War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1738
ตอนที่ 1,738 : ระฆังกระบี่คลุมกาย! “ตกลง! ตกลง! ข้าเอาด้วย!!” สิ้นคำหวางเฟยเซวียน หลิวเจี้ยนเร่งกล่าวตอบออกมาจนลิ้นแทบพันกัน ด้วยกลัวว่าหากตอบช้าเดี๋ยวจะเสียโอกาสเข้าร่วมกลุ่มนางกับหลิงเทียน ล้อกันเล่นหรือไร!? รวมกลุ่มกับหลิงเทียนและหวางเฟยเซวียนในแดนลับเซียนนั้น เป็นเรื่องที่ประเสริฐถึงที่สุด! เว้นเสียแต่มันจะถูกลาเตะหัวมาอย่างแรง มันไม่มีทางปฏิเสธเรื่องนี้แน่!! “เอาล่ะในเมื่อเจ้าเอาด้วยก็ตามนั้น อย่างไรก็ตามมีอีกเรื่องหนึ่งที่เจ้าต้องไปทำ” หวางเฟยเซวียนพยักหน้ารับเบาๆ ค่อยมองหลิวเจี้ยนกล่าวถามออกมาอีกครั้ง “เจ้าสมควรรู้จักเริ่นเฟยจากคฤหาสน์ข้ามฟ้าใช่ไหม?” “อื้ม ข้ารู้” หลิวเจี้ยนเร่งพยักหน้าตอบคำออกไปทันที หากแต่มันก็ได้แต่มองหยางเฟยเซวียนด้วยสายตาสงสัย ‘อย่าได้บอกข้าเชียวนะ… ว่าคุณหนูผู้นี้อยากให้ข้าไปสั่งสอนบทเรียนเริ่นเฟยเพื่อพิสูจน์ความภัคดี…และนี่เป็นเงื่อนไขในการเข้าร่วมกลุ่มของหลิงเทียนกับนาง?’ มันเคยได้ยินเรื่องที่เริ่นเฟยเคยไล่ตามเกี้ยวพาราสีหวางเฟยเซวียนมาอยู่บ้าง ตอนนั้นมันไม่คิดว่าเริ่นเฟยจะมีผลลัพธ์อันดีอะไร ทว่าความจริงที่เกิดขึ้นจะเหนือคาดคิดมันไปมาก เริ่นเฟยไม่เพียงจีบนางไม่สำเร็จยังถูกนางไล่ทุบตีจนเป๋ หนีกลับคฤหาสน์ข้ามฟ้าแทบไม่ทัน… เช่นนั้นแล้วพอได้ยินหวางเฟยเซวียนกล่าวถึงเริ่นเฟยขึ้นมา ความคิดแรกของมันก็คือนางเป็นสตรีเจ้าคิดเจ้าแค้น และกำลังคิดให้มันไปทุบตีสั่งสอนเริ่นเฟยอีกครั้งเป็นแน่…!! ‘สหายเริ่น…ขออภัยด้วย แต่ลิขิตฟ้าบัญชามาเช่นนี้…’ หลิวเจี้ยนตัดสินใจได้แทบจะทันที เพื่อเข้าร่วมกลุ่มของหลิงเทียนกับหวางเฟยเซวียนแล้ว…เริ่นเฟยจำต้องเจ็บ! อย่างไรก็ตามพอหวางเฟยเซวียนกล่าวคำสืบต่อออกมา มันก็ตระหนักได้ว่าเป็นมันเข้าใจผิดไปเอง… “เจ้าไปหาเริ่นเฟยและถามมันที ว่ามันสนใจจะเข้าร่วมกลุ่มข้ากับหลิงเทียนหรือไม่..หากมันเต็มใจก็ให้มันเตรียมตัวเข้าแดนลับเซียนเสีย และหากมันไม่สนใจคิดปฏิเสธเพราะละอายใจว่าพลังฝีมือไม่ถึง ก็ให้มันไปปฏิเสธหลิงเทียนด้วยตัวเอง…” หวางเฟยเซวียนกล่าว “ให้ข้าไปชวนเริ่นเฟยเข้าร่วมกลุ่มเราด้วยหรือ?” หลิวเจี้ยนขมวดคิ้ว เพราะพลังฝีมือของเริ่นเฟยนั้นอ่อนด้อยกว่ามันมาก กล่าวด้วยความสัตย์จริง วันนี้ต่อให้หวางเฟยเซวียนไม่มาชักชวนมัน และมันจำต้องไปหากลุ่มด้วยตัวเอง มันก็ไม่คิดพิจารณาเริ่นเฟยแต่เป็นอัจฉริยะที่มีพลังฝีมือทัดเทียมกับมัน…แน่นอนว่าอัจฉริยะที่พลังมือร้ายกาจกว่า มันก็ไม่คิดไปชวนเช่นกัน เพราะอีกฝ่ายคงไม่เต็มใจที่จะร่วมมือกับมัน… สุดท้ายแล้วในแดนลับเซียนก็มีผลประโยชน์มากมายรอให้เก็บเกี่ยว ดังนั้นย่อมไม่มีใครเต็มใจที่จะร่วมมือกับผู้ที่อ่อนแอกว่า ด้วยเหตุนี้ยามที่หวางเฟยเซวียนมาหามันถึงหน้าประตูและยื่นข้อเสนอให้มันเข้าร่วมกลุ่มกับนางและหลิงเทียน มันจึงรู้สึกเสมือนได้รับขนมเปี๊ยะที่หล่นร่วงลงมาจากฟ้า… “อะไร? พวกเรามิได้ดูถูกเจ้า หรือเจ้าคิดดูถูกเริ่นเฟย?” เมื่อเห็นหลิวเจี้ยนขมวดคิ้วหน้ายู่ ไหนเลยหวางเฟยเซียนจะไม่ล่วงรู้ความคิดในหัวของอีกฝ่าย หลิวเจี้ยนพอได้ยิน ก็ยิ้มออกมาเจื่อนๆด้วยความละอายใจ ถูกแล้ว… ด้วยพลังฝีมือของหวางเฟยเซวียนกับหลิงเทียน มันยังนับเป็นตัวอะไรได้? มันอาศัยอะไรไปดูถูกเริ่นเฟย? “แม่นางเฟยเซวียน” สูดลมหายใจเข้าลึกๆคราหนึ่ง หลิวเจี้ยนพลันรวบรวมความกล้าทั้งหมดกล่าวถามออกมา “ด้วยพลังฝีมือของท่านกับคุณชายหลิงเทียน แค่พวกท่านสองคนร่วมมือกันก็สมควรไร้ผู้ต้านแล้ว ไฉนพวกท่านต้องรับข้ากับเริ่นเฟยเข้าร่วมกลุ่มด้วยอีก? เพราะในสายตาทุกคนไม่เว้นตัวข้าเอง ข้ากับเริ่นเฟยนั้นไม่ต่างอะไรจากตัวถ่วงพวกท่านแม้แต่น้อย…หรือพวกท่านมิกลัวพวกเราจะถ่วงรั้งความเจริญ?” ในฐานะที่เป็นหนึ่งในชนชั้นอัจฉริยะเซียนรุ่นเยาว์ หลิงเจี้ยนไหนเลยจะเป็นชนชั้นโง่เขลาเบาปัญญา? หลิงเทียนกับหวางเฟยเซวียนมาชักชวนให้มันร่วมกลุ่มเช่นนี้ เป็นไปได้หรือที่จะบริสุทธิ์ใจไร้เจตนาแอบแฝง? ใต้หล้าเคยมีเรื่องดีพรรค์นี้ด้วย?! ด้วยเหตุนี้มันจึงอยากรู้นักว่าทำไม…! แน่นอนว่ามันไม่คิดว่าทั้งคู่ตั้งใจจะทำร้ายอะไรพวกมัน เพราะด้วยพลังฝีมือของหลิงเทียนกับหวางเฟยเซวียน ทั้งคู่ไม่จำเป็นต้องลำบากทำถึงขนาดนี้เพื่อทุบตีพวกมัน…กระทั่งอีกฝ่ายอยากจะทุบตีมันตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น “ข้าเองก็ไม่รู้เหตุผลเช่นกัน หากให้ข้าเป็นคนตัดสินใจ ข้าย่อมไม่คิดนำพาตัวภาระไปด้วยถึง 2 หรอก” หวางเฟยเซวียนนับเป็นอิสตรีที่ปากตรงกับใจนัก คิดอะไรกล่าวออกเช่นนั้นไม่มีสุภาพ หลิวเจี้ยนก็ไม่ได้โกรธอะไรเพียงยิ้มแหยๆออกมาหน้าแห้ง… “ส่วนเรื่องนี้หลิงเทียนก็มิได้กล่าวบอกอะไรข้ามากมาย เพียงบอกข้าว่าเขาเคยติดค้างอาวุโสของพวกเจ้าทั้งสองคนเท่านั้น จึงคิดช่วยเหลือพวกเจ้าในแดนลับเซียนเป็นการตอบแทน…เจ้านับว่าโชคดีจริงๆ เพราะด้วยมีเขาช่วยเจ้าอาจได้รับกระทั่งมรดกเวทย์พลังระดับสูง” หวางเฟยเซวียนกล่าวตอบเสียงเบา “แล้วก็อย่าลืมเรื่องที่ข้าบอกให้เจ้าไปทำเล่า…” เมื่อกล่าวจบประโยคนี้ หวางเฟยเซวียนก็เหินร่างจากไปทันที ฝากเรื่องชวนเริ่นเฟยให้หลิวเจี้ยนทำแทน เมื่อได้ยินคำอธิบายเรื่องราวจากหวางเฟยเซวียนแล้วหลิวเจี้ยนก็ตระหนักเรื่องราวได้ มันไม่กล้ารอช้าอะไรอีก เร่งรุดไปหาเริ่นเฟยเพื่อทำตามคำสั่งทันที “หา! แม่นางหวางมาชวนพวกเราให้เข้าร่วมกลุ่มนางกับหลิงเทียนงั้นหรือ!?” เมื่อเริ่นเฟยได้ยินคำชวนของหลิวเจี้ยนสองตามันก็เบิกกว้างเปล่งแสงสว่างเจิดจ้า ยังฉีกยิ้มกว้างเสียจนแก้มแทบปริ เร่งกล่าวพึมพำออกมาอย่างเพ้อฝัน “ขอบคุณสวรรค์…ดูเหมือนแม่นางหวางจักได้ยินเสียงหัวใจของข้าแล้ว! อา มิเสียแรงที่แต่ก่อนข้าทุ่มเทให้นางมากมาย นางจึงนึกถึงข้าเช่นนี้…ให้ตายเถิดหากแต่ก่อนข้าไม่ยอมถอดใจและยอมทนตามตื๊อนางอีกนิด! มิแน่ว่าป่านนี้นางอาจเป็นสตรีของข้าแล้ว…” “ยัง! ยังมิสายเกินไป…ตอนนี้ในเมื่อแม่นางหวางนึกถึงข้ากระทั่งถึงกับชวนให้ข้าร่วมกลุ่ม! นางต้องกำลังพยายามบอกข้าเป็นนัยแน่…ว่าหากข้าพยายามทุ่มเทเพื่อนางให้มากกว่าปีนั้น มิแน่ข้าอาจทะลวงฝ่าประตูกระดาษบานสุดท้ายนี้ไป และได้นางเป็นคนรัก!!” ระหว่างกล่าวพร่ำเพ้อ สองตาเริ่นเฟยถึงกับลุกวาวสว่างไสว ปานดาราเรืองแสงกลางฟ้าราตรีกาล ถึงแม้ว่าเริ่นเฟยจะกล่าวเพ้อพร่ำรำพันกับตัว แต่เสียงมันก็ไม่ได้เบาเลย หลิวเจี้ยนที่ยืนอยู่ข้างๆเองก็ได้ยินชัด ขณะฟังก็เบ้ปากมองมันด้วยสายตาละเหี่ยใจ ยังรู้สึกขมฝาดในลำคอขึ้นมาพิกล สหายผู้นี้ใช่จินตนาการบรรเจิดไปหรือไม่? อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้พลาดโอกาสเข้าร่วมกลุ่มกับยอดฝีมืออย่างหลิงเทียนและหวางเฟยเซวียน หลิวเจี้ยนอดไม่ได้ที่จะกล่าวบอกเริ่นเฟยออกไปตรงๆ ทำลายภาพฝันอันเหลวไหลของมันเสียสิ้น “เริ่นเฟย เจ้าเลิกคิดมากเถอะ…เหตุผลที่พวกเราถูกชวนให้เข้าร่วมกลุ่มนั้น มิใช่เพราะความต้องการของแม่นางหวางแต่ นางยังกล่าวว่านางไม่เคยคิดจะรับตัวภาระอย่างพวกเราทั้งคู่ไปถ่วงมือถ่วงเท้านางด้วยซ้ำ…” “อ้าว…นี่มิใช่ความต้องการของแม่นางหวางหรอกหรือ?” คำพูดของหลิวเจี้ยนประโยคนี้ ดั่งน้ำเย็นใส่น้ำแข็งถึงใหญ่ราดรดลงหัวเริ่นเฟยไม่มีผิด พาลให้มันตื่นจากฝันทันที “ระ…หรือเป็นความต้องการของหลิงเทียน?” “แต่ข้ามิรู้จักเขานะ..” หลิวเจี้ยนได้ยินคำถามด้วยความฉงนของเริ่นเฟย ก็ได้แต่เผยยิ้มเจื่อนๆออกมา “แม่นางหวางบอกข้ามาว่า เพราะหลิงเทียนติดค้างอาวุโสของพวกเรา เพราะเหตุนี้จึงคิดตอบแทนบุญคุณโดยการช่วยเหลือพวกเราในแดนลับเซียน…” “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง” เริ่นเฟยพลันเข้าใจได้ทันที “ด้วยพลังฝีมือของหลิงเทียน หากพวกเราได้เขาช่วย มรดกเวทย์พลังระดับสูงก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อม” “เป็นเช่นนั้นจริงๆ” หลิวเจี้ยนเองก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน บางทีอาจเป็นเพราะมีหลิวเจี้ยนกับเริ่นเฟยเข้าร่วมกลุ่ม หวางเฟยเซวียนถึงได้รู้สึกกดดันอย่างหนัก นางตั้งใจบ่มเพาะพลังโดยไม่กินไม่นอนตลอดเดือน ทำให้นางสามารถทะลวงถึงขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นกลางได้ทันก่อนที่แดนลับเซียนจะเปิดออก!! ทะลวงถึงเซียนขัดเกลาได้แบบนี้ หวางเฟยเซวียนย่อมมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเป็นธรรมดา! บรรลุเซียนขัดเกลาขั้นกลางทั้งๆที่อายุยังไม่ถึง 40 ปีนั้น ต่อให้เป็นวังนภาเองก็มีอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น! และตอนนี้หวางเฟยเซวียนก็ได้เป็นหนึ่งในไม่กี่คนนั่นแล้ว!! ดังนั้นในขณะที่มีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมา! “สหายหลิง ตอนนี้ข้าทะลวงด่านพลังเรียบร้อยแล้ว พวกเรามาประมือกันหน่อยปะไร?” หลังจากที่ทะลวงด่านพลัง หวางเฟยเซวียนก็รีบไปหาต้วนหลิงเทียนทันที แถมเจอหน้าก็ไม่ทักทายเพียงท้ารบออกมาทันที! “หืม? เจ้าทะลวงผ่านแล้ว?” ต้วนหลิงเทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับความก้าวหน้านี้ของหวางเฟยเซวียน เขาเองก็รู้ว่านางเป็นยอดฝีมือขอบเขตเซียนขัดเกลาขั้นต้นทั้งๆที่อายุยังน้อยกว่า 40 ปี… กล่าวไปนางเองก็นับว่าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากนัก… ทว่าตอนนี้หวางเฟยเซวียนกลับทะลวงด่านพลังไปอีกขั้น? ต้วนหลิงเทียนเองก็อดไม่ได้ที่จะยอมรับ ว่าในบรรดาสตรีที่เขาเคยเจอมา หวางเฟยเซวียนเป็นรองเพียงแค่เค่อเอ๋อเท่านั้น “หากข้ามิทะลวงผ่าน ข้ากลัวว่าด้วยมีตัวภาระที่ลากถ่วงทั้ง 2 ตัวนั่น จะฉุดรั้งพวกเราจนเสียเรื่องแล้วจริงๆ…” หวางเฟยเซวียนกล่าวออกตามตรง “อะไร? สุดท้ายดูเหมือนเจ้าเองก็ยังไม่เชื่อมือข้างั้นสินะ?” ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา “ว่าแต่นี่เจ้าแน่ใจเหรอ ที่คิดประมือกับข้า?” “ย่อมแน่! ข้าอยากรู้นักว่าข้าที่ทะลวงด่านพลังแล้ว ยังห่างกับเจ้าอีกเท่าไหร่!!” หวางเฟยเซวียนกล่าวออกด้วยความกระตือรือร้น “เข้ามาสิ” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ก่อนที่จะผายมือเชื้อเชิญให้หวางเฟยเซวียนป้อนกระบวนท่า หวางเฟยเซวียนก็ไม่คิดเกรงใจใดอีก ดวงตาคู่งามเผยประกายคมกล้า ปราณแรกกำเนิดปะทุออกปานระเบิด อาณาบริเวณกินรัศมี 100 หมี่รอบตัวนางพลันอบอวลไปด้วยมวลพลัง! เขตแดนของนางถูกเปิดใช้! ร่างโจนทะยานเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างเกรี้ยวกราด! คลื่นพลังขุมใหญ่จากเขตแดนเองก็พุ่งนำไปอย่างดุร้าย มวลพลังมหาศาลยังควบรวมเป็นปึกแผ่น โถมถันไปด้วยพลังสภาวะปานคลื่นกลบฟ้าถล่มลงเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างไร้ปราณี! ปานจะกลืนร่างสยบต้วนหลิงเทียนในคราวเดียว!! เผชิญหน้ากับการจู่โจมของหวางเฟยเซวียนและมองคลื่นพลังที่โหมเข้ามาปานจะถมฟ้า ต้วนหลิงเทียนเพียงยิ้มออกมาอย่างเฉยเมย ก่อนที่จะเร่งเร้าปราณสุริยันแรกกำเนิดในร่าง! เพียงเวลาเสี้ยวพริบตา ปราณสุริยันแรกกำเนิดสีทองพลันเอ่อล้นออกมาฉาบคลุมไปทั่วผิวกาย แสงสีทองเรืองรองเปล่งออกมาให้เห็น! มวลปราณยังพวยพุ่งออกจากร่างฉับไว ก่อเกิดเป็นกระบี่พลังสีทองจางๆเล่มแล้วเล่มเล่าพุ่งบินฉวัดเฉวียนไปรอบกาย! นี่เป็นการใช้ปราณสุริยันแรกกำเนิดผสานเคล็ดพลังของยอดใจกระบี่ออกในแนวทางวรยุทธ์เซียนระฆังศรคลุมกาย…เคล็ดป้องกันอันยอดเยี่ยมของวรยุทธ์เซียนมหาเกาทัณฑ์ดาวตกที่ต้วนหลิงเทียนมักใช้ในอดีต! แน่นอนว่าพลังป้องกันที่เขาสำแดงออกในตอนนี้ มันเหนือกว่าระฆังศรคลุมกายในอดีตลิบลับ! และวรยุทธ์เซียนป้องกันรอบนี้เขายังเลือกชื่อให้มันแล้ว.. “ระฆังกระบี่คลุมกาย!” ชื่อกระบวนท่ายังพ้องเสียงกัน!(ในภาษาจีนมันเขียนต่างกันคำเดียว ตรง 剑 เจี้ยนกระบี่ กับ 箭 เจี้ยนลูกศร แต่ออกเสียงเหมือนกัน) มองจากไกลห่าง ร่างต้วนหลิงเทียนที่ยืนอยู่นั้น ตอนนี้ไม่เพียงปรากฏแสงสีทองเรืองรองออกมาจากตัว! ยังมีแสงสีทองจากกระบี่พลังจำนวนนับไม่ถ้วนที่กำลังเหินบินรอบตัว! ด้วยความที่วงโคจรของพวกมันไม่เหมือนกันจึงทำให้มองไปคล้ายระฆังทองใบหนึ่ง กำลังคลุมครอบหุ้มร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้!! เพียงเวลาแค่เสี้ยวพริบตาที่ระฆังทองก่อเกิด คลื่นพลังมหาศาลของหยางเฟยเซวียนก็โถมมาเจียนบรรลุพอดี!! ปง! ปง! ปง! ปง! …… สุดท้ายจะอย่างไรหวางเฟยเซวียนก็เป็นถึงเซียนขัดเกลาขั้นกลาง การจู่โจมด้วยคลื่นพลังเช่นนี้ เมื่อมวลพลังแหวกอากาศด้วยความเร็วเหนือเสียง ย่อมก่อให้เกิดเสียงแตกระเบิดออกของอากาศดังต่อเนื่องไม่หยุด!! เปรี๊ยงง!!! พลังทำลายอันน่ากลัวของหยางเฟยเซวียนที่สุดก็ซัดปะทะเข้ากับระฆังทองที่คลุมกายต้วนหลิงเทียนอย่างจัง!! “แหลกไปเสีย!!” หวางเฟยเซวียนคำรามออกด้วยเสียงดุดัน ร่างนางที่ตามคลื่นพลังมาติดๆ เกร็งหมัดใช้ออกด้วยวิชาดาบ ทรราชไร้ดาบ อย่างไร้ปราณี! เปรี๊ยง! ตูม! ตูม! ตูม! …… มวลพลังมหาประลัยซัดระเบิดออกอย่างรุนแรง! ม่านพลังสีทองที่ฉาบคลุมร่างต้วนหลิงเทียนถึงกับกระเพื่อมสั่นไหวไม่หยุด!! อย่างไรก็ตามหากมองให้ละเอียดจะพบว่าแม้ม่านพลังสีทองที่ฉาบคลุมกายต้วนหลิงเทียนจะสั่นไหวอย่างแรง หากแต่กระบี่พลังสีทองที่ท่องทะยานโคจรวนเวียนรอบกายนั้น ยังคงเหินพุ่งฉับไว คงวงโคจรไว้ไม่หลุดวิถี… นอกจากนั้นความเร็วในการเหินพุ่งเวียนวนก็ไม่ได้ตกลงแม้แต่น้อย! ราวกับมันไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย!!
คอมเม้นต์