War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2144
ตอนที่ 2,144 : ไร้กำลัง… “วาสนาในคราวเคราะห์หรือ?” ได้ยินคำของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเฝื่อนๆ ก็ใช่ ครั้งนี้นับว่าเขาได้พบวาสนาในคราวเคราะห์จริงๆ! ไม่เพียงแต่รอดพ้นจากหายนะตายตก แต่ยังได้กลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณคุณภาพสูงจำนวนมาก! ทั้งหมดล้วนเป็นพรสวรรค์รากวิญญาณของยอดฝีมือลือชื่อทั้งสิ้น ทำให้รากวิญญาณสีครามของเขาแปรเปลี่ยนเป็นรากวิญญาณสีครามเข้มได้ทันที กระทั่งแม้จะยังไม่เป็นสีม่วง แต่ก็ห่างอีกไม่ไกลแล้ว!! อย่างไรก็ตามพอคิดถึงเรื่องที่เมื่อครู่ ตัวตนอย่างไป๋หลี่กับเหวยสั่วกลับต้องตายตกไปแบบนั้น หัวใจเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไหวไปอยู่บ้าง เหวยสั่วนั่นไม่เพียงแต่จะเป็น 1 ใน 4 มหาธรรมราชาของลัทธิอารามทมิฬ ‘จ้าวค้างคาวปีกเขียว’ มันยังเป็นยอดฝีมือที่รั้งอยู่ในอันดับที่ 24 ของรายนามยอดเซียนอีกด้วย…เป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยน! ส่วนไป๋ลี่นั้น นอกจากเป็นผู้ฝึกตนอิสระระดับแนวหน้าของนครแห่งบาปแล้ว มันยังบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 8 เปลี่ยน กระทั่งยังมีพลังฝีมือติดอันดับที่ 9 ในรายนามยอดเซียน! เรียกว่าต่อให้กวาดตามองไปทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ไป๋ลี่ก็ถือเป็นยอดฝีมือระดับต้นๆ! อย่างไรก็ตามชนชั้นยอดฝีมือทั้ง 2 คนในแดนดิน กลับต้องมาตกตายในระนาบเทียมแห่งนี้ในชั่วพริบตา ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งคู่ยังไม่มีแม้แต่เวลาจะตอบสนองสิ่งใดได้ทัน นับประสาอะไรกับต้านทานพลังอันน่าสะพรึงกลัวนั่น… ‘หากสวรรค์ให้โอกาสพวกมันย้อนกลับไป…ต่อให้พวกมันจะมีความกล้ามากกว่านี้อีกร้อยเท่า พวกมันก็ไม่กล้าเข้ามาที่นี่แน่…’ ต้วนหลิงเทียนแทบจะมั่นใจในเรื่องนี้เต็มร้อยส่วน ‘สำหรับคนอื่นๆไม่ว่าจะเป็นผู้นำพันธมิตรพันสารท ตงกั๋วอี้ ประมุขพรรคธุลีลืมเลือนเหอเฟยยี่ และคนที่เหลือ…ถ้าพวกมันได้รับโอกาสอีกครั้ง พวกมันก็ไม่มีวันเข้ามาที่นี่เหมือนกัน…’ คนที่ยังมีชีวิต ตัวเป็นๆเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนจนถึงเมื่อครู่ อยู่ๆก็ตกตายไปหมดสิ้น เข้าใจได้ไม่ยากว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกยังไง… ตอนนี้ในใจเขาไม่เหลือความสุขความยินดีจากการยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณอีกต่อไป ตอนนี้ในใจมีแต่ความโล่งอก และรู้สึกขอบคุณโชควาสนา… โชคดีนักที่เขามีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ถึงได้รอดพ้นพลังล้างโลกนั่นมาได้! ไม่งั้นวันนี้เขาได้ตายแน่! กระทั่งตอนนี้หน้าผากของต้วนหลิงเทียนยังปรากฏเหงื่อเย็นเม็ดเขื่องผุดซึมออกมาไม่หยุด ใจยังเต้นรัวไปไม่เป็นจังหวะ ยากจะหวนคืนสู่ความสงบดังเดิม เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างเงียบงัน… หลังผ่านไปราวๆเค่อหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างแน่นิ่งในความว่างเปล่า ก็ค่อยๆหายจากอาการตื่นตระหนกเสียขวัญ ขณะเดียวกันเขาก็เริ่มหันมองไปสำรวจรอบๆกาย จึงพบว่ามองไปทางใดก็พบเจอแต่ความว่างเปล่า ไม่อาจแลเห็นสิ่งใดได้เลย ไม่รู้ตอนนี้จะต้องไปไหนต่อดี… ตอนนี้ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องการทดสอบอะไรด้วยซ้ำ เขารู้สึกเสมือนเรือลำน้อยที่ลอยเคว้งคว้างท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่โดยไม่รู้ทิศทางอย่างโดดเดี่ยว… และต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ก็คล้ายจะถูกเจิ้งตงจี๋ 1 ใน 3 ผู้สร้างระนาบเทียมแห่งนี้ลืมเลือนไปแล้ว “ผู้เฒ่าหั่ว ความจริงข้าสมควรถูกฆ่าตายในระนาบเทียมแห่งนี้พร้อมพวกไป๋ลี่กับเหวยสั่วไปแล้ว…แต่เพราะข้ามีเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ข้าจึงรอดมาได้…นั่นหมายความว่าตอนนี้ข้าเสมือนเป็นสิ่งที่อยู่เหนือความคาดคิดของเจิ้งตงจี๋ และหลุดจากการควบคุมของมันไปแล้วใช่ไหม?” ต้วนหลิงเทียนที่คล้ายตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ เร่งส่งเสียงไปหาผู้เฒ่าหั่วทันที “ท่านผู้เฒ่าหั่ว แล้วแบบนี้ข้าจะออกไปจากระนาบเทียมแห่งนี้ได้ยังไงหรือ?” เรียกว่าจังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนไม่สนใจคลังสมบัติอะไรในระนาบเทียมแห่งนี้อีกต่อไป เขาเพียงแค่อยากจะออกไปให้พ้นๆระนาบเทียมนี่โดยเร็วที่สุด! เรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้น ได้ทิ้งเงาอันยากลบเลือนเอาไว้ในใจเขา เกือบไปแล้ว! ฉิวเฉียดนัก! อีกแค่นิดเดียวเขาก็ตายคาที่ไปแล้ว!! ร่างต้วนหลิงเทียนอดไมได้ที่สะท้านขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว เมื่อตระหนักได้ว่าเมื่อครู่เขาเฉียดใกล้ประตูผีมากแค่ไหน เรียกว่าขาแทบจะก้าวข้ามไปข้างหนึ่งแล้วด้วยซ้ำ!! หากเลือกได้ เขาไม่อยากเจอความรู้สึกแบบนั้นอีกตลอดชั่วชีวิต เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาจึงคิดที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้โดยเร็วที่สุด “ไฉนเจ้าต้องคิดออกจากระนาบเทียมแห่งนี้?” อย่างไรก็ตามหลังได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ผู้เฒ่าหั่วกลับเลือกที่จะย้อนถาม “ผู้เฒ่าหั่ว…” ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มขื่นขม “ตอนนี้การทดสอบที่เหลืออยู่ของเจิ้งตงจี๋กับ 2 ครึ่งก้าวเซียนอมตะพวกนั้น ก็เสมือนข้าถูกคัดออกไปแล้ว…ถึงข้าจะรอดชีวิตมาได้ แต่ข้าก็ไม่มีทางที่จะกลับเข้าไปรับการทดสอบอะไรนั่นได้อีกต่อไป…” “ในเมื่อข้าไม่มีทางกลับเข้าไปรับการทดสอบอะไรนั่น ก็หมายความว่าข้าไม่มีสิทธิ์ได้รับมรดกตกทอด จะทรัพยากร สมบัติและเคล็ดวิชาอะไรที่พวกมันเหลือไว้ ข้าก็ไม่มีหวังทั้งสิ้น” “แล้วแบบนี้ข้าจะอยู่ที่นี่ต่อไปทำไม? ไม่สู้เร่งออกจากสถานที่ผีสางแห่งนี้เสียยังประเสริฐกว่าหรือ?” ต้วนหลิงเทียนเจงเหตุผลที่เขาคิดจะออกจากสถานที่แห่งนี้กับผู้เฒ่าหั่ว “มิผิด…เจ้ามิอาจเข้ารับการทดสอบอันใดได้อีกแล้ว และไม่มีทางได้รับสมบัติอะไร…แต่เจ้าไม่อยากยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าแล้วรึ?” ผู้เฒ่าหั่วกล่าวถาม “หืม? ผู้เฒ่าหั่ว เรื่องนี้ท่านหมายความว่ายังไง…?” ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วทั้งเบิกตากว้าง กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัยทันที ด้วยไม่เข้าใจว่าที่ผู้เฒ่าหั่วพูดมาเมื่อครู่หมายความว่ายังไง เขาไม่อยากยกระดับพรสวรรค์รากวิญญาณนั่นหมายถึงอะไร? “พลังของข้าตอนนี้ได้ฟื้นฟูกลับมาอยู่ในขอบเขตเซียนอมตะแล้ว…เช่นนั้นสำนึกเทวะของข้าจึงสามารถมองผ่านระนาบเทียมแห่งนี้ได้ กระทั่งยังแลเห็นว่าอีก 2 กลุ่มกำลังเริ่มต้นการทดสอบรอบที่ 3 อย่างไร” ผู้เฒ่าหั่วกล่าวตอบออกมาทันที “และการทดสอบรอบที่ 3 ก็เหมือนกันกับการทดสอบรอบที่ 2…หากมีใครคนใดในกลุ่มตกตาย ทั้งกลุ่มจะถูกกำจัด…” “แล้วอย่างไรหรือ?” ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวพร้อมยิ้มเจื่อนๆ “ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้พวกมันอยู่ตรงไหน…หรือข้ายังจะติดตามไปหาพวกมันได้? ข้ายังสามารถฉวยโอกาสหลังจากที่พวกมันค่ายกลฆ่าตาย เพื่อกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณแบบเมื่อครู่ได้อีกหรือ?” “ทำไมจะไม่ได้เล่า?” ทว่าคำถามนี้ของต้วนหลิงเทียนกลับถูกผู้เฒ่าหั่ววตอบกลับมาแทบจะทันที นี่ทำให้สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นจริงจัง เร่งกล่าวถามออกมาด้วยความตกใจทันที “ผู้เฒ่าหั่วท่านหมายความว่า…ท่านสามารถพาข้าไปกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมันได้หรือ!?” “ย่อมได้!” เสียงตอบรอบนี้ของผู้เฒ่าหั่วเต็มไปด้วยความมั่นใจ “มิใช่ว่าข้าพึ่งบอกเจ้าไปเมื่อครู่หรือไร ว่าบัดนี้สำนึกเทวะของข้าสามารถมองผ่านระนาบเทียมแห่งนี้ได้แล้ว…” “และเมื่อครู่ข้าลองมองสำรวจระนาบเทียมแห่งนี้ดู ข้าก็สามารถยืนยันตำแหน่งของทุกคนได้ทันที…ตอนนี้สถานที่ๆทั้ง 2 กลุ่มกำลังดำเนินบททดสอบอยู่ ก็เป็นพื้นที่ปิดที่เป็นดั่งถ้ำที่เจ้าอยู่ก่อนหน้า! ขอเพียงเจ้าเดินทางไปยังจุดกึ่งกลางระหว่างพื้นที่ปิดทั้ง 2 ล่ะก็ เจ้าที่ใช้ความเร็วสูงสุดก็สามารถบรรลุถึงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งได้ในเวลาไม่ถึง 10 ลมหายใจ…” “หลังจากที่รับทราบว่ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมีคนตาย พื้นที่แห่งนั้นก็ย่อมต้องถูกพลังทำลายล้าง…ด้วยความเร็วสูงสุดของเจ้า คิดเดินทางไปให้ถึงก็ไม่นับว่าสายเกินไป…” ผู้เฒ่าหั่วกล่าวสืบต่อ “จริงอยู่ที่กว่าเจ้าจะวิ่งไปถึง…รากวิญญาณของพวกมันอาจจะสูญสลายไปบ้าง แต่พรสวรรค์รากวิญญาณของเจ้าก็ยังต้องได้รับการยกระดับขึ้นไม่น้อย” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับคำ หากแต่ไม่ได้แสดงความยินดีอะไร ตรงกันข้ามเขากลับรู้สึกหนักใจอยู่บ้าง “ผู้เฒ่าหั่ว…” ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวถามผู้เฒ่าหั่วออกมา “ท่าน…ท่านมีวิธีช่วยพวกมันให้รอดพ้นพลังสังหารหรือไม่ หรือหยุดการทดสอบของ 3 ครึ่งก้าวเซียนอมตะอะไรทำนองนั้น?” แม้ว่าการยดระดับพรสวรรค์รากวิญญาณจะเป็นเรื่องดี… และยังเป็นอะไรที่เย้ายวนใจต้วนหลิงเทียนนัก… แต่พอต้วนหลิงเทียนนึกถึงข่าวเรื่องที่…ตอนนี้ภูมิภาคเบื้องล่างอาจถูกปีศาจจากแดนเนรเทศรุกราน กระทั่งอาจจะยึดครองไปแล้ว… ถึงแม้คนในภูมิภาคเบื้องบนจะไม่ค่อยกล่าวถึงเรื่องนี้สักเท่าไหร่ แต่ต้วนหลิงเทียนยังคงติดใจและไม่อาจปล่อยวางเรื่องนี้ไปได้! นอกจากนั้นเขายังบังเกิดลางสังหรณ์อันแรงกล้าประการหนึ่งมาโดยตลอด… ดังคำที่กล่าวไว้ว่า หนึ่งหมื่นไม่กลัว กลัวหนึ่งในหมื่น… จะเกิดอะไรขึ้นหากตอนนี้เผ่าพันธุ์ปีศาจได้บุกเข้ามายึดครองภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจริงๆ? ถึงตอนนั้นเกรงว่าไม่เพียงแต่ภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจะถูกทำลาย และมนุษย์เบื้องล่างถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ กระทั่งภูมิภาคเบื้องบนก็ไม่อาจรอดพ้นหายนะไปได้…! ถึงตอนนั้นมนุษย์ทุกคนจำต้องผนึกกำลังกันต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ปีศาจ!! คนที่บุกเข้ามาในระนาบเทียมอันถูกสร้างขึ้นด้วยน้ำมือของ 3 ครึ่งก้าวเซียนอมตะรวมถึงเจิ้งตงจี๋นั่น ตอนนี้นอกจากคนในกลุ่มเขาที่ตายไปแล้วอย่างไป๋ลี่ เหวยสั่ว สมควรยังเหลือยอดฝีมือที่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนกระทั่งเหนือกว่านั้นอีกหลายคน… เมื่อถึงวันที่เผ่าพันธุ์ปีศาจบุกขึ้นมายังภูมิภาคเบื้องบนแห่งนี้จริงๆ ตัวตนที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ 7 เปลี่ยนหรือเหนือกว่านั้น ไม่พ้นต้องกลายเป็นกระดูกสันหลัง! เป็นดั่งเสาหลักของมนุษย์ชาติในการต่อต้านเผ่าพันธุ์ปีศาจอย่างที่ไม่ต้องสงสัยเลย!! ดังนั้นต้วนหลิงเทียนจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะรอดชีวิตไปได้ ถึงแม้เขาจะไม่รู้จักคนเหล่านั้น กระทั่งพรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมันจะเย้ายวนใจเขาไม่น้อย ทว่าต้วนหลิงเทียนยังหวังให้พวกมันรอด…เพราะเขาเป็นคนที่มองภาพรวม! “เว้นเสียแต่ข้าจะสามารถออกไปนอกเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติได้…หาไม่แล้วข้าก็ไม่มีทางส่งพวกมันออกนอกระนาบเทียมแห่งนี้ หรือหยุดยั้งการดำเนินการทั้งหมดในระนาบเทียมที่ 3 ครึ่งก้าวเซียนอมตะได้ตั้งค่าเอาไว้แต่แรก…” ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียนผู้เฒ่าหั่วก็กล่าวตอบออกมาทันที และคำตอบของผู้เฒ่าหั่ว ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนผิดหวังเป็นธรรมดา และในขณะที่รู้สึกผิดหวัง ต้วนหลิงเทียนก็คล้ายจะนึกถึงอะไรได้ออก แววตาคล้ายมีไฟแห่งความหวังลุกโชนขึ้นมาอีกครั้งพลางถามผู้เฒ่าหั่ว “ผู้เฒ่าหั่ว แล้วท่านสามารถชี้แนะข้าให้ช่วยพวกมันได้หรือไม่?” “เจ้า? พลังของเจ้าตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไป…หากเจ้าคิดจะช่วยเหลือพวกมัน อย่างน้อยๆพลังฝึกปรือของเจ้าต้องบรรลุถึงขอบเขตเซียนอมตะเสียก่อน” ผู้เฒ่าหั่วกล่าวปฏิเสธ “หาไม่แล้วต่อให้เจ้ารู้ว่าพวกมันอยู่ตรงไหน แต่ด้วยพลังของเจ้าในตอนนี้ก็ไม่มีทางทำลายพื้นที่ปิดผนึกเพื่อช่วยให้พวกมันรอดพ้นจากพลังสังหารของค่ายกลได้เลย นับประสาอะไรกับช่วยเหลือพวกมัน” ผู้เฒ่าหั่วพูดต่อออกมาว่า “ตอนนี้สิ่งที่ดีที่สุดที่เจ้าสามารถกระทำได้คือนั่งดูอยู่ข้างสนาม…และอย่าปล่อยให้พรสวรรค์รากวิญญาณอันมีค่าของพวกมันต้องสลายหายไปอย่างสูญเปล่า…” “ทั้งหมดไม่ใช่เพราะเจ้าไม่คิดช่วยเหลือพวกมัน แต่เจ้าไร้กำลังพอจะช่วยเหลือพวกมัน…เช่นนั้นเจ้าก็อย่าได้กดดันตัวเองให้มากไป เพียงเจ้าเห็นแก่พวกมันได้แบบนี้ก็นับว่าประเสริฐมากแล้ว” หลังได้ยินคำของผู้เฒ่าหั่ว ต้วนหลิงเทียนก็เสมือนตื่นจากฝัน เพราะเขามันไร้พลัง…เช่นนั้นก็ทำได้แค่เฝ้าดู 1 ใน 2 กลุ่มต้องพบพานกับความตายอย่างที่ไม่อาจทำอะไรได้เลย… หลังตระหนักได้ว่าไม่มีหนทางใดที่จะช่วยเหลือคนทั้ง 2 กลุ่มได้ ต้วนหลิงเทียนก็เร่งเดินทางมายังจุดกึ่งกลางของพื้นที่ปิดทั้ง 2 ทันทีภายใต้การชี้นำของผู้เฒ่าหั่ว และรอผู้เฒ่าหั่วให้สัญญาณ… ในขณะเดียวกันนั้นเอง อีก 2 กลุ่มก็อยู่ระหว่างการทดสอบรอบที่ 3 ตอนแรกก็เป็นเรื่องที่สร้างความตื่นเต้นยินดีให้พวกมันไม่น้อย ที่สามารถผ่านการทดสอบรอบที่ 2 และมาถึงการทดสอบรอบที่ 3 ได้แบบนี้ อย่างไรก็ตาม พอพบว่าการทดสอบในรอบที่ 3 นั้น แทบจะเหมือนกันกับการทดสอบรอบที่ 2 ไม่มีผิดเพี้ยน ใจของทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะเต้นไปไม่เป็นจังหวะ ระส่ำระสายนัก! ……
คอมเม้นต์