War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1702
ตอนที่ 1,702 : เสียใจด้วยอาวุโสหลัก! ถึงแม้หานเฉวี่ยไน่จะเตรียมตัวเตรียมใจก่อนได้ฟังคำยืนยันของต้วนหลิงเทียนแล้ว แต่พอมาได้ยินเข้าจริงๆนางก็ตกใจนัก! เดิมทีนางคิดว่าสมควรมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางเท่านั้น แต่จากที่ได้ยินคือพี่ใหญ่ลงมือเอง! พี่ใหญ่ของนาง…กลับสังหารฉีจิ้งด้วยตัวเอง?! เรื่องนี้จะไม่ให้นางตกใจได้อย่างไรไหว! “พี่ใหญ่หลิงเทียนระดับพลังบ่มเพาะของท่าน…” หานเฉวี่ยไน่มองต้วนหลิงเทียนด้วยใบหน้าตะลึงลานทั้งเหลือเชื่อ คนอื่นอาจไม่รู้จักต้วนหลิงเทียน แต่นางนับว่าคุ้นเคยกับอีกฝ่ายนัก แม้ศักยภาพพรสวรรค์ของอีกฝ่ายจะไม่เลว แต่สามัญสำนึกของนางก็บอกว่าเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนไม่น่ากระทำได้! ฉีจิ้ง นายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง เมื่อปีที่แล้วก็มีพลังฝึกปรือถึงเซียนขัดเกลาขั้นต้น! หลังจากผ่านไป 1 ปี ด้วยทรัพยากรบ่มเพาะของขุมพลังชั้น 4 อย่างคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ด่านพลังมันสมควรบรรลุเซียนขัดเกลาขั้นกลางได้แน่! ทว่าพี่ใหญ่หลิงเทียนของนางกลับฆ่าอีกฝ่ายได้? นี่ไม่ใช่หมายความว่าพลังฝึกปรือของพี่ใหญ่นางเหนือกว่าเซียนขัดเกลาขั้นกลางหรอกหรือ? “ด่านพลังฝึกปรือข้าก็แค่เซียนดั้งเดิมขั้นกลางเท่านั้น…แต่เพราะปราณแรกกำเนิดของข้ามันพิเศษและต่างจากคนอื่น เลยทำให้ข้ามีพลังต่อสู้กับขอบเขตพลังที่สูงกว่าได้” ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ เซียนดั้งเดิมขั้นกลาง? พอได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน หานเฉวี่ยไน่พลันระบายลมหายใจอย่างโล่งอก หากพลังฝึกปรือเพียงเซียนดั้งเดิมขั้นกลางหรือสูงกว่านี้สักขั้น นางยังคิดว่าสามารถเป็นไปได้ ทว่าพอนางรู้สึกตัวและตระหนักถึงวาจาครึ่งประโยคหลังของต้วนหลิงเทียน ก็จำต้องตกตะลึงขึ้นมาทันที “พี่ใหญ่ ท่านสู้กับคนที่มีขอบเขตพลังสูงกว่าได้งั้นหรือ!?” ตอนนี้สายตาที่หานเฉวี่ยไน่ใช้มองต้วนหลิงเทียน ยังทำราวกับเห็นผี ใต้หล้ามีปราณแรกกำเนิดพิสดารถึงขนาดนั้นเลยเหรอ? “อ่า” ต้วนหลิงเทียนยิ้มรับพร้อมพยักหน้า “หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ข้าคงไม่ใช่คู่มือฉีจิ้ง…แต่เฉวี่ยไน่เรื่องนี้มีเจ้าคนเดียวที่รู้ ข้าบอกลุงหานไปว่าข้าไหว้วานสหายที่มาจากขุมพลังกึ่งชั้น 3 ให้ช่วยลงมือ และสหายที่ว่าของข้ามีนามว่า ลี่เฟิง” “หากท่านพ่อรู้ว่าทั้งหมดเป็นฝีมือพี่ใหญ่ ท่านต้องตกใจตายแน่!” พอรู้ว่าฉีจิ้งตกตายไป เมฆหมอกในใจของหานเฉวี่ยไน่ก็คล้ายสลายหายไปโดยพลัน นางกลับมาแย้มยิ้ม เผยประกายตาสดใสแลดูซุกซนขี้เล่นเหมือนกาลก่อนทันที พอเห็นนางเป็นแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกยินดีและมีความสุขนัก นี่เป็นตอนจบที่เขาอยากจะเห็น แน่นอนว่ายังเร็วเกินไปที่จะกล่าวคำว่า ‘ตอนจบ’ ‘ยังไงฉีจิ้งก็ยังไม่ฟื้นหากไม่ใช้เวลาสัก 2-3 ปี…ถ้างั้นก็ไม่มีปัญหาอะไร หากข้าจะมุ่งหน้าไปขุมพลังกึ่งชั้น 3 ที่เรียกว่าตำหนักฟ้าลี้ลับนั่น’ ต้วนหลิงเทียนคิดในใจ วันที่เขารู้ว่าตำหนักฟ้าลี้ลับจะทำการคัดเลือกเฟ้นหาอัจฉริยะขอบเขตเซียนที่อายุต่ำกว่า 40 ปี เขาก็โยนข้อเสนอของเริ่นจงและหลิวหงกวงทิ้งไปทันที เลือกกลับมาที่คฤหาสน์คลื่นขจีก่อน ตำหนักฟ้าลี้ลับไม่เพียงเป็น ‘แท่นกระโดด’ ชั้นยอดให้เขา แต่ตัวเขายังบังเกิดความสนใจสิ่งที่เรียกว่า ‘แดนลับเซียน’ ของตำหนักฟ้าลี้ลับที่จะเปิดหลังจากนี้อีก 1 ปีไม่น้อย อย่างไรก็ตามแม้วางแผนจะไปยังตำหนักฟ้าลี้ลับไว้แล้ว แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รับร้อนอะไร ‘รออีกสักเดือนแล้วกัน ถ้าไม่มีคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาหาเรื่อง ข้าจะย้อนกลับไปประเทศฝูเฟิงเยี่ยมพวกลุงเฟิ่งกับศิษย์พี่สักหน่อย…แถมตอนจากมาข้าก็ไม่ได้บอกเทียนหวู่เอาไว้ ไม่รู้นางจะเป็นทุกข์หรือไม่’ ในขณะที่บ่นในใจ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขื่นขมออกมา “จริงสิพี่ใหญ่! หลังจากที่ท่านออกเดินทางไปไม่นาน พี่สาวเทียนหวู่ก็มาหาท่านที่นี่ด้วย!” ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเผยยิ้มขื่นขมออกมาขณะคิดถึงเฟิ่งเทียนหวู่ หานเฉวี่ยไน่คล้ายจะนึกอะไรได้ออก เร่งกล่าวบออกเขาออกมาพอดี “เทียนหวู่มาหาข้างั้นเหรอ?” ได้ยินเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนอดตกใจขึ้นมาไม่ได้ “อื้อ!” หานเฉวี่ยไน่พยักหน้า “ตอนแรกข้าคิดให้พี่สาวเทียนหวู่อยู่รอท่านที่คฤหาสน์คลื่นขจีจนกว่าท่านจะกลับมา…แต่พี่สาวเทียนหวู่รออยู่ไม่นานนางก็จากไป เพราะข้าเองก็ไม่แน่ใจว่าท่านจะกลับมาเมื่อไหร่…” กล่าวถึงท้ายประโยคหานเฉวี่ยไน่รู้สึกละอายใจขึ้นมา “เทียนหวู่มาตามหาข้าถึงคฤหาสน์คลื่นขจีเล่ยงั้นหรือ?” ต้วนหลิงเทียนยากจะคืนสติอยู่นาน ขณะเดียวกันยังเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน ‘ในเมื่อนางเดินทางออกจากนิกายอัคคีล่องลอยได้ ถ้างั้นด่านพลังของนางสมควรทะลวงถึงเซียนดั้งเดิมขั้นต้นแล้ว…ไม่รู้หลังจากออกจากคฤหาสน์คลื่นขจีไปแล้วนางจะไปที่ไหน…เช่นนั้นตอนข้าไปตำหนักฟ้าลี้ลับข้าใช้ชื่อหลิงเทียนดีกว่า ตราบใดที่เทียนหวู่ได้ยินชื่อหลิงเทียน นางต้องเดาออกได้แน่ว่าเป็นข้า!’ แม้จะเป็นภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า แต่มันก็กว้างใหญ่ไพศาลนัก ด้วยเหตุนี้คงเป็นไปไม่ได้เลยที่ต้วนหลิงเทียนจะหาเฟิ่งเทียนหวู่เจอหากไร้เบาะแส นี่แทบไม่ต่างอะไรจากงมเข็มในกองฟางแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตามแม้เฟิ่งเทียนหวู่จะออกจากเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนไปแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้ล้มเลิกความคิดกลับประเทศฝูเฟิงแต่อย่างไร เพราะมีอีกหลายคนที่เขาห่วงใย ไม่เพียงแต่ศิษย์พี่แล้ว ยังมีผู้หลักผู้ใหญ่กระทั่งสหายของเขาอีกด้วย แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนไม่มีความคิดพาพวกป๋ายลี่หง เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆมาที่คฤหาสน์คลื่นขจี เพราะหากกระทำแบบนั้น จะเป็นการประกาศแก่ผู้คนว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์คลื่นขจี! ต้องทราบด้วยว่าตอนนี้ชื่อต้วนหลิงเทียนได้แพร่กระจายไปทั่วภูมิภาคเบื้องล่างของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว! เรียกว่าในภูมิภาคเบื้องล่างตอนนี้ นอกจากผู้ที่ไม่ติดตามสถานการณ์ความเป็นไปชมชอบปลีกวิเวกไปอยู่ลำพัง กระทั่งอยู่ในพื้นที่ชายแดนไร้สำคัญ แทบทั้งหมดรู้จักต้วนหลิงเทียนทั้งสิ้น แม้ศักยภาพพรสวรรค์รวมถึงพลังฝีมือของเขาจะไม่ได้เด่นดังอะไรจนผู้คนสนใจ แต่เรื่อง ‘ตราผนึกมาร’ นั้นยากที่จะมีคนไม่สนใจ ทุกผู้คนในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าอยากได้ไว้ครอบครองทั้งสิ้น ตราผนึกมารเป็น 1 ใน 10 ยอดศาสตราเซียนที่ติดอันดับรายนามศาสตราเซียนผู้ยิ่งใหญ่ กระทั่งขุมพลังกึ่งชั้น 3 ก็อยากได้! ด้วยเหตุนี้ก่อนที่พลังฝึกปรือของเขาจะแข็งแกร่งในระดับหนึ่ง เขาไม่คิดเปิดเผยตัวตน หลังจากนี้เขาจะใช้ตัวตน หลิงเทียน ในการลงมือ และนี่คือชื่อในชีวิตที่แล้วของเขา ต้วนหลิงเทียนย่อมเดาได้ไม่ยากว่าตอนนี้ที่ประเทศฝูเฟิงสมควรมีหูตาจากขุมพลังต่างๆ มาจับตาดูสหายและคนรู้จักของเขาไว้ไม่ห่าง ด้วยเหตุนี้การรับตัวทุกคนมาคฤหาสน์คลื่นขจี ก็เท่ากับเขาลากคฤหาสน์คลื่นขจีลงสู่วังวนแห่งปัญหาทันที นั่นไม่ใช่อะไรที่เขาอยากจะเห็นเลย ดังนั้นในสายตาของเขาการปล่อยให้ทุกคนรั้งอยู่ที่ประเทศฝูเฟิง จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด! หลังจากกล่าวสนทนากับหานเฉวี่ยไน่อยู่อีกพักหนึ่ง สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนใจไม่คิดอยู่รอให้ครบเดือน และเลือกที่กล่าวคำอำลานางอย่างปุบปับ เพราะตัดสินใจรีบไปจัดการธุระเรื่องราวภายใต้สายตาไม่ยินยอมพร้อมใจของนาง กระทั่งยังฝากนางร่ำลาหานเจิ้งเทียนให้ด้วย ถึงเขาเองก็ไม่เต็มใจจะจากไปตอนนี้สักเท่าไรก็ตาม ส่วนเสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ และเสี่ยวจิน เนื่องจากทั้งหมดยังคงปิดด่านบ่มเพาะพลังไม่ออกมา ต้วนหลิงเทียนจึงคลาดกับพวกมันอีกครั้ง และไม่ได้เจอกัน หลังออกจากคฤหาสน์คลื่นขจีแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เดินทางไปยังเขตอิทธิพลคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนทันที ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเดินทางกลับประเทศฝูเฟิง เขตอิทธิพลหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ก็เสมือนมีพายุลูกใหญ่พัดกระหน่ำ! หลังจบการประลองยอดนักรบฟ้าลิ่วล่อง อาวุโสหลักคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องอย่างฉีเสิ่น ก็ไม่รีบร้อนพาคนกลับคฤหาสน์ มันไปเยือนคฤหาสน์ของรองผู้นำที่มาประจำการในเมืองใกล้ๆแทน จากนั้นทั้งคู่ก็นำพาคนออกไปกระจายกำลังปูพรมค้นหาทั่วหบุเขาหลิงหลงทุกตารางนิ้ว หมายหาลี่เฟิง ตัวตนปลอมของต้วนหลิงเทียน…. และรองผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องก็มีความสามารถในการแกะรอบไม่น้อย กระทั่งตามหาไปจนเจอรองผู้นำคฤหาสน์ข้ามฟ้าอย่างเริ่นจงกับอาวุโสลำดับ 2 ของคฤหาสน์คลื่นคลั่งอย่างหลิวหงกวง ที่มารอพบต้วนหลิงเทียนที่หุบเขาทางตะวันตกของหุบเขาหลิงหลงที่อยู่ห่างออกมา 100 ลี้…!! ตอนพบทั้งคู่ พวกมันก็แลเห็นใบหน้าไม่พอใจของเริ่นจงและหลิวหงกวงชัดเจน และตอนนั้นแม้จะอยู่ไกล พวกมันก็ได้ยินเสียงโต้เถียงของทั้งคู่ชัดถนัดหู ที่อีกฝ่ายกำลังเถียงกันคือ ต่างคนก็พยายามกล่าวโทษอีกฝ่ายที่ประมาทเกินไป ไม่ยอมส่งคนมาประกบต้วนหลิงเทียนเอาไว้แต่แรก จนอีกฝ่ายหายไปดั่งนกหลุดกรงแบบนี้… พอเห็นว่าคนของคฤหาสน์ข้ามฟ้ากับคฤหาสน์คลื่นคลั่งทะเลาะกันเรื่องไม่เจอตัวลี่เฟิง รองผู้นำคฤหาสน์ข้ามฟ้าและฉีเสิ่น ก็เริ่มแกะรอยค้นหาลี่เฟิงอีกครั้ง… อนิจจาหลังจากค้นหาไปอีกหลายวัน พวกมันก็ไม่พบร่องรอยของลี่เฟิงเลย ตอนนี้ฉีเสิ่นได้แต่ย้อนกลับไปคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องด้วยความไม่พอใจเท่านั้น และมันยังเตรียมตัวเตรียมใจรับโทสะที่อาวุโสคนอื่นๆรวมถึงผู้นำของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจะระเบิดใส่มันแล้ว 3 อัจฉริยะของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องที่มันพาไปรวมถึงหลานชายมัน…ตายตกหมดสิ้น! ในบรรดา 3 คนที่ว่า หลานชายของมันย่อมมีอัจฉริยะภาพสูงสุด การตายของหลานมันนับว่าส่งผลกระทบต่ออนาคตของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องไม่น้อย แต่เรื่องนี้อาวุโสทั้งหลายรวมถึงผู้นำคงไม่โทษว่าอะไรมัน มีแต่จะปลอบใจมันมากกว่า อย่างไรก็ตามนอกจากหลานชายมันและศิษย์ 2 คนที่ตกตาย…กลับมีนายน้อยอย่างฉีจิ้งอีกคน! และนั่นคือคนที่มีความสำคัญกับคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องนัก! ฉีจิ้งไม่เพียงแต่จะเป็นนายน้อยคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง แต่พลังฝีมือที่เผยออกตอนประลอง ก็บอกให้รู้ว่าพรสวรรค์ในหนทางสายมารของมันน่ากลัวเพียงใด หากให้เวลาฉีจิ้งเติบโต สักวันต้องกลายเป็นเสาหลักของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องได้แน่! กระทั่งไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะนำพาคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องให้ยกระดับเป็นขุมพลังกึ่งชั้น 3! ‘ตอนนี้ผู้นำสมควรรู้เรื่องที่นายน้อยฉีจิ้งตกตายเพราะไข่มุกวิญญาณแตกสลายแล้วแน่นอน…’ คิดถึงเรื่องนี้ฉีเสิ่นอดไม่ได้ที่จะมีเหงื่อเย็นเม็ดเขื่องผุดซึมกลางหน้าผาก ถึงแม้เรื่องนี้กล่าวไปจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับมันที่เป็นคนพาทุกคนมาเข้าประลองเลย แต่ก็ยากจะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบที่ไม่อาจปกป้องรุ่นเยาว์ได้ดีพอ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นถูกประหาร แต่น่าจะถูกคุมขังที่ผาสำนึกตนหลายปี! ดังนั้นการเดินทางกลับคฤหาสน์ฟ้าลิ่อวล่องครั้งนี้ จึงทำให้ฉีเสิ่นหนักใจนัก บางครั้งมันก็หันมองกลับไปด้านหลัง มีชายหนุ่มหลังค่อมผู้หนึ่งที่คล้ายจะเป็นคนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องแบกศพฉีจิ้งเอาไว้ “หืม?!” ทันใดนั้นเองแววตาฉีเสิ่นพลันเปลี่ยนไปคล้ายเห็นอะไรบางอย่าง มันสัมผัสได้แทยจะทันทีว่ามีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งร่างมาจากทิศทางของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง และปรี่ตรงมาหามัน รูปลักษณ์ของผู้มาทำให้มันตกตะลึงนัก อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ยิ่งทำให้มันอึ้งมากกว่า “ขอแสดงความเสียใจด้วยท่านผู้อาวุโสหลัก!” “อาวุโสหลัก ข้าเสียใจกับท่านด้วย!” …… ทันทีที่คนของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง โดยมีผู้นำคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องมาถึง ทั้งหมดก็เร่งแสดงความเสียใจกับมันทันที เห็นได้ชัดว่าทุกคนล่วงรู้ถึงการตายของฉีค่านแล้ว… ภายในคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่อง ย่อมมีไข่มุกวิญญาณของฉีค่านเก็บไว้ ดังนั้นทันทีที่ไข่มุกวิญญาณของฉีค่านแตกสลาย ทุกคนในคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องจึงล่วงรู้การตายของฉีค่านทันที “เป็นฟ้าริษยาอัจฉริยะนัก! หากมิเกิดเรื่องอันใดกับฉีค่าน โอกาสทรงพลังแกร่งกล้ากว่านายน้อยก็มิใช่ว่าจะไม่มี กระทั่งเรื่องที่อาจจะได้เป็นผู้นำคนต่อไปก็มิใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้!” อาวุโสของคฤหาสน์ฟ้าลิ่วล่องกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ “พวกท่าน…” เมื่อเห็นว่ากลุ่มคนตรงหน้าเอาแต่กล่าวถึงการตายของหลานมัน กระทั่งผู้นำคฤหาสน์เองยังเผยสีหน้าเสียใจ โดยไม่ได้กล่าวอะไรถึงฉีจิ้งเลย ก็ทำให้มันประหลาดใจนัก…ขณะเดียวกันมันก็รู้สึกว่ามีเรื่องผิดปกติ! หลานชายของมันแม้ศักยภาพพรสวรรค์ที่เผยออกมาจะไม่ได้ด้อยไปกว่านายน้อยคฤหาสน์อย่างฉีจิ้ง แต่ตำแหน่งกับฐานะมิใช่ว่ายากจะเทียบกับนายน้อยอย่างฉีจิ้งไม่ใช่หรือไง?
คอมเม้นต์