้นเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน! พวกมันไม่อาจเชื่อได้จริงๆ!! ตลกหรือไร! หลังทะลวงถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ได้แล้ว ยังมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าแต่ละเปลี่ยนนั้น กว่าจะบรรลุถึงได้มันลำบากยากเย็นขนาดไหน? แถมความเปลี่ยนแปลงหลังๆ ยังไม่ใช่แค่อาศัยระยะเวลาบ่มเพาะเข้าว่าถ่ายเดียว… “นั่นสิต่อให้เป็นอัจฉริยะปีศาจไร้ผู้ต้าน ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีม่วง ที่เคยปรากฏตัวขึ้นในประวัติศาสตร์ของลัทธิบูชาไฟเราสมัยก่อน ต่อให้มาบ่มเพาะในสถานที่อันมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะดีที่สุดในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า แต่คิดจะทะลวงจากเซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนไปยังเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน เกรงว่าต้องใช้เวลาอย่างต่ำหลายสิบปี!” “ใช่! ในเวลาเพียงแค่ 3 ปี ต่อให้เป็นอัจฉริยะปีศาจไร้ผู้ต้านที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีม่วง และบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนแล้ว แต่ข้ากลัวว่ายังไม่มีทางบ่มเพาะให้บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรค์ 8 เปลี่ยนได้ด้วยซ้ำ! เป็นไปไม่ได้เลย!!” “ถูกแล้ว เช่นนั้นข่าวลือที่แพร่ออกมาภายหลังสมควรเป็นข่าวปลอม ที่ผู้ฝึกตนอิสระเอาไว้ปั่นหัวพวกเราเล่นมากกว่า…” … ไม่มีใครเชื่อเลยว่าต้วนหลิงเทียนสามารถฆ่าเซี่ยคังฉวินได้จริงๆ ทั้งหมดล้วนคิดว่านี่เป็นข่าวปลอมที่ผู้ฝึกตนอิสระจากนครแห่งบาป หาเรื่องใส่ไคล้หมายปั่นหัวผู้คนเล่นเท่านั้น “ต้วนหลิงเทียน เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน ข่าวเช่นนี้…มันไม่กลัวทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะจนตายรึไร?” เมื่อข่าวลือดังกล่าวแพร่มาถึงหอคุมกกของลัทธิบูชาไฟ อาวุโสเพลิงทองแดงของหอคุมกฏอย่าง ต่งหลิน อดไม่ได้ที่จะหัวเราะลั่น ขณะเดียวกันลูกตาของมันก็เริ่มฉายประกายเยียบเย็น “ต้วนหลิงเทียนในที่สุดเจ้าก็โผล่หัวออกมาเสียที…ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะโชคดีสามารถเอาตัวรอดจากกับดักที่ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะสร้างเอาไว้ได้แบบนี้…” “แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะมีชีวิตให้ยืนยาวสักหน่อย เจ้าหนีได้ก็หนีไป! แต่อย่าได้บังอาจเสนอหน้ากลับมายังลัทธิบูชาไฟอีกแล้วกัน…หาไม่แล้วพอถึงตอนนั้นต่อให้ข้าสู้เจ้าไม่ได้ แต่ข้าจะให้ท่านพ่อฆ่าเจ้าให้ตาย!!” บิดาของต่งหลินนั้น ก็คือต่งหยวนจิ้น รองจ้าวหอคุมกฏของลัทธิบูชาไฟ ในขณะเดียวกกันกับที่ต่งหลินทราบข่าวเรื่องนี้ ทางด้านปู้หง กับหลู่เถี่ย ก็ได้รับทราบข่าวเรื่องราวเช่นกัน และทั้งคู่กก็ไม่ต่างอะไรจากคนอื่น ล้วนคิดว่าข่าวลือนี้ช่างไร้สาระเสียนี่กระไร… “ต้วนหลิงเทียน เซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน?” พวกมันยังยึดถือว่านี่เป็นเรื่องตลกครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่พวกมันเคยได้ยินมาตลอดชั่วชีวิต! ณ สถานที่แห่งหนึ่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟ เหนือขึ้นไปจากเกาะหลัก เมื่อทะลวงม่านเมฆหมอกเบาบางที่อยู่บนฟ้าสูงไปแล้ว ก็จะพบกับหมู่เกาะลอยที่เรียงรายกันอยู่เป็นระดับ ทว่ามีหนึ่งเกาะที่ลอยเด่นสง่าสูงสุดบนฟ้าอยู่เพียงเกาะเดียว…ประหนึ่งจักรพรรดิที่ทอดตาลงมามองใต้หล้า และนั่นก็คือเกาะส่วนตัวของถังซวน จ้าวลัทธิบูชาไฟ! ฟุ่บบ! ทันใดนั้นปรากฏสายลมแรงหอบหนึ่ง เป็นร่างแข็งแกร่งหนึ่งที่เหินขึ้นมาจากด้านล่างจนบรรลุถึงบริเวณใกล้เคียงเกาะสูงสุดแห่งนี้ด้วยความเร็วสูงล้ำ “ผู้น้อยขอคารวะท่านจ้าวลัทธิ…” ร่างที่ลอยล่องขึ้นมา ไม่กล้าล่วงล้ำเข้ามาในตัวเกาะ เพียงหยุดร่างค้างกลางหาวด้านนอก วาจาที่กล่าวออกยังสุภาพเรียบๆร้อยๆนัก หากมีชนชั้นอาวุโสของลัทธิบูชาไฟมาอยู่ที่นี่สักคนต้องระบุตัวตนของมันได้ทันที เพราะร่างที่พึ่งเหินมาถึงนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น 1 ใน 2 รองจ้าวลัทธิบูชาไฟ ตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตพลังเซียนสวรรค์ 6 เปลี่ยน! วูบ! แทบจะพอดีกันกับที่วาจาของรองจ้าวลัทธิคนนี้ดังจบคำ ก็ปรากฏสายลมหอบหนึ่งพัดวาบมาจากด้านในตัวเกาะ ร่างสูงใหญ่หนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้า ราวกับคนทั้งคนผุดขึ้นมาจากอากาศว่างเปล่า! เป็นชายวัยกลางคนที่รูปร่างสูงใหญ่แลดูกำยำนัก มันมาในชุดคลุมสีขาวลายปักเปลวเพลิงสีแดงสด เพียงมองผิวเผินก็ไม่ต่างจากกชุดคลุมสำหรับชนชั้นอาวุโสของลัทธิบูชาไฟสักเท่าไหร่ แต่แน่นอนว่าเพียงแค่ละม้ายคล้ายเท่านั้น เพราะหากมองให้ดีจะพบว่าลายปักเปลวเพลิงสีแดงสดนั่น กลับมีรูปลักษณ์ละม้ายคล้ายมังกรเทพยดาอยู่หลายส่วน! หากมองไกลๆ เสมือนมีมังกรเทพยดาพัวพันอยู่รอบกายชายวัยกกลางคนร่างหนาผู้นี้ ประหนึ่งผู้พิทักษ์ก็ไม่ปาน! และชายวัยกกลางคนผู้นี้แม้จะมีร่างกายสูงใหญ่แลดูกำยำแข็งแกร่ง หากแต่มันไม่ได้ดูดิบเถื่อนอะไร ไม่ให้ความรู้สึกหยาบกระด้างแม้แต่น้อย เพราะไม่ว่าจะเป็นทีท่าการแสดงออก จวบจนหน้าตา ล้วนแล้วแต่ให้ความรู้สึกสง่างามน่าเกรงขาม! หว่างคิ้วของมันยังแผ่พุ่งบารมีเด่นล้ำ ราวกับเป็นเจ้าคนนายคนมานานนับร้อยๆปี เพียงมองก็ให้ความรู้สึกสูงส่ง ราวกับมีพลังสะกดข่ม ทำให้สรรพสิ่งยอมจำนน มันไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นจ้าวลัทธิบูชาไฟแห่งนี้… ถังซวน! “มาหาข้าเช่นนี้ มีเรื่องด่วนอันใดหรือ?” แม้ว่าข่าวเรื่องราวจากนครแห่งบาปจะแพร่มาถึงลัทธิบูชาไฟแล้ว แต่ถังซวนที่ชมชอบบ่มเพาะพลังอยู่ในเคหะสถานส่วนตัว ย่อมไม่ทราบ แต่มันยังรู้ได้ทันที หากรองจ้าวลัทธิมาหามันถึงที่นี่แบบนี้ สมควรมีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานมันให้รู้และต้องได้รับการตัดสินใจจากมัน! “ท่านจ้าวลัทธิ ที่ข้ามาหาท่านเพราะ….” รองจ้าวลัทธิพยักหน้ารับคำ ก่อนที่จะเริ่มกล่าวรายงานเรื่องราวที่มันได้รับทราบมา เป็นเรื่องการยืนยันแน่ชัดแล้วว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจบุกรุกเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่างเรียบร้อยแล้ว! “เผ่าพันธุ์ปีศาจได้บุกรุกเข้ามาในภูมิภาคเบื้องล่างตั้งแต่3 ปีก่อน…เรื่องจริงหรือนี่” เมื่อได้รับการยืนยันข้อเท็จจริงเรื่องนี้ แม้ถังซวนจะเป็นจ้าวลัทธิบูชาไฟ และเป็นตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนแล้ว ก็ยังอดไม่ได้ที่จะชักสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังขึ้นมาทันที เผ่าพันธุ์ปีศาจจากแดนเนรเทศ ทรงพลังนัก! เรื่องนี้มันได้รับทราบจากบันทึกประวัติศาสตร์รวมถึงบันทึกโบราณของลัทธิบูชาไฟมาไม่น้อย ที่สำคัญคือในเผ่าพันธุ์ปีศาจก็ไม่ใช่ว่าจะขาดตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน… ยิ่งไปกว่านั้นเผลอๆ ตอนนี้ในเผ่าพันธุ์ปีศาจอาจมีแม้กระทั่งเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนที่ข้ามผ่านหายนะทัณฑ์สวรรค์แล้ว แต่ยังไม่ได้ขึ้นสู่ระนาบเทวโลก…ครึ่งก้าวเซียนอมตะ!! “ใช่ขอรับ” รองจ้าวลัทธิพยักหน้ารับ ก่อนที่จะชักสีหน้าซับซ้อนพลางกล่าวต่อว่า “อันที่จริงข่าวเรื่องเผ่าพันธุ์ปีศาจคราวนี้ เป็นศิษย์อัจฉริยะท้าทายสวรรค์ ต้วนหลิงเทียน ของลัทธิบูชาไฟเรา ที่เป็นผู้ยืนยันความจริงมาขอรับ…” “หืม? ศิษย์อัจฉริยะท้าทายสวรรค์ ต้วนหลิงเทียน ของพวกเรารึ?” ถังเซียนโค้งคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ ค่อยมองถามรองจ้าวลัทธิด้วยความสนใจ มันเองก็ออกจากการปิดด่านบ่มเพาะมาได้สักพักแล้ว เช่นนั้นจึงพอได้ยินข่าวเรื่องราวการปรากฏตัวอันโดดเด่นของศิษย์อัจฉริยะท้าทายสวรรค์คนใหม่นามว่าต้วนหลิงเทียน ที่เคยสร้างวีรกรรมน่าตื่นตาตื่นใจเมื่อ 3 ปีก่อนมาบ้าง… “ถูกแล้วขอรับ” รองจ้าวลัทธิพยักหน้ารับอีกครั้ง “ว่ากันว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้ได้เข้าไปในกับดักที่ 3 ปีศาจครึ่งก้าวเซียนอมตะนั่นเมื่อ 3 ปีก่อนเช่นกัน…อย่างไรก็ตามในขณะที่ผู้อื่นถูกสังหารตกตายหมดสิ้น ต้วนหลิงเทียนศิษย์ของเราคนนี้กลับรอดชีวิตมาได้ และอาศัยอยู่ด้านในมาตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่าน! หลังจากที่พึ่งออกมา ก็ไปประกาศความจริงทั้งหมดที่นครแห่งบาปขอรับ…” “หืม? อยู่ในนั้นมาตลอดระยะเวลา 3 ปีรึ?” ถังซวนพยักหน้ารับพลางกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าแพะเฒ่าจากลัทธิอารามทมิฬนั่นจะกล่าววาจาโกหกคำโตแล้วจริงๆ…ข้าเอะใจเรื่องนี้อยู่แต่แรกแล้ว ว่าไฉนคนอย่างเจ้าแพะเฒ่านั่นจะลดตัวมากล่าวคำสาบานกับเรื่องพรรค์นี้ได้…ที่แท้เป็นมันสนใจยอดศาสตราเซียนทั้ง 2 ชิ้นที่ต้วนหลิงเทียนมีอยู่จริงๆ!!” “เรียนท่านจ้าวลัทธิ…สำหรับเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนได้ยืนยันความจริงจากการกล่าวคำสาบานแล้วเช่นกันขอรับ ว่าที่ตัวมันมีเพียงตราผนึกมารเท่านั้น…ไม่มียอดศาสตราชิ้นที่ 2 อยู่อีก! กระบี่ที่มันมีเล่มนั้น…มิใช่กระบี่ไร้ลักษณ์หรือกระบี่ 9 สวรรค์ขอรับ…” รองจ้าวลัทธิกล่าวออกมาอีกครั้ง “ในเมื่อเรื่องเผ่าพันธุ์ปีศาจจากแดนเนรเทศได้รุกรานเข้ามาเป็นเรื่องจริง…เช่นนั้นหากเทียบกันแล้ว พลังพิเศษของกระบี่ไร้ลักษณ์แทบไม่อาจนับเป็นอะไรได้เลย ถือว่าด้อยกว่าพลังของตราผนึกมารมากมายหลายขุม…!” ถังซวนกล่าวพึมพำกับตัวเบาๆ สองตาเริ่มทอประกายวูบวาบ และวาจากล่าวพึมพำนี้ของมันแน่นอนว่าย่อมดังเข้าหูรองจ้าวลัทธิด้วยเช่นกัน ตราผนึกมารนั้น เอกอุในเรื่องสยบมาร เป็นของแสลงผู้ฝึกตนวิถีมารและเผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างยิ่งยวด! เรียกว่าเป็นดาวข่มหมู่มาร! ดาวพิฆาตเผ่าพันธุ์ปีศาจก็ว่าได้!!
คอมเม้นต์