War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1784
ตอนที่ 1,784 : บททดสอบสุดท้าย หลังจากจัดการหมู่ย่อยเล็กๆที่มีทหาร 30 นายเสร็จแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็รีบเคลื่อนร่างฉากหลบหมู่ย่อยหมู่อื่นที่รุดมาปิดล้อมทันที เมื่อฉากหลบออกมาได้ ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มใช้ประโยชน์จากความเร็วเคลื่อนร่างไปทั่วลานจัตุรัส เหล่าทหารทั้งหลายที่คิดเล่นงานเขาก็ทำได้แค่จั่วลม ไม่อาจแตะถูกได้แม้แต่ชายเสื้อของเขา เพราะตอนนี้ความเร็วของต้วนหลิงเทียนเทียบได้กับผู้ฝึกตนขอบเขตอริยะเซียนขั้นต้น ทหารเหล่านี้ไหนเลยจะจับได้ไล่ทัน! สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินสืบเนื่องต่อไป กระทั่งต้วนหลิงเทียนพบช่องว่างที่เกิดขึ้นจากกากประสานไม่ลงตัวของค่ายกลในทหารหมู่ย่อยอื่นๆ ค่อยเริ่มลงมือทำลายหมู่ย่อยเล็กๆไปเรื่อยๆ หลังจากใช้เวลาไปเกือบทั้งวัน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็ดับชีพกองพันทหารทั้งทัพลงได้ “ในที่สุดก็ผ่าน…” ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะผ่านบททดสอบที่ 8 ได้ในเวลาแค่วันเดียว หากแต่ทั่วร่างก็ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ เพราะการลงมือก่อนหน้านับว่าต้องใช้จิตสมาธิไม่น้อย มาตอนนี้ใจที่ตึงเครียดจึงพอได้ผ่อนคลายลง… การเผชิญหน้ากับทหารทั้งกองพัน ที่ลำพังคนแค่ 40 คนก็เทียบเท่าการลงมือของอริยะเซียนขั้นต้น ไม่ใช่เรื่องตลก! เขาไม่กล้าประมาทหรือเหม่อแม้ชั่วลมหายใจเดียว ทำให้จิตใจของเขาค่อนข้างขึงตึงไม่น้อย “ฮู่ววว…” “แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก…” ต้วนหลิงเทียนทิ้งตัวลงไปนั่งแบกับดินอีกครา แขนยกขึ้นซับหน้าที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อไหลรินออกมาดั่งสายฝน พักหนึ่งค่อยหายใจหายคอได้สะดวก… นี่นับเป็นครั้งแรกเลยจริงๆตั้งแต่เข้ามาในพื้นที่มรดกเวทย์พลังบึงไร้ก้นบึ้ง ที่ต้วนหลิงเทียนอ่อนล้าทั้งกายใจแบบนี้ เขาจึงคิดจะลุยบททดสอบต่อไปหลังจากที่พักให้เต็มที่สักวันสองวัน… ทว่าหลังจากที่ผ่านบททดสอบครั้งที่ 8 แล้ว หนทางสู่บททดสอบที่ 9 ดันเปิดขึ้นทันที! “หลังจากที่ผ่านบททดสอบแรก เสียงชรานั่นบอกว่าจะไปรออยู่ที่บททดสอบสุดท้าย ก็หมายความว่าบททดสอบที่ 9…เจ้าของเสียงนั่นที่แท้เป็นใครกันแน่?” ต้วนหลิงเทียนอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย สุดท้ายก็เลือกที่จะเดินเข้าไปยังบททดสอบที่ 9 ทันที หนทางเข้าสู่บททดสอบที่ 9 เป็น ม่านแสงสว่างม่านหนึ่ง เมื่อต้วนหลิงเทียนเดินผ่านม่านแสงเขาก็รู้สึกเสมือนเดินผ่านม่านน้ำ ต่อมาสายตาเขาก็คล้ายจะมืดไปครู่หนึ่ง ค่อยสัมผัสได้ว่าฉากเรื่องราวกำลังเปลี่ยนแปลง พระราชวังใต้ดินหายไป ฉากใหม่เบื้องหน้าปรากฏสู่สายตาต้วนหลิงเทียนชัดเจน “อย่างที่คิดเอาไว้…ทั้งหมดในนี้สมควรเป็นมายาสะท้อนลักษณ์เสมือนจริง ไม่รู้บททดสอบที่ 9 รอบนี้ข้าจะเจอกับอะไร?” หลังจากพระราชวังใต้ดินหายไป แว่บแรกที่ต้วนหลิงเทียนแลเห็นก็คือสีขาวสว่างจ้า หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ต้วนหลิงเทียนนก็พบว่าเขาถูกส่งมายืนอยู่บนเวทีประลองอันกว้างขวาง รอบๆเต็มไปด้วยอัฒจันทร์ ทว่าพิกลนักกลับไม่มีผู้ชมนั่งอยู่สักคน “นี่น่ะเหรอบททดสอบที่ 9?” มองไปยังพื้นเวทีประลองขนาดใหญ่ที่เขายืนอยู่ ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ “แล้วข้าต้องสู้กับอะไรกัน?” ในเมื่อยืนอยู่บนเวทีประลอง ย่อมเป็นธรรมดาที่ต้วนหลิงเทียนคิดว่าต้องมีการต่อสู้ ไม่พ้นบททดสอบที่ 9 นี้เขาต้องเผชิญหน้ากับใครสักคนเป็นแน่… ‘หรือจะเจอกับเจ้าของเสียงชรานั่น?’ กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ทราบ ว่าไฉนอยู่ๆความคิดนี้ถึงปรากฏขึ้นมาในใจได้ และเมื่อฉุกคิดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็ไม่อาจหยุดคิดได้เลย… และเหตุผลที่เขาคิดแบบนี้ สมควรเป็นเพราะวาจาของชายชราที่กล่าวบอกไว้หลังจบการทดสอบแรก ว่าจะรอเขาอยู่ที่บททดสอบสุดท้าย ‘ถึงไม่รู้ว่าตาแก่นั่นจะเป็นใคร…แต่ในเมื่อสามารถทิ้งข้อความเสียงไว้ได้แบบนั้น มั่นใจได้เลยว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาๆแน่! หากต้องสู้กับตาแก่นั่นจริงๆ เกรงว่าคงได้เหนื่อยกันหน่อยแล้ว’ พอคิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มขื่นขมออกมา ถึงแม้พลังฝีมือในปัจจุบันของเขาตอนนี้จะเทียบได้กับผู้ฝึกตนขอบเขตอริยะเซียนขั้นต้น แต่เขารู้สึกว่าหากต้องประมือกับเจ้าของเสียงชรานั่นจริงๆ น่ากลัวว่าเท่านี้อาจจะยังไม่พอ ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเผยยิ้มขื่นขมอยู่นั้น ความว่างเปล่าในอากาศเหนือเวทีพลันกระเพื่อมสั่นไหวดั่งระลอกน้ำ ก่อนที่จะปรากฏรอยแตก ไม่นานมันก็ค่อยๆแยกกว้างอย่างรวดเร็ว หลังจากที่รอยแตกมันกว้างมากพอ พลันปรากฏร่างชายชราหนึ่งก้าวออกจากรอยแยกกลางความว่าง มาหยุดลอยเหนือเวที ก้มลงมองมายังร่างต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาเฉยชา เป็นชายชราที่มีหน้าตาอ่อนวัยมองไปละม้ายคล้ายเฒ่าทารก ชุดคลุมที่สวมใส่แลดูหลวมๆ แม้สภาวะร่างแลดูสงบ แต่ยากจะปิดซ่อนพลังฝีมืออันร้ายกาจ ทั้งชายชราผู้นี้ยังสูงเกือบ 2 หมี่ ยามยืนหลังตรงให้ความรู้สึกเหี้ยมหาญตระหง่านดั่งหอคอยย่อมๆ สายตาที่มองต้วนหลิงเทียนด้วยความเฉยชาของชายชรา ไม่นานก็เปลี่ยนไปมุมปากยังเริ่มยกยิ้มบางๆ ในดวงตาสีโคลนหมองมัวค่อยๆปรากฏประกายสว่างจ้าขึ้นมา “หนุ่มน้อย…การที่เจ้ามาถึงที่นี่ได้นับว่าเจ้าเก่งมาก…” เมื่อต้วนหลิงเทียน ตระหนักถึงชายชรา อีกฝ่ายก็ปริปากกล่าววาจาออกมา แน่นอนว่ามันเป็นเสียงเดียวกันกับเสียงที่ดังขึ้นหลังจบบททดสอบแรก ดังนั้นต้วนหลิงเทียนจึงมั่นใจเต็มเปี่ยม ว่าชายชราเบื้องหน้า คือชายชราที่ทิ้งข้อความเสียงเอาไว้! “อาวุโส” ต่อหน้าชายชราเบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนไม่กล้าละเลย อีกฝ่ายสามารถปรากฏกายที่นี่ได้ แม้จะเป็นภาพมายาสะท้อนลักษณ์อะไรในค่ายกลลวงตาก็แล้วแต่ ทว่าอีกฝ่ายก็คู่ควรให้เขาแสดงความเคารพ… ชายชราที่สามารถมาปรากฏตัวในค่ายกลมายาสะท้อนลักษณ์เสมือนจริงได้แบบนี้ ยังเป็นคนธรรมดาได้อีกหรือ? อย่างไรก็ตามชายชราแลดูจะไม่แยแสคำทักทายของต้วนหลิงเทียน อีกฝ่ายไม่ตอบสนองอันใดเลย เลือกที่จะกล่าวสืบต่อ “ก่อนหน้าข้าบอกเจ้าแล้วว่าข้าจะรอคอยเจ้าอยู่ที่บททดสอบสุดท้าย…ตอนนี้ตราบใดที่เจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ ‘ปฐมเวทย์กลืนกิน’ จักเป็นของเจ้า” “แต่หากเจ้าเอาชนะไม่ได้ เพียงกล่าวว่าเจ้าไร้วาสนากับ ปฐมเวทย์กลืนกิน ของข้าเถอะ” ชายชราพูดต่อ ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนพลันตระหนักได้เรื่องหนึ่ง ถึงชายชราเบื้องหน้าแม้แลดูเสมือนผู้คนที่มีสติปัญญา หากแต่อีกฝ่ายกลับกล่าวตามบท คล้ายเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่ง จุดนี้สามารถเห็นได้ชัดจากการที่อีกฝ่ายเมินเฉยคำทักทายของเขา จุดประสงค์การดำรงอยู่ของชายชราผู้นี้ สมควรมีไว้เพื่อการทดสอบเท่านั้น! ไร้ซึ่งสำนึกสติและจิตวิญญาณส่วนตัวอะไร ทำให้ไม่อาจสื่อสารกับเขาได้!! ด้วยเหตุนี้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่ชายชราจะแสดงความเมตตา ออมมือให้เขา! ‘ปฐมเวทย์กลืนกิน ที่อาวุโสกล่าวออก..หรือจะเป็น เวทย์พลัง ที่อยู่ในพื้นที่มรดกเวทย์พลังบึงไร้ก้นบึ้งแห่งนี้กัน?’ เมื่อตระหนักได้ถึงวาจาของชายชรา ลมหายใจต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเร่งร้อนขึ้นมา ทำไมเขาต้องลำบากตากตรำมาถึงตอนนี้เล่า… ไม่ใช่เพื่อเวทย์พลังนั่นรึไง! ยิ่งไปกว่านั้นความยากลำบากของบททดสอบที่เขาเผชิญมาในพื้นที่มรดกบึงไร้ก้นบึ้งแห่งนี้ พื้นที่มรดกอื่นที่เขาเจอมาไม่อาจเทียบได้แม้เพียงเศษเสี้ยว! ดังนั้นเขาจึงมั่นใจเต็ม 10 ส่วน ว่าเวทย์พลังในพื้นที่มรดกเวทย์พลังแห่งนี้ ไม่ใช่เวทย์พลังธรรมดาๆแน่นอน! แน่นอนว่าทั้งหมดยังเป็นเพียงการคาดเดาของต้วนหลิงเทียนเท่านั้น! ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้เลย ว่าพื้นที่เวทย์พลังที่เขาบุกตะลุยเข้ามานั้น เป็นพื้นที่เวทย์พลังที่ลึกลับที่สุดในแดนลับเซียนของตำหนักฟ้าลี้ลับ ยังถูกเรียกว่าพื้นที่เวทย์พลังต้องห้ามอันดับ 1! ถึงแม้ว่าคนของตำหนักฟ้าลี้ลับเองจะยังไม่รู้ว่าเวทย์พลังในที่นี้เป็นเวทย์พลังอันใด แต่ตัดสินจากความยากของบททดสอบแรก ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่าระดับต้องมิใช่ชั่วแน่! “เอาชนะอาวุโส?” เมื่อต้วนหลิงเทียนกลับมารู้สึก พอมองไปที่ร่างชายชราอีกครั้ง เขาก็รู้สึกเสมือนมีไอเย็นขุมหนึ่งแล่นวาบจากปลายเท้าจรดศีรษะ…ทำลายความเร่งร้อนตื่นเต้นของเขาไปทันที เขาจะเอาชนะชายชราคนนี้ได้ยังไง? ถึงแม้ร่างชราที่เขาเห็นอยู่เบื้องหน้าสมควรเป็นสิ่งที่เกิดจากมายาสะท้อนลักษณ์เสมือนจริง แต่นั่นก็ไม่ใช่อะไรที่เขาจะจัดการได้! จังหวะนี้ใจต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะเต็มไปด้วยความขื่นขม เขาพึ่งเปิดใช้เนตรเทวะสำรวจพลังฝึกปรือของชายชรา แต่ทว่ายามสำนึกเทวะของเขาสัมผัสถึงชายชรา มันก็จมหายไปดั่งก้อนหินจมลงไปในทะเลลึก ไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ นั่นบอกให้รู้ว่าพลังฝึกปรือของชายชรามันยากแท้หยั่งถึงขนาดไหน! อย่างไรก็ตามวาจาประโยคถัดมาที่ชายชรากล่าวออก ก็ได้ขจัดความขื่นขมออกไปจากใจต้วนหลิงเทียนทันที! “ข้าจักระงับพลังฝึกปรือของข้าให้อยู่ในระดับเดียวกันกับพลังฝึกปรือของเจ้า…พลังฝึกปรือของเจ้าอยู่ในขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นต้น เช่นนั้นยามประมือกับเจ้าข้าก็จะสะกดพลังฝึกปรือของข้าให้อยู่ในระดับเซียนขัดเกลาขั้นต้น+ อย่างไรก็ตามนอกจากสะกดพลังฝึกปรือให้ทัดเทียมกับเจ้าแล้ว ข้ายังจะใช้ ปฐมเวทย์กลืนกิน!” นี่คือคำกล่าวของชายชรา ลดพลังฝึกปรือให้เหลือเซียนขัดเกลาขั้นต้น? อีกฝ่ายคิดใช้พลังฝึกปรือเซียนขัดเกลาขั้นต้นสู้กับเขางั้นหรือ!? ได้ยินวาจานี้ของชายชรา ต้วนหลิงเทียนถึงกับยินดีมีสุข ยังแทบหลุดหัวเราะร่าออกมา! ‘ไม่สิ! หากชายชราสามารถจำลองปราณสุริยันแรกกำเนิดของข้าได้เล่า? มิใช่ว่าพลังของมันก็เทียบได้กับอริยะเซียนขั้นต้นเหมือนข้ารึไง! นอกจากนี้ยังมีเวทย์พลัง ปฐมเวทย์กลืนกิน นั่นอีก!’ พอคิดถึงจุดนี้ความสุขความยินดีที่ปรากฏขึ้นในใจของต้วนหลิงเทียนเมื่อครู่ก็ดับมอดลงทันที! ทว่าวินาทีต่อมา พอเห็นปราณที่ชายชราเร่งเร้าใช้ออก ความหวังพลันส่องสว่างขึ้นมาอีกครั้ง! นั่นเพราะปราณที่ชายชราใช้กลับเป็นปราณแรกกำเนิด ไม่ใช่ปราณสุริยันแรกกำเนิด! แถมยังเป็นปราณแรกกำเนิดของผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นต้น!! ‘หากเป็นคนธรรมดาน่าจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาชนะผู้ฝึกตนในขอบเขตพลังเดียวกันแต่สามารถใช้ ปฐมเวทย์กลืนกิน อะไรนั่นได้…น่าเสียดาย ที่เรื่องนี้ไม่นับเป็นปัญหาอะไรสำหรับข้า!’ ต้วนหลิงเทียนเชื่อมั่นว่า ถึงแม้เวทย์พลังอย่าง ‘ปฐมเวทย์กลืนกิน’ นั่นจะเป็นเวทย์พลังระดับสูง แต่ชายชราก็ไม่น่าจะเอาชนะเขาได้หากมีฐานพลังฝึกปรือเพียงแค่เซียนขัดเกลาขั้นต้น! เพราะพลังความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังฝึกปรือ หากแต่เป็นความเลิศล้ำของ ปราณสุริยันแรกกำเนิด! ปราณสุริยันแรกกำเนิดขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นต้น มันเทียบได้กับปราณแรกกำเนิดของผู้ฝึกตนขอบเขตอริยะเซียนขั้นต้น! โดยทั่วไปแล้ว หากเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นต้นมาเผชิญหน้ากับเขา ปราณทั่วร่างของมันจะเสมือนถูกสะกดข่มอย่างหนักหน่วง ทำให้ไม่อาจใช้ออกได้ดั่งใจ! ‘ดูเหมือนว่าบททดสอบสุดท้ายนี่จะเป็นเรื่องง่ายสำหรับข้า!’ อารมณ์ของต้วนหลิงเทียนตอนนี้เรียกว่าเริงร่านัก ตอนแรกเขาคิดว่าบททดสอบสุดท้ายคงยากเย็นแสนเข็ญแน่แล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่าสถานการณ์ที่คิดว่าร้ายจะกลายเป็นดีเยี่ยมขนาดนี้! แน่นอนว่าหากเป็นคนธรรมดาพบเจอสถานการณ์เช่นนี้คงได้ปวดหัวตาย แต่สำหรับต้วนหลิงเทียน ปวดหัวไม่มี มีแต่ฉีกยิ้มจนแก้มแทบปริ! ‘ถึงพลังความแข็งแกร่งของอาวุโสยามสะกดพลังจะไม่เท่าข้า แต่สามารถใช้ปฐมเวทย์กลืนกินที่น่าจะเป็นเวทย์พลังขั้นสูงนั่นได้ ข้าเองก็ไม่อาจประมาทได้ถึงแม้จะมีโอกาสชนะมากกว่า 9 ส่วนก็ตาม เพราะเวทย์พลังนั่นน่ากลัวจะเป็นอะไรที่ล้ำลึกแน่นอน ‘ ‘แถมนี่ก็เป็นบททดสอบที่ 9 ซึ่งเป็นบททดสอบสุดท้ายแล้ว ข้าจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด!’ เมื่อคิดได้ดังนี้ ต้วนหลิงเทียนก็กลายเป็นขึงขังจริงจัง ท่าร่างรัดกุมไร้ช่องโหว่สำนึกเทวะแผ่พุ่งออกไปตรวจสอบทุกความเปลี่ยนแปลงรอบกาย ปราณสุริยันแรกกำเนิดโคจรทั่วกายพร้อมปะทุ หากทำเรือล่มในหนองของตัว เขาจะไปร่ำร้องฟ้องใครได้? ครู่ต่อมาปราณแรกกำเนิดทั่วร่างชายชราก็ปะทุลุกโหมขึ้นมาดั่งเพลิงไฟ ทันใดนั้นร่างที่ลอยกลางหาวก็ไหววูบพุ่งโฉบลงมาจากฟากฟ้าดั่งพญาอินทรีย์! “เร็วจริง!” ใบหน้าต้วนหลิงเทียนเผยความอึ้งเล็กน้อย ความเร็วที่ชายชราเผยออกนับว่าเหนือล้ำกว่าเซียนขัดเกลาขั้นต้นมากมายนัก เรียกว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าเซียนขัดเกลาขั้นกลางเลยด้วยซ้ำ “วรยุทธ์ท่าร่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ…” ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นเรื่องนี้ ถึงแม้ชายชราจะสะกดพลังให้อยู่ในขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นต้น หากแต่วรยุทธ์ท่าร่างนั่น ไม่น่าจะมีเซียนขัดเกลาขั้นต้นคนใดสามารถบรรลุได้!!
คอมเม้นต์