War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1617
ตอนที่ 1,617 : ตำหนักอ๋องเฉียน พอได้รับทราบว่าคุณชายเฟิ่ง ที่ต้วนหลิงเทียนพามาวันนี้ ที่แท้ก็คือบิดาของแม่นางเฟิ่งแห่งนิกายอัคคีล่องลอย… ทั้งซือถูฮ่าวและซือถูหังก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงพรึงเพริด! พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าชายวัยกลางคนที่แลดูธรรมดาสามัญ ด่านพลังฝึกปรือสมควรพึ่งทะลวงมาถึงหลุดพ้นมนุษย์เท่านั้น กลับเป็นบิดาของสตรีที่มีนามกระเดื่องเลื่องลือไปทั่วทั้งประเทศฝูเฟิง! แม่นางเฟิ่งเป็นผู้ใด!? ในอดีตนางคือสุดยอดฝีมืออัจฉริยะรุ่นเยาว์อันดับ 1 แห่งประเทศฝูเฟิง หากไร้ปรมาจารย์ต้วนสักคน นางก็คือมือหนึ่งของประเทศอย่างไม่ต้องสงสัยเลย! อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากพรสวรรค์และศักยภาพในการต่อสู้แล้ว แม่นางเฟิ่งผู้นี้ก็มีฐานะที่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง! นางเป็นศิษย์ปิดสำนักของ ยอดหญิงแห่งประเทศฝูเฟิง สื่ออวิ๋น ผู้นำขุมพลังชั้น 7 อย่างนิกายอัคคีล่องลอย! นอกจากนี้ยังเป็นศิษย์ที่สื่ออวิ๋นรักถนอมมากที่สุด ยังเอ็นดูนางไม่ต่างอะไรจากบุตรีในไส้ด้วยซ้ำ! ทั่วทั้งประเทศฝูเฟิงล่วงรู้กันดี…ว่าหากล่วงเกินแม่นางเฟิ่ง ก็ไม่ต่างอะไรจากล่วงเกินสื่ออวิ๋นประมุขนิกายอัคคีล่องลอย! แล้วประมุขสื่ออวิ๋นคือใครน่ะหรือ? นั่นคือตัวตนระดับยอดฝีมือที่แม้กระทั่งตระกูลราชวงศ์เองก็ไม่อยากตอแย ในประเทศฝูเฟิงแห่งนี้ นางมีพลังอำนาจสะกดข่มผู้คนนัก! “หากเป็นเช่นนี้ ท่านปรมาจารย์ต้วนก็มิต้องกังวลเรื่องที่จะถูกฝ่ายซือถูหมิงซุ่มโจมตีแล้ว!” ซือถูฮ่าวพยักหน้าทันที มันเองก็รู้ดีแก่ใจว่า หากซือถือหมิงได้รู้เหตุผลการไปเยือนนิกายอัคคีล่องลอย ด้วยวัตถุประสงค์อย่างพาบิดาของแม่นางเฟิ่งไปพบนางล่ะก็ พวกมันไม่มีวันกล้าลงมือเคลื่อนไหวแน่ ต่อให้กินดีหมีหัวใจเสือไปเป็นกระบุงก็ตามที บางทีพวกมันอาจลอบลงมือได้โดยไม่ให้ผู้ใดล่วงรู้ อย่างไรก็ตามหากเกิดเรื่องขึ้นกับเฟิ่งหวู่เต้าและต้วนหลิงเทียน น่ากลัวว่าแม่นางเฟิ่งต้องระเบิดโทสะอันเดือดดาลออกมาแน่ ถึงตอนนั้นถึงแม้สื่ออวิ๋นจะไม่ลงมือเพราะต้วนหลิงเทียน แต่ต้องลงมือเพื่อเฟิ่งหวู่เต้าแน่นอน เพราะเฟิ่งหวู่เต้าเป็นถึงบิดาบังเกิดเกล้าของศิษย์ที่นางรักมากที่สุด! การฆ่าเฟิ่งหวู่เต้าแทบไม่ต่างอะไรจากตบหน้านางดังฉาด! ถึงตอนนั้นต่อให้ไร้หลักฐานว่าผู้ลงมือคือฝ่ายซือถูหมิง แต่ประมุขนิกายอัคคีล่องลอยอย่างสื่ออวิ๋นไหนเลยจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเพราะต้องการหลักฐาน? นางไม่มีวันละเว้นซือถูหมิงแน่นอน! ไม่ว่าใครหน้าไหนขอเพียงมีแรงจูงใจในการสังหารต้วนหลิงเทียนและเฟิ่งหวู่เต้าสักนิด นางจะลงมือฆ่าสังหารล้างบางอย่างไร้ลังเล ยินดีฆ่าคนผิดพันคน แต่ไม่ปล่อยให้คนร้ายหนึ่งคนเล็ดรอด! “ข้าคิดมิถึงเลยจริงๆว่าคุณชายเฟิ่งผู้นั้นที่แท้จักเป็นถึงบิดาของแม่นางเฟิ่ง…มิได้การแล้ว ท่าทีปฏิบัติก่อนหน้านี้ของข้า นับว่ายังดีไม่พอ!” ซือถูหังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา “คุณชายหังไม่ต้องคิดมาก ลุงเฟิ่งไม่เอาเรื่องแค่นี้มาใส่ใจหรอก” ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะบอกลาพ่อลูกทั้งสอง เพื่อกลับไปพักผ่อนที่ห้อง หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนกลับไปพักที่ห้องแล้ว ด้วยการลงมือของ 2 พ่อลูกที่จงใจเผยแพร่วัตถุประสงค์การไปเยือนนิกายอัคคีล่องลอยของต้วนหลิงเทียนกับเฟิ่งหวู่เต้า ก็ทำให้เรื่องนี้ดั่งไปทั่ว ทำให้ทุกคนล่วงรู้กันดี ว่าแขกกิตติมศักดิ์ของตระกูลซือถู ปรมาจารย์ต้วน กำลังจะพาบิดาของแม่นางเฟิ่งไปเยี่ยมญาติที่นิกายอัคคีล่องลอยในวันพรุ่งนี้! ในคฤหาสน์ของซือถูหัง ร่างคนผู้หนึ่งหนึ่งก็เร่งรุดเข้ามารายงานเรื่องราวดังกล่าวทันที “ท่านรองผู้นำ พรุ่งนี้ต้วนหลิงเทียนจะไปเยือนนิกายอัคคีล่องลอยโดยมิมีซือถูโฮ่วคุ้มกัน” ผู้ที่เข้ามารายงานนี้กลับเป็นอาวุโสคนหนึ่งของตระกูลซือถู “โอ้?” พอได้ยินวาจาของอาวุโสสองตาของซือถูหมิงพลันส่องประกายเจิดจ้าขึ้นมาทันที มุมปากยังยกยิ้มแสยะด้วยอำมหิต “ในที่สุดพวกเราก็มีโอกาสกำจัดตัวบัดซบต้วนหลิงเทียนนั่นแล้ว?” สำหรับมันแล้ว การดำรงอยู่ของต้วนหลิงเทียนนั้น ไม่เป็นผลดีอะไรกับมันแม้แต่น้อย อีกทั้งอีกฝ่ายยังทำลายแผนการอันดีของมันหมดสิ้น มันจึงแทบรอฆ่าต้วนหลิงเทียนไม่ไหวแล้ว! เมื่อมีโอกาสฆ่าอีกฝ่ายปรากฏ มันย่อมคว้าเอาไว้ไม่ยอมให้พลาด!! “หืม? ว่าแต่ไฉนซือถูโฮ่วถึงไม่เดินทางไปพร้อมกับมันเล่า?” ทว่าไม่นานซือถูหมิงก็ค้นพบความผิดปกติดังกล่าว อันที่จริงแล้วมันไม่ได้กลัวเรื่องที่ซือถูโฮ่วจะตามไปคุ้มครองต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย เพราะอย่างไรก็แค่ซือถูโฮ่วคนเดียว ถึงเวลานั้นมันเพียงนำกำลังคนในฝ่ายมันไปด้วยสักคน ซึ่งเป็นผู้อาวุโสที่มีพลังฝีมือทัดเทียมกับซือถูโฮ่ว ก็เป็นไปไม่ได้แล้วที่ซือถูโฮ่วจะรับมือเซียนที่มีพลังฝีมือทัดเทียมถึงสองคนได้พร้อมๆกัน “เรื่องนี้เป็นเพราะวัตถุประสงค์ในการไปเยือนนิกายของต้วนหลิงเทียนพรุ่งนี้…” อาวุโสที่เร่งเข้ามารายงานกล่าวสืบต่อ “จากข่าวที่ข้าได้ยินมา ดูเหมือนพรุ่งนี้ต้วนหลิงเทียนจะพาชายผู้หนึ่งที่เป็นบิดาของแม่นางเฟิ่ง ไปเยี่ยมญาติที่นิกายอัคคีล่องลอย” “บิดาของแม่นางเฟิ่ง?” หน้าซือถูหมิงจมลงโดยพลัน “นี่มันเรื่องอันใดกันแน่?” “กล่าวกันว่า คนที่ต้วนหลิงเทียนพากลับมายังตระกูลซือถูวันนี้ หนึ่งในนั้นกลับเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของแม่นางเฟิ่ง” อาวุโสคนเดิมยังกล่าวสืบต่อ “แต่ข้าคิดว่าเรื่องนี้สมควรเป็นข่าวลวง…เพราะแม่นาเฟิ่งก็มีชื่อเสียงในประเทศฝูเฟิงมานาน ข้ามิยักกะเคยได้ยินเรื่องบิดาของนางสักครั้ง!” “เฮอะ! ไหนเจ้าลองบอกข้าทีว่าเจ้าเคยได้ยินเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างแม่นางเฟิ่งกับต้วนหลิงเทียนมาก่อนหรือไม่?” ซือถูหมิ่งแค่นคำออกมาเสียงเย็น อาวุโสของตระกูลซือถูผู้นั้นพอได้ยินก็เงียบปากไปทันที ตอนนี้ข่าวความสัมพันธ์อันใกล้ชิดสนิทสนมเกินสหายระหว่างปรมาจารย์ต้วนและแม่นางเฟิ่งได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศฝูเฟิงแล้ว หลายคนล้วนเรียกหาทั้งคู่ว่าคือคู่ที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก หนึ่งยอดบุรุษอีกหนึ่งก็ยอดสตรี ต่างยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของอัจฉริยะรุ่นเยาว์ในประเทศฝูเฟิง เรียกว่าทั้งคู่เปรียบได้ดั่งแบบอย่างอันประเสริฐของบรรดารุ่นเยาว์ทั่วประเทศ “มิน่าแปลกใจเลยว่าไฉนซือถูฮ่าวมันถึงกล้าปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนบัดซบนั่นมันเดินทางไปลำพังโดยไร้คนคุ้มกัน…ที่แท้มันมีบิดาของแม่นางเฟิ่งไปด้วย” ซือถูหมิงกล่าวออกมาด้วยความสลดใจ พอคิดว่าโอกาสที่ดั่งฟ้าประทานมา ที่แท้ก็คือหลุมพรางสู่ขุมนรก มันย่อมไม่กล้ากระโดดลงไปเด็ดขาด! หากมีแค่ต้วนหลิงเทียนมันก็คงไม่คิดอะไรมาก ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะมีสัมพันธ์สนิทสนมกับแม่นางเฟิ่ง แต่ก็ไม่ได้มีค่ามากพอให้ประมุขนิกายอัคคีล่องลอยอย่างสื่ออวิ๋นลงมือเป็นการส่วนตัว เพราะสุดท้ายแล้ว ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่จะยังคลุมเครือไม่ชัดเจน เช่นนั้นแล้วแม้แม่นางเฟิ่งจะเป็นศิษย์รักของสื่ออวิ๋น แต่ด้วยฐานะของนางคงไม่คิดลงมืออะไรมากมายหากไร้หลักฐานที่แน่ชัด คนเราเมื่อตายไปก็เหมือนตะเกียงไร้น้ำมัน สำหรับคนที่ความสัมพันธ์ยังไม่ชัดเจน สื่ออวิ๋นคงไม่คิดทำอะไรเพื่ออีกฝ่ายขนาดนั้น หากแต่บิดาของแม่นางเฟิ่งนั้นแตกต่างกัน! การที่ผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดถึงขั้นเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของแม่นางเฟิ่งถูกฆ่าตาย แม่นางเฟิ่งสมควรเดือดดาลเป็นการใหญ่แน่แท้ ถึงตอนนั้นน่ากลัวว่าสื่ออวิ๋นไม่มีทางที่จะนิ่งดูดายเด็ดขาด หากนางยังนิ่งดูดายอยู่ได้ ไม่พ้นผู้คนต้องครหาว่าบิดาของศิษย์รักตายทั้งคน แต่นางกลับไม่คิดจะทำอะไรเลย นั่นนับว่านางไม่คู่ควรจะเป็นอาจารย์ของแม่นางเฟิ่งแล้ว! “ข้าคิดว่าสมควรเป็นข่าวลวงแน่แท้” อาวุโสตระกูลซือถูที่เข้ามารายงานยังคงยืนยันความคิดเดิมของตัว “ถึงมันจักเป็นข่าวลวง แต่เจ้าว่าพวกเราสามารถเสี่ยงเดิมพันได้หรือ? และหากมันเป็นจริงเล่า ถึงตอนนั้นเจ้าว่าสื่ออวิ๋นจะนิ่งดูดายรึไง?” ซือถูหมิงยิ้มเยาะ “ตราบใดที่เรื่องราวมิดชิดมิรั่วไหล ต่อให้เป็นประมุขนิกายอัคคีล่องลอยอย่างสื่ออวิ๋นจักทำอันใดพวกเราได้?” อาวุโสคนเดิมยังกล่าวเสนอ “เจ้าคิดว่าสื่ออวิ๋นคนนั้น ใช่คนที่ต้องมีหลักฐานในการลงมือหรือไม่? นางอยากจะฆ่าใครสักคนในประเทศนี้ กระทั่งล้างบางสักตระกูล ข้าถามเจ้าคำเดียวยังจะมีผู้ใดสามารถหยุดนางได้หากนางคิดลงมือ?” ซือถูหมิงกล่าวออกเสียงเครียด หน้ายังมืดดำปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก! ถึงแม้มันจะรู้ดีแก่ใจว่าพรุ่งนี้ต้วนหลิงเทียนจะออกเดินทางโดยไร้ผู้คุมกัน ซึ่งนับเป็นโอกาสอันประเสริฐที่สุดการกำจัดอีกฝ่าย นอกจากนี้มันเองก็คิดถึงเรื่องที่จะพยายามฆ่าต้วนหลิงเทียนเพื่อไม่ให้บิดาแม่นางเฟิ่งโดนลูกหลงไว้แล้ว อนิจจาแต่พอคิดถึงเรื่องนี้จริงๆ ก็พบว่ายากที่จะเป็นไปได้ ดังนั้นมันทำได้แต่ยืนมองต้วนหลิงเทียนออกเดินทางไปสองตาปริบๆ ไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้เลย ถึงแม้มันจ้าบ้าดีเดือดเพียงใดแต่มันก็ยังไม่บ้าพอที่จะลงมืออย่างคนไร้สมอง! เมื่อต้วนหลิงเทียนและเฟิ่งหวู่เต้าออกเดินทาง ก็เป็นดั่งคาด เพียงไปกัน 2 คนเท่านั้น อย่างไรก็ตามไม่ทันไรต้วนหลิงเทียนก็พบว่าซือถูฮ่าวส่งคนลอบติดตามมาคุ้มกันเขา แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนที่ล่วงรู้ก็ไม่คิดจะเปิดเผยผู้ที่ลอบติดตามมาแต่อย่างใด ด้วยรู้ดีว่านี่เป็นความหวังดีของซือถูฮ่าว อีกทั้งในระหว่างการเดินทาง จะมากจะน้อยก็อาจมีคนที่ไม่รู้ความมากวนใจ ด้วยผู้คนที่ซือถูฮ่าวส่งมาด้วยความหวังดี อย่างน้อยๆ เขาก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลาจัดการด้วยตัวเอง เฟิ่งหวู่เต้าที่ออกเดินทางมาพร้อมต้วนหลิงเทียน ยากนักที่จะปกปิดความตื่นเต้นในสายตา เพราะสุดท้ายแล้วมันก็กำลังจะได้พบกับบุตรีที่ไม่เจอหน้ากันหลายปีเสียที เฟิ่งเทียนหวู่นั้นเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของมัน นางเปรียบดั่งแก้วตาดวงใจของมัน หลังจากที่ได้รับทราบว่าเฟิ่งเทียนหวู่ยังปลอดภัยดี ความกังวลหนักอึ้งในใจที่เก็บไว้นานปี ในที่สุดก็เสมือนถูกยกออก ถึงแม้มันจะทุกข์ใจเมื่อคิดถึงความลำบากที่บุตรีมันผ่านมา หากแต่ก็อดยินดีกับความสำเร็จของเฟิ่งเทียนหวู่ในวันนี้เสียไม่ได้ “ลุงเฟิ่ง นิกายอัคคีล่องลอยก็อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ด้วยความเร็วของข้าไม่ทันเที่ยงวันก็สมควรไปถึงแล้ว” ต้วนหลิงเทียนกล่าวบอกเฟิ่งหวู่เต้าด้วยรอยยิ้ม เขาเองก็สังเกตเห็นความตื่นเต้นยินดีของเฟิ่งหวู่เต้าได้ชัดเจน และเขาก็รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายดี “ข้าว่าเทียนหวู่ต้องยินดีมากแน่ๆ ที่ได้เจอท่าน” พอคิดถึงเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดมีความสุขกับเฟิ่งเทียนหวู่เสียไม่ได้ ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกับเฟิ่งหวู่เต้าออกเดินทางไปยังนิกายอัคคีล่องลอย ปรากฏร่าง 2 ร่างเดินออกมาจากพระราชวังหลังหนึ่ง และกำลังมุ่งหน้าไปยังตำหนักที่พักอันหรูหราแห่งหนึ่ง ผู้นำเป็นชายวัยกลางคนศีรษะล้านเลี่ยนเตียนโล่ง ส่วนคนที่ติดตามอยู่ด้านหลังนั้นเป็นชายชรา ที่แลดูท่าทางอึดอัดคล้ายประหม่าไม่น้อย “เจ้ากลับมายังวังหลวงครั้งนี้ ใช่คิดมารับหนี้บุญคุณที่องค์ชายสี่เคยติดค้างไว้ใช่หรือไม่?” ทันใดนั้นชายวัยกลางคนที่เดินนำพลันกล่าวถามชายชราออกมาเสียงเบา “ใช่แล้วท่าน” ต่อหน้าชายวัยกลางคน ชายชราไม่กล้าละเลยอะไรเร่งตอบกลับไปตามตรงด้วยสุภาพทันที มันไม่กล้าไม่สุภาพ! “เจ้าต้องเข้าใจให้ชัดเสียตั้งแต่ตอนนี้ หากองค์ชายสี่ยินดีช่วยเหลือเจ้าเพื่อตอบแทนบุญคุณ เช่นนั้นแล้วหลังจากนี้ตัวเจ้าจักมิมีอันใดเกี่ยวข้องกับตำหนักอ๋องเฉียนแห่งนี้อีกต่อไป” ชายวัยกลางคนกล่าวออกมาอีกครั้ง “ข้าเข้าใจดี” ชายชราพยักหน้ารับ หากแต่แววตายังทอความเด็ดเดี่ยวไม่เปลี่ยน ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา มันได้ใช้ชีวิตอยู่บริเวณชายแดนตอนใต้ของประเทศฝูเฟิงอย่างอิสระ จิตใจของมันย่อมเสมือนน้ำนิ่งกระจ่าง ไม่เคยคิดจะย้อนกลับมายังตำหนักอ๋องเฉียน ที่มันเคยทำงานรับใช้อย่างถวายหัวเลยสักครั้ง อย่างไรก็ตามหลังจากมันปลีกตัวออกไปอยู่อย่างสันโดษไม่ทันไร มันก็ได้พบพี่น้องรู้ใจที่มาบรรเทาความเดียวดาย เป็นน้องรอง กับน้องสามของมัน กลุ่มโจรของพวกมันก็เริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นด้วยเหตุนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านพี่น้องของมันทั้ง 2 ได้ช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกัน ผ่านความเป็นตายมาก็มาก เรียกว่าแม้จะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกัน แต่ก็ไม่ต่างอะไรจากพี่น้องแท้ๆ กล่าวไปยังสนิทสนมกันยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆเสียอีก! ทว่าไม่นานมานี้ น้องสามของมันกลับต้องมาตกตายลง! และผู้ที่สังหารน้องสามของมันก็คือยอดฝีมือที่มันไม่อาจต่อกรด้วยได้! เมื่อมาถึงจุดนี้มันก็ได้รำลึกถึงหนี้บุญคุณที่องค์ชายสี่เคยติดค้างมันเอาไว้ ในยามนั้นมันเคยทำงานถวายหัวรับใช้อีกฝ่าย เป็นข้ารับใช้คนหนึ่งในตำหนักอ๋องเฉียนหรือตำหนักขององค์ชายสี่ เหตุผลที่องค์ชายสี่ติดหนี้บุญคุณของมันนั้น เพราะครั้งหนึ่งมันเคยมีโอกาสได้ช่วยชีวิตอีกฝ่ายเอาไว้ ด้วยเหตุนี้อ๋องเฉียนหรือองค์ชายสี่ที่ติดค้างมัน ก็ให้คำมั่นกับมันไว้คำหนึ่ง! ไม่ว่ามันจะร้องขออะไรหากอยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจก็จะกระทำให้มันเป็นการตอบแทน!!
คอมเม้นต์