War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1533
พี่สาวของเค่อเอ๋อ? อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนกลับเลือกที่จะเมินเฉยไม่ตอบคำของตี้จิ่ว เขาหันไปมองเค่อเอ๋อที่ตอนนี้น้ำตาคลอเบ้าด้วยรอยยิ้ม “เค่อเอ๋อ ใจเจ้าข้ารู้ดี…แต่อย่าได้ลืมไปว่าตอนนี้เจ้าไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้ว…ในท้องเจ้ายังมีลูกของเรา” ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ในแววตายังเปี่ยมไปด้วยความรักความห่วงใยขณะมองไปยังท้องที่โป่งโตของเค่อเอ๋อ ‘โชคร้ายนัก ที่ข้าต้วนหลิงเทียนอาจไม่มีโอกาสได้อยู่เห็นหน้าลูก…รวมถึงเฟยเอ๋อกับลูกของนาง’ ต้วนหลิงเทียนระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน เสียใจนัก แต่เขารู้ดีว่าคราวนี้เขาถึงวาระแล้วจริงๆ ถึงแม้จะใช้วิธีการใดๆ ก็ยากจะพลิกกลับสถานการณ์ได้ ตี้จิ่วมันแข็งแกร่งเกินไป! ถึงแม้เขาจะมีศิษย์พี่อย่างป๋ายลี่หงมาสนับสนุน แต่ก็ยากจะทำอะไรตี้จิ่วได้! ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนเค่อเอ๋อก็เงียบไปพักหนึ่ง “นายน้อย เค่อเอ๋อเข้าใจ” เมื่อได้เห็นสายตาอ่อนโยนที่มองมาของต้วนหลิงเทียนเค่อเอ๋อได้แต่รับคำ ถึงแม้นางจะเห็นด้วยกับคำของต้วนหลิงเทียน แต่นางก็ตัดสินใจแล้ว…ว่าหลังจากที่คลอดบุตร นางจะติดตามนายน้อยผู้เป็นสามีของนางคนนี้ไปทันที ในเมื่อนายน้อยอันเป็นสามีที่รักของนางจากโลกนี้ไป ใดๆในหล้าล้วนไร้ความหมายสำหรับนาง เมื่อเห็นว่าเค่อเอ๋อยังมีเหตุผล ต้วนหลิงเทียนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “ลุงเฟิ่งพวกท่านไปเถอะ ข้าฝากดูแลเค่อเอ๋อด้วย” ต้วนหลิงเทียนหันมองเฟิ่งหวู่เต้าก่อนที่จะว่ายตามองทุกคนพร้อมกล่าวฝากฝัง ทว่าเฟิ่งหวู่เต้ากับคนอื่นๆไม่ทันได้ตอบรับอะไร ปรากฏเสียงหนึ่งดังลงมาจากฟากฟ้า! “เจ้าตั้งครรภ์ลูกมันจริงหรือ!?” ทั้งยามเสียงนี้ดังลงมาจากฟ้า ยังเย็นเยียบปานคล้ายจะแช่แข็งอากาศให้หยุดเคลื่อนไหว “ใคร?!” หน้าตี้จิ่วเปลี่ยนสีไปเป็นมืดคล้ำทันที เพราะตั้งแต่ต้นจนจบมันกลับไม่อาจจับสัมผัสของการดำรงอยู่ของผู้ที่กล่าววาจาได้เลย! พลังฝีมือของผู้มาใหม่ ไม่ได้ด้อยไปกว่ามัน! ฟุ่บ! สายลมยะเยือกพัดผ่านทุกผู้คน ปรากฏร่างในชุดคลุมลมดำวูบมาปรากฏในฉับพลัน ทั้งรูปร่างของนางยังมีมนต์สะกดชวนให้หลงไหลไม่น้อย อย่างไรก็ตามแม้ในที่นี้จะมีบุรุษอยู่หลายคน แต่ก็ไม่มีผู้ใดสนใจในเรื่องนี้ ทั้งหมดกลับนิ่งอึ้งไปจากกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของสตรีลึกลับในชุดคลุมลมดำ “เป็นเจ้า!” หน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนไปทันที “ชือเม่ย นี่เจ้าลอบสะกดรอยตามข้ามางั้นเหรอ?” เห็นชือเม่ยอยู่ที่นี่ต้วนหลิงเทียนก็ประหลาดใจไม่น้อย อย่างไรก็ตามเขากลับมาครองสติได้แทบจะทันที เพราะเริ่มคาดเดาเรื่องราวบางอย่างได้ นอกจากนั้นวาจาก่อนหน้าของชือเม่ย เห็นชัดว่ากล่าวกับเค่อเอ๋อ น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความตำหนิอย่างรุนแรง เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนรู้จักกันกับสตรีผู้มาใหม่ หน้าตี้จิ่วก็ยิ่งมืดคล้ำลงไปอีกหลายส่วน ทว่าพอพบว่าระหว่างต้วนหลิงเทียนกับผู้มาใหม่กลับเผยบรรยากาศคลุ้งกลิ่นดินปืน มันก็ตระหนักได้ว่าสตรีนางนี้ไม่ได้มาช่วยต้วนหลิงเทียนแน่ พอสัมผัสได้ถึงเรื่องนี้มันก็โล่งใจ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้กลัวสตรีผู้มาใหม่ แต่มันก็ไม่เต็มใจจะสู้กับนางอย่างไร้จำเป็น นั่นเพราะนางทำให้มันสัมผัสได้ถึงอันตราย อย่างไรก็ตามเผชิญหน้ากับคำถามของต้วนหลิงเทียน ชือเม่ยเลือกที่จะไม่แยแส เพียงหันไปมองเค่อเอ๋อที่กำลังมองนางด้วยความสับสนงุนงง ขณะนั้นเองนางก็ค่อยๆถอดหน้ากากทั้งเลิกโม่งคลุมออก เมื่อใบหน้างามพิลาศเปิดเผยให้ผู้คนแลเห็น ทั้งหมดในที่นี้ยกเว้นต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับต้องตะลึงงัน นั่นเพราะใบหน้างามหมดจดนั่น กลับเหมือนเค่อเอ๋อไม่มีผิดเพี้ยน! นอกจากอารมณ์ความรู้สึกที่แผ่ออกมาแล้ว ไม่มีสิ่งใดผิดแผกแตกต่าง “ทะ…ท่านเป็นใครกัน?” เค่อเอ๋อที่แลเห็นหน้างามของสตรีผู้มาใหม่ อดไม่ได้ที่จะถามออกไปเสียงสั่นด้วยความตกใจ เพราะใบหน้าอีกฝ่ายไม่ต่างอะไรจากใบหน้าที่นางเห็นในกระจกแม้แต่น้อย ตอนแรกนางเองก็ไม่ทราบเพราะเหตุอันใด แต่ทันทีที่เห็นสตรีผู้มาใหม่ ในใจของนางกลับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ผุดขึ้นมาประการหนึ่ง ความรู้สึกนั้นยังแรงกล้าเสียจน ตัวนางเองก็ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ทว่ามาตอนนี้พอได้เห็นสตรีนางนั้นเปิดเผยโฉมหน้า และได้แลเห็นรูปลักษณ์ที่เหมือนกันกับนาง เค่อเอ๋อก็ตระหนักได้ทันที ว่านางกับอีกฝ่ายอาจมีความเกี่ยวพันกันทางสายเลือด “ข้าเป็นพี่สาวของเจ้า” เมื่อเผชิญกับเค่อเอ๋อที่ถามออกมาด้วยสีหน้าสับสน ชือเม่ย ที่เย็นชาอดไม่ได้ที่จะเผยความอ่อนโยนออกมาหลายส่วน ยามกล่าวตอบเค่อเอ๋อ เสียงแข็งเย็นของนางอ่อนลงมาก อันที่จริงนางคิดตำหนิน้องสาวที่พรัดพรากจากกันหลายปีนี้ไม่น้อยที่ปล่อยตัวปล่อยใจจนท้องโต แต่ไม่รู้ว่าทำไมพอมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายแล้ว ความรักความห่วงใยกลับท่วมท้นออกมากลบความไม่พอใจทันที กระทั่งโทสะอารมณ์ที่พุ่งขึ้นมาก่อนหน้ายังสลายหายไปไม่มีเหลือ พี่สาว!? ได้ยินคำตอบของชือเม่ย ไม่เพียงทุกคนในที่นี้จะตกตะลึง กระทั่งต้วนหลิงเทียนเองแม้จะคาดเดาไว้แล้ว แต่ก็อึ้งไปไม่ต่าง เค่อเอ๋อไปมีพี่สาวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน! ต้วนหลิงเทียนหันไปมองเค่อเอ๋อด้วยความสงสัยทันที เพราะเขาไม่เคยได้ยินนางพูดถึงเรื่องที่นางมีพี่สาวสักครั้ง ทว่าเมื่อต้วนหลิงเทียนพบเห็นความเลื่อนลอยว่างเปล่าบนใบหน้าเค่อเอ๋อ เขาเองก็รู้ได้ทันทีว่าตัวนางเองก็ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนรู้สึกได้…ว่าชือเม่ยไม่ได้กล่าวอ้างออกมาส่งเดช เพราะใบหน้าของพวกนางเหมือนกันเกินไป! เหมือนกันปานส่องกระจกแบบนี้ พบได้แต่ใน ‘ฝาแฝด’ เท่านั้น! แน่นอนว่าใต้หล้าหามีอันใดที่แน่นอน บางทีคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยในโลกอาจจะมีหน้าตาเหมือนกันก็เป็นได้ ทว่าตอนที่ชือเม่ยกล่าวบอกเค่อเอ่อว่าเป็นพี่สาว น้ำเสียงและท่าทางของนางที่อ่อนโยนนั่น รวมถึงแววตาที่สั่นไหว ไม่ใช่การเสแสร้งแสดงเด็ดขาด จังหวะนี้กระทั่งเฟิ่งหวู่เต้ายังอดไม่ได้ที่จะหันไปมองคู่แฝดหนานกง หลังจากนั้นมันก็หันกลับมามองเค่อเอ๋อทีชือเม่ยที ก่อนที่จะสรุปได้ว่าพวกนางเป็นฝาแฝดกันแน่นอน! “นี่เป็นไปมิได้…ข้ามิมีพี่สาว ข้ามีแต่ท่านแม่…แต่ท่านแม่ก็ตกตายไปแล้ว…ท่านแม่ตายไปเนิ่นนานแล้ว” เค่อเอ๋อส่ายหัว นางปฏิเสธจะเชื่อคำของชือเม่ย ถึงแม้ว่านางจะสัมผัสได้ว่าชือเม่ยคล้ายห่วงใยและเอ็นดูนางมาก แต่นางยากที่จะยอมรับความจริง เรื่องที่นางยังมีพี่สาวอยู่บนโลกแบบนี้ได้ “ถึงแม้ข้าจักมิรู้ว่า ท่านแม่ ที่เจ้ากล่าวอ้างถึงเป็นผู้ใด แต่ข้าอยากบอกเจ้าให้รู้ไว้ ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดพวกเรา ยังมีลมหายใจและมีชีวิตอยู่…อีกทั้งตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนเลยที่ท่านจะไม่คิดถึงเจ้า” ชือเม่ยกล่าวกับเค่อเอ๋อ มารดาผู้ให้กำเนิด!? ยังมีชีวิตอยู่! ตอนนี้เค่อเอ๋อตะลึงลานแล้วจริงๆ นางพยายามอย่างหนักที่จะไม่เชื่อคำของชือเม่ยง่ายๆ หากแต่ใจของนางก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อถือในวาจาของอีกฝ่าย เพราะไม่เพียงแต่ชือเม่ยจะมีรูปโฉมเหมือนนางทุกประการ ทว่านางสัมผัสได้ถึงความเชื่อมโยงและความผูกพันทางสายเลือดที่มันข้นกว่าน้ำได้จากชือเม่ย อีกทั้งชือเม่ยทำให้นางสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นแลไว้วางใจอย่างประหลาด “ยามนั้นเจ้าถูกคนลักพาตัวไป สุดท้ายก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย…แม้ท่านแม่จะพยายามส่งคนออกไปตามหาตัวเจ้า แต่ด้วยฐานะที่พิเศษนัก จึงมิอาจเคลื่อนไหวเอิกเกริกได้…แต่นางก็พยายามทุกคืนวันเพื่อตามหาตัวเจ้าให้พบ” ชือเม่ยกล่าวออกเสียงอ่อน “หลายปีที่ผ่านมาท่านแม่มิเคยสิ้นหวังเรื่องตามหาเจ้าสักครั้ง ข้าเองก็อาศัยความเชื่อมโยงทางสายเลือดของฝาแฝด ที่ทำให้ข้าสัมผัสถึงเจ้าได้รางๆ คอยตระเวนหาเจ้าไปทุกที่…ในที่สุดฟ้าก็ไม่ละทิ้งคนเพียร ข้าสามารถพบตัวเจ้าก่อนที่พวกมันจะเจอตัวเจ้า!” ยามที่ชือเม่ยกล่าวถึงคำ ‘พวกมัน’ ท้ายประโยค น้ำเสียงของนางแฝงความกังวลไม่น้อย “นับว่าโชคดีนักที่ข้าเจอตัวเจ้าก่อน หาไม่แล้ว…” กล่าวถึงตรงนี้ชือเม่ยก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนทันที ในแววตายังเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน สีหน้ายังกลายเป็นดุร้ายปานจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คนให้ได้ บุรุษตัวดีผู้นี้กลับทำให้น้องสาวของนางตั้งครรภ์จริงๆ! บุรุษน่าตายผู้นี้ไม่ได้รู้เลย ว่าเรื่องนี้จะเป็นภัยต่อเค่อเอ๋อมากมายขนาดไหน! เมื่อแน่ชัดแล้วว่าชือเม่ยสมควรเป็นพี่สาวของเค่อเอ๋อจริงๆ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นยินดีกับเค่อเอ๋อ ในขณะเดียวกันเขาก็สงสัยชาติกำเนิดที่แท้จริงของเค่อเอ๋อไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พอสัมผัสได้ถึงสายตาอาฆาตปานจะฆ่าให้ตายจากชือเม่ย ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะเสียวสันหลัง บ้าจริง! ยังไงเขาก็เป็นน้องเขยนางแล้วนะ ไฉนนางทำเหมือนจะฆ่าเขาให้ตายเล่า!? เรื่องนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนสับสนและไม่เข้าใจนัก “น้องหญิงเจ้ามากับพี่เถอะ…พี่จะปกป้องเจ้าด้วยพลังทั้งหมด มิมีวันปล่อยให้เจ้าต้องเจอเรื่องร้ายๆอันใดอีกแล้ว” ต่างกับสายตาอาฆาตมุ่งร้ายยามมองต้วนหลิงเทียนลิบลับ พอชือเม่ยหันไปมองกล่าวกับเค่อเอ๋อ นางกลายเป็นอ่อนโยนคนละเรื่อง “พี่…พี่หญิง” ไม่ทราบว่าทำไม แต่วาจาและแววตาของชือเม่ยทำให้เค่อเอ๋อรู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด กระทั่งตอนนี้ตัวนางเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าไฉนยามเรียกหาอีกฝ่ายเป็นพี่หญิง กลับกล่าวออกมาได้เป็นธรรมชาตินัก คล้ายไม่ตะขิดตะขวงแคลงใจอันใดเลย เมื่อได้ยินคำเรียกหาว่า ‘พี่หญิง’ จากเค่อเอ๋อ ความเย็นชาสุดท้ายของชื่อเม่ยก็สลายหายไป “พี่หญิงข้าไปกับท่านก็ได้ แต่ท่านต้องพานายน้อยกับคนอื่นๆไปกับพวกเราด้วย” สูดลมหายใจเข้าลึกๆรอบหนึ่ง เค่อเอ๋อรวบรวมความกล้ากล่าวร้องขอต่อชือเม่ยออกมา “น้องหญิง เพราะลูกในท้องเจ้ากับมัน ข้าจึงมิอาจหักใจฆ่ามันได้ลงคอ…แต่หากให้ข้าคิดช่วยเหลือตัวน่าตายนี่ ข้ามิอาจทำได้จริงๆ!” เสียงชือเม่ยนั้นเต็มไปด้วยความเด็ดขาด ไม่เปิดช่องว่างให้เจรจาต่อรองแม้แต่น้อย พอได้ยินคำนี้ของชือเม่ย สีหน้าเค่อเอ๋อเปลี่ยนไปทันที “พี่หญิงหากท่านไม่พานายน้อยกับคนอื่นไปด้วย ข้าไม่ไปกับท่านแล้ว!” “เฮ่อ..” หลังได้ยินคำของเค่อเอ๋อ ชือเม่ยพลันถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ทันใดนั้นไม่ทราบนางลงมือเคลื่อนไหวอย่างไร เค่อเอ๋อพลันสิ้นสติไปในพริบตา และก่อนที่ร่างนางจะล้มลง ร่างชือเม่ยก็มารับตัวนางไว้ได้ทันท่วงที “เค่อเอ๋อ!” เมื่อเห็นภาพนี้สีหน้าต้วนหลิงเทียนพลันมืดลง อย่างไรก็ตามพอสัมผัสของเขาบ่งบอกให้รู้ว่า เค่อเอ๋อเพียงสิ้นสติไปเท่านั้น เขาก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก “พี่หญิง ให้ข้าอุ้มนางเองเถอะ” ทันใดนั้นเองวิหกสีม่วงบนไหล่ชือเม่ยพลันกล่าวออก ก่อนที่มันจะโดดลงมาจากไหล่ พร้อมกันนั้นทั่วร่างก็บังเกิดแสงสว่างจ้า สุดท้ายก็กลับกลายเป็นดรุณีน้อยในชุดสีม่วงนางหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆรับร่างเค่อเอ๋อมาอุ้มถือไว้อย่างระมัดระวัง “เป็นนาง!” เมื่อเห็นดรุณีน้อยชุดม่วง ลูกตาต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะหดเล็กลง สตรีนางนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเขา นางเป็นคนเดียวกันกับสัตว์เซียนที่ปรากฏขึ้นหลังจากการแข่งขันล่าสัตว์ของสำนักจันทร์จรัสแสงจบลง นางยังทุบตีทำร้ายรองเจ้าสำนักอย่างจงหั่วได้อย่างง่ายดาย กระทั่งยังติดตามกลับสำนักจันทร์จรัสแสงไปกับเขา ‘นางเกี่ยวข้องกับชือเม่ยจริงๆ’ ตอนนี้ปริศนาที่ก่อนหน้าต้วนหลิงเทียนไม่เข้าใจ พลันกระจ่างแจ้งหมดแล้ว การปรากฏตัวของดรุณีน้อยชุดม่วงนั่น ไม่ใช่เรื่องบังเอิญจริงๆ “สื่อเอ๋อ พวกเราไปกันเถอะ” เหลือบมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งด้วยความดุร้ายคาดโทษ ชือเม่ยก็ละสายตาจากเขา ก่อนที่จะหันไปกล่าวกับดรุณีน้อยชุดม่วงเสียงเรียบ ฟุ่บ! แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมไม่ยอมปล่อยให้ชือเม่ยพาตัวเค่อเอ๋อไปง่ายดายแบบนี้ ถึงแม้ว่าก่อนหน้าชือเม่ยจะไม่ได้กล่าวเรื่องราวอะไรออกมามากมาย แต่ต้วนหลิงเทียนที่ได้ฟังก็ตระหนักได้ว่าเค่อเอ๋อกำลังตกอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงไม่น้อย เช่นนั้นเขาจึงรีบเหินร่างไปขวางทางชือเม่ยเอาไว้ทันที
คอมเม้นต์