War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1844
ตอนที่ 1,844 : ตะเภาเดียวกัน ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ใช้ใบหน้าที่แท้จริง ก่อนที่จะมาพบกับจ้าวเติง เขาก็ได้เปลี่ยนชุดทั้งรูปโฉมไปเป็นหลิงเทียนเรียบร้อย “ไม่ใช่?” ได้ยินคำจ้าวเติงต้วนหลิงเทียนพลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “เจ้าคิดว่าข้าไม่มีทางเป็นต้วนหลิงเทียนไปได้ เพียงเพราะเจ้าไม่อาจมองเห็นร่องรอยการปลอมแปลงรูปโฉมใดๆงั้นสิ?” ก่อนที่จ้าวเติงจะทันได้ตอบคำอะไร สองตามันก็เบิกโพลงปานลูกวัวแรกเกิด เพราะใบหน้าหลิงเทียนที่อยู่ตรงหน้าเริ่มขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว! และพริบตาใบหน้าหนึ่งที่ต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตา! หากมันไม่ได้มาเห็นเองกับตา มันคงไม่มีวันเชื่อว่าโลกหล้ามีทักษะปลอมแปลงรูปโฉมพิสดารขนาดนี้! เห็นอยู่ชัดๆว่ามีการปลอมแปลงรูปโฉม หากแต่สำนึกเทวะกลับไม่อาจตรวจจับร่องรอยอะไรได้เลย! “เจ้า…เจ้าคือต้วนหลิงเทียน!” หลังจากหายตกตะลึง จ้าวเติงก็พินิจใบหน้าต้วนหลิงเทียนพักหนึ่ง ค่อยตระหนักได้ว่าละม้ายคล้ายเหมือนรูปภาพที่มันเคยได้รับมาเมื่อไม่กี่ปีก่อนจริงๆ และชายในรูปภาพที่ว่า ก็คือต้วนหลิงเทียน ผู้ครอบครองตราผนึกมาร! “ใช่แล้ว ข้าคือ ต้วนหลิงเทียน คนนั้น! ว่าไง? ตอนนี้ท่านรองจ้าวเชื่อแล้วหรือยังว่าข้าเป็นคนฆ่าจ้าวจี้กับมือ?” ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาอย่างเสียดสี เจตนาล้อเลียนอย่างเห็นได้ชัด หน้าจ้าวเติงจมลงโดยพลัน พอมันเห็นต้วนหลิงเทียนหวนคืนสู่รูปลักษณ์เดิมแบบนี้มันก็รู้ว่าทุกอย่างเป็นความจริง… ลูกชายมันถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าจริงๆ! กล่าวให้ชัด ต้วนหลิงเทียนใช้ตราผนึกมารฆ่าลูกชายมัน! มันยังจดจำได้ดี วันที่พบศพจ้าวจี้ ทั่วร่างกลับไร้ซึ่งบาดแผลอะไร ทว่าในดวงจิตกลับว่างเปล่า…บ่งบอกให้รู้ว่าวิญญาณถูกทำลายสลายไปแล้ว! และตราผนึกมาร ก็ลงมือสะกดทำลายวิญญาณโดยตรง ปริศนาทั้งหมด กระจ่างแล้ว… ในที่สุดมันก็พบตัวฆาตกรฆ่าลูกชายของมัน! “หลิงเทียน…ไม่สิ ข้าควรเรียกเจ้าว่าต้วนหลิงเทียน!” จ้าวเติงมองไปยังต้วนหลิงเทียนเขม็ง ตอนนี้ในสายตาของมันนอกจากความเคียดแค้นชิงชังมากอาฆาต ยังเอ่อล้นไปด้วยความละโมบโลภมากต่อตราผนึกมาร “ต้องขอบคุณเจ้าที่ยอมรับว่าเป็นฆาตกรฆ่าลูกข้า…เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าตายอย่างรวดเร็ว ไม่ทันได้รู้สึกเจ็บปวด!!” ขณะพูด ทั่วร่างจ้าวเติงพลันปะทุพลังขุมใหญ่ออกมาทันที มันพุ่งร่างเร็วรี่จี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียน! ตอนนี้ในใจจ้าวเติงหลงเหลือเพียงความคิดเดียวเท่านั้น… ฆ่าต้วนหลิงเทียน ช่วงชิงตราผนึกมารมาเสีย!! ตราผนึกมารคือ ยอดศาสตราเซียน ที่ติด 1 ใน 10 รายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ทุกผู้คนล้วนบังเกิดความละโมบอยากได้อยากมี จ้าวเติงเองก็ไม่เว้น! และตอนนี้คล้ายจ้าวเติงจะลืมเลือนไปเสียสิ้นว่ามันอยู่ในห้องโถงหลักของตำหนักเมฆาคราม แถมมันไม่เคยคิดด้วยซ้ำ ว่าไฉนต้วนหลิงเทียนถึงกล้าเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา กระทั่งยอมรับว่าฆ่าลูกชายมันตรงๆ! ตอนนี้เหตุผลในใจจ้าวเติงหายไปไม่มีเหลือ ถูกความแค้นและความโลภเข้าครอบงำหมดสิ้น “บังอาจ!!” ร่างจ้าวเติงพึ่งขยับพุ่งไปได้ไม่ทันถึงไหน พลันมีเสียงสนั่นลั่นปานฟ้าผ่าดั่งออกมาจากด้านนอกโถงหลัก ยังดังเสียจนราวกับจะระเบิดแก้วหูผู้คน หากฟังให้ดีจะพบว่าเป็นเสียงชราเสียงหนึ่ง วูบ! ทันใดนั้นปรากฏร่างที่วูบมาคล้ายภูตผีหยุดอยู่เบื้องหน้าจ้าวเติง! ปงงง!! ไม่ทราบร่างที่วูบมาปานภูตผีลงมือเคลื่อนไหวอย่างไร หากแต่จ้าวเติงที่พุ่งเข้ามาดั่งสายลมกรรโชกก่อนหน้า กลับกระเด็นปลิดปลิวละลิ่วย้อนกลับไปไม่เป็นท่า “อั๊ค” จ้าวเติงที่ตอนนี้นอนหมดสภาพกองกับพื้นกระอักโลหิตออกมาคำใหญ่รดหน้าตัวเอง มันพยายามเอี้ยวตัวหมายจะลุกขึ้นนั่ง หากแต่กลับไร้ประโยชน์อันใด มันถูซัดจนบาดเจ็บสาหัสเกินไป! ทำได้ชะเง้อหัวขึ้นมาชมดูเรื่องราวเท่านั้น!! และเมื่อมันมองไปด้านหน้า มันก็พบว่ามีร่างชราหนึ่ง ยืนปกป้องต้วนหลิงเทียนเอาไว้เบื้องหลัง “หรงหยวน!” หน้าจ้าวเติงถอดสีทันใด เมื่อเห็นชายชราที่ปกป้องหลิงเทียน หรงหยวนนั้นเป็นดั่งมือซ้ายมือขวาของจ้าวตำหนักเมฆาคราม ชื่อเสียงเรียงนามทัดเทียมกับกู่มี่! พลังฝีมือของคนผู้นี้เหนือล้ำเสียจนรองจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับของพวกมันไม่มีใครเทียบชั้นได้สักคน! ยังแข็งแกร่งกว่าอาวุโสผู้พิทักษ์ของพวกมันเสียอีก! “ท่านจ้าวตำหนักน้อย” อย่างไรก็ตามเมื่อจ้าวเติงเห็นหรงหยวนหันไปโค้งคารวะทักทายต้วนหลิงเทียนด้วยความสุภาพเคารพ จ้าวเติงก็รู้สึกหนังศีรษะชาด้านพาลให้อื้ออึงดั่งต้องถูกอัสนียามแล้งฟาดผ่า ท่านจ้าวตำหนักน้อย? คนที่หรงหยวนจะเรียกหาว่าจ้าวตำหนักน้อยได้ สมควรมีเพียงบุตรชายของจ้าวตำหนักเมฆาครามไม่ใช่หรือไร? หากแต่มันไม่เห็นจะเคยได้ยินว่าจ้าวตำหนักเมฆาครามมีบุตรชายด้วย? ยิ่งไปกว่านั้น ต้วนหลิงเทียน นั่นยังเป็นฆาตกรสังหารบุตรชายคนเดียวของมัน! “ต้วนหลิงเทียน…ต้วนหรูเฟิง…แซ่ต้วน” เมื่อจ้าวเติงรู้สึกตัว มันก็พบว่าแซ่ของทั้งสองคนเหมือนกัน ปากพึมพำออกมาอย่างเลื่อนลอย ใจดิ่งลงทันใดสมองครุ่นคิดเรื่องราวเร็วรี่ ‘อย่าได้บอกข้าเชียวว่าต้วนหลิงเทียนเป็นลูกชายของจ้าวตำหนักเมฆาคราม ต้วนหรูเฟิง…ช้าก่อน! หากมันเป็นลูกชายจ้าวตำหนักเมฆาครามจริง แล้วมันจะปลอมเป็นหลิงเทียนมาเข้าร่วมตำหนักฟ้าลี้ลับทำอะไร?’ ‘หรือมันหมายตาแดนลับเซียน?’ … จ้าวเติงรู้สึกสับสนงุนงงนัก มันไม่เคยคิดกระทั่งหลับยังไม่เคยฝัน ว่าคนที่สกุลจ้าวของพวกมันเห็นเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้ และพยายามฆ่าอีกฝ่ายให้ตายมานาน จะเป็นถึงบุตรชายจ้าวตำหนักเมฆาคราม! “อาวุโสหรง” โดนผู้ชราคำนับให้แบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล้าละเลยอีกฝ่าย อย่างไรเสียหรวงหยวนก็เป็นคนสนิทที่ทำงานให้บิดาไม่เอาไหนของเขามานานปี สำหรับเรื่อง ‘เข้าใจผิด’ ก่อนหน้านี้ หรงหยวนก็ได้อธิบายแล้ว ว่าทั้งหมดเป็นคำสั่งบิดาเขา! หรงหยวนได้นำกล่องหยกวิจิตรนั่นไปมอบให้ถึงมือบิดาเขาแล้ว และก็เป็นบิดาเขาเองที่สั่งให้หรงหยวนมาสั่งองครักษ์เกราะทมิฬอีกทอดว่าให้ทำอย่างนั้น ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเพราะบิดาอยากทดสอบพลังฝีมือเขา… เรียกว่าตั้งแต่ต้นจนถึงบัดนี้ หรงหยวนไม่ได้มีเรื่องไหนผิดใจกับเขาเลย “ท่านจ้าวตำหนักน้อย จะให้ข้าจัดการเจ้านี่อย่างไรดี?” ต่อหน้าต้วนหลิงเทียน ท่าทางหรงหยวนแลดูสุภาพเรียบร้อยนัก คล้ายเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นเหมือนต้วนหรูเฟิง! รักบ้านแล้วย่อมรักคนในบ้านด้วย! “จับตัวมันไว้ เดี๋ยวข้าจัดการมันเอง” ต้วนหลิงเทียนกล่าว “ทราบ!” หรงหยวนพยักหน้ารับคำด้วยเคารพ ก่อนที่จะพลิกฝ่ามือเบาๆสะกดร่างจ้าวเติงที่ไร้หนทางตอบโต้ ด้วยพลังอำนาจขอบเขตเซียนปฐพี จ้าวเติงที่เป็นเพียงเซียนมนุษย์ขั้นเชี่ยวชาญย่อมไร้หนทางต่อต้านอย่างสิ้นเชิง พริบตามวลพลังก็ชำแรกแทรกซึมเข้าไปในกาย ระงับพลังฝึกปรือของจ้าวเติงได้อย่างชะงัด! จ้าวเติงที่พยายามจะลุกขึ้นมาด้วยคิดหลบหนี สุดท้ายก็ต้องทรุดลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงเหมือนเดิม ต้วนหลิงเทียนก้าวเข้าไปหาจ้าวเติงอย่างไม่รีบไม่ร้อน เมื่อบรรลุถึงข้างร่างจ้าวเติงก็ก้มลงไปมองตาปริบๆ เดาะลิ้นกล่าวถามออกมาอย่างสนุกสนาน “ฮัยยา ท่านรองจ้าวตำหนักจ้าว ตอนนี้ท่านยังไหวรึเปล่า?” จ้าวเติงที่นอนหมดสภาพ หน้าถอดสีไปทันที ความเคียดแค้นชิงชังทั้งความโลภในแววตาของมันมลายหายไปหมดสิ้น แทนที่ด้วยความหวาดกลัวและความสิ้นหวัง! ความคิดแก้แค้นเอย ความโลภหมายครอบคองตราผนึกมารเอย ล้วนถูกโยนทิ้งไว้ด้านหลัง! ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดสำหรับมันมีเพียงชีวิตของมันเท่านั้น! เรื่องอื่นล้วนช่างหัวมันเถอะ! หากตกตายไปแล้วก็ไม่เหลืออะไรเลย! “ทะ ท่านจ้าวตำหนักน้อย!” ทว่าทันใดนั้นเองฉากเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อพลันปรากฏขึ้นต่อหน้าต้วนหลิงเทียน จ้าวเติงที่ถูกหรงหยวนใช้พลังสะกดร่างจนไร้พลังฝึกปรือ เสมือนตาแก่ธรรมดาๆคนหนึ่ง เมื่อครู่ยังนอนหมดสภาพอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้ผุดลุกขึ้นมาราวผีลืมหลุม คุกเข่าลงตรงหน้าเขาเสียอย่างนั้น! “ท่านจ้าวตำหนักน้อย ผู้น้อยจ้าวเติงมีตาแต่หามีแววไม่ ไท่ซานตั้งอยู่เบื้องหน้ากลับมิอาจแลเห็นความยิ่งใหญ่! ผู้น้อยผิดพลาดไปแล้ว! ขอเพียงท่านจ้าวตำหนักน้อยเมตตาละเว้นชีวิตสุนัขของผู้น้อยสักครา ผู้น้อยขอสาบานว่าต่อไปจักมิมีวันล่วงเกินวุ่นวายท่านจ้าวตำหนักน้อยอีก! ผู้น้อยยินดีสาบานให้ฟ้าพิฆาตตายตก!!” ตอนนี้เรียกว่าจ้าวเติงได้ละทิ้งศักดิ์ศรีใดๆที่เคยมีไปหมดสิ้น ไม่เหลือมาดของรองจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับแม้แต่น้อย ตอนนี้ในใจขอมันหลงเหลือเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น เอาตัวรอด! จะอย่างไรก็ต้องเอาตัวเองให้รอด! มันยังเสพสุขไม่พอ มันยังไม่อยากตาย! “ให้มันได้ยังงี้สิ ขยะเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูกจริงๆ…ล้วนตะเภาเดียวกัน! จ้าวเติงเจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้ากับจ้าวจี้ล้วนกระดิกหางเห่าหอนออกมาภาษาเดียวกันไม่มีผิด ก่อนตายมันก็ร่ำร้องขอความเมตตาเหมือนเจ้า…” หากจ้าวเติงยังหยิ่งทะนงไม่กลัวความตาย อย่างน้อยๆต้วนหลิงเทียนคงรู้สึกนับถือมันอยู่บ้าง หากแต่การกระทำนี้ของจ้าวเติง ทำให้เขารู้สึกเบื่อหน่ายนัก คำพูดต้วนหลิงเทียน จ้าวเติงล้วนได้ยินชัดถนัดหู ถึงแม้ในใจจะโกรธแค้นเดือดดาลแทบคลั่ง แต่มันก็ได้แต่อดกลั้นกักเก็บไม่กล้าเผยออก ยังคงกระทำตัวต้อยต่ำร่ำร้องขอชีวิตไม่หยุด “ท่านจ้าวตำหนักน้อย หากท่านเต็มใจผู้น้อยยินดีกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้าว่าจักเป็น ‘สุนัข’ รับใช้ของท่าน…จากนี้ไม่ว่าท่านให้ทำอะไรผู้น้อยล้วนเชื่อฟัง” ท่าทางต้อยต่ำเจียมตัวของจ้าวเติง ทำให้ต้วนหลิงเทียนถึงกับขมวดคิ้วแล้วจริงๆ นี่ใช่ชนชั้นรองจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับจริงๆหรือ? กู่ลี่ที่ยืนชมเรื่องราวอยู่เงียบๆและไม่ได้กล่าวอะไรออกมานาน พอเห็นการกระทำของจ้าวเติงก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตำหนิ “จ้าวเติง เจ้ามันไม่คู่ควรเป็นรองจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับของพวกเรา! เจ้านับว่าทำให้ตำหนักฟ้าลี้ลับของเราเสื่อมเสียทั้งอับอายขายหน้าผู้คนแล้ว!!” อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกกู่ลี่ตำหนิ แต่จ้าวเติงก็ไม่หืออือแม้แต่น้อย ยังเขย่ามือก้มหัวให้ต้วนหลิงเทียนงกๆ ราวขอทาน ตอนนี้มันหวังเพียงรอดชีวิตไปให้ได้เท่านั้น อื่นใดที่เหลือมันไม่สนใจ! ตอนนี้กระทั่งหรงหยวนยังอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าความขลาดเขลากลัวตายราวกับไร้กระดูกสันหลังของจ้าวเติง ทำให้มันทนมองไม่ไหวแล้วจริงๆ “ท่านจ้าวตำหนักน้อยเมตตาละเว้นชีวิตสุนัขของผู้น้อยสักครั้งเถอะ” จ้าวเติงยังร้องขอความเมตตาไม่หยุด “อาวุโสหรง ข้าไม่อยากเห็นมันให้รกนัยน์ตาข้าแล้ว” แววตาต้วนหลิงเทียนเผยแววขยะแขยงรังเกียจ ตอนนี้เขาไม่อยากมองจ้าวเติงต่อแม้วินาทีเดียว “เจ้าจะอย่างไรก็เป็นรองจ้าวตำหนักฟ้าลี้ลับคนหนึ่ง ข้าไม่คิดจริงๆว่าเพื่อชีวิตแล้วเจ้าจะทำตัวน่าสมเพชได้ถึงขนาดนี้! ข้าไม่รู้จะพูดอะไรดีจริงๆ!!” “ไม่!!” ได้ยินคำปรามาสด้วยรังเกียจของต้วนหลิงเทียน สองตาจ้าวเติงเบิกกว้างปานถ้วยชาม ยังเต็มไปด้วยความหวาดผวาเสียขวัญ มันได้แต่โขกหัวลงพื้นระรัว ร่ำร้องออกมาเสียงหลง อนิจจาด้วยพลังถูกระงับ มันก็ไม่ต่างใดจากปลาบนเขียงรอให้ผู้คนแล่สับได้ตามใจ ปงง!! หลังจากป่นร่างจ้าวเติงทิ้งโดยไม่เหลือแม้แต่เศษธุลี หรงหยวนก็คารวะต้วนหลิงเทียนอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องโถงหลัก “อาจารย์ลุง” ถงจ้ง ไป่ฟูฉางแห่งหน่วยองครักษ์เกราะทมิฬที่ยืนเฝ้าข้างประตูทางเข้าโถงหลัก เมื่อเห็นหรงหยวนเดินออกมามันก็โค้งคารวะด้วยความเคารพทันที อาจารย์ของถงจ้งก็คือกู่มี่ ผู้ที่มีชื่อเสียงเรียงนามทัดเทียมกับหรงหยวนในตำหนักเมฆาคราม ถึงแม้หรงหยวนกับกู่มี่จะไม่ได้มีสัมพันธ์เป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องกันเพราะไม่ได้มีอาจารย์คนเดียวกัน แต่ทั้งคู่ก็เป็นสหายอันดีกันมานานปี เรียกว่าเสมือนเป็นพี่น้องกันไปแล้ว เช่นนั้นศิษย์ของกู่มี่ล้วนเรียกหาหรงหยวนว่าอาจารย์ลุง ส่วนศิษย์ของหรงหยวนก็จะเรียกหากู่มี่ว่าอาจารย์อา เพราะอายุของหรงหยวนมากกว่ากู่มี่เล็กน้อย หลังจากหรงหยวนจากไปแล้ว ในโถงหลักของตำหนักเมฆาครามก็เหลืแต่กู่ลี่กับต้วนหลิงเทียน 2 คน ทั้งคู่หันมามองหน้ากันค่อยเผยยิ้มเจื่อนๆออกมา “พี่กู่…” สุดท้ายก็เป็นต้วนหลิงเทียนที่ทำลายความเงียบเลือกจะกล่าวออกมาก่อน “ข้าต้องขออภัยท่านด้วย แต่ดูเหมือนข้ายังไม่อาจขึ้นไปยังภูมิภาคเบื้องบนพร้อมท่านได้ในตอนนี้…เพราะข้าจำต้องรั้งอยู่ที่นี่ไปอีกราวๆ 1 ปีหรือมากกว่านั้น” อีกสิบเดือนหลังจากนี้…ต้วนหลิงเทียนต้องเดินทางไปยังเผ่าพันธุ์มังกร เพื่อเติมเต็มสัญญานัดหมายประลอง 5 ปี!
คอมเม้นต์