War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1991
ตอนที่ 1,991 : วิหารเป็นตาย “ต้วนหลิงเทียนคนนี้ไม่เบาเลยจริงๆ! อาศัยวาจาไม่กี่คำกลับข่มขวัญศิษย์พี่หยางเหวินได้…แล้วอย่าได้บอกข้านะ ว่าศิษย์พี่หยางเหวินกลับบ้าจี้ตามมัน จนบังเกิดจิตขลาดเขลาขึ้นมาแล้วจริงๆ…” เมื่อเห็นทีท่าลังเลของหยางเหวิน ศิษย์ชั้นยอดบางคนอดไม่ได้ที่จะกระซิบกล่าวถามออกมาด้วยความสนุกสนาน ในวาจาของมัน ฟังแล้วใครก็บอกได้ชัดเจน…ว่ามันเจตนาแขวะหยางเหวินว่าขี้ขลาด! ‘ใช่มันเสแสร้งวางมาดยอดฝีมือจริงหรือไม่…’ หยางเหวินย่อมได้ยินวาจากระซิบเย้ยของศิษย์ชั้นยอดคนนั้นชัดถนัดหู อย่างไรก็ตามมันยังไม่กล้ารับคำท้าของต้วนหลิงเทียนง่ายๆ เพราะมันไม่กล้าเสี่ยง! หากมันพลาดมันก็ตาย! “อ้อ…ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่กล้าประลองเป็นตายกับข้างั้นสิ” ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกมาได้อย่างประจวบเหมาะ ยังมองหยางเหวินด้วยสีหน้าไม่แยแส “ศิษย์ที่แท้จริง มันก็เท่านี้…” หลังกล่าววาจานี้ออกมาต้วนหลิงเทียนก็คร้านสนใจอะไรหยางเหวินอีก ร่างเหินลอยขึ้นคล้ายเตรียมจะจากไป ศิษย์ที่แท้จริง มันก็เท่านี้… ต้องบอกเลยว่าวาจาหมิ่นหยามของต้วนหลิงเทียน ได้จุดชนวนโทสะของหยางเหวินเข้าให้แล้ว! สีหน้าท่าทางหยางเหวินเปลี่ยนไปทันที ยังตะคอกกล่าวออกมาอย่างดุร้าย “ต้วนหลิงเทียนข้ายอมรับคำท้าของเจ้า! เจ้าคิดว่าอาศัยการเสแสร้งวางมาดยอดฝีมือเพียงเท่านี้จะทำให้ข้าหยางเหวินกลัวได้งั้นเหรอ? เหลวไหลสิ้นดี!!” หยางเหวินพลันตัดสินใจกล่าวออกมาฉับไวปานฟ้าผ่า! หากมันไม่กล้ารับคำท้าของต้วนหลิงเทียน นั่นหมายความว่ามันหวาดกลัวต้วนหลิงเทียน…กลัวศัตรูฆ่าน้องชายของมัน! หากต้วนหลิงเทียนแข็งแกร่งกว่ามันจริงๆ แน่นอนว่าเป็นการดีเสียกว่าที่จะไม่รับคำท้า! แต่ถ้าพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนอ่อนด้อยกว่ามัน แต่มันกลับไม่กล้ารับคำท้า คราวนี้มันได้อับอายขายขี้หน้าประชาชีแน่นอน! ชื่อเสียงของมันที่เพียรสร้างมาคงจบสิ้นกันแล้ว! เช่นนั้นหลังได้ยินวาจาปรามาสของต้วนหลิงเทียน หลังจากชั่งน้ำหนักเรื่องราวอยู่นานหยางเหวินก็ตัดสินใจได้ในที่สุด กล่าวรับคำท้าต้วนหลิงเทียนออกมา! ในสายตาของมัน ต้วนหลิงเทียนผู้นี้เสแสร้งวางมาดเสีย 8 9 ส่วน! “หืม? เจ้ายอมรับงั้นเหรอ?” ต้วนหลิงเทียนที่คิดจากไปถึงกับหยุดร่างลงโดยพลัน ยังหันมามองหยางเหวินด้วยสีหน้าแปลกใจไม่น้อย ทว่าสีหน้าแปลกใจนี้ เมื่อตกอยู่ในสายตาของเหล่าศิษย์ชั้นยอด ย่อมก่อให้เกิดประเด็นสนทนาทันที “พวกเจ้าเห็นหรือไม่ สีหน้าต้วนหลิงเทียนคล้ายเหลือเชื่ออยู่บ้าง…ดูเหมือนว่ากระทั่งมันเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าศิษย์พี่หยางเหวินจะกล้ารับคำท้ามัน!” “เห็นแบบนี้แล้วข้ากลับเชื่อเลย! ว่าเป็นมันกำลังเสแสร้งวางมาดลึกลับจริงๆ! โชคดีที่ศิษย์พี่หยางเหวินรับคำท้ามัน ไม่งั้นวันนี้ไม่เพียงแต่ศิษย์พี่หยางเหวินจะทำตัวเองขายหน้าเท่านั้น ยังพลอยทำให้ศักดิ์ศรีของศิษย์ที่แท้จริงตกต่ำลงด้วย!” “นั่นสิ หากเรื่องศิษย์ที่แท้จริงคนหนึ่งกลับหวาดกลัวไม่กล้ารับคำท้าศิษย์ใหม่แพร่ออกไป…ไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะ ยังทำให้เหล่าศิษย์ที่แท้จริงทั้งหมดพลอยขายหน้าไม่น้อย” “โชคดีนักที่วินาทีสุดท้ายศิษย์พี่หยางเหวินกล้าตอบรับคำท้าของต้วนหลิงเทียน! ทำให้ต้วนหลิงเทียนเผลอปล่อยไก่ออกมาเช่นนั้น!!” … ในวาจาของพวกมัน คล้ายหยางเหวินกระทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วอย่างไรอย่างนั้น เพราะในสายตาของมัน ต้วนหลิงเทียนสมควรเล่นเกมจิตวิทยากับหยางเหวินอยู่ เจตนาวางมาดยอดฝีมือเพื่อเพาะสร้างความกลัวให้แก่หยางเหวินด้วยการท้าประลองเป็นตายออกมา! ทว่าเมื่อหยางเหวินกลับกล้ารับคำท้าทาย ย่อมหมายความว่าหมากจิตวิทยาตานี้ของต้วนหลิงเทียน กลายเป็นหมากตายเสียแล้ว เมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้ ต้วนหลิงเทียนยังจะกล้าลงนามทำสัญญาประลองเป็นตายอยู่หรือไม่? “การที่ศิษย์พี่หยางเหวินตอบรับคำท้า นั่นหมายความว่าแผนเล่นงานด้วยจิตวิทยาของต้วนหลิงเทียนล้มเหลวแล้ว! ในเมื่อหน้าต้วนหลิงเทียนยังถึงขั้นเปลี่ยนสี มีหรือมันยังจะกล้าประลองเป็นตายกับศิษย์พี่หยางเหวินจริงๆ!” “แต่ตอนนี้ต่อให้หนีเรื่องประลองเป็นตายไปได้ แต่คงยากจะรอดพ้นชะตาอนาถจากการทุบตีเจียนตาย! พวกเจ้าดูเถอะ ศิษย์พี่หยางเหวินแลดูขึงขังปานยักษ์มารขนาดนั้น!!” “เหอะๆ…มาเหนือเมฆเล่นกลจิตวิทยา อนิจจาสุดท้ายกลับล้มเหลว!” … เหล่าศิษย์ชั้นยอดเริ่มกระซิบกระซาบกันอีกครั้ง พวกมันรู้สึกว่าหลังแผนการเล่นงานหยางเหวินด้วยจิตวิทยาของต้วนหลิงเทียนล้มเหลว ต้วนหลิงเทียนต้องกลับคำพูดและล้มเลิกการประลองเป็นตายแน่นอน “ต้วนหลิงเทียนข้ารับคำท้าเจ้าแล้วไง…อะไร ตอนนี้เจ้ากลัวแล้ว? เจ้ากำลังคิดว่ายอมโดนข้าทุบตีเจียนตาย ยังดีกว่าไปประลองเป็นตายอะไรนั่นอยู่ใช่หรือไม่?” หยางเหวินย่อมสังเกตเห็นสีหน้าไม่อยากจะเชื่อก่อนหน้าของต้วนหลิงเทียนด้วยเช่นกัน จึงเร่งกล่าวหยามเหยียดออกมาทันที ในวาจายังแฝงเร้นไปด้วยความชิงชังนัก! เพราะเมื่อหยางเหวินหวนคิดถึงเรื่องก่อนหน้าที่มันเกิดลังเลขึ้นมา มันก็คับแค้นต้วนหลิงเทียนนัก! ขณะเดียวกันมันก็ลอบยินดีไม่น้อยที่กล้ารับคำท้าออกมา หาไม่แล้วผู้ที่จะอับอายขายหน้าผู้คนตอนนี้คงไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน “นำไปสิ…” ใบหน้าต้วนหลิงเทียนหวนคืนสู่ความสงบ และท่ามกลางสายตาของเหล่าศิษย์ชั้นยอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์พร้อมวาจาถากถางด้วยความดูแคลนของหยางเหวิน เขาพลันกล่าวออกมาเสียงเรียบสั้นๆ นำไปสิ! คำพูดสั้นๆไม่กี่คำของต้วนหลิงเทียนรอบนี้ ทำให้ทุกคนถึงกับเงียบลงทันใด! เหล่าศิษย์ชั้นยอดมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาอึ้งทึ่ง ด้วยไม่คิดว่าเรื่องราวมาถึงขั้นนี้แล้วต้วนหลิงเทียนยังจะกล้าไปต่อ! ไม่กลัวว่าจะถลำลึกจนไม่อาจถอนตัวรึไง? หยางเหวินเองก็อึ้งไปไม่น้อย ด้วยไม่คิดว่าต้วนหลิงเทียนยังจะกล้าแถต่อ ครู่หนึ่งใจของมันที่คล้ายพึ่งหวนคืนสู่ความเข้มแข็งก็กลายเป็นสั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง หน้ายังเปลี่ยนสีไปทันที “อะไร? ไม่ใช่เมื่อครู่เจ้าพึ่งรับคำท้าอย่างห้าวหาญรึไง ไหงตอนนี้กลับหน้าหงอไปอีกแล้วล่ะ?” ต้วนหลิงเทียนกล่าวเย้ยออกมาทันที เมื่อเห็นว่าหน้าหยางเหวินเปลี่ยนสีอีกแล้ว ทันทีที่วาจานี้ของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ โทสะหยางเหวินก็ปะทุระเบิดออกมาดั่งเพลิงไฟ คนคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “ต้วนหลิงเทียน ข้าจะคอยดูว่าถึงตอนลงนามประลองเป็นตายเจ้ายังจะทำหน้าระรื่นเหมือนตอนนี้ได้อยู่ไหม!” กล่าวจบก็ไม่รอให้ต้วนหลิงเทียนตอบสนองอะไร หยางเหวินเหินร่างทะยานออกไปทันที คนคล้ายอัสนีสายหนึ่งพุ่งวาบไปทางจัตุรัสกลาง “หากเจ้ายังหลงเหลือความกล้าก็ตามข้าไปยังวิหารเป็นตาย เพื่อลงนามในสัญญาประลองเป็นตายเสีย!” “หากเจ้าไม่กล้า ข้าจะให้เจ้ารู้รสชาติของการอยู่ไม่สู้ตายว่ามันเป็นอย่างไร!!” ขณะที่ร่างทะยานออกไป เสียงของหยางเหวินก็ดังลั่นก้องฟ้า น้ำเสียงยังเยียบเย็นชวนให้หนาวเหน็บนัก บรรยากาศโดยรอบคล้ายจะเย็นลงทันตา อย่างไรก็ตามเมื่อทะยานร่างออกไปพักหนึ่ง หยางเหวินก็หยุดลงค่อยหันมามองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดูแคลน ว่าต้วนหลิงเทียนจะกล้าเหาะตามมันไปยังวิหารเป็นตายหรือไม่… วิหารเป็นตายนั้นก็ตั้งอยู่ใกล้ๆกับจัตุรัสกลางเกาะศักดิ์สิทธิ์ เกาะศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นคำย่อของ ‘เกาะหลักดินแดนศักดิ์สิทธิ์ลัทธิบูชาไฟ’ ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟ หากศิษย์คนใดมีเรื่องบาดหมางถึงขั้นไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้อีก พวกมันสามารถพากันไปยังวิหารเป็นตาย เพื่อลงนามประลองเป็นตายต่อหน้าอาวุโสคุมวิหารเป็นตาย และในการประลองเป็นตายภายในวิหารเป็นตายนั้น ต้องสู้กันจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตาย! ไม่มีใครสามารถก้าวก่ายได้เด็ดขาด หาไม่แล้วไม่เพียงผู้ก้าวก่าวจะต้องตาย ผู้ที่ถูกช่วยก็จะต้องตายเช่นกัน!! และตอนนี้หยางเหวินก็กำลังจะเหินนำไปยังวิหารเป็นตายที่ตั้งอยู่บริเวณจัตุรัสกลาง แน่นอนว่าก่อนที่จะไปจริงๆ มันต้องดูก่อนว่าต้วนหลิงเทียนกล้าติดตามมาหรือไม่ “คราวนี้ศิษย์พี่หยางเหวินคล้ายรู้ทันแล้ว…ไม่โดนต้วนหลิงเทียนหลอกอีกต่อไป” “มีคำกล่าวที่ว่า ‘ผิดเป็นครู’ หากศิษย์พี่หยางเหวินยังรู้ไม่เท่าทันต้วนหลิงเทียนอีก ก็เสียทีที่เป็นศิษย์ที่แท้จริงและพลังฝึกปรือบรรลุเซียนสวรรค์แล้ว!” “นั่นสิ หากเรื่องศิษย์ที่แท้จริงขลาดเขลาไม่กล้าประลองเป็นตายกับศิษย์ชั้นยอดหน้าใหม่คนนึงแพร่ออกไป…คงได้ถูกผู้คนหัวเราะเยาะจนตาย!” … เมื่อเห็นว่าคราวนี้หยางเหวินไม่โลเลเหมือนตอนแรก ศิษย์ชั้นยอดหลายคนอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้ ขณะเดียวกันก็มีเหล่าศิษย์มากมายจับจ้องมองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ กระทั่งในแววตายังคล้ายจะมองท้าด้วยอยากรู้ว่าต้วนหลิงเทียนจะยังหลงเหลือความกล้าติดตามหยางเหวินไปยังวิหารเป็นตายหรือไม่ เพราะหากไปถึงวิหารเป็นตายจวบจนลงนามในสัญญาประลองเป็นตายเสร็จสิ้น ก็ไม่เหลือหนทางให้ถอยกลับได้อีก! “ศิษย์น้องหลิงเทียนอย่าไป!” “ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนอย่าไป!” แต่ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนจะเหินร่างติดตามหยางเหวินไปนั้นเอง พลันมีเสียงตะโกนด้วยความร้อนใจส่งตรงถึงหูเขา 2 เสียง 2 เสียงย่อมหมายถึง 2 คน ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็หันไปเห็นศิษย์ชั้นยอด 2 คนที่กำลังพุ่งร่างมาจากทิศทางที่แตกต่างกัน เป็นพวกมันที่ส่งเสียงห้ามปรามเขาก่อนหน้า ไม่ให้ผลีผลามติดตามหยางเหวินไปยังวิหารเป็นตาย หนึ่งในนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นซุนเต๋อที่ถูกต้วนหลิงเทียนชิงตำหนักเอกอุในเขตลงทัณฑ์ของเหมืองลำดับที่หนึ่ง และซุนเต๋อก็เป็นศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬเหมือนกันกับต้วนหลิงเทียน ซุนเต๋อนั้นหลังสำเร็จเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬ มันก็ได้รับการนิรโทษกรรม หลังออกจากเขตลงทัณฑ์ มันก็มาเข้าร่วมดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในฐานะศิษย์ชั้นยอดอย่างสมภาคภูมิ และที่มันสามารถสำเร็จเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬได้ ก็ต้องยกความดีความชอบให้แรงกดดันอันมหาศาลของต้วนหลิงเทียน ที่บีบคั้นมันในวันนั้น ด้วยเหตุนี้มันจึงไม่เพียงไม่คิดมากเรื่องต้วนหลิงเทียนชิงตำหนักเอกอุ กระทั่งรู้สึกขอบคุณต้วนหลิงเทียนมาโดยตลอด คราวนี้พอเห็นต้วนหลิงเทียนเสมือนกำลังจะกระโดดเข้ากองไฟ มันจึงรีบหยุดต้วนหลิงเทียนเอาไว้ทันที “ศิษย์น้องหลิงเทียน ขุนเขาเขียวยังอยู่ไยต้องกลัวไร้ฟืนไฟ…ขอเพียงเจ้ามีชีวิตอยู่สักวันต้องล้างแค้นได้แน่! อย่าได้วู่วามไปวิหารเป็นตายกับหยางเหวินมัน!!” “หากเจ้าไปวิหารเป็นตายกับมันจนไปลงนามในสัญญาประลองเป็นตายแล้ว…ต่อให้เจ้าคิดเปลี่ยนใจก็สายเกินไป!” ซุนเต๋อเร่งกล่าวเกลี้ยกล่อมต้วนหลิงเทียนออกมาอย่างร้อนรน ความนัยวาจาของมันก็เข้าใจได้ง่ายนัก ขอเพียงไม่ตายก็ล้างอายได้! มาตายตอนนี้ไม่คุ้มกันเลย! “ขอบคุณศิษย์พี่ซุนเต๋อมากที่ห่วงใย…แต่ข้ามั่นใจ!” ต้วนหลิงเทียนหันไปยิ้มกล่าวกับซุนเต๋อด้วยความมั่นใจ จากนั้นค่อยหันไปสนใจอีกคนที่ส่งเสียงกล่าวเตือนเขา อีกคนที่กล่าวเตือนเขานั้น เป็นคนที่เขาเคยเจอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จึงทำให้ประหลาดใจไม่น้อยว่าไฉนอีกฝ่ายถึงมากล่าวเตือนเขาได้… คนๆนี้เป็นศิษย์ชั้นยอดที่เขาเจอเมื่อ 10 วันก่อน ตอนนั้นเขาพึ่งออกจากอาคารขึ้นทะเบียนศิษย์ใหม่มาและไม่รู้ทางไปเขตที่พัก จึงได้ไปหยุดอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อถามทาง นอกจากเรื่องนี้ เขาก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับอีกฝ่ายเลย แต่คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าอีกฝ่ายจะกล่าวหยุดเขา อีกทั้งฟังจากน้ำเสียงยังคล้ายเป็นห่วงไม่น้อย “ศิษย์พี่ ไฉนท่านถึงเรียกหาข้าว่าศิษย์พี่ล่ะ?” ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ เพราะเมื่อครู่เขาได้ยินไม่ผิดแน่ เจ้าของเสียงที่เรียกหาเขาว่าศิษย์พี่เป็นคนๆนี้แน่นอน กระทั่งในน้ำเสียงเป็นห่วงยังแฝงความเคารพไม่น้อย “ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียน ผู้น้องกวนซิ่วไม่รู้ตัวตนของท่านวันนั้น จึงได้เสียมารยาทเรียกหาท่านว่าศิษย์น้องออกไป! ขอศิษย์พี่ท่านโปรดอภัยให้ข้าด้วย!” ศิษย์ชั้นยอดที่ห้ามต้วนหลิงเทียนเอาไว้คนนี้ก็คือ กวนซิ่ว ที่บอกทางต้วนหลิงเทียนในวันนั้น พอได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียนมันก็เร่งกล่าวตอบกลับไปทันที วาจายังสุภาพนัก นั่นเพราะพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนเหนือกว่ามันมาก ตอนแรกด้วยความไม่รู้มันจึงเรียกหาต้วนหลิงเทียนว่าศิษย์น้อง คราวนี้พอรู้แล้วว่าต้วนหลิงเทียนเป็นใคร มันก็ไม่กล้าแทนตัวเองว่าศิษย์พี่อีกต่อไป!
คอมเม้นต์