War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2014
ตอนที่ 2,014 : วังชินหั่ว เวินเยี่ยน! ขณะที่ถามแววตาต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเผยความคาดหวังออกมาเล็กน้อย “อะไรน้องหลิงเทียน? นี่เจ้าคิดไปทำงานที่หอคุมกฏหรือ?” หลิวอวิ๋นถามออกมาด้วยความสงสัย เมื่อได้ยินคำถามและเห็นสีหน้าคาดหวังจากต้วนหลิงเทียน “ข้าก็แค่อยากรู้น่ะ บางทีอาจจะลองดู” ต้วนหลิงเทียนยิ้ม “เรื่องนี้ก็ง่ายนัก…เนื่องจากลักษณะพิเศษของหอคุมกฏ ทุกๆเดือนหอคุมกฏจะทำการรับสมัครศิษย์ที่แท้จริงที่คิดจะเข้าไปทำงาน” “โดยปกติแล้ว ขอเพียงเป็นศิษย์ที่แท้จริง ตราบใดที่ต้องการไม่ว่าใครก็สามารถสมัครเข้าไปทำงานกับหอคุมกฏได้” หลิวอวิ๋นกล่าวสืบต่อ “เพราะอย่างไรผลตอบแทนของหอคุมกฏก็ค่อนข้างดี ทว่าข้าไม่คิดว่าเจ้าจะสนใจคะแนนสะสมที่พวกมันจะจ่ายให้หรอกนะ…” เห็นได้ชัดว่าหลิวอวิ๋นรู้ดีว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่าสนใจคะแนนสะสมอันเป็นค่าจ้างจากหอคุมกฏ นั่นเพราะตอนนี้ในมือต้วนหลิงเทียนก็มีคะแนนสะสมอยู่ในมือเกือบล้าน เป็นธรรมดาที่จะไม่สนคะแนนสะสมเล็กน้อยที่หอคุมกฏจะให้เป็นค่าตอบแทน ได้ยินคำของหลิวอวิ๋นสองตาต้วนหลิงเทียนก็ส่องประกายวูบหนึ่ง เร่งถามออกไปทันที “ศิษย์พี่หลิวอวิ๋น แล้วอีกนานแค่ไหน หอคุมกฏถึงจะเปิดรับสมัครศิษย์ชุดใหม่?” “ข้าเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษข้าเลยไม่รู้…แต่หากน้องหลิงเทียนอยากรู้ข้าจะไปที่ ‘วังชินหั่ว’ ที่จัตุรัสกลางเพื่อสอบถามให้เจ้า” หลิวอวิ๋นกล่าวต่อออกมาว่า “ทุกครั้งที่หอคุมกฏคิดจะเปิดรับสมัครศิษย์ พวกมันจะส่งใบจ้างงานไปที่วังชินหั่ว…ตราบใดที่เป็นศิษย์ที่แท้จริงและไม่ได้ทำงานในหอคุมกฏมาแล้วครบ 3 เดือนย่อมสามารถสมัครเข้าไปทำงานได้ทันที” ต้วนหลิงเทียนถูกหลิวอวิ๋นพาไปชมวังต่างๆในจัตุรัสกลางมาแล้ว เขาจึงรู้จักวังชินหั่ว มันเป็น 1 ในหลายๆวังที่ตั้งอยู่ในจัตุรัสกลาง และ ‘วังชินหั่ว’ ก็เป็นวังที่มีไว้ออกภารกิจจ้างงานหรือคนที่คิดจะไปหางานและภารกิจทำ ก็สามารถไปสอบถามรายละเอียดและค่าตอบแทนต่างๆได้ และแม้จะเป็นศิษย์ขอเพียงมีคะแนนสะสมมากพอ ก็สามารถไปออกภารกิจจ้างงานที่วังชินหั่วเพื่อหาคนมาช่วยกระทำภารกิจ คนที่สามารถทำงานที่ได้รับการว่าจ้างหรือภารกิจได้สำเร็จ ก็จะได้รับค่าตอบแทนจากผู้จ้างงาน “วังชินหั่ว…” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับทราบ ค่อยกล่าว “ข้าจำวังชินหั่วได้ เช่นนั้นข้าลองไปถามเองดีกว่า จะได้ไม่รบกวนศิษย์พี่หลิวอวิ๋น” “วันนี้ขอบคุณศิษย์พี่หลิวอวิ๋นมากที่ช่วยไขข้อสงสัยให้ข้า ตอนนี้ข้าเองก็ไม่มีเรื่องราวอะไรแล้ว เช่นนั้นข้าไม่รบกวนศิษย์พี่หลิวอวิ๋นแล้ว ขอลา” หลังจากประสานมือกล่าวขอบคุณหลิวอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวคำลา ค่อยเหินร่างจากไป ตอนนี้ใจเขาจดจ่ออยู่กับหอคุมกฏนัก ตราบใดที่เขาสมัครเข้าไปในหอคุมกฏได้ล่ะก็ เขาอาจจะมีโอกาสพบเจอเค่อเอ๋อกับลูกสาว! พอคิดถึงเรื่องนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อย เช่นนั้นเขาจึงเร่งเหินร่างไปยังเกาะหลักด้วยความเร็วสูง เมื่อมาถึงเกาะหลักแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่สนใจใดอื่นเพียงมุ่งหน้าไปยังจัตุรัสกลางทันที พอมาถึงจัตุรัสกลาง เขาก็ไม่สนใจผู้คนมากมายที่กำลังมองทัก เร่งเดินไปตามเส้นทางสายหนึ่งที่มุ่งหน้าไปยังวังชินหั่วทันที “นั่นต้วนหลิงเทียนนี่” ต้วนหลิงเทียนเข้ามาในวังชินหั่วได้ไม่ทันไร ก็มีศิษย์ชั้นยอดหลายคนที่จดจำเขาได้ พริบตาต้วนหลิงเทียนก็กลายเป็นจุดสนใจของคนที่อยู่ในวังชินหั่วทันที “เจ้านั่นหรือต้วนหลิงเทียน? แลแล้วไม่เห็นจะมีอะไรวิเศษเลย” ศิษย์ชั้นยอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ไม่เคยเห็นต้วนหลิงเทียนมาก่อน ก็มองต้วนหลิงเทียนด้วยสงสัยคิ้วขมวดเป็นปม “เป็นมัน…เดือนที่แล้วมันฆ่าศิษย์ที่แท้จริงหยางเหวินในวิหารเป็นตาย กระทั่งใช้หยางเหวินต่างหินรองเท้าก้าวขึ้นมาเป็นศิษย์ที่แท้จริงคนใหม่” “เจ้านี่น่ะหรือ?” “ศิษย์พี่ท่านอย่าได้ดูเบามันเด็ดขาด…วันนั้นข้าเองก็อยู่ในวิหารเป็นตายด้วย และกระบี่สุดท้ายที่มันใช้สังหารหยางเหวินไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาอย่างยิ่ง” “กระบี่สังหารนั่นไม่ว่าจะเป็นศิษย์พี่หลิวอวิ๋น หรืออาวุโสเพลิงทองแดงทั้ง 3 ยังกล่าวออกมาเองว่าไม่เห็นแม้แต่เงากระบี่ของมัน” “ใช่แล้วข้าเองก็อยู่ที่วิหารเป็นตายด้วย…คิดไปแล้วยังเจ็บใจไม่หาย 3,000 คะแนนสะสมของข้าหายไปง่ายๆเช่นนั้น!” “ศิษย์น้องคนนั้นเจ้าเสียแค่ 3,000 อย่าได้บ่น! ข้าเสียไปตั้ง 5,000!!” …… เหล่าศิษย์ชั้นยอดเริ่มซุบซิบกันทันทีเมื่อเห็นการมาของต้วนหลิงเทียน หลังจากนั้นไม่นานเหล่าศิษย์ชั้นยอดทั้งหลายก็เริ่มบ่นกันระงม แต่ละคนเผยท่าทีหัวเสียไม่น้อย ปากพร่ำก่นด่าหยางเหวินไม่หยุด เพราะเป็นต้นเหตุให้พวกมันเสียคะแนนสะสม ในวังชินหั่ว มีโต๊ะรับรองมากมายจัดเรียงรายไว้เป็นแถว โต๊ะรับรองเหล่านี้มีไว้ให้สำหรับผู้ที่คิดมาออกภารกิจจ้างงาน หรือมาสอบถามงานและภารกิจต่างๆ ต้วนหลิงเทียนไล่ตามองหาโต๊ะรับรองที่คนน้อยที่สุดสักพัก ก็เดินไปยังโต๊ะรับรองโต๊ะหนึ่ง และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนมาต่อแถวรอใช้บริการที่โต๊ะรับรองดังกล่าว เหล่าศิษย์กว่า 10 คนก็สะดุ้งกันเป็นแถบ “ขะ…ข้าค่อยมาหาภารกิจเหมาะๆใหม่ทีหลัง” “ข้าไม่รีบ เชิญศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนก่อนเลย” เหล่าศิษย์ชั้นยอดที่กำลังใช้บริการโต๊ะรับรองดังกล่าวเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเดินเข้ามา ก็รีบแจ้งอาวุโสที่โต๊ะรับรองแล้วจากไปทันที คนอื่นๆที่ต่อแถวรออยู่ก็หลบให้ต้วนหลิงเทียนก่อน ท่าทางราวกับกลัวว่าหากหลบช้าเกินไป แล้วจะโดนดีอะไรทำนองนั้น พริบตาแถวที่รอใช้บริการโต๊ะรับรองก็สลายหาย… เห็นฉากดังกล่าวต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร เพราะครั้งก่อนที่มากับหลิวอวิ๋นเขาก็เคยเห็นเรื่องราวทำนองนี้มาก่อนแล้ว หากในแถวมีแต่ศิษย์ชั้นยอด โดยมากเมื่อเจอศิษย์ที่แท้จริง พวกมันก็จะให้ศิษย์ที่แท้จริงใช้บริการก่อน เรื่องนี้คล้ายเป็นเรื่องที่ ‘รู้กัน’ ว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ หาไม่แล้วต่อให้โลกนี้จะยึดถือผู้เข้มแข็งเป็นใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้กำลังทุบตีผู้คนด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องได้ทุกครั้ง “เจ้าคือต้วนหลิงเทียนงั้นหรือ?” เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนมาใช้บริการที่โต๊ะรับรองที่มันทำหน้าที่อยู่ อาวุโสเพลิงทองแดงที่ประจำโต๊ะรับรองก็มองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ ช่วงนี้ชื่อที่ถูกกล่าวขานถึงมากที่สุดในลัทธิบูชาไฟย่อมไม่พ้น ต้วนหลิงเทียน ดังนั้นก็ไม่แปลกอะไรที่ท่าทีของอาวุโสเพลิงทองแดงประจำโต๊ะรับรองโต๊ะนี้จะเผยความตื่นเต้นไม่น้อย เมื่อได้พบต้วนหลิงเทียนในข่าวลือตัวเป็นๆ “ใช่” สีหน้าท่าทางต้วนหลิงเทียนไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เพียงพยักหน้ารับไปเบาๆ “เจ้ามาที่นี่เพื่อจ้างงานสร้างภารกิจ หรือหาภารกิจทำเล่า?” อาวุโสเพลิงทองแดงประจำโต๊ะรับรองเมื่อดึงสติกลับมาแล้ว ก็รีบถามออกตามหน้าที่ทันที “อาวุโสข้ามาเพราะมีเรื่องคิดถามท่านเล็กน้อย…ไม่ทราบว่าอีกกี่วันหอคุมกฏถึงจะเปิดรับสมัครงานอีกครั้งหรือ?” ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกไปอย่างตรงไปตรงมา “หือ? ต้วนหลิงเทียนคิดไปทำงานที่หอคุมกฏงั้นเหรอ?” ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ศิษย์ชั้นยอดที่หลบแถวให้ต้วนหลิงเทียนก็แปลกใจไม่น้อย “โดยปกติแล้วศิษย์ที่แท้จริงที่คิดไปทำงานที่หอคุมกฏ ก็เพราะหวังค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อของหอคุมกฏกันทั้งสิ้น…แต่ไม่ใช่ต้วนหลิงเทียนคนนี้พึ่งได้กำไรมาถึงล้านคะแนนสะสมหรือไร ไฉนถึงได้สนใจเข้าไปทำงานที่หอคุมกฏอีกเล่า?” “ข้าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน” “ข้าไม่รู้จริงๆว่าที่แท้มันคิดจะทำอะไรกันแน่…หากข้ามีคะแนนสะสมเป็นล้านเช่นมัน ข้าไม่คิดไปทำงานที่หอคุมกฏให้เสียเวลาหรอก” “เหอะๆ เจ้าก็ปากดีเหลือเกิน…ไม่คิดไปทำงานที่หอคุมกฏให้เสียเวลาหรือ? อันดับแรกเจ้าต้องเป็นศิษย์ที่แท้จริงให้ได้ก่อน! ไม่งั้นต่อให้เจ้าอยากทำงานที่หอคุมกฏให้ตายทางนั้นก็ไม่มีทางรับเจ้าหรอก!!” … เสียงสนทนาของเหล่าศิษย์ในวังชินหั่วที่อยู่ใล้ๆโต๊ะรับรองของต้วนหลิงเทียนดังขึ้นระงม ทั้งหลายไม่เข้าใจจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะไปทำงานที่หอคุมกฏทำไม การไปทำงานที่หอคุมกฏนั้น หน้าที่ของพวกมันบางครั้งก็ต้องไปสอดส่องว่ามีผู้ใดกระทำความผิดหรือไม่! เรียกว่าเป็นตัวจ้องจับผิดหมายเอาเรื่องชาวบ้าน เช่นนั้นย่อมไม่มีศิษย์คนใดชมชอบคนที่ไปทำงานในหอคุมกฏสักเท่าไหร่ คนที่จะไปก็ต้องเตรียมใจถูกเกลียด…แต่แน่นอนว่าคะแนนสะสมมันก็หอมหวาน “หลังจากนี้อีก 10 วัน” แม้ไม่ทราบว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงได้สนใจทำงานที่หอคุมกฏ แต่อาวุโสเพลิงทองแดงก็ไม่คิดถามเซ้าซี้เรื่องส่วนตัวผู้อื่นให้มากความ เพียงกล่าวบอกไปตามตรง “พอถึงวันนั้นหอคุมฏจะมอบใบจ้างงานให้พวกเรา…หากเจ้าสนใจ วันนั้นก็สามารถมาสมัครงานได้” “ขอบคุณสำหรับคำตอบอาวุโส” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับทราบ ก่อนที่จะหันหลังกลับเตรียมจากไปทันที ทว่าในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังจะก้าวออกจากวังชินหั่ว เขาพลันได้ยินเสียเอะอะดังขึ้นจากด้านนอก จึงชะงักเท้าแล้วรอชมเรื่องราวว่าเกิดอะไรขึ้น “หืม?” ทันใดนั้นเองต้วนหลิงเทียนก็เห็นศิษย์ที่ออมุงอยู่ด้านนอกค่อยๆหลบทาง ไม่นานก็มีร่างหนึ่งก้าวตรงมายังวังชินหั่ว ซึ่งร่างนี้ก็นับว่าเป็นจุดสนใจของเหล่าศิษย์ชั้นยอดไม่น้อย อีกทั้งผู้คนยังคอยหลีกทางให้อย่างยำเกรง “สตรีนางนี้เป็นศิษย์ที่แท้จริง?” ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองเครื่องแต่งกายอีกฝ่ายปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่ง ที่สำคัญคือศิษย์ที่แท้จริงคนนี้เป็นอิสตรี! ต้วนหลิงเทียนเงยหน้าขึ้นไปมองรูปโฉมของสตรีนางนี้ให้ชัดถนัดตา นางนับว่าดูดีทีเดียวสามารถเรียกได้ว่าโฉมงามนางหนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับภรรยาทั้งสองอย่างเค่อเอ๋อกับลี่เฟยแล้ว ยังด้อยกว่าหลายส่วน “เป็นศิษย์พี่หญิงเวินเยี่ยน!” “คารวะศิษย์พี่หญิงเวินเยี่ยน!!” …… ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมองศิษย์ที่แท้จริงสตรีเบื้องหน้า เสียงมากเคารพก็ดังเข้าหูของเขา และเสียงมากเคารพนี้ก็เป็นศิษย์ชั้นยอดที่อยู่บริเวณทางออกวังชินหั่วเหมือนเขา “เวินเยี่ยน?” ทว่าต้วนหลิงเทียนผงะไปทันทีเมื่อได้ยินนามนี้ เขารู้สึกคุ้นหูมาก! เผชิญกับการคารวะทักทายด้วยเคารพของศิษย์ชั้นยอด เวินเยี่ยนไม่แม้แต่จะชายตาแลมอง นางเดินเชิดหน้ามาราวกับคิดว่าตัวเองเป็นนางพญา ความหยิ่งยะโสถือดีแผ่ซ่านออกทุกอณูทั่วร่าง ‘เป็นนางสารเลวนั่น!’ ต้วนหลิงเทียนย่อมนึกได้ทันทีว่าใครคือ เวินเยี่ยน …เพราะเขาพึ่งได้ยินมาจากหลิวอวิ๋นหยกๆ! เหตุผลที่ทำให้เขาจำนางได้แทบจะทันทีก็เพราะเรื่องที่หลิวอวิ๋นบอก “ลือกันว่าหลังจากที่ศิษย์พี่ก่านหรูเยี่ยนพาตัวธิดาเทพกลับลูกสาวของธิดาเทพมาลัทธิบูชาไฟ นางก็ได้ซ่อนตัวธิดาเทพและหลานเอาไว้ในคฤหาสน์ของนางเป็นเวลาหลายปี” “จนกระทั่งเมื่อ 2-3 ปีก่อนเป็น ‘เวินเยี่ยน’ ที่ลอบจับตาดูศิษย์พี่ก่านหรูเยี่ยนอยู่นานปี ในที่สุดก็พบความลับเรื่องที่ศิษย์พี่หญิงก่านหรูเยี่ยนซ่อนตัวธิดาเทพกับหลานเอาไว้! จึงนำความไปแจ้งแก่หอคุมกฏ ทำให้ธิดาเทพและลูกสาวของธิดาเทพถูกจับตัวไป ถูกคุมขังอยู่ในหอคุมกฏจนถึงทุกวันวันนี้….” ‘นี่น่ะเหรอนังสารเลวเวินเยี่ยน?’ ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดหยีลงทันใด ประกายเย็นชาอำมหิตพลันฉายออกวูบวาบ ร่างที่หยุดนิ่งพลันก้าวพรวดออกไปหยุดขวางทางของเวินเยี่ยนเอาไว้ชะงัด! เมื่ออยู่ๆก็มีคนก้าวพรวดมาขวางทางแบบนี้ เวินเยี่ยนย่อมตกใจไม่น้อย สีหน้าของนางเผยความสงสัยระคนมีโมโหออกมาทันที ด้วยไม่ทราบว่าไฉนคนเบื้องหน้าถึงกล้าขวางทางนาง!
คอมเม้นต์