War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1538

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1538 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

หลบหนีจากความตาย
 
เป็นเพราะตี้จิ่วกลับมาสงบใจและพยายามป้องกันจุดชีวิตเอาไว้เต็มที่มันถึงไม่ถูกฆ่าตาย และทันทีที่ครบกำหนด 11 ลมหายใจ ม่านพลังจากค่ายกลที่คอยกั้นน้ำทะเลเอาไว้ก็สลาย!
 
ใน 11 ลมหายใจที่ผ่านมาตี้จิ่วอาการสาหัสปางตาย และเจียนถูกผู้เฒ่าหั่วดับชีพอยู่รอมร่อ! อนิจจามันยังอุตส่าห์รอดมาได้!!
 
เมื่อน้ำทะเลโถมถันใส่เจดีย์ ไม่ว่าจะเป็นต้วนหลิงเทียนที่ซ่อนตัวอยู่ หรือตี้จิ่วที่ลมหายใจรวยรินก็ถูกขับออกมาจากเจดีย์ทันที
 
“ไอ้หนู เรื่องนี้ข้าตี้จิ่วไม่มีวันลืม..เจอกันครั้งหน้าข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่!!”
 
เมื่อต้วนถูกขับออกมาจากเจดีย์ เขาก็ได้ยินเสียงผ่านปราณแท้ของตี้จิ่ว ที่กำลังหลบหนีไปทันที
 
วินาทีที่ร่างตี้จิ่วถูกขับออกมาจากเจดีย์มันก็รีบขยี้ยันต์เต๋าระดับสูงในมือ ร่างมันพลันแปรเปลี่ยนเป็นเส้นสายอัสนีวูบหายไปในพริบตา
 
ยันต์เต๋าระดับสูงนั้นสามารถใช้ปราณแรกกำเนิดเปิดการทำงานได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องกล่าวคำสำแดง
 
เพียงขยี้พร้อมจ่ายปราณแรกกำเนิดลงไปเท่านั้น
 
ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินเสียงอิดโรยผ่านปราณแท้ของตี้จิ่ว เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าอาการอีกฝ่ายสาหัสนัก
 
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังไม่กล้ารั้งอยู่ต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว เห็นชัดว่ามันหวาดกลัวผู้เฒ่าหั่วจับใจ!
 
“ข้ารีบไปดีกว่า…ตอนนี้อาศัยจังหวะที่มันสาหัสทั้งตื่นตระหนกจนไม่มีสติคิดให้ถี่ถ้วน รีบกลับไปพาลุงเฟิ่งทั้งคนอื่นๆ ออกจากเกาะป้านเยว่!”
 
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดรอช้าอะไร ไม่แม้แต่จะกล่าวทักผู้เฒ่าหั่วที่อยู่ในร่างอีกาทองคำ 3 ขาในเจดีย์ เขาก็รีบย่นย่อเจดีย์เก็บไว้ แล้วพุ่งร่างออกจากหุบเหวใต้ทะเลลึก กลับเกาะป้านเยว่ด้วยความเร็วสูงสุด!
 
หลังจากกลับมาถึงเกาะป้านเยว่ เฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆก็ยินดีที่ได้พบเขานัก!
 
“มีอะไรไว้ค่อยคุยกัน ตอนนี้พวกเราต้องรีบหนี ก่อนที่ตี้จิ่วมันจะย้อนกลับมาเกาะป้านเยว่!”
 
เมื่อเห็นว่าเฟิ่งหวู่เต้าและคนอื่นๆ คิดจะไถ่ถามอะไร ต้วนหลิงเทียนก็เร่งตัดบท สะบัดมือเปล่งพลังไร้สภาพขุมใหญ่ห่อหุ้มคนทั้งหมด ก่อนที่จะนำพาร่างทั้งหมดพุ่งขึ้นฟ้าไปด้วยความเร็วสูงสุด!
 
อย่างไรก็ตาม ออกจากเกาะป้านเย่วแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้พาทั้งหมดมุ่งหน้ากลับทวีปมนุษย์โดยตรง!
 
เขาเลือกที่จะพุ่งร่างไปทางทิศตะวันออก และเริ่มตีวงโค้งอ้อมไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เหินเลยผ่านทวีปมนุษย์ไปไกลก่อนเปลี่ยนทิศทางอีก 2 ครั้งเข้าทวีปมนุษย์จากด้านใต้ของทวีป!
 
ที่เขาจำเป็นต้องทำแบบนี้เพราะ หวั่นตี้จิ่วจะดิ่งลงใต้มุ่งมมาทวีปมนุษย์โดยตรง ด้วยความเร็วของมันย่อมตามทันเขาได้ในเวลาพริบตา! อีกทั้งมันต้องปูพรมค้นหาเขาไปทั่วทิศเหนือของทวีปเป็นแน่!!
 
และความจริงก็พิสูจน์ว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียนถูกต้อง!
 
หลังจากที่ตี้จิ่วขยี้แผ่นยันต์เต๋าช่วยชีวิต จนหนีมาได้มันก็เร่งหยิบโอสถเซียนระดับสูงหลายขนานออกมากินรักษาตัว ทำให้อาการบาดเจ็บของมันค่อยๆทุเลาลงทันที
 
ตี้จิ่วตอนนี้แม้สภาพจะไม่สมบูรณ์ทั้งยังสาหัสนัก แต่มันก็ยังมีความมั่นใจว่าสามารถบดขยี้ตัวตนที่ยังไม่ทะลวงมาถึงขอบเขตเซียนได้ง่ายดาย!
 
ขณะเดียวกันความตื่นตระหนกเสียขวัญในใจของมันก็ค่อยๆซาลง มันเริ่มมีสติคิดทบทวนเรื่องราวได้อีกครั้ง
 
“ไม่!”
 
มันรู้สึกผิดท่าขึ้นมาทันทีเมื่อย้อนคิด “นกประหลาดไฟท่วมตัวนั่น มิได้ไล่ตามออกมาฆ่าข้า…หรือที่แท้มันจักออกมาจากเจดีย์ประหลาดนั่นไม่ได้!?”
 
พอคิดถึงเรื่องนี้ ยิ่งมาตี้จิ่วก็ยิ่งยืนยันข้อสันนิษฐานตัวเอง ว่าสมควรไม่ผิด!
 
“บัดซบ! ไฉนข้าถึงมิคิดเรื่องนี้ได้แต่แรก? เช่นนั้นถึงแม้ข้าจักมิอาจเข้าไปในเจดีย์ประหลาดนั่นได้อีกรอบ แต่คิดฆ่าไอเด็กบัดซบนั่นหลังถูกขับออกมาจากเจดีย์ย่อมง่ายดายนัก!”
 
พอคิดถึงต้วนหลิงเทียน ตี้จิ่วก็ขบฟันดังกรอด ใจเต็มไปด้วยความแค้น
 
หากตอนนี้มันยังไม่ตระหนักได้ว่า ที่มันเกือบตายล้วนเป็นแผนของต้วนหลิงเทียน ชีวิตที่ผ่านมาหลายปีของมันคงไร้ค่าเยี่ยงสุนัข!
 
ถึงแม้ตี้จิ่วจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ต้วนหลิงเทียนจะเป็นเจ้าของเจดีย์ประหลาดนั่น แต่มันรู้ได้ทันทีว่าที่มันต้องเกือบตายไม่วายเป็นเพราะต้วนหลิงเทียนแน่!
 
ทันทีที่มันเข้าไปในเจดีย์มันก็พบเจอกับตัวตนอันน่ากลัวนั่นทันที!
 
ในสายตาของมัน
 
ด้วยพลังฝีมือของสัตว์เซียนอันร้ายกาจนั่น อาศัยพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียน คงตกตายในชั่วพริบตา!
 
แต่ทว่าก่อนหน้านั้น เด็กน่าตายนั่นกลับอยู่รอดได้ถึง 1 เค่อ!
 
ต้องทราบด้วยว่ากระทั่งมันตี้จิ่ว ยังอยู่ได้แทบไม่พ้น 10 ลมหายใจ! ถึงรอดตายมาได้แต่ก็ร่อแร่เต็มที! กระทั่งออกมาแล้วมันยังต้องใช้ยันต์เต๋าช่วยชีวิตหลบหนีมาแบบนี้!!
 
ตอนนั้นในใจมันมีเพียงความตื่นตระหนกจึงไม่อาจคิดอะไรได้ถี่ถ้วน
 
หาไม่แล้วมันคงไม่รีบหนีมาแบบนี้
 
ตอนนี้พอทุกเรื่องราวกระจ่างแจ้งดั่งตาเห็น ตี้จิ่วก็โมโหนัก “สารเลวน้อยเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้มาหลอกข้า! หากข้าไม่ฆ่าเจ้าให้ตาย ข้าตี้จิ่วยอมเป็นมังกรเทพยาดาสีทอง 5 กรงเล็บชั้นสวะของเผ่าพันธุ์มังกร!!”
 
ตอนนี้ตี้จิ่วมั่นใจเต็ม 10 ส่วน ว่าสัตว์เซียนอันน่ากลัวนั่น เป็นต้วนหลิงเทียนชักนำมาฆ่ามันแน่นอน!
 
และเพราะต้วนหลิงเทียนคุ้นเคยกับสภาพในเจดีย์ จึงสามารถหลบหนีอันตรายไปได้ หาไม่แล้วด้วยพลังอำนาจของนกไฟประหลาดนั่น อย่างต้วนหลิงเทียนคงตายในพริบตา!
 
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ ไฟแค้นในใจตี้จิ่วยิ่งลุกโหมขึ้นมามากขึ้นเท่านั้น
 
ฟุ่บ!
 
ทันใดนั้นร่างตี้จิ่วก็ปะทุพลังสุดตัวพุ่งหายไปทันใด ร่างมันดิ่งลงไปในหุบเหวลึกใต้สมุทรก่อนหน้าทันที
 
อนิจจาแม้มันจะรีบกลับมาด้วยความเร็วสูงสุด แต่มันก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของต้วนหลิงเทียน
 
กระทั่งเจดีย์ 7 ชั้นนั่นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
 
“ดูเหมือนว่าจักเป็นแถวๆนี้”
 
มันเดินแหวกดงสาหร่ายที่ต้วนหลิงเทียนเข้าไปตอนแรก ก่อนที่จะลองกระทืบพื้นตามต้วนหลิงเทียน อนิจจาเจดีย์ประหลาดกลับไม่ผุดโผล่ออกมาให้เห็น
 
“ข้ากระทืบผิดจุดรึ?”
 
ตี้จิ่วเริ่มกระทืบพื้นสมุทรในดงสาหร่ายอย่างหงุดหงิด อนิจจาแม้มันจะย่ำจนสาหร่ายเละไปทั้งดง แต่เจดีย์ก็ไม่ปรากฏให้เห็นเลย!
 
“ต้องใช้วิธีอันใดนอกเหนือจากนี้ในการเรียกให้เจดีย์ปรากฏงั้นเหรอ?”
 
หน้าตี้จิ่วมืดคล้ำดำลง มันไม่เข้าใจจริงๆว่าต้องทำอย่างไร
 
หากการกระทำนี้ของตี้จิ่ว ต้วนหลิงเทียนสามารถแลเห็นล่ะก็ เขาคงได้หัวเราะจนปวดท้องตาย!
 
ที่เขาทำแบบนั้น ไม่ใช่อะไรอื่นเพียงหลอกให้ตี้จิ่วไขว้เขวเท่านั้น
 
ตอนที่เขาเหินผ่านบริเวณนั้นครั้งแรก เขาก็ได้แอบปล่อยเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติเอาไว้แล้ว ซึ่งตอนนั้นตัวเจดีย์ก็ถูกย่อให้เล็กเท่าเม็ดฝุ่น สุดท้ายพอพาตี้จิ่วเหินกลับมาใกล้ๆแถวนั้น เขาก็แค่คิดให้เจดีย์ขยายใหญ่เท่านั้น
 
เรียกว่าการกระทืบเท้า ก็แค่ดึงความสนใจมันเฉยๆ!
 
หลังจากลองทุกอย่างแต่ไม่อาจทำให้เจดีย์ปรากฏออกมาได้ ตี้จิ่วก็ตระหนักได้ถึงความสิ้นหวัง ใบหน้ามันเผยความสลดหดหู่จนปัญญา
 
“สารเลวน้อยนับว่าเจ้ายั่วโมโหข้าสำเร็จแล้วจริงๆ…! อย่าได้หวังว่าเจ้ากับสหายเจ้าจะมีวันพรุ่ง! ข้าจะฆ่าพวกมันเสียให้สิ้น และนี่มินับว่าขัดต่อคำสาบานเพราะเจ้าผิดคำพูดก่อน!”
 
ด้วยโทสะอันล้นปรี่ ตี้จิ่วปะทุพลังสุดตัวพุ่งขึ้นจากหุบเหวใต้ทะเลลึก ก่อนที่จะมุ่งหน้าไปยังเกาะป้านเยว่ในพริบตา!
 
อย่างไรก็ตามพอมันกลับมาถึงมันก็พบว่าทุกคนหายไปหมดแล้ว!
 
มันเหินร่างไปทั่วเกาะป้านเยว่พร้อมตรวจสอบทุกตารางนิ้ว แต่ก็ไม่พบร่องรอยของสิ่งมีชีวิตใดๆ “พวกมันมาจากทวีปมนุษย์…เช่นนั้นสมควรกลับไปทวีปมนุษย์”
 
“เพียงเวลาแค่ไม่นาน สารเลวน้อยนั่นไม่มีวันพาทุกคนหนีไปได้ไกล ตราบใดที่ข้าเหินตามไปถูกทาง ข้าย่อมไล่พวกมันทันได้ในเวลาอันสั้น!”
 
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ร่างตี้จิ่วก็ดิ่งลงใต้ด้วยความเร็วสูงสุดทันที
 
ทว่าหลังผ่านไป 2 เค่อ ตี้จิ่วก็ได้แต่รำพันอย่างคับแค้น “บัดซบเอ๊ย ดูเหมือนพวกมันจักมิได้มุ่งหน้าลงใต้…หาไม่แล้วด้วยวามเร็วของข้าป่านนี้สมควรไล่ทันไปเนิ่นนาน!”
 
ร่างตี้จิ่วตอนนี้หยุดอยู่กลางหาว ไม่ไกลจากทวีปมนุษย์มากเท่าไหร่
 
“สารเลวน้อยนั่นเจ้าเล่ห์นัก…ข้าคิดเรื่องนี้ได้ ไหนเลยมันยังคิดไม่ได้ มิพ้นมันต้องพาทั้งหมดอ้อมไปทางอื่นแน่!”
 
พอตระหนักได้ตี้จิ่วก็เร่งเหินย้อนกลับไปเกาะป้านเยว่ ขณะที่เหินขึ้นเหนือย้อนกลับ มันก็พุ่งไปซ้ายทีขวาที ปูพรมหาอย่างละเอียด!
 
การย้อนกลับเกาะป้านเยว่คราวนี้ เรียกว่ามันซิกแซกไปมา อย่างไม่คิดพลาดแม้แต่ตารางนิ้วเดียว!
 
อนิจจาหลายวันผ่านไปมันก็ไม่พบอะไรเลย
 
ในที่สุดมันก็ย้อนกลับมาถึงเกาะป้านเยว่ คราวนี้มันเลือกที่จะเหินร่างมุ่งลงทิศตะวันตกเฉียงใต้ก่อนค่อยเปลี่ยนไปหาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้หมายค้นหาให้ทั่ว อนิจจาต้วนหลิงเทียนนั้นได้พาเฟิ่งหวู่เต้ากับทั้งหมดกลับมาถึงบ้านเกิดเขาแล้ว…
 
ทุกครั้งที่กลับมายังทวีปเมฆาล่องต้วนหลิงเทียนมักจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
 
ทว่าตอนนี้อารมณ์เขาขุ่นมัวนัก ยังคล้ายมีหมอกทมิฬลอยล่องเหนือหัวก็ไม่ปาน
 
คู่หมั้นทั้ง 2 กลับหายตัวไป หนึ่งไม่รู้ไปอยู่ที่ใด อีกหนึ่งกลับถูกพรากไปต่อหน้าต่อตา ความรู้สึกของเขาตอนนี้ราวมีคนควักหัวใจออกไปจากอก แทบจะคลั่งอยู่รอมร่อ!
 
อย่างไรก็ตามในที่สุดเขาก็สามารถสงบจิตสงบใจได้
 
เขารู้ดีแก่ใจ ว่าร้อนรนไปก็เท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์ใดๆเลย
 
ต้วนหลิงเทียนย่อมมีความสามารถในการควบคุมอารมณ์ดีเลิศ เพราะอย่างน้อยเขาก็อยู่มาถึง 2 ชีวิตแล้ว
 
‘เสี่ยวเฟยเอ๋อสมควรอยู่กับพวกเจ้าตัวเล็ก…เช่นนั้นข้ามั่นใจว่าพวกนางคงปลอดภัยดี ผ่านมา 3 ปี ป่านนี้พวกตัวเล็กน่าจะทะลวงถึงหลุดพ้นมนุษย์กันแล้ว ด้วยความที่พวกมันเป็นสัตว์เซียน นอกเหนือจากความแข็งแกร่งไม่ธรรมดา พวกมันสมควรมีลางสังหรณ์อันแม่นยำ ทั้งสัญชาตญาณเหนือมนุษย์ เกาะป้านเย่วถูกทำลายแบบนี้ พวกมันต้องย้อนกลับไปหาเฉวี่ยไน่ทันทีแน่…ป่านนี้คงปลอดภัยดี’
 
หลังจากที่สงบลง ความคิดต้วนหลิงเทียนก็กลับมาแจ่มใส
 
พอคิดได้ ใจเขาก็โล่งขึ้นมาไม่น้อย
 
‘เค่อเอ๋อถูกชือเม่ยพาตัวไปแบบนั้น…แต่จากสายตาท่าทีของนาง เค่อเอ๋อคงสำคัญต่อนางมาก อย่างน้อยๆนางไม่มีวันทำร้ายเค่อเอ๋อได้แน่…นางมาจากนิกายบูชาไฟอะไรนั่นสินะ วันหน้าหากข้าคิดหาตัวเค่อเอ๋อ นี่นับเป็นเบาะแสสำคัญอย่างเดียวที่ข้ามี’
 
เมื่อคิดถึงเค่อเอ๋อแม้ใจเขาจะรู้ว่าตอนนี้นางสมควรปลอดภัย แต่ใจก็ยังอดกังวลไปไม่ได้
 
นั่นเพราะเขาเห็นกับตาว่าชือเม่ยคล้ายไม่ปลื้มเขากับลูกในท้องเค่อเอ๋อสักเท่าไร…
 
ยิ่งไปกว่านั้น จากวาจาของชือเม่ยเขาย่อมจับใจความสำคัญได้…มีคนอีกกลุ่มที่ตามหาตัวเค่อเอ๋อ อีกทั้งยังไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่!
 
“เค่อเอ๋อมีความเป็นมาอย่างไรกันแน่?”
 
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสงสัย
 
ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้พาร่างเฟิ่งหวู่เต้ากับทุกคนมาถึงเขตปกครอง 10 ราชวงศ์เรียบร้อยแล้ว ยังเป็นพื้นที่ตอนใต้ของทวีปเมฆาล่อง ราชวงศ์ต้าฮั่น! ตอนนี้เขาพาทั้งหมดมายังอาณาจักรพนาคราม อาณาจักรเล็กๆใต้อาณัติจักรวรรดิศิลาทมิฬ!
 
จุดหมายปลายทางของต้วนหลิงเทียนคือหุบเขาลึก ที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านตระกูลฉง
 
ยังเป็น ผาน้ำตกที่เซียนกระบี่ฟงชิงหยาง ทิ้งคำ ‘กระบี่’ เอาไว้!
 
คนที่มากับเขาตอนนี้คือคนที่เต็มใจสละชีวิตเพื่อเขา เขาย่อมไม่คิดปิดบังเรื่องนี้
 
แน่นอนในนี้ก็มีคนที่เคยมาหุบเขาแห่งนี้แล้ว
 
อย่างเช่นฉงเฉวียนกับเฟิ่งหวู่เต้า รวมถึงซื่อหม่าฉางฟง ทั้ง 3 ก็ได้รับประโยชน์กันไปไม่มากก็น้อย
 
ส่วนเฉินเฉ่าช่วย คู่แฝดหนานกง ทั้งโฉดคลุมทองนั้น เป็นครั้งแรก
 
และทันทีที่มาถึงเขาก็ไม่แปลกใจเลย ที่พวกมันจะจมจ่อมอยู่ในภวังค์ หลังเห็นคำว่า ‘กระบี่’ ข้างผาน้ำตก…

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด