War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1783
ตอนที่ 1,783 : แข็งแกร่งทัดเทียมอริยะเซียนขั้นต้น! รูปปั้นทหารแต่ละทัพเรียงรายเป็นตับเป็นแถว มองจากไกลๆแลดูเรียบร้อยสวยงามนัก ต้วนหลิงเทียนหันมองไปซ้ายทีขวาที ก็สามารถนับจำนวนได้คร่าวๆ ‘หรือการทดสอบรอบที่ 8 จะให้ข้าทำลายพวกมัน?’ ด้วยความสงสัยต้วนหลิงเทียนก็ค่อยๆเดินไปยังลานจัตุรัสอันกว้างใหญ่หน้าพระราชวังอย่างไม่รีบไม่ร้อน รูปปั้นกองทัพทหารนับพัน ทำให้ต้วนหลิงเทียนรู้สึกอึมครึมในใจอยู่บ้าง ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่ทราบจะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไร ไม่นานระยะทางระหว่างต้วนหลิงเทียนกับรูปปั้นกองทัพทหารก็ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ 500 หมี่ 300 หมี่ 100 หมี่! เมื่อห่างจากกองทัพทหารดินเผา 100 หมี่ ต้วนหลิงเทียนพลันสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เขาจึงหยุดลงทันที สีหน้ายังบึ้งตึงเคร่งขรึมไปทันใด เพราะตอนนี้เอง ต้วนหลิงเทียนพลันพบว่ากองทัพทหารดินเผาเบื้องหน้าที่ห่างออกไป 100 หมี่! คล้ายจะฟื้นคืนชีวิตกลับมา!! ครึ่ก! ครึ่ก! ครึ่ก! …… แกรก! แกรก! แกรก! …… เสียงปริแตกดังสนั่นลั่นไปทั่วพระราชวังใต้ดิน เนื้อหินเริ่มแตกทั้งหลุดร่วงออกมาจากกองทัพทหารดินเผาดั่งเปลือกไม้ร่วงหล่น เผยให้เห็นผิวเนื้อมีสีสันหลังชั้นหิน! ไม่นานกองทัพทหารที่มีเลือดเนื้อก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาต้วนหลิงเทียน!! แน่นอนว่ามีเลือดเนื้อก็เพียงมีเลือดเนื้อเท่านั้นแต่ยังไม่ใช่ผู้คน! เพราะสองตาไร้ชีวิตของพวกมันก็บอกให้รู้ชัด ว่าไม่ใช่ผู้คนแน่ๆ!! “นี่มันอะไรกัน?” เห็นฉากดังกล่าวต้วนหลิงเทียนก็อึ้งไปไม่น้อย ด้วยไม่คิดว่าอยู่ๆกองทัพทหารดินเผาเบื้องหน้าจะกลับกลายเป็นคนมีเลือดเนื้อแบบนี้! อันที่จริงแล้ว ทหารนับพันที่อยู่เบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน นอกจากสายตาที่เลื่อนลอยว่างเปล่าแล้ว พวกมันก็เหมือนผู้คนทั่วไปที่มีเลือดเนื้อทุกประการ! ฮูวววววว!! …… ตอนนี้เองพลันมีสายลมหอบหนึ่งพัดกรรโชกในพระราชวังใต้ดิน ซึ่งเป็นอะไรที่ผิดแปลกนัก พื้นที่อับเช่นนี้ไหนเลยจะมีลมพัดได้!? แม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้ดีว่าไม่ใช่ลมธรรมชาติ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกขึ้นมา “ทหารพวกนี้…” ตอนนี้เองเมื่อสายตาของต้วนหลิงเทียนกลับมาจับจ้องทหารในลานจัตุรัส เขาก็พบว่าแววตาเลื่อนลอยของทหารนับพันก่อนหน้า กลับมีแสงสีเขียวเรืองสว่างขึ้นมา! และทันทีที่ลูกตาของพวกมันเรืองแสงสีเขียวออกมา พวกมันก็คล้ายกลับมามีชีวิตโดยสมบูรณ์! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! ตึก! …… หลังมีชีวิตกองทัพทหารนับพันเบื้องหน้าก็เริ่มแปรขบวนรบอย่างพร้อมเพรียง การเคลื่อนไหวของพวกมันมากระเบียบราวกับฝึกมาชั่วชีวิต แถมยังไม่ต้องมีผู้ใดสั่งการ! “ฆ่า!!” “ฆ่า!!” “ฆ่า!!” …… หลังแปรขบวนทัพเสร็จสิ้นทหารนับพันก็ตะโกนกู่ร้องออกมาดั่งสนั่นลั่นไปทั่วพระราชวังใต้ดิน คลื่นเสียงของพวกมันยังมีอานุภาพถึงขั้นสะท้านสะเทือนความว่าง ก่อให้เกิดเป็นคลื่นกระแทกไร้สภาพขุมหนึ่งซัดกำจายออกไปโดยรอบ!! จังหวะนี้กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังรู้สึกอื้ออึง แก้วหูสะท้านสะเทือนไปจนหลั่งโลหิต ร่างสั่นไปครู่หนึ่ง อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาไม่มีเวลามาสนใจอะไรพวกนั้น เพราะตอนนี้เขาพบว่าทหารนับพันนายคล้ายจะจับจ้องมองมาที่เขาเขม็ง! การที่ต้องมาถูกทหารนับพันนายที่มีตาสีเขียวราวกับตัวประหลาดจับจ้องเขม็งแบบนี้ แม้จะเป็นต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกอยู่บ้าง! “ฆ่า!!” เสียงกู่ร้องดังขึ้นอีกครั้ง ทหารนับพันนายที่แปรขบวนทัพเสร็จสิ้น พลันพุ่งเข้ามาหาต้วนหลิงเทียนอย่างทันที! ทหารม้าหนึ่งกองร้อยนำมาก่อนใคร พวกมันจี้หอกชี้เข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย สำหรับทหารราบ และพลหอก พวกมันกระโจนร่างขึ้นสูงเหินร่างจู่โจมลงมาจากฟากฟ้า สำหรับพลธนูพวกมันควบรวมปราณแรกกำเนิดผสานกับเกาทัณฑ์อย่างน่ากลัว ก่อนที่จะยิงดอกศรอาบพลัง พุงตัดระยะมาฉับไวปานมังกรเกรี้ยวกราด!! พริบตาเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียนก็เสมือนตาข่ายฟ้าแหสวรรค์ ทหารม้า ทหารราบ พลหอก พลธนู ลงมือจู่โจม ซัดรีงสีพลังเข้ามาอย่างมืดฟ้ามัวดิน! ด้วยลูกตาของทหารทั้งหลายล้วนเป็นแสงสีเขียว จึงยากที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงในสายตาของพวกมัน! อย่างไรก็ตามตัดสินจากพลังสภาวะและท่าทางของพวกมัน ท่าทางหากฆ่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้คงไม่เลิกรา!! พริบตา กระบวนท่าสังหารของทหารนับพันก็พุ่งถาโถมเข้าต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 ทิศ 8 ทาง!! ‘พลังฝึกปรือของพวกมันแค่เซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุด?!’ ด้วยเปิดใช้เนตรเทวะ ต้วนหลิงเทียนจึงรับทราบพลังบ่มเพาะของกองทัพทหารนับพันทันที ทุกคนล้วนอยู่ในขอบเขตเซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดทั้งสิ้น ตอนแรกพอพบว่าพวกมันมีพลังฝึกปรือแค่เซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุด ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรพวกมันอีก อย่างไรก็ตามสีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนสีทันที เมื่อระฆังกระบี่คลุมกายที่เขาเปิดใช้เพื่อต้านทานรับการโจมตีของทหาร 30 คนที่บรรลุถึงก่อนใคร.. เพราะระฆังกระบี่คลุมกายของเขา แทบจะพังทลายลงทั้งๆที่ทานรับการโจมตีของพวกมัน 30 คนเท่านั้น!! ‘อะไรกัน! ถ้าเมื่อครู่เป็นทหาร 40 นายลงมือพร้อมกัน…ระฆังกระบี่คลุมกายของข้าถูกทำลายแน่!’ มาถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ตกใจไม่น้อย และตระหนักได้ว่าเขาประเมินศัตรูต่ำไป! สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ต้วนหลิงเทียนก็เคลื่อนกายไม่หยุดนิ่ง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าการโจมตีของทัพทหารง่ายๆ หลังจากที่สงบใจ และเคลื่อนกายหลีกหลบไปมา ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มพินิจทหารนับพันที่รายล้อมอยู่ เขาพบว่าการเคลื่อนไหวของพวกมันที่คล้ายไม่มีแบบแผน ที่แท้กลับเป็นการเคลื่อนไหวอันลี้ลับประการหนึ่ง!! ‘พวกมันไม่ได้ลงมือปิดล้อมธรรมดา แต่เป็นค่ายกลเลิศล้ำชนิดหนึ่ง! ค่ายกลของพวกมันยังสามารถชักนำพลังจากสหายโดยรอบมาหนุนเสริมเพิ่มพูน ในรุกมีรับยามรับแฝงรุก’ ‘ต้องกล่าวเลยว่าบททดสอบระดับ 8 ของบึงไร้ก้นบึ้งไม่ง่ายเลยจริงๆ! ทหารนับพันพวกนี้ยามผนึกพลังกันแค่ 40 คน ถึงกับมีความแข็งแกร่งทัดเทียมอริยะเซียนขั้นต้น…แล้วถ้ามากกว่านั้นเล่า’ ถึงแม้บททดสอบแรกจะเป็นสัตว์ร้ายสายพันธุ์เดียวกันนับพันๆตัว แต่พวกมันก็ไม่ได้มีการสอดประสานหนุนเสริมกันน่าสะพรึงถึงขั้นนี้! ทัพทหารนับพันเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน แต่ละนายเป็นแค่เซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดเท่านั้น หากแต่การตั้งค่าย ตำแหน่งการยืนรวมถึงกลวิธีพผนึกพลังกันโจมตีของพวกมัน แฝงเร้นไปด้วยกลิ่นอายลี้ลับ เสมือนเป็นค่ายกลเทพยาดาประการหนึ่ง สามารถชักนำพลังของสหายมาหนุนเสริมพลังของตัวได้หากอีกฝ่ายยินยอมให้ความร่วมมือ!! และด้วยทหารกลุ่มนี้ไม่ได้มีสำนึกสติ จึงไม่ต้องถามไถ่เรื่องความไว้วางใจกันและกันของพวกมัน ไหนเลยยังต้องถามถึง ‘ความร่วมมือ’ นี่เป็นเหตุผลที่ยามพวกมันลงมือพร้อมกันแบบนี้ ถึงเป็นอะไรที่น่ากลัวนัก “หากพวกสัตว์ร้ายฝูงใหญ่ในบททดสอบแรกมาเจอกับทัพทหารชุดนี้…น่ากลัวว่าเพียงการจู่โจมแค่ 3 กระบวนทัพ ฝูงสัตว์ร้ายคงตายเกลี้ยง…” ณ จุดนี้ต้วนหลิงเทียนไม่คิดสงสัยเรื่องที่ว่าเลย และตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล้าประมาททัพทหารกองพันนี้สืบไป ถึงแม้พวกมันแต่ละคนจะมีพลังฝึกปรือแค่เซียนดั้งเดิมขั้นสูงสุดก็ตามที หากเป็นเซียนดั้งเดิมสูงสุดทั่วไป ต่อให้ดาหน้ามา 2-3 พันคนต้วนหลิงเทียนก็จัดการได้ง่ายดาย หากแต่เจอทัพทหารกองพันนี้ ต้วนหลิงเทียทำได้แค่หลบหลีกเพื่อหาช่องว่างจู่โจมพวกมันเท่านั้น ไม่อาจดึงดันลงมือซึ่งหน้า จำต้องหลบหลีกเพื่อหาจุดอ่อนดั่ง ‘ตาค่ายกล’ ให้พบเสียก่อน! “เย็นไว้…ไม่มีอะไรยาก…” ต้วนหลิงเทียนรู้ตัวดี ว่าตอนนี้คิดจัดการทหารนับพันเบื้องหน้า มีแต่ต้องใจเย็นๆถึงจะมีโอกาสทำลายทัพทหารนับพันเบื้องหน้า! ไม่ต้องกล่าวถึงประสบการณ์ในชีวิตที่แล้ว ลำพังแค่ในชีวิตนี้ที่มาเริ่มต้นใหม่ในทวีปเมฆาล่อง ต้วนหลิงเทียนก็ก้าวเดินขึ้นมาจากจุดที่ต่ำสุดของผู้ฝึกยุทธ์ เช่นนั้นประสบการณ์ในการต่อสู้ของเขา ไม่ใช่อะไรที่รุ่นเยาว์ของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าจะมีได้… ด้วยเหตุนี้คิดรับมือกับทัพทหารนับพันของบททดสอบที่ 8 จึงไม่ใช่เรื่องที่เหลือบ่ากว่าแรงของเขาแม้แต่น้อย เพียงลงมืออย่างใจเย็น ค่อยๆหาจุดตายและฆ่าพวกมันทีละคน ค่อยไล่ไปเป็นหมู่ ขยายออกไปเป็นกองร้อย สุดท้ายก็ฆ่าล้างพวกมันจนหมดสิ้น! แน่นอนว่า 2 เรื่องราวที่ว่ายามกล่าวแม้ง่ายดาย แต่คิดกระทำใช่ง่ายดายแม้แต่น้อย! เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน ร่างต้วนหลิงเทียนพริ้วไปมาดั่งสายลมหอบหนึ่งที่มิอาจจับต้อง หลบหลีกการจู่โจมของทหารนับพันได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว ม่านตาพิสดารถูกเปิดใช้เป็นระยะๆ เพื่อมองหาช่องโหว่ของทัพทหาร และตราบใดที่ค้นพบช่องว่างหรือสบโอกาสเหมาะ เขาจะลงมือจู่โจมดั่งฟ้าผ่าไม่เปิดโอกาสให้พวกมันตอบโต้! อย่างไรก็ตามที่ทำให้เขายังแลดูใจเย็นผิดปกติ ต้องยกความดีความชอบให้ปราณสุริยันแรกกำเนิดที่มอบพลังอำนาจขอบเขตอริยะเซียนขั้นต้นให้เขา หาไม่แล้วต่อให้เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นสูงสุด ก็ไม่มีทางรอดพ้นจากการลงมือของทหารทั้งกองพันได้! สุดท้ายหลังผ่านไป 2 เค่อต้วนหลิงเทียนก็พบช่องโหว่ของหมู่ย่อยหมู่หนึ่งในกองพัน หมู่ย่อยนี้มีทหารเพียง 30 คนเท่านั้น อีกทั้งไม่ทราบบังเอิญหรืออย่างไร หมู่ย่อยที่ว่าก็ดันเป็นหมู่ย่อยที่ลงมือจู่โจมต้วนหลิงเทียนครั้งแรก! อันที่จริงแล้วหมู่ย่อยที่เป็นจุดอ่อนดังกล่าว ถ้าเขาไม่ใช้ม่านตาพิสดารคงไม่อาจแลเห็น! “เจ้าไปลงนรกก่อนแล้วกัน!” ประกายเย็นเยียบลุกวาวขึ้นในตาต้วนหลิงเทียน เขาถูกพวกมันสลับสับเปลี่ยนกระบวนทัพไล่ฆ่าอยู่ฝ่ายเดียวมากว่า 2 เค่อแล้ว! ถึงขั้นที่ไม่อาจหันกลับไปต้านทานรับมือพวกมันได้ซ้ำ…ตอนนี้พอพบจุดอ่อนของพวกมัน เขาย่อมไม่คิดปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป!! วู้ม! วู้ม! ชิ้ง!! …… ระหว่างหลีกหลบห่าเกาทัณฑ์ ต้วนหลิงเทียนพลันยกมือขึ้น ปราณสุริยันแรกกำเนิดส่องแสงสว่างขึ้นมา จากนั้นก็ควบรวมเป็นกระบี่พลังมีสภาพยาว 3 ฉื่อเล่มหนึ่ง กระบี่พลังมีสภาพสีทอง 3 ฉื่อเล่มนี้ หากมองแต่ไกลคงเห็นเป็นดวงตะวันดวงหนึ่ง หากแต่ดวงตะวันเจิดจ้าที่ว่า ตอนนี้ถูกกระชับอยู่ในมือต้วนหลิงเทียนอย่างแน่นหนา ซัว! ด้วยความที่ม่านตาพิสดารยังคงทำงานไม่หยุด ช่องโหว่ของหมู่ย่อยเล็กๆนั่นยิ่งมายิ่งเผยให้เห็นชัดเจน! ทันใดนั้นปราณแรกกำเนิดพลันปะทุออกท่วมกาย!! ฟุ่บ! ร่างต้วนหลิงเทียนเคลื่อนไหววิกแซกซ้ายขวาบนล่างฉับไวปานอัสนีฟาด หลบหลีกหอกทั้งลูกเกาทัณฑ์ได้อย่างหมดจด คนทะยานจี้เข้าหาหมู่ย่อยเล็กๆ อันเป็นจุดอ่อนด้วยความเร็วสูงสุด!! การลงมือของเขาย่อมกระตุ้นความสนใจของทหารทั้ง 30 นายในหมู่ย่อยนั้นดี! “ฆ่า!!” ทหาร 30 นายดังกล่าวไม่ใช่หุ่นกระบอกไร้ด้าย พวกมันเมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนบุกเข้ามาก็ไม่ได้หยุดนิ่งรอความตาย กู่ร้องตะโกนออกมาด้วยอำมหิต ที่ถือดาบก็จี้ดาบ ที่ถือหอกก็จี้หอก พลธนูเองก็ขึ้นสายเล็งยิง ต่างเคลื่อนร่างแยกย้ายไปประจำตำแหน่งสังหาร ลงมือใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างมีแบบแผน! เรียกว่าการลงมือของทหารทั้ง 30 นายนี้ สอดประสานกันอย่างลงตัว ก่อให้เกิดเป็นพลังอำนาจลี้ลับประการหนึ่ง! ต้วนหลิงเทียนที่ทะยานร่างเข้ามาเผชิญหน้ากับทหารหมู่ย่อยทั้ง 30 คน ไม่ครั่นครามอันใด กระบี่สีทอง 3 ฉื่อในมือเปล่งประกายสาดแสงทองสว่าจ้าวูบหนึ่ง ค่อยตวัดกระบี่ออกไปตามอำเถอใจ ปรากฏรังสีกระบี่สีทองพุ่งยิงตัดอากาศฉับไว จี้ไปที่หว่างคิ้วพลหอกนายหนึ่ง!! และพลหอกคนนี้ก็เป็นจุดอ่อนที่เขาสังเกตเห็นแต่แรก! สึบ!! หลุมโลหิตอันน่ากลัวปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วพลหอกดังกล่าว! พริบตาต่อมาฉากที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นก็ปรากฏขึ้น มิคาดหว่างคิ้วของพลหอกดังกล่าวกลับมีโลหิตสีแดงฉานพุ่งกระฉูดออกมา หากแต่ไม่นานร่างของมันก็ค่อยๆสลายหายไปเป็นหมอกควัน เหลือไว้เพียงหอกเล่มหนึ่งบนพื้น… ทหารหมู่ย่อย 29 นายที่เหลือ พอไร้พลหอกนั้นไป การลงมือประสานก็ติดขัดทันที พลังอำนาจอ่อนโทรมลง ทำให้ต้วนหลิงเทียนไม่จำเป็นต้องหลบหลีกการลงมือต่อเนื่องของพวกมันให้เหนื่อยแรง เพียงเปิดใช้ระฆังกระบี่คลุมกายก็ต้านทานรับไว้ได้หมดจด! ด้วยความตายของพลหอก คนในหมู่ย่อยที่เหลือเองก็คล้ายไม่ได้รับประทานอาหารมาก่อนออกศึก แลดูอ่อนแรงลงถนัดตา ทำให้ต้วนหลิงเทียนแลเห็นช่องโหว่ของพวกมันได้ง่ายดาย ถึงแม้จะไม่ต้องใช้ม่านตาพิสดารก็ตามที ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ! ฟั่บ! …… เสียงหอนกรีดอากาศของกระบี่ดังขึ้นไม่หยุด ทหารในหมู่ย่อยที่เหลือเริ่มทยอยกันตกตายไปภายใต้คมกระบี่ของต้วนหลิงเทียนทีละคนๆ…สุดท้ายก็ตายตกยกหมู่!
คอมเม้นต์