War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1923
ตอนที่ 1,923 : แก้แค้นให้ข้า! ในภูมิภาคตอนบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น มีกฏเหล็กข้อหนึ่งที่ทุกคนรู้กันไปทั่ว… หากพรสวรรค์รากวิญญาณของผู้ใดเป็นรากวิญญาณสีน้ำเงินหรือเหนือกว่านั้น ล้วนเป็นผู้ที่สามารถบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ได้ในสักวัน หากไม่เกียจคร้านและตั้งใจบ่มเพาะพลังอยู่ตลอด… ขอบเขตเซียนสวรรค์นั้น เป็นด่านพลังสูงสุดของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว ตัวตนที่สามารถบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ได้ ก็เป็นดั่งผู้ที่อยู่ ณ จุดสูงสุดของแดนดิน สามารถทอดตามองลงทั่วใต้หล้า! “น้องกู่หลง ตามกฏของลัทธิบูชาไฟเรา ผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินหรือสูงกว่านั้น จักสามารถเข้าร่วมลัทธิได้โดยมิจำเป็นต้องผ่านบททดสอบอันใด เจ้าสามารถเลือกจะเข้าร่วมแท่นบูชาจตุรลักษณ์แท่นใดก็ได้ทันที!” พอผลการทดสอบออกมาว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของกู่หลงเบื้องหน้า คือรากวิญญาณสีน้ำเงิน ทีท่าของอาวุโสเพลิงทองแดงคนนี้ก็นอบน้อมสุภาพขึ้นหลายส่วน หลังกล่าวเกริ่นนำไปแล้ว อาวุโสเพลิงทองแดงยังกล่าวสืบต่ออย่างกระตือรือร้นอีกว่า “แท่นบูชาที่ข้าอยู่คือแท่นบูชาเต่าทมิฬ ซึ่งเป็นหนึ่งในแท่นบูชาจตุรลักษณ์…เวทย์พลังประจำแท่นของเราคือเวทย์พลังสายป้องกันชั้นสูงเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาแท่นบูชาจตุรลักษณ์ ปราการเต่าทมิฬ!” “น้องชายกู่หลงใช่สนใจเข้าร่วมกับแท่นบูชาเต่าทมิฬของพวกเราหรือไม่?” กล่าวโน้มน้าวจบคำอาวุโสเพลิงทองแดงก็มองจ้องกู่หลงด้วยความหวัง หากกู่หลงเลือกจะเข้ารวมแท่นบูชาเต่าทมิฬจริง มันจะรีบพาอีกฝ่ายไปแนะนำตัวกับจ้าวแท่นบูชาเสีย! มันเชื่อว่าด้วยพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินนี้ของกู่หลง จ้าวแท่นต้องพึงพอใจอย่างสูงและรับกู่หลงเป็นศิษย์ส่วนตัวทันทีแน่! ถึงตอนนั้นเมื่อจ้าวแท่นได้รับศิษย์เลิศล้ำคนย่อมมีความสุข คราวนี้ไหนเลยมันยังจะไม่ได้รับรางวัลตอบแทนความดีความชอบ? “มิว่าลูกพี่ลูกน้องของข้าอยู่แท่นบูชาใดในแท่นบูชาจตุรลักษณ์ ข้าจะเข้าร่วมกับแท่นบูชานั้น…” กู่หลงเพิกเฉยต่อวาจาโน้มน้าวของอาวุโสเพลิงทองแดง หากแต่เลือกจะกล่าวเจตนาของตัวเองออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย มันเป็นอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน ความสำเร็จในภายภาคหน้านั้นห่างไกลจากสิ่งที่อาวุโสเพลิงทองแดงเบื้องหน้าจะอาจเอื้อมเทียบเทียม! ดังนั้นแล้วแต่ต้นจนจบขณะกล่าวคำต่อหน้าอาวุโสเพลิงทองแดง กู่หลงก็ยังคงทำตัวตามสบาย เดิมทีคิดว่ากู่หลงจะเข้าร่วมกับแท่นบูชาเต่าทมิฬของตัว แต่พอได้ฟังคำพูดทั้งท่าทางเฉยเมยไม่แยราวกับไม่เห็นมันอยู่ในสายตา อาวุโสเพลิงทองแดงอดไม่ได้ที่จะชะงักไปวูบหนึ่ง ค่อยกล่าวถามออกมา “แล้วลูกพี่ลูกน้องของน้องกู่หลงเป็นผู้ใด?” “น้องชายข้าเรียกว่ากู่ชุน พรสวรรค์รากวิญญาณคือสีเขียว…เกือบสองเดือนที่แล้วน้องชายข้ามาเข้าร่วมการทดสอบรับศิษย์แท่นบูชาจตุรลักษณ์ของลัทธิบูชาไฟแห่งนี้” “หากมิมีข้อผิดพลาดอันใด ป่านนี้น้องชายข้าสมควรฝากตัวเป็นศิษย์ของอาวุโสเพลิงเงินเรียบร้อยแล้ว…และข้ามาที่ลัทธิบูชาไฟแห่งีน้ ก็เพื่อที่จะคารวะอาวุโสเพลิงเงินคนนั้นในฐานะอาจารย์” ขณะกูหลงกล่าวออก ลึกลงไปในแววตายังเผยความอ่อนโยนอบอุ่นราวกับแดดแรกของฤดูใบไม้ผลิ เมื่อไม่กี่เดือนก่อนน้องชายของกู่หลง กู่ชุนนั้น ได้วางแผนจะมาที่ลัทธิบูชาไฟด้วยกัน อีกทั้งยังตกลงกันว่าจะคารวะอาวุโสเพลิงเงินคนเดียวกันเป็นอาจารย์ เพื่อที่จะได้ดูแลลูกพี่ลูกน้องอย่างกู่ชุน กู่หลงยินดีสละโอกาสที่จะได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของอาวุโสระดับเพลิงทองไปอย่างไม่ลังเล มันบอกให้กู่ชุนฝากตัวเป็นศิษย์อาวุโสเพลิงเงินทันทีที่ได้เข้าร่วมลัทธิบูชาไฟ เพื่อให้น้องชายมีคนคอยดูแลพึ่งพิง และหากอาวุโสเพลิงเงินคนนั้นไม่เหลียวแลกระทั่งดูแคลน กู่หลงก็ให้กู่ชุนยกตัวมันขึ้นมาอ้างว่าจะมาเข้าร่วมเป็นศิษย์ด้วย มันเชื่อว่าตราบใดที่มันเต็มใจจะฝากตัวเป็นศิษย์ ยอมรับอาวุโสเพลิงเงินในฐานะอาจารย์ล่ะก็ คงไม่มีอาวุโสเพลิงเงินคนไหนโง่พอจะปฏิเสธและต้องยินดีรับกู่ชุนเป็นศิษย์แน่! และความมั่นใจในตนเองอันล้นเหลือของมันก็มิได้มาจากที่ไหนไกล เป็นพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินของตัวมันเอง! พรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงินนับเป็นดั่ง ‘หมาก’ ที่ดีที่สุดในมือของมัน ซึ่งเป็นอะไรที่ยากจะมีอาวุโสเพลิงเงินคนใดกล่าวปฏิเสธได้ลงคอ! “เจ้า…เจ้าคือลูกพี่ลูกน้องของกู่ชุนงั้นรึ?” ได้ยินคำพูของกู่หลงสองตาอาวุโสเพลิงทองแดงอดไม่ได้ที่จะเบิกกว้าง มันจำต้องมองกู่หลงใหม่อีกรอบ ขณะเดียวกันใบหน้าก็เผยความตื่นตกใจนัก คล้ายได้รับทราบสิ่งอัศจรรย์ กู่ชุน คือใครมันย่อมเคยได้ยินมาเป็นธรรมดา พวกมันแท่นบูชาจตุรลักษณ์ของลัทธิบูชาไฟทุกๆ 3 ปี และรอบล่าสุดก็พึ่งผ่านมาได้ราวๆ 2 เดือนเท่านั้น และคราวนี้ในบรรดาผู้อาวุโสเพลิงเงินของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ก็มีอาวุโสหลี่อันเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รับศิษย์ ตอนนั้นบรรดาอาวุโสเพลิงเงินคนอื่นๆ กระทั่งอาวุโสเพลิงทองแดงอย่างมันก็อดแปลกใจไม่ได้ อาวุโสหลี่อันเป็นถึงอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ สายตาเรียกว่าสูงมาก กระทั่งตลอดเวลาพึ่งรับศิษย์ไปเพียง 3 คนเท่านั้น และทั้ง 3 ก็ล้วนเป็นชนชั้นอัจฉริยะทั้งสิ้น พอพวกมันรับทราบว่าอาวุโสหลี่อันกลับรับศิษย์ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีเขียวอย่างกู่ชุนขึ้นมา พวกมันจึงอดไม่ได้ที่จะงุนงงกันไปหมด ด้วยไม่ทราบว่าไฉนสายตาของอาวุโสหลี่อันถึงได้ตกต่ำลงเสียแล้ว แต่พอมาตอนนี้พอได้ยินวาจาที่กล่าวมาก่อนหน้าของกู่หลง ในใจมันก็ปรากกคำตอบเรียบร้อยแล้ว… ‘ไม่น่าแปลกใจ ไม่น่าแลปใจ…ไม่น่าแปลกใจเลยว่าไฉนอาวุโสหลี่อันถึงได้รับกู่ชุนเป็นศิษย์ส่วนตัว! ที่แท้ทั้งหมดก็เห็นกู่ชุนเป็นทางผ่านไปยังกู่หลง!’ นี่คือคำตอบในใจของอาวุโสเพลิงทองแดง กู่หลงนั้นเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน หากอีกฝ่ายเต็มใจคารวะหลี่อันเป็นอาจารย์ แน่นอนว่าหลี่อันย่อมเห็นแก่หน้ากู่หลง และเลือกจะรับกู่ชุนเป็นศิษย์อย่างไม่ขัดข้อง ขณะเดียวกันอาวุโสเพลิงทองแดงก็อดไม่ได้ที่จะผิดหวัง เพราะตอนนี้ดูเหมือนมันจะไม่อาจแนะนำอัจฉริยะพรสวรรค์รากสีน้ำเงินคนนี้ให้จ้าวแท่นบูชาได้แล้ว ความดีความชอบรางวัลอันใดก็จำต้องอดไปโดยปริยาย… แน่นอนว่าจ้าวแท่นบูชาก็ย่อมมีความสนใจอยากได้ตัวอัจฉริยะที่มีพรสวรค์รากสีน้ำเงินไม่น้อย หากแต่ก็คงไม่อยากได้ถึงขั้นลดตัวลงไปแย่งชิงลูกศิษย์กับอาวุโสเพลิงเงินภายใต้บัญชา… นอกเสียจากจะเป็นอัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีคราม! อย่างไรก็ตาม หากมีอัจฉริยะปีศาจผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีครามปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆล่ะก็ กระทั่งระดับสูงในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็คงไม่วายออกมาชิงตัวผู้คนกันจ้าละหวั่น! “ทำไม? หรือท่านรู้จักลูกพี่ลูกน้องของข้าด้วย?” สองตากู่หลงทอประกายวาบขึ้นมาเมื่อได้ยินคำของอาวุโสเพลิงทองแดง “อืม” อาวุโสเพลิงทองแดงพยักหน้า “ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าตอนนี้อยู่ในอาณัติของอาวุโสหลี่อัน อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬเราเอง” “อาวุโสหลี่อัน? อาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ?” กู่หลงพอได้ยินก็พยักหน้าลงด้วยความถูกใจ ดูเหมือนว่าสายตาของน้องชายคนนี้จะไม่เลวเลยจริงๆ กลับเลือกที่จะพึ่งพิงอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 แบบนี้ “แต่ว่า…ตอนนี้สถานการณ์ของลูกพี่ลูกน้องเจ้าก็มิค่อยจะสู้ดีนัก” อาวุโสเพลิงทองแดงพลันกล่าวเสริมออกมา หนึ่งเดือนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้างในเขตที่พักเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬมันย่อมรู้ดี เพราะเรื่องนี้เรียกว่าไม่เพียงแต่จะแพร่กระจายไปทั่วแท่นบูชาเต่าทมิฬ กระทั่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ยังรับทราบกันแล้ว นั่นก็คือ กู่ชุนศิษย์ใหม่ของอาวุโสเพลิงเงินอันดับหนึ่งในแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างอาวุโสหลี่อันนั้น ไม่ทราบไปทำอีท่าไหนมา หากแต่พรสวรรค์รากวิญญาณกลับหายไปจากส่วนลึกของดวงจิตอย่างลึกลับ! ไร้ซึ่งร่องรอยอันใดให้สืบสาว!! ที่ประหลาดคือพรสวรรค์รากวิญญาณหายไปแล้วแท้ๆ หากแต่ดวงจิตของกู่ชุนกลับไม่มีความเสียหายแม้แต่น้อย! เรื่องนี้ต่อให้เป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยน ก็ไม่อาจกระทำได้! เช่นนั้นตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาเรื่องนี้ได้เป็น ‘คดีปริศนา’ ที่ยังคงค้างคาในแทน่บูชาจตุรลักษณ์ เช่นนั้นเรียกว่านามกู่ชุนจึงเป็นที่โด่งดังขึ้นมาในลัทธิบูชาไฟ แน่นอนว่าถ้าหากเลือกได้ กู่ชุนคงไม่อยากโด่งดังเพราะเรื่องนี้ เพราะชื่อเสียงดังกล่าว มันเป็นชื่อเสียงที่น่าอนาถเกินไป! หากไร้ซึ่งรากวิญญาณแล้ว เช่นนั้นตลอดชั่วชีวิตนี้ก็คงยากจะบ่มเพาะฝึกปรือพลังอันใดได้อีก เรียกว่าไร้ซึ่งหนทางก้าวหน้าอีกต่อไป เสมือนซากปรักหักพังที่ยังมีชีวิต! “อันใด! เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับน้องชายข้า?!” ได้ยินวาจาประโยคนี้ของอาวุโสเพลิงทองแดง กู่หลงตระหนักได้ทันทีว่าผิดท่า! สมควรเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับกู่ชุนแน่แล้ว!! กู่ชุนนั้นถึงแม้จะเป็นเพียงลูกพี่ลูกน้องของมัน แต่มันก็เห็นอีกฝ่ายเป็นยิ่งกว่าน้องชายแท้ๆของตัวเองเสียอีก! มันนั้นเป็นกำพร้า เพราะบิดามารดาได้จากไปตั้งแต่เล็ก ต่อมาจึงได้รับการอุปถัมภ์ดูแลจากบิดาของกู่ชุน ซึ่งอีกฝ่ายก็ดูแลให้ความรักมันไม่ต่างอะไรจากลูกชายในไส้ ต่อมากลับเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน และเป็นบิดาของกู่ชุนได้สละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเหลือมันเอาไว้ นั้บตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมามันก็รับบทเป็นทั้งพี่ชาย และเป็นเหมือนบิดาอีกคนของกู่ชุน มันย่อมตื่นตระหนกตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินว่าเกิดเรื่องขึ้นกับกู่ชุน! “เอาล่ะตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปยังเขตที่พักของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬก่อน…สำหรับเรื่องกู่ชุน ข้าจะค่อยๆเล่าให้เจ้าฟังระหว่างเดินทาง” อาวุโสเพลิงทองแดงหันไปสั่งการศิษย์ที่ติดตามมาทำหน้าที่ลาดตระเวนให้ทำหน้าที่ต่อไป ส่วนตัวมันก็พากู่หลงมุ่งหน้าไปทางส่วนตะวันตกของแท่นบูชาเต่าทมิฬ พื้นที่แถบนั้นคือเขตที่พักของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ “นี่เป็นเครื่องแต่งกายของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ” ระหว่างเดินทาง อาวุโสเพลิงทองแดงก็สะบัดมือส่งชุดของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬไปให้กู่หลง “อาวุโส…ไม่ทราบที่แท้เกิดอันใดขึ้นกับน้องชายของข้ากันแน่” ถึงแม้มือจะเอื้อมออกไปรับชุดแต่งกายมาไว้ หากแต่สายตาของกู่หลงยังคงมองอาวุโสเพลิงทองแดงไม่ว่าง ยังกล่าวถามเรื่องราวเมื่อครู่ออกมาด้วยใบหน้าเปี่ยมกังวล “พรสวรรค์รากวิญญาณของน้องเจ้าหายไปแล้ว…” อาวุโสเพลิงทองแดงถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ค่อยกล่าว พรสวรรค์รากวิญญาณหายไป! วาจานี้ของอาวุโสเพลิงทองแดงยามเข้าหูของกู่หลงกลับรู้สึกว่ามันดังไม่ต่างใดจากอัสนียามแล้งที่ฟาดผ่าลงมาโดยไร้ซึ่งการตั้งเค้าใดๆมาก่อน พาลให้สีหน้ามันแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก ดวงตาเริ่มกลายเป็นสีแดง กลิ่นอายพลังทั่วร่างพลันปั่นป่วนปะทุออกมาอย่างรุนแรง! “พรสวรรค์รากวิญญาณหายไป?” กู่หลงกล่าวถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งแววตาระริก อีกทั้งน้ำเสียงประโยคหลังแม้จะยังแหบแห้งกลับเต็มไปด้วยความเย็นชาถึงขีดสุด ราวกับผุดแทรกขึ้นมาจากหล่มน้ำแข็ง “นี่มันเกิดเรื่องบัดซบอันใดขึ้นกันแน่ ไฉนพรสวรรค์รากวิญญาณของน้องข้าจึงหายไปได้! อยู่ๆมันจักหายไปดื้อๆได้อย่างไร?!” กู่หลงย่อมรู้ดีเป็นธรรมชาติ ว่าการหายไปของรากวิญญาณมีความหมายว่าอะไร ด้วยเหตุนี้มันจึงจินตนาการได้ไม่ยาก ว่ายามนี้น้องชายของมันกำลังสิ้นหวังถึงเพียงไหน! “ข้าเองก็มิรู้ว่าพรสวรรค์รากวิญญาณหายไปได้อย่างไร…อันที่จริงกระทั่งตัวกุ่ชุนเองก็ยังมิแน่ใจด้วยซ้ำ” ได้ยินคำจี้ถามของกู่หลง อาวุโสเพลิงทองแดงได้แต่ยิ้มแห้งๆค่อยกล่าวตอบคำไปอย่างจนปัญญา “น้องข้าเองก็ยังไม่รู้?” กู่หลงอึ้ง สนามพลังไร้สภาพที่เริ่มแผ่ซ่านออกมาทั่วกายก่อนหน้าเริ่มสลายหายไป ทันทีที่ได้ยินว่าพรสวรรค์รากวิญญาณของน้องชายหายไป มันคิดว่ามีใครบางคนทำลายพรสวรรค์รากวิญญาณของน้องชายมันไปจึงมีโทสะนัก…ทว่าพอได้ฟังความจากปากของอาวุโสเพลิงทองแดงว่ากระทั่งตัวกู่ชุนเองก็ไม่รู้ชัด มันก็รู้สึกอับจนหนทาง ภายใต้การนำพำของอาวุโสเพลิงทองแดง ไม่นานกู่หลงก็มาถึงเขตที่พักของศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬ หลังจากได้รับทราบจากศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬว่ากู่ชุนน้องมันพักอยู่ในส่วนของบ้านพักชั้น 3 กู่หลงก็เหินร่างขึ้นไปตามหาบ้านพักของน้องชายทันที “เจ้านั่นเป็นผู้ใดกัน?” “ดูเหมือนจะเป็นหน้าใหม่…อาวุโสเพลิงทองแดงพึ่งพามันมาส่งเมื่อครู่” “ฟังแล้ว ดูเหมือนมันจะมาตามหากู่ชุนนะ” … การปรากฏตัวขึ้นของกู่หลง ย่อมดึงดูดความสนใจของเหล่าศิษย์แท่นบูชาเต่าทมิฬหลายคนที่เห็นคนแปลกหน้า ก็อก! ก็อก! … กู่หลงเคาะประตูไปไม่ทันไร ประตูก็ถูกเปิดออกมาอย่างรวดเร็ว “พี่!” เมื่อเปิดประตูมาเห็นกู่หลง ใบหน้าที่แลดูอึมครึมหมองตรมของกู่ชุนก็ส่องสว่างขึ้นมาทันใด คล้ายมันพึ่งได้เห็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้าย ร่างมันถลาไปเบื้องหน้าอย่างตื้นเต้นค่อยสวมกอดกู่หลงแน่นอยู่นานค่อยปล่อย “ท่านพี่! ท่านต้องช่วยข้าล้างแค้น! ท่านต้องแก้แค้นให้ข้า!!” ไม่รอให้กู่หลงมีโอกาสได้กล่าวคำใด กุ่ชุนพลันโพล่งคำออกมาด้วยน้ำเสียงโผงผางร้อนใจราวคนใกล้บ้า
คอมเม้นต์