War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1867
ตอนที่ 1,867 : มังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บ! “ผู้นำตู้กู ที่เจ้ารั้งอยู่เพียงเพราะคิดถามเรื่องนี้?” เผชิญกับคำถามของอริเก่า ต้วนหรูเฟิงเพียงหยีตากล่าวออกไปเสียงเบา “เจ้าก็มิใช่ว่าได้ยินคำของผู้นำตี้ชานแล้วหรือไร กระทั่งผู้นำตี้ยังมิรู้ด้วยซ้ำว่ามนุษย์เข้าสระชำระมังกรแล้วผลจะเป็นอย่างไร…แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะรู้งั้นหรือ?” “โฮ่ หากท่านไม่รู้ยังจะปล่อยให้บุตรชายไปเสี่ยงอีกรึ?” ตู้กูมองเพ่งต้วนหรูเฟิงทั้งจี้ถาม ได้ยินคำถามของตู้กู ตี้ชานเองก็อดไม่ได้ที่จะมองต้วนหรูเฟิง แววตายังเผยความสงสัยออกมา ถูก มันเป็นถึงผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรแต่กลับไม่รู้เลยว่าหากมนุษย์เข้าใช้สระชำระมังกรแล้วจะเป็นอย่างไร อย่างที่ผู้นำตู้กูกล่าวถาม ไฉนจ้าวตำหนักเมฆาครามถึงยินยอมให้บุตรเข้าไปเสี่ยงแบบนี้…หากไม่ล่วงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับมนุษย์เมื่อเข้าใช้สระชำระมังกร? “ตู้กู จะอย่างไรเจ้าก็เป็นถึงผู้นำตลาดมืดหยินชาน หรือไม่เคยได้ยินคำว่า โชคเป็นของผู้กล้า วาสนาเป็นของผู้ที่พร้อมฉกฉวย? สระชำระมังกรเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกร ทั้งยังช่วยหนุนเสริมให้คนเผ่าพันธุ์มังกรก้าวหน้าขึ้นด้วยความเร็วอัศจรรย์ เรื่องนี้ข้าเชื่อว่าเจ้าเองก็รู้ดี และนี่สมควรเป็นวาสนาหนึ่งของบุตรชายข้า…หากเขาสามารถทนรับมันได้โดยมิเกิดเรื่อง” ต้วนหรูเฟิงกล่าวออกอย่างไม่รีบไม่ร้อน แน่นอนว่ามันไม่ได้กล่าวถึงเรื่องสำคัญ และมันก็ไม่อาจปริปากกล่าวออกมาได้ เรื่องที่ว่าก็คือ… เรื่องเข้าสระชำระมังกรนั้น แต่ไหนแต่ไรล้วนแล้วแต่เป็นประสงค์ของผู้เฒ่าพยากรณ์ทั้งสิ้น! และมันก็เชื่อมั่นในตัวผู้เฒ่าพยากรณ์ โชคเป็นของผู้กล้า? แม้วาจาของต้วนหรูเฟิงจะค่อนข้างถือดีไปบ้าง หากแต่ตี้กูและตี้ชานสามารถรับรู้ได้ว่าต้วนหรูเฟิงไม่คิดกล่าวความจริง เช่นนั้นพวกมันก็ไม่คิดจะหาความอะไรอีก เพราะพวกมันต่างรู้ดี ต่อให้ถามไปก็คงไม่ได้คำตอบอะไร “ผู้นำตี้ชาน หลายวันมานี้รบกวนท่านมากแล้ว ขอลา” ตู้กูเมื่อรู้ว่าคำตอบที่ต้องการคงไม่ได้ยิน ก็ไม่คิดรั้งอยู่สืบไป หลังกล่าวคำอำลาตี้ชาน มันก็จากไปพร้อมเฝิงปู่อี้และจงฉีชานทันที ครู่ต่อมาภายในหุบเขาแห่งนี้ก็เหลือแต่ตี้ชานและอาวุโสเผ่าพันธุ์มังกร กับพวกต้วนหรูเฟิง… รวมถึงประตูลึกลับที่ลอยล่องในความว่างเปล่า ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น หลังจากที่เข้าประตูสู่สระชำระมังกรมา ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนร่างกายจมดิ่งลงในน้ำลึก และกลังจากนั้นร่างกายเขาก็ไม่มีอยู่อีกต่อไป เพราะทันทีที่ร่างผ่านประตูอันมีม่านพลังพพิสดารนั่น ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนวิญญาณถูกตัดขาดออกจากร่างกาย คิดควบคุมร่างกายเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล! กระทั่งคิดสัมผัสตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอยด้วยสำนึกเทวะอะไรยังไม่อาจกระทำได้ ตอนนี้ราวกับที่ยังหลงเหลืออยู่มีเพียงสำนึกสติเท่านั้น เขารู้สึกเหมือนติดแหง็กอยู่ในห้วงประหลาด! ตอนแรกต้วนหลิงเทียนก็ไม่กังวลสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็เริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? นี่น่ะเหรอสระชำระมังกร ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกร? ทำไมมันถึงแปลกประหลาดแบบนี้?’ ‘คงไม่ใช่ว่า…ผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรตี้ชานนั่นมันโกหกพวกเราหรอกนะ?’ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะคาดเดา อย่างไรก็ตามความคิดดังกล่าวถูกเขาปัดตกไปแทบจะทันที เพราะรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้ จากระดับของเผ่าพันธุ์มังกรในภูมิภาคเบื้องล่าง พวกมันไม่มีวันสร้างประตูสู่สระชำระมังกรปลอมได้หรอก เห็นได้ชัดว่าผู้ที่สร้างประตูลี้ลับ สมควรเป็นตัวตนที่ทรงพลังนัก ตัวตนระดับนี้สมควรมีอยู่แต่ในภูมิภาคเบื้องบนหรือแดนสวรรค์เท่านั้น! ด้วยหลงเหลือแต่สำนึกสติเช่นนี้ นอกจากจะหวนนึกถึงเรื่องราวในความทรงจำและครุ่นคิดแล้ว เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้อีก ต้วนหลิงเทียนไม่รู้เลยจริงๆว่าตอนนี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหนกันแน่ ยิ่งไม่รู้ว่าใช่เขาอยู่ในสระชำระมังกรแน่หรือไม่… เพราะอย่างไรเสียสระชำระมังกรก็ไม่ใช่สถานที่ๆเขาเคยเข้ามาก่อน ยิ่งไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างหลังประตูนั่นคืออะไร แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับเขาหลังจากที่ตัวเขาลอดผ่านประตูมาแล้วกันแน่ ‘นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?’ ยิ่งผ่านไปนานเท่าไหร่ ต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น เขาหลงเหลือแต่สำนึกสติ ทำได้เพียงครุ่นคิดไตร่ตรอง ไม่อาจควบคุมร่างกายหรือกระทั่งสำนึกเทวะได้เลย อันที่จริงเขากระทั่งไม่อาจสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของร่างกายด้วยซ้ำ! ไม่ทราบว่าเวลามันผ่านไปนานเท่าไหร่กันแน่ หากแต่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนหงุดหงิดหัวเสียถึงขีดสุด คล้ายกำลังจะบ้าเต็มที ‘นี่มันสถานที่ผีสางอะไรกัน? สระชำระมังกร?! ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มังกรนี่ที่แท้มันอะไรกันแน่?’ หลังจากที่หงุดหงิดหัวเสียจนตะโกนด่าในใจไปพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆสงบสติลงอีกครั้ง เขารู้ดีว่าตอนนี้หัวร้อนอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ และทันทีที่สงบอารมณ์ลงได้เขาก็นึกถึงต้วนหรูเฟิงและคนอื่นๆที่กำลังรอคอยอยู่ข้างนอกขึ้นมา ‘ข้าไม่รู้ว่านี่มันผ่านไปนานแค่ไหนกันแน่…ท่านพ่อกับพี่กู่ตอนนี้ไม่รู้กำลังกังวลกันแค่ไหน’ หลังจากนั้นความคิดของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มล่องลอยไปไกล คิดถึงมารดาอย่างลี่หลัวและคู่หมั้นอย่างลี่เฟย ร่างน้อยๆของต้วนเนี่ยนเทียนบุตรชายยังผุดขึ้นในใจ จากนั้นก็คิดถึงเค่อเอ๋อและเฟิ่งเทียนหวู่ …… ‘การปะทะกับตี้จิ่วเมื่อวาน นับว่าปฐมเวทย์กลืนกินช่วยได้มากจริงๆ’ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ความคิดของต้วนหลิงเทียนกลับล่องลอยไปถึงตอนที่ต่อสู้กับตี้จิ่ว เหตุผลที่ทำให้เขาสามารถสังหารตี้จิ่วลงได้อย่างง่ายดายนั้น เป็นเพราะผลกระทบของเวทย์พลังที่สืบทอดกันมาในเผ่าพันธุ์มังกร อย่างร่างมังกรคุ้มคลั่ง! เรียกว่าสาเหตุการตายของตี้จิ่ว เป็นเพราะเวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งล้วนๆ! เวทย์พลังร่างมังกรคุ้มคลั่งที่สืบทอดต่อกันมาในเผ่าพันธุ์มังกรนี้ คือเวทย์พลังที่สามารถยกระดับพลังฝึกปรือของผู้ใช้ให้สูงขึ้นชั่วระยะเวลาหนึ่ง! หากแต่เมื่อระยะเวลาใช้งานหมดสิ้นลง ไม่เพียงระดับพลังฝึกปรือของผู้ใช้จะตกฮวบลงมาเหลือเท่าเดิม กระทั่งยังถดถอยลงไปก้าวใหญ่! เช่นเดียวกับตี้จิ่วเมื่อวันก่อน พลังฝึกปรือของมันในสภาวะอ่อนแอกลับตกฮวบลงไปเหลือแค่เซียนมนุษย์ขั้นต้นเท่านั้น… พอย้อนกลับมามองฝั่งต้วนหลิงเทียน แม้ปฐมเวทย์กลืนกินของเขาหมดจะระยะเวลาแสดงผล แต่มันกลับไม่มีผลกระทบอะไรตามมาทั้งสิ้น ถึงปราณสุริยันแรกกำเนิดของเขาจะหวนคืนสู่สภาพปกติก่อนใช้ปฐมเวทย์กลืนกิน แต่มันก็ยังมีพลังอำนาจเทียบได้กับเซียนมนุษย์ขั้นกลาง! ด้วยพลังของขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นกลาง กอปรด้วยความเร็วจากเวทย์พลังปีกอีกาทองคำ รวมถึงเซียนอมตะข้ามภพ ทั้งพลังของยอดใจกระบี่ รวมถึงพลังจากอาคมเซียนทั้ง 10 ในกระบี่ ต้วนหลิงเทียนคิดฆ่าตัวตนขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นต้นย่อมง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ! เช่นนั้นแล้ววินาทีที่ตี้จิ่วตกอยู่ในสภาวะอ่อนแอพลังฝึกปรือถดถอยลงไปถึงเซียนมนุษย์ขั้นต้น ทุกคนจึงไม่แม้แต่จะทันได้ตอบสนองอันใดด้วยซ้ำ ต้วนหลิงเทียนก็ระเบิดพลังสังหารตี้จิ่วจนตกตายในชั่วพริบตา! ด้วยเหตุนี้ทำให้การประลองเป็นตายเมื่อวันก่อน ต้วนหลิงเทียนยกความดีความชอบทั้งหมดให้ปฐมเวทย์กลืนกิน! หากไม่ใช่เพราะปฐมเวทย์กลืนกินทำให้เขากลืนกินพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบ มาเพิ่มพูนปราณสุริยันแรกกำเนิดของเขาชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้วล่ะก็ เขาคงยากที่จะมีพลังรบทัดเทียมได้กับขอบเขตเซียนปฐพีขั้นกลางภายใต้การใช้เวทย์พลังปีกอีกาทองคำเช่นนั้น… และหากเขาไม่อาจมีพลังรบทัดเทียมกับเซียนปฐพีขั้นกลางได้ เกรงว่าคงไม่อาจหลบหลีกการโจมตีของตี้จิ่วภายใต้ภาวะคุ้มคลั่งได้เลยแม้แต่ทีเดียว! ทั้งหมดทั้งมวลเรียกได้ว่าเกี่ยวโยงกับปฐมเวทย์กลืนกินทั้งสิ้น หาไม่แล้วทุกอย่างคงไม่สำเร็จราบรื่นเช่นนี้ แน่นอนว่าแม้คราวนี้ปฐมเวทย์กลืนกินจะเป็นพระเอก แต่ก็ไม่ใช่ว่าปีกอีกาทองคำจะไม่สำคัญ ไม่อาจขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ทั้งสิ้น! “ตี้จิ่ว…” พอคิดถึงเรื่องที่สุดท้ายตี้จิ่วก็ตกตายภายใต้เงื้อมมือของตัว ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวในวันวาน วันที่เขาได้พบเจอกับตี้จิ่วครั้งแรก ตอนนั้นในสายตาของตี้จิ่ว เขามันก็แค่มดตัวกระจ้อยที่จะเหยียบย่ำให้เละแหลกเมื่อไหร่ก็ได้ตามใจชอบ… และอันที่จริงแล้ว ตอนนั้นตัวเขาก็ไม่ต่างจากมดต่อหน้าตี้จิ่วจริงๆ เพราะพลังฝึกปรือเขาเพียงอยู่ในขอบเขตสู่เซียนเท่านั้น ทว่าตี้จิ่วมันก็บรรลุถึงเซียนมนุษย์ขั้นสูงสุดเข้าไปแล้ว… ตี้จิ่วคิดฆ่าเขา ก็ลำบากเพียงยกนิ้วหนึ่งเท่านั้น… อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไป 5 ปี เขาก็เติบโตก้าวหน้าขึ้นจนไม่ใช่แค่สามารถสู้กับตี้จิ่วได้ทัดเทียม กระทั่งยังฆ่ามันได้! พอคิดถึงจุดนี้ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะลอบทอดถอนในใจ ‘เกรงว่าตี้จิ่วนั่นมันคงไม่คิดคาดว่าสุดท้ายจะต้องตายด้วยน้ำมือข้า…เมื่อ 5 ปีก่อนข้าเป็นแค่มดในสายตามัน แต่ 5 ปีต่อมากลับเป็นข้าที่สวดส่งวิญญาณมันลงนรก’ ‘อย่างไรเสียตี้ชานผู้นำเผ่าพันธุ์มังกรคนนั้น ช่างเป็นคนที่สามารถปล่อยวางเรื่องราวได้ดีจริงๆ…ตอนแรกหลงคิดว่าหลังฆ่าตี้จิ่วตายมันจะอาละวาดสร้างปัญหาให้ข้ากับท่านพ่อเสียอีก ไม่คิดเลยว่ากลับให้ความร่วมมือด้วยดี…สมควรมีเหตุผลบางประการให้มันกริ่งเกรงสินะ’ ความคิดของต้วนหลิงเทียนล่องลอยไปเรื่อยๆ… สุดท้ายเขาก็ไม่รู้แล้วว่าจะคิดเรื่องอะไรต่อไป ในโลกที่คงเหลือแต่สำนึกสตินั้น เขาไม่อาจแลเห็นสิ่งใด ไม่อาจได้ยิน กระทั่งไม่อาจรับรู้แม้แต่การคงอยู่ของร่างกาย ยิ่งเวลาผ่านไปนานเข้า ยังอดคิดไปไม่ได้ว่าเขาใกล้เสียสติแล้วหรือไม่ อย่างไรก็ตามในชีวิตที่แล้วของต้วนหลิงเทียน หลังปลดระวางจากหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่า ก็ได้ผันตัวไปเป็นทหารรับจ้างระดับพระกาฬ สุดท้ายก็ได้เป็นถึงราชันทหารรับจ้างของโลก บางภารกิจเขาจำเป็นต้องซุ่มซ่อนตัวในที่มืดเพียงลำพังเป็นเวลานานนับเดือน! หากเป็นคนธรรมดาเกรงว่าคงได้มีอาการทางจิตกันบ้าง! และด้วยประสบการณ์ในตอนนั้น ทำให้ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนแม้คิดว่าตัวเองใกล้บ้าเต็มที แต่สติเขายังแจ่มใสครบถ้วน สามารถทนทานรับเรื่องราวผิดแปลกไม่เข้าใจนี้ได้อย่างสงบ… ‘ท่าทางคนของเผ่าพันธุ์มังกรที่เข้ามาในสระชำระมังกรคงไม่มีประสบการณ์แบบเดียวกับข้า…ไม่งั้นพวกมันคงยากที่จะออจากสระชำระมังกรได้อย่างราบรื่น! คนธรรมดาทั่วไปใครมันจะทนตกอยู่ในสภาพนี้ได้กัน…’ ต้วนหลิงเทียนค่อนข้างมั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าต้วนหลิงเทียนก็เริ่มสงบจิตใจลง กระทั่งสุดท้ายใจก็เป็นดั่งบ่อน้ำโบราณลึกเยียบเย็น สงบนิ่งจนไร้ใดกระเพื่อมไหว ตอนแรกที่เข้ามาแม้จะสงบใจได้แต่ยังไม่อาจบรรลุถึงความนิ่งขนาดนี้ “สมแล้วที่เป็นผู้สืบทอดหนึ่งเดียวของเซียนกระบี่ฟงหยาง ทวาราเที่ยงแท้ลำดับที่ 1 หมอกพิรุณ แห่ง 7 ทวาราเที่ยงแท้…มนุษย์น้อยเจ้าได้ผ่านการทดสอบของข้าแล้ว ข้าจักปฏิบัติตามคำสัญญาที่ข้าเคยให้ไว้กับฟงชิงหยาง ทำให้เจ้าบรรลุถึงมังกรแปลง!” หลังสำนึกสติต้วนหลิงเทียนสงบนิ่งดั่งบ่อน้ำโบราณลึกเยียบเย็นได้ไม่กี่วัน เสียงหนึ่งก็ดังก้องในใจ ยังเป็นสุรเสียงอันน่าเกรงขามเปี่ยมล้นไปด้วยพลังอันน่าพรั่นพรึงประการหนึ่ง เสียงนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนตื่นตัวขึ้นมาทันใด ขณะเดียวกันใจยังลอบยินดีปรีดานัก! นั่นเพราะต้วนหลิงเทียนพบว่าในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ถึงร่างกายของตัวเองแล้ว! ไม่เพียงเท่านั้นสำนึกเทวะของเขายังหวนคืนกลับมาเรียบร้อย! ตอนนี้คิดแผ่สำนึกเทวะไปสัมผัสรอบๆก็สายไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนเพียงลืมตาหันมองไปยังทิศทางอันเป็นแหล่งกำเนิดเสียงตามสัญชาตญาณทันที พบเห็นเป็นเงาร่างขนาดมหึมา ลอยล่องเหนือทะเลสาบสงบร่างหนึ่ง เป็นมังกรเทพยาดาตัวหนึ่ง! หากแต่ขนาดตัวของมันนั้นใหญ่โตมหึมานัก ไม่ต่างใดจากแนวเขาที่ทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา!! ต่อหน้ามังกรเทพยาดาตัวนี้ ร่างที่แท้จริงของตี้จิ่วไม่คู่ควรให้กล่าวถึง! ร่างจริงของตี้จิ่วเต็มที่ก็แค่ไม่กี่ร้อยหมี่ ไม่แม้จะถึง 1 ลี้ด้วยซ้ำ! ทว่าร่างมังกรเทพยาดาเบื้องหน้าอย่างต่ำๆก็มี 10 ลี้!! มังกรเทพยาดาตัวนี้ยังแผ่อำนาจบารมีออกมา เพาะสร้างเป็นแรงกดดันอันน่าเกรงขามขุมหนึ่ง ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกกดดันอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ‘กรงเล็บของมังกรเทพยาดาตัวนี้…ปะ แปดกรงเล็บ!!’ ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ค้นพบว่า กรงเล็บของมังกรเทพยาดาตัวเขื่องเบื้องหน้านั้น กลับมีถึง 8 กรงเล็บ! แต่ละมือแต่ละเท้าล้วนมี 8 กรงเล็บไม่ผิดแน่!! มังกรเทพยาดา 8 กรงเล็บ!! “ซูด…” จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความตื่นตระหนก เรียกว่าตอนนี้ลมหายใจของเขาถึงกับขาดห้วงไปแล้ว…
คอมเม้นต์