War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1645
ตอนที่ 1,645 : ร้องเรียงเรื่องราว “เทียนหวู่เจ้า…เจ้าทะลวงถึงเซียนแล้ว?” เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังจากร่างเฟิ่งเทียนหวู่ สองตาสื่ออวิ๋นอดไม่ได้ที่จะหรี่ลงทันที ยังเผยความยินดีออกมาไม่น้อย “ทะลวงแล้ว” เฟิ่งเทียนหวู่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม หากแต่หว่างคิ้วยังขดเป็นปมด้วยความกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับความปลอดภัยของต้วนหลิงเทียน “เซียน…ขอบเขตเซียน? หวู่เอ๋อทะลวงถึงขอบเขตเซียนแล้ว!?” เฟิ่งหวู่เต้าที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงครั้งใหญ่ มันเหม่อมองบุตรีตัวเองอยู่นานกว่าจะกลับมารู้สึกตัว ขอบเขตเซียนหมายความว่าอะไร มันรู้ดีแก่ใจ ถึงแม้มันจะรู้มาว่าบุตรตรีของมันห่างจากเซียนเพียงแค่ครึ่งก้าว แต่พอได้ฟังว่านางทะลวงผ่านแล้วมันก็ยังตกใจไม่น้อย สุดท้ายแล้วนางก็คือบุตรีที่มันเลี้ยงมาแต่เล็กจนโต! เมื่อนึกย้อนกลับไปในวันนั้น มันยังอดนึกถึงต้วนหลิงเทียนที่พบกันในปีนั้นขึ้นมาเสียไม่ได้ และรู้สึกขอบคุณต้วนหลิงเทียนนัก เป็นเพราะต้วนหลิงเทียน บุตรีของมันจึงรอดพ้นจากหายนะของร่างจิตวิญญาณแห่งธาตุไฟ ทำลายชะตากรรมดับสูญนั่นลงได้ ทำให้นางประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ เนื่องจากเฟิ่งเทียนหวู่ทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนแล้ว สื่ออวิ๋นจึงไม่มีเหตุผลอะไรจะรั้งนางไว้สืบไป แม้นางจะเสียใจและอยากเปลี่ยนเงื่อนไขเดิมนัก แต่นางก็ไม่อาจกระทำเช่นนั้นได้ เพราะรังแต่จะทำให้ศิษย์ของนางเกลียดชังนางเสียเปล่าๆ ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย เพื่อที่จะไม่ทำให้ภาพลักษณ์ของนางในใจศิษย์เสื่อมเสีย นางจึงเลือกอนุญาตให้เฟิ่งเทียนหวู่ออกเดินทางได้ เฟิ่งเทียนหวู่กำลังจะออกเดินทาง เฟิ่งหวู่เต้าแน่นอนว่าย่อมไม่คิดรั้งอยู่ที่นิกายอัคคีล่องลอยสืบต่อ มันจะกลับไปยังตระกูลซือถู และไปอาศัยอยู่กับป๋ายลี่หงและซื่อหม่าฉางฟง หลังจากบิดาและบุตรีสกุลเฟิ่งเดินทางออกจากนิกายอัคคีล่องลอยไปแล้ว สื่ออวิ๋นพลันเดินเข้าไปยังพื้นที่หวงห้ามของนิกายอัคคีล่องลอย ภายในภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ ปรากฏห้องลับหนึ่งซ่อนอยู่ใต้ธารลาวา ผนังห้องลับทุกทิศทางล้วนเป็นสีแดงฉาน เปล่งกลิ่นอายพลังร้อนระอุออกมาน่ากลัวนัก อย่างไรก็ตามการมาที่นี่ไม่ได้สร้างความลำบากให้กับสื่ออวิ๋นสักเท่าไหร่ “ประมุขสื่ออวิ๋น” มุมหนึ่งของห้องปรากฏสตรีชรานางหนึ่งนั่งขัดสมาธิบนเตียงศิลา และเมื่อสัมผัสได้ถึงการมาของสื่ออวิ๋น นางก็ลืมตาพร้อมลุกขึ้นมาจากเตียงกล่าวทักทายสื่ออวิ๋นด้วยท่าทางเป็นกันเองทันที “เฮยหยา ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากให้เจ้าไปกระทำ…หลังจากที่เจ้ากระทำเรื่องนี้สำเร็จ เจ้าก็เป็นอิสระแล้ว”(เฮยหยา = อีกาทมิฬ) สื่ออวิ๋นมองไปยังร่างสตรีชราในชุดสีเทาค่อยกล่าวออกมา “ในที่สุดเจ้าก็จะให้ข้าตอบแทนเรื่องที่ข้าติดค้างเจ้าไว้แล้วหรือ?” สตรีชราในชุดสีเทาที่ถูกเรียกว่า เฮยหยา นั้น เผยสีหน้าอื้ออึง สองตายังทอแสงสว่างวาบเร่งถามออกมาด้วยความประหลาดใจ หลายปีที่แล้วสื่ออวิ๋นเคยช่วยชีวิตนางเอาไว้ครั้งหนึ่ง และนางก็ไม่ใช่คนเนรคุณคน เช่นนั้นแล้วจึงติดตามสื่ออวิ๋นกลับมายังนิกายอัคคีล่องลอยแห่งนี้ด้วย และสัญญาว่าจะออกจากนิกายอัคคีล่องลอยหลังตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตของสื่ออวิ๋น และนั่นก็กินเวลากว่า 20 ปีมาแล้ว อิสรภาพนั้นนางย่อมโหยหามันเป็นธรรมชาติ แต่ในสายตาของนางมีเพียงอิสรภาพหลังจากที่นางได้ชำระหนี้ ตอบแทนบุญคุณสื่ออวิ๋นแล้วเท่านั้น ถึงจะเป็นอิสรภาพที่แท้จริง หาไม่แล้วปมในใจของนางคงไม่อาจคลาย เดิมทีเฮยหยาคิดว่านางคงไม่ได้ช่วยเหลืออะไรสื่ออวิ๋นไปชั่วชีวิตเสียแล้ว…เพราะพลังฝีมือของสื่ออวิ๋นตอนนี้ ไม่มีอะไรให้นางช่วยจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาไม่กี่ปีให้หลังมานี้ ช่องว่างความห่างของพลังฝีมือระหว่างนางกับสื่ออวิ๋นก็มีแต่จะหดแคบลง นางได้คิดถึงเรื่องที่เลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว และนั่นก็คือการอยู่นิกายอัคคีล่องลอยไปชั่วชีวิต ทว่าวันนี้การมาของสื่ออวิ๋น เสมือนเป็นแสงอรุณแห่งความหวังที่ส่องเข้ามาในใจที่เงียบสงบมานานปีของนางก็ไม่ปาน “ตราบใดที่เจ้าช่วยข้าเรื่องนี้ พวกเราถือว่าหายกัน” สื่ออวิ๋นกล่าว “เจ้าว่ามาเถอะ!” เฮยหยาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนที่จะกล่าวถามออกมาตรงๆ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะขออะไรหากอยู่ในวิสัยที่นางพอกระทำได้ นางจะทำมันให้ได้! “ศิษย์ของข้าพึ่งเดินทางออกจากนิกาย คราวนี้นางคงร่อนเร่อยู่ข้างนอกอีกนาน…ข้าอยากให้เจ้าคอยลอบคุ้มกันนางอย่างลับๆ จนกว่าพลังฝีมือของนางจะเหนือกว่าเจ้า! จากนั้นระหว่างข้ากับเจ้า พวกเราถือว่าหายกัน ไม่มีใดติดค้างกันอีก เจ้าสามารถออกจากนิกายอัคคีล่องลอยไปใช้ชีวิตตามที่ใจเจ้าปรารถนาได้” สื่ออวิ๋นกล่าวออกมาชัดถ้อยชัดคำ “ศิษย์เจ้า นังหนูเฟิ่งน่ะหรือ?” เห็นได้ชัดว่าเฮยหยาล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของเฟิ่งเทียนหวู่ “ใช่” สื่ออวิ๋นพยักหน้า “อะไรกัน นาง…นางทะลวงถึงขอบเขตเซียนแล้ว!?” เฮยหยากล่าวถามออกมาด้วยความประหลาดใจ ขณะเดียวกันในแววตายังเผยให้เห็นถึงความอ่อนโยน เห็นได้ชัดว่านางเองก็เอ็นดูเฟิ่งเทียนหวู่ไม่น้อย นอกจากนี้นางยังรู้ข้อกำหนดที่เฟิ่งเทียนหวู่จะออกจากนิกายอัคคีล่องลอยอีกด้วย สื่ออวิ่นพยักหน้ารับอีกครั้ง “ด้วยพรสวรรค์และศักยภาพของนังหนูเฟิ่ง นางกลับทะลวงถึงเซียนเร็วเพียงนี้…ข้าคิดว่าไม่ถึง 10 ปีนางก็ก้าวล้ำเหนือข้าไปแล้ว! ประมุขสื่ออวิ๋น เจ้าแน่ใจนะว่าจะให้ข้าชำระหนี้บุญคุณเรื่องนี้จริงๆ?” เฮยหยามองถามสื่ออวิ๋น “เรื่องนี้เจ้าออกจะเสียเปรียบอยู่นะ” “ตราบใดที่เทียนหวู่ปลอดภัย สำหรับข้าถือว่าคุ้มค่าแล้ว” สื่ออวิ๋นไม่รู้สึกเสียเปรียบหรือขาดทุนอะไรเลย “ข้าเข้าใจแล้ว” เฮยหยาพยักหน้า “นางยังพึ่งออกไปได้ไม่นาน เห็นว่าจะไปยังตระกูลซือถูที่เมืองหลวงก่อน…เจ้าพยายามปกปิดตัวตนและลอบคุ้มครองนางอย่างลับๆ หากไม่จำเป็นอย่าได้ออกมาช่วยเหลือนาง เพราะการออกเดินทางครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการฝึกฝนสำหรับนางเช่นกัน” สื่ออวิ๋นกล่าวกำชับเฮยหยา เฮยหยาพยักหน้าตอบรับ ก่อนที่จะออกจากสถานที่ๆนางอาศัยอยู่มา 20 กว่าปี… เฟิ่งเทียนหวู่ย่อมไม่รู้เลยว่ามีเฮยหยาลอบติดตามมาด้วย เพราะความต่างของพลังฝึกปรือ… เฟิ่งเทียนหวู่ยังไม่พบ นับประสาอะไรกับเฟิ่งหวู่เต้า หลังจากที่พ่อและลูกสาวเดินทางออกจากนิกายอัคคีล่องลอย ทั้งคู่ก็มาถึงเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงในเวลาไม่นาน มุ่งหน้าไปยังตระกูลซือถูทันที ตระกูลซือถูรู้ว่าแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอยกำลังจะมา ซือถูฮ่าวจึงออกมารอต้อนรับนางด้วยตัวเอง นับว่าให้ความสำคัญกับนิกายอัคคีล่องลอยนัก แน่นอนว่านี่เป็นการแสดงความเคารพต่อต้วนหลิงเทียนเช่นกัน ใครในประเทศฝูเฟิงยังไม่รู้ ว่าแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอย มีความสัมพันธ์อันดีกับอดีตแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ต้วนหลิงเทียน ป๋ายลี่หง ซื่อหม่าฉางฟง และคนอื่นๆพอรู้ว่าเฟิ่งเทียนหวู่มาก็ดีใจไม่น้อย “แม่นางเทียนหวู่!” ได้เห็นเฟิ่งเทียนหวู่อีกครั้ง ฉงเฉวียนและโฉดคลุมทองก็ดีใจนัก “พวกเราไม่เจอกันหลายปีแล้ว พวกเจ้าสบายดีหรือไม่” เฟิ่งเทียนหวู่ยิ้มทักทั้งคู่ “สบายดี พวกเราสบายดียิ่ง!” ฉงเฉวียนเร่งพยักหน้าตอบรับพร้อมหัวเราะ เฟิ่งเทียนหวู่ออกจากนิกายอัคคีล่องลอยมาครั้งนี้ แน่นอนว่าเพื่อพบต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ป๋ายลี่หงและคนอื่นๆจะไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนไปไหน แต่นางยังพอทราบจุดหมายปลายทางของเขาได้ จากข้อมูลที่นางรวบรวมมาจากทุกคน “พี่สาวเค่อเอ๋อถูกคนจากลัทธิบูชาไฟพาตัวไป ขุมพลังอันทรงอำนาจในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ไม่ควรเป็นไปได้ที่พี่ใหญ่ต้วนจะไปหาพี่สาวเค่อเอ๋อในตอนนี้…” “ดังนั้นพี่ใหญ่ต้วนสมควรไปตามหาพี่สาวลี่เฟยที่น่าจะอยู่กับน้องสาวเฉวี่ยไน่เป็นแน่…ขุมพลังเบื้องหลังเฉวี่ยไน่ไม่ควรธรรมดาในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเช่นกัน! ก่อนที่พี่ใหญ่ต้วนจะมาที่นี่นางได้มอบหินเซียนระดับ 5 และระดับ 4 ให้พี่ใหญ่ไว้บางส่วน…” เฟิ่งเทียนหวู่นั่นรู้เรื่องพวกนี้อยู่ก่อนแล้ว แต่พวกป๋ายลี่หงเองก็พึ่งได้ทราบรายละเอียด หลังจากครุ่นคิดพักหนึ่ง ในที่สุดเฟิ่งเทียนหวู่ก็เผยประกายตาสว่างวาบ “เช่นนั้นขุมพลังเบื้องหลังเฉวี่ยไน่น่าจะเป็นขุมพลังชั้น 5…ขุมพลังชั้น 5 แซ่หาน หานเฉวี่ยไน่….ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋ามีแซ่เดียวกันมากมาย แต่ขุมพลังชั้น 5 แซ่หานมีเพียงขุมพลังเดียว…คฤหาสน์คลื่นขจี!” ในที่สุดเฟิ่งเทียนหวู่ก็กล่าวชี้ชัดออกมา คฤหาสน์คลื่นขจี สกุลหาน! สองตาเฟิ่งเทียนหวู่ทอประกายสว่างจ้าแฝงเร้นไปด้วยความแน่วแน่ แน่นอนว่านางไม่อาจยืนยันได้เต็ม 10 ส่วนว่าใช่แน่ๆ อย่างไรก็ตามแม้นางไม่กล้ายืนยัน แต่นางจะไม่พลาดเบาะแสอันสำคัญเช่นนี้ ความคิดในหัวนางก็ละม้ายคล้ายคลึงกับต้วนหลิงเทียน อย่างไรก็ตามแม้นางจะสงสัยว่าต้วนหลิงเทียนสมควรไปคฤหาสน์คลื่นขจีสกุลหาน แต่นางก็ไม่ได้บอกใครกระทั่งบิดาของนางเอง นางรู้ดีแก่ใจ ว่าการบอกเรื่องนี้กับบิดา ป๋ายลี่หง และคนอื่นๆ รังแต่จะส่งผลร้ายต่อทุกคนเท่านั้น หากต้วนหลิงเทียนรับทราบความคิดของเฟิ่งเทียนหวู่ล่ะก็ เขาคงรู้สึกว่าไหวพริบนางไม่เลวเลยทีเดียว นางคิดเหมือนเขาแทบจะทุกอย่าง หลังจากที่มีเป้าหมายแล้วเฟิ่งเทียนหวู่ก็ใช้เวลาอยู่ร่วมกับเฟิ่งหวู่เต้าอีกสักพัก ก่อนที่จะออกจากเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงและมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ ขณะที่นางออกเดินทาง นางบังเกิดสังหรณ์ในใจอย่างแรงกล้า ว่าการตัดสินใจของนางครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง! เฟิ่งเทียนหวู่ยังไม่รู้ตัวว่ามีสตรีชราหัวหงอกลอบติดตามนางอยู่ทางด้านหลัง “ต้วนหลิงเทียน ตราผนึกมาร?!” ภายในรังลับของตลาดมืดหยินชานสาขาประเทศฝูเฟิง หลังจากที่หงเจิ้นผู้นำสาขาได้พบเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงของประเทศฝูเฟิงมันก็ตกใจมาก ในฐานะที่มันเองก็เป็นผู้ฝึกมาร เช่นนั้นแล้วในโลกใบนี้ นอกจากยอดฝีมือที่ร้ายกาจกว่ามัน ตัวมันเพียงหวาดกลัวต่อตราผนึกมารเป็นที่สุด! ตราผนึกมารแม้ผู้ใช้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์หรือผู้ฝึกเต๋าที่มีขอบเขตพลังต่ำต้อยกว่ามัน…ก็สามารถฆ่ามันได้! ดังนั้นหลักจากที่ได้รับทราบว่าตราผนึกมารปรากฏขึ้นอีกครั้งในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า สิ่งแรกที่มันคิดจึงไม่ใช่เอื้อมมือไปหมายช่วงชิงตราผนึกมาร แต่เป็นพยายามหลีกเลี่ยงมันด้วยความหวาดกลัว! ‘ข้าสงสัยนักว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้จะเป็นคนเดียวกันกับที่สาขาหลักตามหาตัวอยู่หรือไม่ หากสาขาหลักล่วงรู้เรื่องตราผนึกมารมาแต่แรก มันก็สมควรเป็นต้วนหลิงเทียนที่สาขาหลักตามล่าอยู่!’ หงเจิ้นลอบกล่าวในใจ ไม่นานหลังจากนั้น จิ้งหยวนที่หงเจิ้นส่งออกไปตรวจสอบก็กลับมา “จิ้งหยวนเจ้าตรวจสอบแล้วหรือยัง?” เมื่อเห็นจิ้งหยวนกลับมา หงเจิ้นก็เร่งถามออกไปทันที “ต้วนหลิงเทียนที่พวกเรากำลังตามหาตัวกันอยู่ ใช่คนเดียวกับผู้ที่สร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ในประเทศฝูเฟิงหรือไม่?” “ยืนยันแน่ชัดแล้ว สมควรเป็นคนๆเดียวกัน!” จิ้งหยวนพยักหน้า “อย่างไรก็ตามยามนี้มันหายตัวไป และยอดฝีมือมากมายก็กำลังตามล่าตัวมันอยู่ นับว่ามิง่ายเลยที่พวกเราจะหาตัวมันเจอก่อน!” “เป็นคนๆเดียวกันจริงๆ!” สองตาหงเจิ้นทอประกายสว่างจ้า กล่าวออกเสียงเข้ม “ถึงแม้พวกเราจะหาตัวมันมิพบ แต่ก็ต้องตามหามัน! อีกทั้งพวกเราต้องรีบรายงานเรื่องนี้ไปยังสาขาเบื้องบนให้เร็วที่สุด!” ไม่นานข่าวของต้วนหลิงเทียนก็เริ่มถูกส่งไปยังสาขาเบื้องบนของตลาดมืดหยินชาน และในที่สุดก็มาถึงสาขาหลักของตลาดมืดหยินชาน “ลูกชายของต้วนหรูเฟิง มีตราผนึกมารไว้ในครอบครองงั้นเหรอ!?” ที่สาขาหลักของตลาดมืดหยินชาน ทันทีที่ผู้นำตู้กูรับทราบเรื่องนี้สองตาพลันหรี่เล็กลงทันที เพราะมันเองก็เป็นผู้ฝึกมาร ย่อมหวาดกลัวตราผนึกมารจากก้นบึ้งของใจ หากเป็นไปได้มันยังหวังให้ตราผนึกมารหายสาบสูญไปจากโลกหล้าเสีย!
คอมเม้นต์