War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1852
ตอนที่ 1,852 : ตี้จิ่วออกด่าน! ได้ยินคำของกู่ลี่ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ หมดคำจะพูด จริง! อย่างที่กู่ลี่บอก หากวันนี้ไม่มีบิดาเขากับกู่มี่มาด้วย ลองเขาทำกับมันแบบนี้ เกรงว่าต่อให้ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โตแล้วจริงๆ เขารู้ดีว่าการใช้เนตรเทวะตรวจสอบพลังฝึกปรือผู้อื่นเป็นเรื่องเสียมารยาท ‘ถึงปราณสุริยันแรกกำเนิดของข้าจะทำให้ข้าบรรลุพลังขอบเขตเซียนมนุษย์ แต่ปราณสุริยันแรกกำเนิดกลับไม่ได้เพิ่มพูนพลังวิญญาณและสำนึกเทวะอะไร! สำนึกเทวะของข้ายังคงอยู่ในขอบเขตอริยะเซียนเท่านั้น…ทำให้ขอบเขตการตรวจสอบโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว…ยังหยุดอยู่ที่ขอบเขตอริยะเซียนเท่านั้น’ ‘หากเป็นขอบเขตเซียนมนุษย์ขั้นไป…ด้วยเนตรเทวะในตอนนี้ ยากที่จะตรวจสอบอีกฝ่ายโดยไม่ให้พวกมันรู้ตัว’ ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว อย่างไรก็ตามพายุเล็กๆน้อยๆนี้ก็สงบลงแทบจะทันที เพราะชิงเหยียนเลือกที่จะขอโทษออกมา ไม่กล้ากระพือโหมให้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร “จ้าวตำหนักต้วน จ้าวตำหนักน้อยต้วน อาวุโสกู่ และสหายน้อยผู้นี้ โปรดตามข้ามา…” หายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง ชิงเหยียนก็มองกล่าวกับพวกต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้มฝืนๆ วาจายังสุภาพนักใช้คำว่า ‘โปรด’ ขณะผายมือนำทาง จากนั้นภายใต้การนำของชิงเหยียนทั้ง 4 คนก็มาถึงหุบเขาเล็กๆแห่งหนึ่งในรังมังกร ในหุบเขาแห่งนี้สงบร่มรื่นยังมีแปลกดอกไม้งดงาม มองไปมีบ้านพักหลังเล็กๆสร้างเรียงรายเอาไว้ 10 กว่าหลัง ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่โต แต่ก็แลดูประณีตสวยงาม “จ้าวตำหนักต้วน นัดหมายประลอง 5 ปี จะครบกำหนดในอีก 3 วัน…ก่อนหน้านั้นพวกท่านสามารถพักผ่อนได้ที่นี่” ชิงเหยียนกล่าวกับต้วนหรูเฟิงด้วยรอยยิ้ม พอจบคำก็เตรียมตัวลาจาก “เหอะ!” ต้วนหรูเฟิงพยักหน้ารับอย่างเฉยเมย และไม่ได้สนใจอะไรมัน หลังจากนั้นชิงเหยียนก็เหินร่างจากมาทันที จากมาสักพักใบหน้าแย้มยิ้มของมันค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ‘จ้าวตำหนักเมฆาครามบัดซบนั่นมันหยิ่งเสียจริง! หากมิใช่เพราะในอดีตทานผู้นำมิได้เป็นคนเข้าใช้สระชำระมังกรล่ะก็ ไหนเลยตำหนักเมฆาครามจะกล้าผยองอวดดีในรังมังกรของพวกเราเช่นนี้!’ ชิงเหยียนรู้สึกคับแค้นในใจนัก ‘แต่ว่า…’ ทันใดนั้นคล้ายนึกอะไรได้ออก ลูกตาชิงเหยียนเบิกกว้างทั้งทอประกายจ้าขึ้นมาทันที ‘ก่อนหน้านี้หากข้าสัมผัสได้ไม่ผิดพลาด…สำนึกเทวะของลูกชายต้วนหรูเฟิงนั่น ไม่คล้ายจะเป็นสำนึกเทวะของขอบเขตเซียนมนุษย์หรือเหนือกว่านั้นสักนิด! ดูเหมือนจะยังอยู่แค่ขอบเขตอริยะเซียนเท่านั้น…กล่าวได้ว่ามันเป็นแค่ผู้ฝึกตนขอบเขตอริยะเซียนงั้นหรือ?’ คิดถึงจุดนี้ ใบหน้าชิงเหยียนก็เผยความเย้ยหยันออกมา ‘อาศัยพลังฝึกปรืออ่อนด้อยเพียงเท่านี้คิดประลองกับตี้จิ่วเพื่อชิงสิทธิ์เข้าสู่สระชำระมังกรของพวกเรา…ฝันละเมอของตัวโง่งมนัก!!’ พลังฝีมือตี้จิ่วเป็นเช่นไรมันรู้ดี! เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ตี้จิ่วก็มีพลังฝึกปรือทัดเทียมกับมัน เซียนมนุษย์ขั้นสูงสุด… ทว่าตอนนี้มันผ่านมา 5 ปีแล้ว ด้วยศักยภาพพรสวรรค์ของตี้จิ่ว ต้องทะลวงถึงเซียนปฐพีขั้นต้นแล้วแน่นอน แต่ต่อให้ตี้จิ่วยังไม่บรรลุด่านพลัง ทว่าพลังฝีมือของตี้จิ่วตอนนี้ก็ก้าวข้ามมันไปไกล! ‘นายน้อยของตำหนักเมฆาครามนั่น ไม่แม้กระทั่งรับมือสำนึกเทวะข้าได้ด้วยซ้ำ…แต่มันยังกล้าคิดสู้กับตี้จิ่ว? รนหาที่ตาย!!‘ คิดถึงจุดนี้ ลูกตาชิงเหยียนก็ทอประกายเย็นเยียบจ้า “แต่ว่า…ไฉนนายน้อยตำหนักเมฆาครามนั่น มันแลดูคุ้นตาข้าจัง…” ชิงเหยียนคล้ายนึกอะไรได้ออก คิ้วเริ่มขมวดย่นครุ่นคิดไปพักหนึ่ง ลูกตาค่อยเบิกกว้างออกมาอย่างกะทันหัน ‘ข้านึกออกแล้ว! ไม่ใช่มันคือต้วนหลิงเทียนที่ครอบครองตราผนึกมารหรือไร? จากที่ตี้จิ่วบอกมาบุตรชายต้วนหรูเฟิงก็เรียกว่าต้วนหลิงเทียนเช่นกัน…’ ‘ไม่ผิดแน่…ทั้งคู่เป็นคนๆเดียวกัน’ ลูกตาชิงเหยียนยิ่งมายิ่งสว่างสดใสขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายยังจ้าปานตะวัน หลังจากส่งคนตำหนักเมฆาครามเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ชิงเหยียนก็เดินทางไปหา ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับนัดหมายประลอง 5 ปีอีกคนทันที และไม่ใช่ใครอื่น… มังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บ ตี้จิ่ว! น่าเสียดายพอมันมาถึงที่พักของตี้จิ่ว ก็พบว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้ออกจากการปิดด่านฝึกตน ‘นี่ก็เหลืออีกแค่ 3 วันแล้ว…ไฉนยังไม่ออกด่านมาเล่า! เวลากระชั้นเข้ามาทุกที…แถมคนของตำหนักเมฆาครามก็มากันแล้วด้วย ตี้จิ่วจะออกมาทันหรือ?! ครั้งสุดท้ายที่คุยกับท่านผู้นำก็เห็นว่ากำชับวันเวลาเอาไว้ดีแล้วมิใช่หรือไร’ ครุ่นคิดไปพักหนึ่ง สุดท้ายชิงเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา “แล้วนี่ตี้จิ่วมันทำอันใดของมันอยู่กัน…” “อาวุโสชิงเหยียน…” ในขณะที่ชิงเหยียนคิดจะจากไป เสียงเรียกหนึ่งดังขึ้น ทั้งมันยังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังกล้าแข็งขุมหนึ่ง พาลให้หัวใจสะท้านไปแทบหยุดเต้น! หลังจากหันกลับมา สิ่งที่ชิงเหยียนแลเห็นก็เป็นชายวัยกลางคนแลดูแข็งแกร่งคนหนึ่ง ชายวัยกลางคนแลดูแข็งแกร่งนั่น เพียงยืนอยู่เฉยๆ ก็ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามทั้งกดดันนัก! “ตี้จิ่ว…เจ้าทะลวงผ่านแล้ว?” สองตาชิงเหยียนลุกวาวขึ้นมาทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาทั่วร่างตี้จิ่ว และกลิ่นอายพลังนี้นับว่าทำให้มันกดดันไม่น้อย! “อาวุโสชิงเหยียน ดูเหมือนท่านจะยังไม่ทะลวงผ่านงั้นสิ?” ตี้จิ่วกล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ “ข้าไหนเลยจะเทียบกับเจ้าได้…เจ้าเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง นับว่ามีสายเลือดขัตติยะ พรสวรรค์ยังสูงล้ำกว่าข้า! หากข้าคิดจะทะลวงผ่านยังต้องใช้เวลาอีก 30 – 50 ปี…” ชิงเหยียนกล่าวออกอย่างทอดถอนใจ “อาวุโสชิงเหยียน แล้วนี่ท่านมาหาข้ารึ?” ออกด่านเปิดประตูมาเห็นชิงเหยียนแบบนี้ ก็ไม่แปลกที่ตี้จิ่วจะถาม “ใช่” ชิงเหยียนพยักหน้ารับ ค่อยกล่าวออกด้วยรอยยิ้ม “ตี้จิ่ว อีกแค่ 3 วันก็จะครบกำหนดนัดหมายประลอง 5 ปีแล้ว แต่เจ้ามิต้องกดดันอันใด…5 ปีที่แล้วที่ต้วนหรูเฟิงมาท้าประลองนั่น ข้าก็หลงคิดว่าบุตรชายของมันจะร้ายกาจอะไรนักหนา…แต่ที่แท้มันแค่หาเรื่องใส่ตัวเท่านั้น!!” “หือ? ไฉนท่านกล่าวเช่นนี้?” พอได้ยินคำของชิงเหยียน ตี้จิ่วก็รู้สึกงุนงงไม่น้อย แต่มันก็รู้ดีว่าที่ชิงเหยียนกล่าวแบบนี้เพียงแค่กระตุ้นให้มันอยากรู้ “ตี้จิ่ว ต้วนหรูเฟิงพึ่งพาลูกชายของมันมาถึงวันนี้…” ชิงเหยียนกล่าว และก่อนที่มันจะทันได้กล่าวจบคำก็จำต้องชะงักไปก่อน เพราะแววตาตี้จิ่วกลายเป็นเย็นเยียบ สีหน้าเผยความดุร้ายบ้าคลั่ง รังสีสังหารพวยพุ่งออกจากลูกตา “ต้วน หลิง เทียน!” ตี้จิ่วกล่าวคำ 3 คำออกมาด้วยน้ำเสียงเล็ดรอดไรฟัน! มันไม่เคยลืมเลือนแม้แต่น้อยว่ามันถูกหลอกลวงที่ก้นทะเลอย่างไร ที่น่าเจ็บใจคือผู้ที่หลอกลวงมัน…ยังไม่แม้แต่จะบรรลุถึงเซียนดั้งเดิมด้วยซ้ำ!! มันสาบานว่าจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายให้จงได้! และในที่สุดโอกาสที่ว่าก็มาถึงแล้ว! สัญญานัดหมายประลอง 5 ปีนี่ มันฆ่าคู่ประลองเสียให้ตาย! “อาวุโสชิงเหยียนข้าลืมตัวไปครู่หนึ่ง เชิญท่านกล่าวต่อเถอะ…” ครู่ต่อมาตี้จิ่วก็สูดลมหายใจเข้าเพื่อระงับอารมณ์ ก่อนที่จะหันมากล่าวกับชิงเหยียน ชิงเหยียนพยักหน้า ค่อยพูดต่อว่า “ต้วนหรูเฟิงมันพาลูกชายมาถึงวันนี้…พอข้าส่งพวกมันเสร็จแล้วก็รีบมาหาเจ้าทันที และข้าบอกได้เลย ว่าต่อให้เจ้ายังไม่ทะลวงเซียนปฐพีเหมือนตอนนี้ เจ้าก็เอาชนะ ต้วนหลิงเทียน นั่นได้แน่นอน…” “เพราะถึงแม้ข้าจะไม่ได้ตรวจสอบพลังในด้วยทักษะวิญญาณลี้ลับอันใด แต่จากสำนึกเทวะของมันที่แผ่มาตรวจสอบข้าเอง ทำให้ข้าพบว่า…ด่านพลังของมันยังพึ่งอยู่ในขอบเขตอริยะเซียนเท่านั้น!” ชิงเหยียนกล่าวออกด้วยรอยยิ้มแสยะ “ว่าอะไร? อริยะเซียน!?” ได้ยินคำของชิงเหยียนไม่เพียงตี้จิ่วจะไม่เผยสีหน้ายินดีตามที่ชิงเหยียนคาด กลับเผยสีหน้าอึมครึมคล้ายหวาดกลัวแทน “พึ่งผ่านไปแค่ 5 ปี…แต่พลังฝึกปรือมันทะลวงมาถึงอริยะเซียนแล้ว? นี่มันบ่มเพาะฝึกปรืออย่างไรกันแน่?!” ไม่น่าแปลกที่ตี้จิ่วจะตกตะลึง ต้องทราบด้วยว่าตอนที่มันเจอต้วนหลิงเทียนครั้งแรก พลังฝึกปรือต้วนหลิงเทียนพึ่งอยู่ในขอบเขตสู่เซียนเท่านั้น ยังไม่แม้แต่จะทะลวงถึงเซียนดั้งเดิมด้วยซ้ำ… ทว่าวันนี้มันกลับได้รับทราบจากปากชิงเหยียนว่าพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนบรรลุถึงขอบเขตอริยะเซียนแล้ว! จะไม่ให้มันแปลกใจได้อย่างไรไหว?! “แต่…ไม่ว่าพรสวรรค์ของมันจะสูงส่งเพียงใด มันก็ยังเป็นแค่อริยะเซียนเท่านั้น! อีก 3 วันหลังจากนี้ข้าจะฆ่ามันให้ตาย!!” หลังนิ่งไปพักหนึ่งตี้จิ่วค่อยคืนสติ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดุร้ายน่ากลัว “ตี้จิ่ว ข้ารู้ว่าเจ้าอยากฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่นให้ตาย แต่อย่าได้ลืมไปเสีย…ว่าบิดาของมันคือต้วนหรูเฟิงจ้าวตำหนักเมฆาคราม! เพราะกริ่งเกรงเผ่าพันธุ์มังกรที่ภูมิภาคเบื้องบน ต้วนหรูเฟิงจึงมิได้ลงมือกับเผ่ามังกรของเราจริงจัง แต่หากบุตรชายมันถูกฆ่าตาย มันต้องคุ้มคลั่งเป็นแน่!” ชิงเหยียนกล่าวออกเสียงเครียด “หากต้วนหรูเฟิงเกิดคุ้มคลั่งขึ้นมา มันต้องระบายโทสะกับเผ่าพันธุ์มังกรของพวกเราแน่นอน…ถึงแม้ว่าสุดท้ายเผ่าพันธุ์มังกรภูมิภาคเบื้องบนจะลงมาแก้แค้นให้พวกเรา แต่ต้องเผชิญกับโทสะของต้วนหรูเฟิงเช่นนั้น เกรงว่าเผ่าพันธุ์มังกรภูมิภาคเบื้องล่างของพวกเรา คงถูกต้วนหรูเฟิงฆ่าล้างหมดสิ้นแล้ว….” แม้ตี้จิ่วจะกระเหี้ยนกระหือรือหมายฆ่าต้วนหลิงเทียนล้างแค้นส่วนตัว และมันรู้ดีว่าสัญญานัดหมายประลอง 5 ปียังไม่ใช่เวลาที่เหมาะต่อการฆาต้วนหลิงเทียน “แต่…ข้าอยากฆ่ามันให้ตาย!” และถึงตี้จิ่วรู้ว่าชิงเหยียนกล่าวถูก แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ “เจ้าใจเย็นก่อนเถอะ สักวันเจ้าต้องได้ฆ่าต้วนหลิงเทียนนั่นแน่ เพียงแค่เจ้ามิอาจฆ่ามันต่อหน้าต้วนหรูเฟิงเท่านั้น…ทว่าต้วนหรูเฟิงสามารถอยู่กับมันได้ตลอดเวลาหรือ?” ลูกตาชิงเหยียนทอประกายเย็นเยียบ กล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ได้ยินคำของชิงเหยียน ตี้จิ่วก็พยักหน้าเข้าใจ มันรู้ดีว่าคิดฆ่าต้วนหลิงเทียน ก็ทำได้แค่เฝ้ารอโอกาสที่เหมาะสม “จริงสิ! เจ้าเคยได้ยินเรื่องตราผนึกมารหรือไม่?” ทันใดนั้นคล้ายจะนึกใดได้ออก ชิงเหยียนพลันกล่าวถามตี้จิ่วออกมา “ตราผนึกมาร? 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับในรายนามเซียนผู้ยิ่งใหญ่น่ะหรือ? ดาวข่มของผู้ฝึกมารทั้งมวล?” ตี้จิ่วแปลกใจ “ข้าปิดด่านบ่มเพาะไปกว่า 5 ปี ข้าย่อมไม่ได้ยินเรื่องราวของมัน จากที่ข้าฟังท่านกล่าว ดูเหมือนตราผนึกมารจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้งงั้นหรือ?” “ไม่เพียงแต่จะปรากฏขึ้นมาสู่ใต้หล้าอีกครั้ง ตอนนี้มันยังอยู่ในมือของคนที่เจ้าเองก็รู้จัก!” ชิงเหยียนหัวเราะ “ใครกัน?” ตี้จิ่วโค้งคิ้วขึ้นด้วยฉงน “เป็นอาวุโสเผ่าพันธุ์มังกรของพวกเรา…หรือว่าท่านผู้นำ?” “ไม่ใช่คนในเผ่าพันธุ์มังกรของพวกเราหรอก…แต่เป็นต้วนหลิงเทียน! ตราผนึกมารอยู่กับมัน!!” กล่าวถึง ต้วนหลิงเทียน อีกครั้ง สองตาชิงเหยียนก็ลุกวาวขึ้นมาด้วยประกายอำมหิต มันไม่มีวันลืมความอัปยศอดสูก่อนหน้านี้แน่! หากมีโอกาสมันอยากจะฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตายคามือตัดหน้าตี้จิ่วด้วยซ้ำ! “ต้วนหลิงเทียน!?” ลูกตาตี้จิ่วหดหยีลง ก่อนที่ประกายแห่งความโลภจะพวยพุ่งออกมาเจิดจ้า “ตราผนึกมารอยู่กับมันงั้นเหรอ!?”
คอมเม้นต์