War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2068
ตอนที่ 2,068 : ความกล้าของชิวมู่ชิง! วูวว! วูวว! วูวว!…ทันใดนั้นท่ามกลางสายตาของผู้ที่มาดื่มกินในเหลาอาหาร ‘วังวน’ ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนก็ปรากฏขึ้นรอบมือของต้วนหลิงเทียน ยังเป็นมือที่เขาคว้าจับกำปั้นของตงฟางฉู่เอาไว้! วังวนพลังดังกล่าว หมุนวนด้วยความเร็วรอบสูงล้ำพาลให้ความว่างเปล่าโดยรอบปั่นป่วน อากาศกระเพื่อมไปดั่งหนึ่งหินหล่นสระก่อเกิดพันระลอก! “อ๊าคคคค!!” และทันทีที่วังวนดังกล่าวปรากฏขึ้น เสียงดั่งหมูถูกเชือดก็ร้องดังลั่นเหลา! เป็นตงฟางฉู่ที่กรีดร้องออกมาโหยหวนปานถูกควักหัวใจ!! สีหน้าตงฟางฉู่ตอนนี้บิดเบี้ยวถึงขีดสุด ร่างสั่นสะท้านไปราวกับมันได้รับความเจ็บปวดแสนสาหัส และความเจ็บปวดดังกล่าวก็ทำให้ตงฟางฉู่อยากตายไปให้พ้นๆ! “นิ…นี่ เกิดอะไรขึ้นกัน!?” “ดูเหมือนเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นจะทำอะไรบางอย่าง…หากมิทำอันใดไหนเลยคุณชายรองตระกูลตงฟางจะกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดถึงเพียงนั้น” “พวกเจ้าดูอาการคุณชายรองสกุลตงฟางเถอะ! สีหน้าทั้งเสียงร้องนั่นไม่ทราบเจ็บปวดถึงเพียงใด…ทำราวกับจะขาดใจก็ไม่ปาน! ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นที่แท้จะมีธาตุอำมหิตถึงเพียงนี้!!” “ข้าสัมพัสได้ว่าวังวนพลังนั้นเปี่ยมล้นไปด้วยคลื่นพลังวิญญาณ…หรือมันกำลังใช้อำนาจจิตทรมาณคุณชายรองสกุลตงฟางอยู่กัน?” “อาจเป็นได้” … ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณของตางฟางฉู่อย่างไม่สนใจผู้ใด ผู้คนในเหลาก็เริ่มถกถึงเรื่องนี้กันระงม หลายคนตื่นตระหนกกับการลงมือพิสดารของต้วนหลิงเทียนนัก และมีหลายคนที่สัมพัสได้ถึงคลื่นพลังวิญญาณขุมหนึ่งจากสำนึกเทวะ ทำให้เดากันไปว่าต้วนหลิงเทียนกำลังใช้อำนาจจิตเล่นงานวิญญาณตงฟางฉู่โดยตรง อย่างไรก็ตามพวกมันไม่เคยคิด กระทั่งหลับยังไม่อาจฝันถึง ว่าต้วนหลิงเทียนกลับรู้วิธีกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณผู้อื่นมาส่งเสริมพรสวรรค์รากวิญญาณของตัวเอง! และพวกมันก็ไม่อาจรู้ได้ ว่าต้วนหลิงเทียนกำลังสำแดงการกลืนกินพรสวรรค์รากวิญญาณต่อหน้าต่อตาพวกมัน! สตรีชุดขาวที่นั่งข้างต้วนหลิงเทียน อันเป็นคุณหนูของตระกูลชิว 1 ใน 3 ตระกูลใหญ่ของเมืองคงหมิง ชิวมู่ชิง อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจกับพลังฝีมืออันแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียน และเมื่อเห็นว่าตงฟางฉู่กำลังกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทุกข์ทรมาณด้วยน้ำมือของต้วนหลิงเทียน ประกายแสงหนึ่งที่ยากจะสังเกตเห็นก็เรืองวูบขึ้นในดวงตาคู่งามปานฤดูใบไม้ร่วงของนาง “อ๊าคคคคค!!!” ตงฟางฉู่ยังคงกรีดร้องโหยหวนดังลั่นไม่หยุดปาก… เสียงกรีดร้องของมันยิ่งมายิ่งโหยหวนกว่าหมูที่ถูกเชือดเสียอีก! พาลให้เหล่าผู้ที่มาดื่มกินในเหลาอดไม่ได้ที่จะขนลุกซู่ด้วยความหวาดกลัว ราวกับรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดดังกล่าว!! อนิจจานอกจากตงฟางฉู่แล้ว คงยากที่จะมีใครเข้าใจว่าตอนนี้มันเจ็บปวดและทรมาณเพียงไหน! ความเจ็บปวดที่เคี่ยวกรำจนมันแทบขาดใจตายหาได้มาจากร่างกายไม่ แต่มาจากวิญญาณ! ตอนนี้ตงฟางฉู่รู้สึกเสมือนทั่วร่างถูกเปลวไฟผลาญเผา ทั้งหมดเพราะมีพลังมหาศาลขุมหนึ่งกำลังฉีกกระชากส่วนหนึ่งของวิญญาณมันไปราวกับดึงไหมออกจากรัง! เป็นความเจ็บปวดสุดแสนที่เคี่ยวกรำทำร้ายวิญญาณอันสาหัสนัก! โชคดี ที่พลังมหาศาลฉีกกระชากวิญญาณนั่นเพียงดำเนินอยู่ครู่เดียวเท่านั้น ไม่นานวิญญาณของมันก็หวนคืนสู่สภาวะปกติ ตงฟางฉู่ระบายลมหายใจออกยืดยาวด้วยความโล่งอกเฮือกหนึ่ง ค่อยหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เสื้อคลุมของมันตอนนี้ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อราวตกน้ำ รู้สึกเสมือนพึ่งรอดกลับมาจากประตูผี! ปงงง!! ในขณะที่ตงฟางฉู่กำลังหอบหายใจอย่างหนัก เสียงระเบิดพลันดังขึ้นอีกครั้ง เป็นต้วนหลิงเทียนปล่อยมือที่กำหมัดของตงฟางฉู่ก่อนจะสะบัดมือเบาๆ ซัดพลังขุมหนึ่งกระแทกร่างตงฟางฉู่จนปลิดปลิวกระเด็น! ตงฟางฉู่ที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ก็ถูกซัดปลิวกระเด็นออกนอกหน้าต่างเหลาอาหารปานว่าวสายป่านขาด! ร่วงตกพื้นดังตุ๊บ กลิ้งหลุนๆไปไม่เป็นท่า!! เหล่าผู้คนที่สัญจรอยู่บนถนนถึงกับต้องเร่งรุดหลีกหลบกันจ้าละหวั่น เสียงโวยวายด่าทอด้วยความแตกตื่นดังขึ้นระงม และมีไม่น้อยที่จดจำตงฟางฉู่ได้ “เอ๋!? นี่มิใช่คุณชายรองสกุลตางฟางหรือไร ไฉนสภาพถึงได้อนาถขนาดนี้เล่า?” “หากข้ามองไม่ผิด เมื่อครู่คล้ายมันจะถูกผู้คนจับโยนออกจากเหลาอาหาร…จากสภาพอนาถของมันท่าทางจะโดนดีมาไม่น้อย…” “เป็นผู้ใดลงมือกัน? ในเมืองคงหมิงเรายังมีผู้ใดหาญกล้าลงมือทำร้ายคุณชายรองสกุลตงฟางด้วยหรือ…หากจะมีน่ากลัวว่าคงมีแต่คนของตระกูลเฝิงเท่านั้น…มิทราบเป็นอัจฉริยะคนใดของตระกูลเฝิงที่ลงมือกัน?” … … เหล่าคนที่สัญจรผ่านไปมาด้านล่างเห็นตงฟางฉู่ในสภาพอนาถแบบนี้ย่อมจ้อกันไม่หยุด ยังคาดเดากันไปด้วยความอยากรู้…ว่าใครกันที่ทำให้ตงฟางฉู่ตกอยู่ในสภาพนี้ได้! เพราะด้วยฐานะคุณชายรองตระกูลตงฟาง ยากนักที่จะมีใครกล้าทำร้ายมันจนสิ้นท่าแบบนี้ “อั๊ค!!” ตงฟางฉู่กระอักโลหิตออกคำหนึ่ง มันพยายามลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ค่อยมองไปยังเหลาอาหารด้วยใบหน้าดุร้ายปานยักษ์มาร สุดท้ายก็เร่งรุดจากไปด้วยความอับอาย “สารเลว! ไม่ว่าเจ้าจะเป็นผู้ใด แต่วันนี้ข้าจะให้เจ้าตายไร้ที่ฝัง!!” ตงฟางฉู่ที่วิ่งกลับบ้านด้วยความอับอาย กล่าวคำอาฆาตด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน ตอนนี้มันอยากรีบกลับไปให้ถึงที่บ้านให้เร็วที่สุด จะได้ไปฟ้องบิดาให้ส่งยอดฝีมือติดตามมันกลับไปเอาคืน! มันจะรีบเอายอดฝีมือกลับไปฆ่าชายหนุ่มชุดม่วง ที่ทำให้มันต้องอับอายขายขี้หน้าผู้คนให้ตาย!! ส่วนอีกด้านนั้น ในเหลาอาหาร…ภายใต้สายตาอื้ออึงของผู้คน ต้วนหลิงเทียนที่รับหมัดตงฟางฉู่ได้ง่ายๆและซัดอีกฝ่ายราวหมูหมาเพียงนั่งลงอย่างไร้เรื่องราว! “แม่นางมู่ชิงนั่งเถอะ” ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวทักชิวมูงชิงที่ยืนออยู่ข้างๆให้นั่งลงหน้ตาเฉย ชิวมู่ชิงพอได้ยิน ก็นั่งลงทันทีอย่างไม่รู้ตัว มองต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาของนางตอนนี้ไม่เพียงยังหลงเหลือความสุขที่ตงฟางฉู่ถูกทุบตี ยังฉายชัดถึงความกังวลออกมาไม่น้อย “คุณชาย ท่านรีบออกไปจากเมืองคงหมิงเถอะ…ตงฟางฉู่นั่นไม่พ้นต้องเร่งกลับไปยังตระกูลตงฟางเพื่อตามยอดฝีมือของตระกูลมาแน่! ถึงตอนนั้นท่านคิดไปก็ไม่อาจไปได้แล้ว!!” ชิวมู่ชิงเร่งกล่าวออกมารวดเดียวจบ เจตนาให้ต้วนหลิงเทียนรีบหนีไป นางรู้สึกดีกับชายหนุ่มข้างงๆคนนี้ไม่น้อย อีกฝ่ายต่างจากบุรุษผู้อื่นที่นางพบเจออย่างสิ้นเชิง นางย่อมไม่อยากเห็นบุรุษผู้นี้ประสบภัยเพราะคนตระกูลตงฟาง! ได้ยินคำของชิวมู่ชิง คนในเหลาอาหารเองก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างไม่รู้ตัว พวกมันเองก็รู้สึกว่าชายหนุ่มชุดม่วงสมควรเร่งหนีไปตอนนี้ เพราะหากชักช้าน่ากลัวว่ายอดฝีมือของสกุลตงฟางจะย้อนกลับมาเสียก่อน! “ขอบคุณแม่นางมู่ชิงที่เป็นห่วง” อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนกลับส่ายหัวปฏิเสธความหวังดีของชิวมู่ชิงออกมาทันที “พอดีข้ายังมีเรื่องที่ต้องกระทำในเมืองคงหมิง ตอนนี้ข้ายังไม่อาจจากไป…” เป็นความจริง! ที่เขามาเมืองคงหมิง ไม่ใช่เพราะคิดหาข้อมูลหรือไง…ว่าสถานที่ๆมีคนชั่วรวมตัวกันอยู่เยอะๆนั้นมันอยู่ที่ไหน? ตอนนี้เมื่อเขายังไม่ได้รับข้อมูล ไหนเลยเขาจะจากไปได้? ตระกูลตงฟาง? ต้วนหลิงเทียนไม่เห็นขุมพลังชั้น 3 ในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอยู่ในสายตา! “เสี่ยวเอ้อ! เอาถ้วยชามกับตะเกียบมาให้ข้าอีกชุด!” ภายใต้สายตาตกตะลึงของผู้คนในเหลาไม่เว้นชิวมู่ชิง ต้วนหลิงเทียนพลันยกมือร้องเรียกเสี่ยวเอ้อ ก่อนที่จะสั่งให้อีกฝ่ายเอาถ้วยชามมาอีกชุด และในเมื่อเขามีถ้วยชามกับตะเกียบของตัวเองแล้ว นั่นหมายความว่าที่สั่งไปก็คือของชิวมู่ชิงนั่นเอง “เจ้าหนุ่มนั่นมันไม่กลัวตายรึไง?” นี่คือความในใจของผู้ที่มาดื่มกินในเหลาอาหารทุกคน กระทั่งเสี่ยวเอ้อเองที่พึ่งถูกสั่งก็คิดเช่นนี้ไม่ต่าง “เสี่ยวเอ้อไม่ต้องเอามาหรอก” ทว่าในขณะที่เสี่ยวเอ้อในเหลาลังเลว่าสมควรไปเอาของมาเพิ่มดีหรือไม่ ชิวมู่ชิงกลับกล่าวออกมาอีกครั้ง และหยุดเสี่ยวเอ้อไว้ ขณะเดียวกัน นางก็ยกมือขึ้นก่อนจะปรากฏหินเซียนไม่กี่ก้อนลงบนโต๊ะ เพื่อชำระค่าอาหารของต้วนหลิงเทียน “ท่านมากับข้า” หลังจากวางหินเซียนลงบนโต๊ะด้วยสีหน้าเป็นกังวลแล้ว ชิวมู่ชิงก็พุ่งมือออกไปปานสายฟ้าฟาดจับมือต้วนหลิงเทียนเอาไว้ หลังจากนั้นก็ดึงร่างเขาให้ลุกขึ้นแล้วพาเขาวิ่งออกจากเหลาอาหารอย่างรีบร้อน! ตอนนี้คล้ายนางจะลืมเลือนเรื่อง ‘ชายหญิงไม่ควรชิดใกล้แตะเนื้อต้องตัวกัน’ หมดสิ้นแล้ว…. ต้วนหลิงเทียนก็อึ้งไม่น้อย หากแต่ก็ปล่อยให้ชิวมู่ชิงพาวิ่งออกจากเหลาแต่โดยดี อันที่จริงตอนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะซูฮกกับการกระทำนี้ของชิวมู่ชิง! ไฉนก่อนหน้านี้เขาไม่เห็นว่าสตรีนางนี้กลับมีด้านที่กล้าหาญขนาดนี้ด้วย? ชิวมู่ชิงจับมือต้วนหลิงเทียนแล้วลากเขาออกจากเหลาอาหารไปอย่างรีบร้อนเช่นนี้ ย่อมสร้างความประหลาดใจให้เหล่าผู้คนที่มาดื่มกินในเหลาไม่น้อย “เฮ่!? นั่นมิใช่คุณหนูมู่ชิงของตระกูลชิวหรือไร!?” “อะไร!? คุณหนูมู่ชิงที่เป็นโฉมงามอันดับหนึ่งของเมืองคงหมิงเราน่ะรึ…เป็นนางแน่หรือ!?” “สวรรค์! ข้าเห็นอะไรเนี่ยคุณหนูมู่ชิง…จูงมือบุรุษวิ่งหรือ!?” “ไม่ใช่ว่านางกำลังจะแต่งกับคุณชายรองตระกูลตงฟางหรือไร แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?” “เห็นว่าตงฟางฉู่นั่นคล้ายจะถูกคนซัดปลิวออกมาจากเหลาอาหารเมื่อครู่…ตอนนี้คุณหนูมู่ชิงกลับจูงมือบุรุษวิ่ง! อย่าบอกข้าเชียวว่ามิใช่คนของตระกูลเฝิงที่โยนตงฟางฉู่ออกมาแต่เป็นบุรุษชุดม่วงคนนี้?” …… กระทั่งเหล่าผู้คนบนถนนที่เห็นชิวมู่ชิงจับมือต้วนหลิงเทียนวิ่งผ่านไปด้วยความเร็วก็ตกใจไม่น้อยเช่นกัน บุรุษหลายคนอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นมากอบกุมหน้าอก ร่างเซถอยไปหลายก้าว ปานได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจ ชิวมู่ชิง คุณหนูของตระกูลชิวคนนี้เป็นโฉมงามอันดับ 1 ของเมืองคงหมิงของพวกมัน ทว่าตอนนี้นางกับจูงมือบุรุษวิ่งอย่างสนิทสนมเกินสหายเพียงนั้น! “ไม่น่าแปลกใจเลยที่คุณหนูมู่ชิงบ่ายเบี่ยงเรื่องแตกกับคุณชายรองสกุลตงฟางมาโดยตลอด…ที่แท้นางมีบุรุษในใจแล้วนี่เอง” เหล่าคนเดินถนนที่เห็นเหตุการณ์อดไม่ได้ที่จะคาดเดาออกมาทำนองนี้ อย่างไรก็ตาม พอเหล่าผู้คนที่ดื่มกินเสร็จแล้วออกมาจากเหลา และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนหน้านี้ในเหลาให้ฟัง เหล่าผู้คนบนถนนหน้าเหลาก็แปลกใจไม่น้อย “อะไร? ชายหนุ่มคนนั้นกับคุณหนูมู่ชิงไม่รู้จักกันมาก่อนหรือ?” “เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้ดูผิด…” “หรือคุณหนูมู่ชิงกับเจ้าหนุ่มชุดม่วงนั่นจะตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็น…นี่คือรักแรกพบในตำนานใช่หรือไม่? นางถึงได้เลือกนั่งข้างบุรุษแปลกหน้า แทนที่จะนั่งข้างๆคุณชายรองตระกูลตงฟาง…นี่คุณชายรองตงฟางจะไม่น่าสมเพชไปหน่อยหรือแพ้บุรุษแปลกหน้าเนี่ยนะ!?” “หากเป็นเรื่องจริงคุณชายรองตระกูลตงฟางก็น่าสงสารยิ่ง แต่พวกเราไม่ใช่ไม่รู้ว่าคุณหนูมู่ชิงเป็นคนอย่างไร ไหนเลยจะมารักชอบชายหนุ่มชุดม่วงนั่นง่ายๆตั้งแต่แรกเห็น…ข้าว่าทั้งคู่ต้องรู้จักกันมาก่อนแน่!” “ข้าก็คิดว่าทั้งคู่ไม่ควรพึ่งรู้จักกัน…บางทีอาจจะรู้จักกันมานานแล้ว แต่ยามอยู่ต่อหน้าตงฟางฉู่ล้วนเสแสร้งไปเท่านั้น ไม่งั้นมีหรืออยู่ๆคุณหนูมู่ชิงจะไปจับมือบุรุษแปลกหน้า?” … ไม่ต้องกล่าวถึงเหล่าผู้คนบนถนนที่เห็นเรื่องราวด้วยซ้ำ… เพราะกระทั่งตัวชิวมู่ชิงเองก็ไม่คิดเลยว่าอยู่ๆนางจะคว้ามือบุรุษผู้หนึ่งวิ่งมาแบบนี้! หลังจับมือต้วนหลิงเทียนแล้วพาอีกฝ่ายวิ่งมาไกลจากเหลาได้สักพัก ชิวมู่ชิงก็พาต้วนหลิงเทียนหลบเข้าตรอกลึกแห่งหนึ่งที่ไม่ค่อยมีผู้คนเดินผ่าน และในที่สุดเส้นประสาทที่ขึงตึงของนางก็ค่อยๆผ่อนคลายลง หลังจากที่นางคลายความตึงเครียดลงแล้วนางก็รู้สึกตัว รีบปล่อยมือต้วนหลิงเทียนทันที…!
คอมเม้นต์