War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1547
พลังของกระบี่นิลสวรรค์! “ผู้เฒ่าหั่ว ที่ท่านกล่าวถึง ใจกระบี่ ก่อนหน้านี้มันคืออะไรเหรอ? ข้ายังไม่ค่อยเข้าใจ…” ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามด้วยความสงสัย “ใจกระบี่นี้ ข้าเองก็มิรู้จะใช้คำใดอธิบายให้เจ้ารับรู้ดี…เจ้าเพียงเข้าใจว่ามันคือจุดสูงสุดของเต๋ากระบี่ในพิภพเบื้องล่างเถอะ! มีอยู่บ้างที่สามารถบรรลุใจกระบี่ได้หลังจากอยู่บนแดนสวรรค์ ทว่าเกือบทั้งหมดของผู้ที่บรรลุใจกระบี่บนแดนสวรรค์นั้น…มิได้โดดเด่นอันใด” “สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะบำเพ็ญบนแดนสวรรค์ย่อมเหนือล้ำสุดที่พิภพเบื้องล่างจะทัดเทียมได้ เช่นนั้นผู้ที่ฝึกฝนกระบี่ย่อมสามารถบรรลุใจกระบี่บนแดนสวรรค์ได้ง่ายดาย ทว่าใจกระบี่ที่บรรลุกลับมิได้สมบูรณ์ อย่างที่ผู้คนในโลกียะบรรลุถึง…” “และผู้ที่สามารถบรรลุถึงใจกระบี่ได้ในพิภพเบื้องล่าง ก็ถือว่าเป็นวาสนาครั้งใหญ่! เพราะเมื่อสามารถข้ามพ้นภัยพิบัติสู่สวรรค์จนบรรลุแดนสวรรค์ได้แล้ว…จิตใจของเจ้าจักได้รับการชำระจากสวรรค์! ยามนั้นใจกระบี่ที่เจ้าบรรลุจักยกระดับกลายเป็น ใจกระบี่เทวะ…” “ในแดนสวรรค์ทั้งหลาย ผู้ที่ครอบครองใจกระบี่เทวะ ล้วนแล้วแต่บรรลุใจกระบี่จากพิภพเบื้องล่างทั้งสิ้น แน่นอนว่าใจกระบี่ก็ยังมีสูงต่ำ…และอย่างที่ข้ากล่าวไปก่อนหน้า ทั่วทั้ง 81 แดนสวรรค์ น้อยคนนักที่จักบรรลุถึงใจกระบี่ขั้นสูงส่งดั่งเช่นกงซุนเซวียนเหยียน…แน่นอนว่าเซียนกระบี่ฟงชิงหยางผู้บรรลุ ยอดใจกระบี่ และถ่ายทอดมันให้เจ้า ก็คือ 1 ในตัวตนอันน่าทึ่งเหล่านั้นด้วย” ผู้เฒ่าหั่วค่อยกล่าวอธิบายออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน ต้องบอกเลยว่าที่ผู้เฒ่าหั่วค่อยๆอธิบายอย่างช้าๆ ก็เพื่อให้ต้วนหลิงเทียนย่อยข้อมูลที่ได้รับทัน ด้านต้วนหลิงเทียนตอนนี้อึ้งเหวอไปตาปริบๆแต่แรกแล้ว มาตอนนี้เขาพึ่งตระหนักได้ว่า ยอดใจกระบี่ ที่เขาได้รับถ่ายทอดมามันเลิศล้ำขนาดไหน เซียนกระบี่ฟงชิงหยางที่แท้กลับเป็นยอดคนจริงๆ มิคาดเต๋ากระบี่ของคนผู้นี้ ยังยากจะหาผู้ใดทัดเทียมได้กระทั่งในแดนสวรรค์! ยิ่งไปกว่านั้นยุคสมัยที่เซียนกระบี่ฟงชิงหยางผงาดขึ้นมา มันก็ผ่านมาเนิ่นนานหลายปีแล้ว จากที่ผู้เฒ่าหั่วกล่าว เผลอๆตอนนี้เซียนกระบี่ฟงชิงหยางอาจจะบรรลุพลังฝีมืออันน่าพรั่นพรึงกระทั่งได้เป็นจักรพรรดิสวรรค์ ในแดนสวรรค์แดนใดแดนหนึ่งไปแล้วก็เป็นได้! เป็นยอดคนที่ทัดเทียมได้กับจักรพรรดิเหลืองกงซุนเซวียนเหยียนที่เขาเคารพนับถือ!! ใจต้วนหลิงเทียนเต้นรัวขึ้นมาแทบกระดอนออกปาก ยากจะสงบอารมณ์พุ่งพล่านนี้ได้อยู่นาน ยอดใจกระบี่ที่เขาได้รับถ่ายทอด…กลับมาจากยอดคนเช่นนี้! “จากที่เจ้ากล่าว ยอดใจกระบี่ ที่เจ้าได้รับสืบทอดมา ยามเจ้าบรรลุขั้นสูงสุด กระบี่สัมพันธ์จิตใจ…ยามนั้นเจ้าสมควรก่อเกิดใจกระบี่ได้สำเร็จ…หากเจ้าบรรลุ ใจกระบี่ ได้สำเร็จ ความสำเร็จในอนาคตของเจ้าย่อมมิต้อยต่ำไปกว่าเซียนกระบี่ฟงชิงหยางผู้นั้น และมิได้ด้อยไปกว่าจักรพรรดิเหลืองกงซุนเซวียนเหยียนเป็นแน่” ผู้เฒ่าหั่วกล่าวสืบต่อ วาจานี้ของผู้เฒ่าหั่ว ยิ่งทำให้ต้วนหลิงเทียนเพ้อละเมอด้วยความตื่นเต้นไปกันใหญ่ เซียนกระบี่ฟงชิงหยางเป็นตัวตนเช่นไร…เขาไม่อาจทราบได้แน่ชัด ทว่ากงซุนเซวียนเหยียน หรือจักรพรรดิเหลืองนั้นเขารู้ดี! จะอย่างไรวิญญาณของเขานั้นก็มาจากพิภพเหยียนหวง ยังมาจากหัวเซี่ย ประชาชนในประเทศอันได้รับการเรียกหาว่าลูกหลานของจักรพรรดิเหลือง! พอคิดว่าวันหนึ่งเขาอาจมีความสำเร็จเทียบได้กับมหาบุรุษในตำนานอย่างกงซุนเซวียนเหยียน ความตื่นเต้นของต้วนหลิงเทียนย่อมพุ่งสูงเกินระงับ “กระทั่งตัวข้าเองยังอดมิได้ที่จะอิจฉาในวาสนานี้ของเจ้า…ไม่เพียงแต่เจ้าจักได้รับการยอมรับจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ ยังมี ยอดใจกระบี่ ที่เซียนกระบี่ฟงชิงหยางผู้นั้นถ่ายทอดให้อีก! นั่นเป็นเคล็ดบำเพ็ญจิตใจ เต๋าแห่งกระบี่อันสูงส่ง ที่สามารถสร้าง ใจกระบี่ ในโลกียะ…ตอนนี้กระทั่งข้ายังอดคิดไปไม่ได้ว่าเจ้าใช่ดวงจิตของเทพสวรรค์ จุติลงมาเกิดใหม่หรือไม่…หาไม่แล้วไฉนเจ้าถึงได้รับพรอันประเสริฐมากมายเช่นนี้?” ผู้เฒ่าหั่วจับจ้องมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาซับซ้อน ค่อยถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนได้ยินผู้เฒ่าหั่วกล่าวออกมาขนาดนี้ ก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆออกมาอย่างโง่งม จังหวะนี้เขาไม่รู้จะว่ายังไงดี นับตั้งแต่ดวงวิญญาณเขาข้ามพิภพมาอย่างพิลึกพิลั่น ประสบการณ์ทั้งหลายคล้ายดั่งมายาฝันตื่นหนึ่ง อย่างไรก็ตามเขารู้ดีว่านี่มิใช่มายาฝันอันใด หากแต่เป็นม่านแห่งความจริงบทหนึ่งที่คลี่ออก ระลึกถึงวาสนาที่ต้วนหลิงเทียนเค่ยพบพานมา กระทั่งผู้เฒ่าหั่วยังอดไม่ได้ที่จะอิจฉาวาสนานี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม จากวาจาของผู้เฒ่าหั่ว…ก็ทำให้ต้วนหลิงเทียนเสมือนได้เบิกเนตร เขาได้รับทราบถึงแดนสวรรค์แล้ว ยังรับทราบถึงคุณค่าของ ยอดใจกระบี่ ที่เซียนกระบี่ฟงชิงหยางถ่ายทอดมาให้แล้ว “นอกจากเรื่องนี้ดูเหมือนเซียนกระบี่ฟงชิงหยางจะไม่ได้ถ่ายทอดยอดใจกระบี่ให้ข้าอย่างเดียว แต่ยังบอกอีกด้วยว่าข้าคือผู้สืบทอด หมอกพิรุณ หรืออะไรสักอย่าง…แถมข้ายังเป็นผู้สืบทอด หมอกพิรุณ อะไรนั่นเพียงคนเดียวอีกด้วย” ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มสงสัยในเรื่องผู้สืบทอดหมอกพิรุณขึ้นมาไม่น้อย เพราะเรื่องนี้เซียนกระบี่ฟงชิงหยางไม่ได้ทิ้งรายละเอียดอะไรให้เขาไว้เลย “หากเป็นไปได้ เจ้าพยายามทุ่มเทเวลาบำเพ็ญยอดใจกระบี่นี้ให้มาก เจ้าจักได้มีโอกาสในการก่อใจกระบี่มากขึ้น…แน่นอนว่าเจ้ามิต้องห่วงว่าจะเสียเวลาเปล่ากับยอดใจกระบี่ เพราะยอดใจกระบี่นั้นสามารถทำให้เจ้าเข้าใจในสรรพวิชาทั้งหลายในใต้หล้าได้โดยง่าย จึงมิต้องกลัวว่าหากทุ่มเวลาให้มันแล้ว วรยุทธ์อื่นใดของเจ้าจะถดถอยไร้ก้าวหน้า” ผู้เฒ่าหั่วกล่าวกำชับต้วนหลิงเทียน ตอนแรกต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่รู้ว่าผู้เฒ่าหั่วกล่าวถึงเรื่องอะไร อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาลองใช้วรยุทธ์เซียนรวมถึงสรรพวิชาทั้งหลายที่เขาเคยฝึกฝนมา เขาพบว่านอกจากจะใช้งานมันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้นแล้ว ทุกสรรพวิชาวรยุทธ์เซียนทั้งหมดยังแฝงเจตจำนงของยอดใจกระบี่ออกมาเช่นกัน ยอดใจกระบี่นั้นคล้ายวรยุทธ์เซียน หากแต่ในขณะเดียวกันมันกลับแตกต่างจากวรยุทธ์เซียน ยังเหนือล้ำยิ่งกว่าวรยุทธ์เซียน ยอดใจกระบี่ บรรลุเพียงหนึ่งกลับพบความสำเร็จอีกหมื่นพันวิถี นอกจากครุ่นคิดเรื่องนี้แล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ลืมให้ความสำคัญกับกระบี่นิลสวรรค์ ตอนนี้ในเมื่อเขายกมันขึ้นมาและใช้ได้คล่องแล้ว เขาย่อมใช้พลังอำนาจของมันได้แน่! อนิจจาก่อนที่จะลองใช้อำนาจของมัน ตอนนี้เขาต้องนั่งลงเดินพลังสั่งสมปราณแท้เสียก่อน…เพราะตอนนี้ในทะเลปราณ เหลือปราณแท้อยู่หรอมแหรมจนน่าสงสารนัก… หลังจากที่ฟื้นฟูปราณแท้กลับมาแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มถ่ายทอดปราณแท้ลงกระบี่นิลสวรรค์อีกครั้ง และด้วยความกลัวว่าจะเกิดเรื่องอย่างก่อนหน้าเขาจึงค่อยๆจ่ายปราณแท้ลงไปทีละนิดๆ ด้วยกลัวกระบี่จะสูบกลืนพรวดเดียวหมดตัวอีก… หลังจากที่ทดลองอยู่นาน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็สามารถใช้พลังอำนาจของกระบี่นิลสวรรค์ได้สำเร็จ! แน่นอนว่าด้วยพลังฝึกปรือของเขาตอนนี้ คิดใช้อานุภาพทั้งหมดของกระบี่นิลสวรรค์ย่อมเป็นได้แค่ฝัน เขาสามารถใช้พลังอำนาจของมันได้เพียงเศษเสี้ยวเท่านั้น… ต้วนหลิงเทียนเองก็ได้ลองทำการประมาณคร่าวๆดู หากเขาจ่ายปราณแท้ลงกระบี่ไป 3 ส่วนจากปราณแท้ทั้งหมดในทะเลปราณ ยามเขาจู่โจมออกด้วยกระบี่นิลสวรรค์ พลังอำนาจของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาทุ่มพลังทั้งหมดจู่โจมก่อนหน้านี้ “หากข้าผนึกปราณแท้ 5 ส่วนลงกระบี่นิลสวรรค พลังอำนาจของมันสูงล้ำนัก ข้ามั่นใจกว่า 9 ส่วนว่าต่อให้เป็นครึ่งก้าวเซียนก็ต้องตายในกระบี่เดียว!” หลังจากทดลองจ่ายปราณแท้ลงไป 3 ส่วนบ้าง 5 ส่วนบ้าง และใช้กระบี่นิลสวรรค์ดู ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับคำตอบที่มั่นใจ “อย่างไรก็ตามแม้ข้าจะจ่ายปราณแท้ทั้งหมดลงไปในกระบี่นิลสวรรค์ แต่ด้วยพลังฝึกปรือของข้าตอนนี้ ยังไม่อาจฆ่าขอบเขตเซียนที่อ่อนด้อยที่สุดได้…ช่องว่างระหว่างบรรลุเซียนกลับยังไม่บรรลุขอบเขตเซียนมันกว้างเกินไป พลังอำนาจยังมากมายต่างกันเกินสองเท่า!” เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็พอตระหนักได้ ตอนนี้แม้จะจ่ายปราณแท้ทั้งหมดเปิดใช้พลังอำนาจของกระบี่นิลสวรรค์ เต็มที่เขาก็ฆ่าได้แค่สุดยอดฝีมือในขอบเขตครึ่งก้าวเซียนเท่านั้น ถึงแม้ตัวตนในขอบเขตเซียนอาจจะถูกกระบี่ของเขาคุกคามทำร้ายได้ แต่คิดฆ่าตัวตนระดับนั้นยังยากเกินไป ‘แต่ถ้าพลังฝึกปรือข้าบรรลุสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่เมื่อไหร่ ทะเลปราณของข้าจะขยายขึ้นอีกครั้ง ปราณแท้เองก็มีปริมาณมากขึ้น…ถึงตอนนั้นหากข้าจ่ายปราณแท้ทั้งหมดลงในกระบี่นิลสวรรค์ ข้าไม่คิดว่าตัวตนในขอบเขตเซียนทั่วไปจะรับกระบี่ข้าได้!’ เมื่อคิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นในใจ แม้ปกติแล้วเขาจะเอาชนะยอดฝีมือที่มีระดับเหนือกว่าได้ อย่างไรก็ตามด้วยพลังฝึกปรือสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ เขาสามารถเอาชนะได้แค่ครึ่งก้าวเซียนเท่านั้น แม้จะใช้กระบี่นิลสวรรค์แล้ว ความแตกต่างระหว่างขอบเขตสู่เซียนกับเซียนมันกว้างใหญ่เกินไป หากเป็นก่อนหน้านี้แม้พลังของเขาจะสูงกว่าคนทั่วไป แต่ถึงจะใช้พลังดิบเถื่อนจากความแข็งแกร่งของร่างกายผสาน เขาก็ไม่อาจลบความต่างถึงขั้นฆ่าตัวตนในขอบเขตเซียนได้… ทว่าตอนนี้เมื่อมีกระบี่นิลสวรรค์เรื่องราวกลับต่างออกไปทันที ตราบใดที่เขาทะลวงไปถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ ตัวตนใต้ขอบเขตเซียนทั้งหมดไม่มีทางรอดพ้นคมกระบี่ของเขาได้! กระทั่งตัวตนในขอบเขตเซียนทั่วไป ก็อาจจะตกตายได้ในกระบี่เดียว! ‘อย่างไรก็ตามข้าไม่อาจลงมือได้หากไม่มั่นใจว่าจะลงมือสำเร็จ เพราะหลังจากใช้กระบี่นิลสวรรค์ด้วยพลังทั้งหมด ข้าก็เสมือนลูกเกาทัณฑ์ที่ยิงออกไปแล้ว หากศัตรูหลบได้และลงมือสวนกลับ ถึงตอนนั้นคงยากที่ข้าจะหนีพ้นความตาย…’ ต้วนหลิงเทียนย่อมตระหนักถึงความเสี่ยงดี หลังจากที่ทดลองอยู่อีกไม่กี่ครั้ง ปราณแท้ในทะเลปราณที่ฟื้นคืนมาของต้วนหลิงเทียนก็พร่องไปกว่า 8 ส่วน เขาจึงเริ่มนั่งลงฟื้นฟูพลังอีกครั้ง หลังจากใช้เวลาฟื้นฟูพลังพักหนึ่ง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รีบออกจากชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแต่อย่างไร เขายังตั้งหน้าตั้งตาบ่มเพาะพลังอยู่บนชั้น 3 เพื่อทะลวงไปยังสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ให้ได้โดยเร็ว ทันทีที่เขาทะลวงถึงสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ ด้วยความช่วยเหลือของกระบี่นิลสวรรค์ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลยามปะทะกับตัวตนขอบเขตเซียนระดับต่ำๆ ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงบ่มเพาะฝึกฝนหนักขึ้นกว่าเดิม ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนบ่มเพาะพลังในเจดีย์ ใครบางคนในสำนักจันทร์จรัสแสงก็เริ่มนั่งไม่ติด “ต้วนหลิงเทียนบัดซบนั่นใจคอมันจะหดหัวอยู่แต่ในบ้านมิออกไปไหนเลยหรือ!?” ใบหน้าของหลิวฮ่วนบิดเบี้ยวอัปลักษณ์นัก มันไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียหลังจากที่กลับมาแล้ว จะแช่อยู่ในคฤหาสน์ของป๋ายลี่หงโดยไม่ออกไปไหนเลย เรื่องนี้ทำให้มันอับจนหนทาง เพราะไม่มีโอกาสลงมือ! “ข้าทำได้แค่ปล่อยให้มันเป็นไปเช่นนี้หรือ…” หลิวฮ่วนที่นั่งไม่ติด ได้แต่เดินวนไปวนมาด้วยความเครียด ใบหน้ามันมืดดำแทบจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก “หากมันคิดบ่มเพาะพลังในคฤหาสน์ป๋ายลี่หง 2-3 ปี ข้าจะยังปล่อยให้มันบ่มเพาะพลังดีๆได้เหรอ?” “ไม่! เรื่องนั้นปล่อยให้เกิดขึ้นมิได้เด็ดขาด!!” หลิวฮ่วนส่ายหัวไปมาราวคนบ้า “ด้วยพรสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนนั่น เพียงมิกี่ปีพลังฝีมือมันต้องก้าวข้ามข้าไปได้แน่…ตอนนี้ข้ายังเอาชนะมันได้ แต่ถ้าผ่านไปอีกมิกี่ปีก็เป็นไปมิได้แล้ว!!” แม้หลิวฮ่วนไม่เต็มใจรับ แต่เรื่องนี้มันก็จำต้องยอมรับ ศักยภาพพรสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนสูงจนมันหวาดกลัว “ข้าปล่อยให้มันเติบโตต่อไปแบบนี้มิได้!!” หลิวฮ่วนที่ร้อนใจดังไฟลามก้น เริ่มบังเกิดความคิดอันตรายขึ้นมา ยังอดรอไม่ได้ที่จะไปดำเนินการ “ถึงแม้เรื่องนี้อาจส่งผลกระทบต่อมันไม่มาก…แต่อย่างน้อยๆ ข้าก็มั่นใจว่าต้องทำให้มันมิอาจบ่มเพาะพลังได้อย่างสงบสุข! คราวนี้ตราบใดที่มันออกจากคฤหาสน์ของป๋ายลี่หงหรือออกจากสำนักข้าจักได้มีโอกาสลงมือ!!”
คอมเม้นต์