War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1513

อ่านนิยายจีนเรื่อง War Sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1513 3Novel | อ่านนิยายออนไลน์ นิยายแปลไทย อ่านนิยายฟรี.

รองเจ้าสำนัก จงหั่ว
 
“ศิษย์ฝ่ายในที่อายุน้อยกว่า 40?”
 
ได้ยินคำนี้ของป๋ายลี่หง ใบหน้าต้วนหลิงเทียนก็เผยรอยยิ้มอันไร้ซึ่งความกดดันใดๆออกมา
 
ด้วยความแข็งแกร่งของเขาตอนนี้ ศิษย์ฝ่ายในของสำนักจันทร์จรัสแสงที่ยังอายุไม่ถึง 40 ไม่นับว่าเป็นอะไรเลย ให้เป็นอันดับ 1 ในช่วงอายุนี้ก็ไม่ใช่คู่มือเขา
 
ด้วยพลังฝีมือของเขาในตอนนี้ ถึงแม้ว่ายังไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าสามารถเอาชนะยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียนขั้นยิ่งใหญ่ได้แน่นอน แต่ตราบใดที่ยังเป็นตัวตนในขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ ย่อมไม่ถือว่าเป็นภัยคุกคามสำหรับเขาอีกต่อไป…
 
ดังนั้นการแข่งขันล่าสัตว์ของสำนักจันทร์จรัสแสงในสายตาต้วนหลิงเทียนแล้ว ไม่ได้ต่างอะไรจากการไปเดินเล่นชมวิว!
 
“ใช่”
 
ป๋ายลี่หงพยักหน้ารับพร้อมหัวเราะร่า “ด้วยพลังฝีมือของศิษย์น้อง การแข่งขันล่าสัตว์ก็เสมือนพิธีการเท่านั้น…เจ้าคิดชิงอันดับ 1 นับเป็นเรื่องราวอันง่ายดายนัก!”
 
ในวาจาของป๋ายลี่หงนั้น มันเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียน
 
แค่ทะลวงมาถึงขอบเขตสู่เซียนขั้นเชี่ยวชาญแบบนี้ ในบรรดาศิษย์ที่อายุน้อยกว่า 40 ปีของสำนักจันทร์จรัสแสงยังไม่มีแม้แต่คนเดียว
 
กระทั่งศิษย์ฝ่ายในที่อายุต่ำกว่า 40 ปีแต่สามารถทะลวงมาถึงขอบเขตสู่เซียนขั้นกลางได้ ก็นับว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะของสำนักแล้ว
 
ความสำเร็จของต้วนหลิงเทียนเป็นอะไรที่ห่างไกลจากพวกมันนัก
 
“ข้าได้จัดการเรื่องลงทะเบียนแข่งขันอันใดให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว…อีก 10 วันหลังจากนี้เจ้าสามารถมุ่งหน้าไปยังสถานที่แข่งขันล่าสัตว์ได้เลย…วันนั้นข้าเองก็จะไปกับเจ้าด้วย”
 
ป๋ายลี่หงกล่าว
 
“ศิษย์พี่ป๋าย ท่านจะไปด้วยหรือ?”
 
ต้วนหลิงเทียนแปลกใจเล็กน้อย
 
“ใช่ ข้าได้ขอตำแหน่งผู้ตรวจสอบการแข่งขันจากเจ้าสำนักเอาไว้แล้ว เพื่อป้องกันมิให้มีผู้ใดอาศัยเส้นสายและคดโกงอันใดในการแข่งขันล่าสัตว์ครั้งนี้”
 
ป๋ายลี่หงหัวเราะ
 
“อ้าว แล้วนี่เจ้าสำนักไม่กลัวว่าท่านลอบช่วยเหลือให้ข้าโกงการแข่งขันหรือไง?”
 
ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวล้อเล่นออกมาพร้อมหัวเราะ
 
“ด้วยพลังฝึกปรือของศิษย์น้องยังต้องให้ข้าช่วยโกงอันใดอีก…แต่อันที่จริงถึงข้าช่วยเจ้าโกงการแข่งจริง เจ้าสำนักก็ไม่ว่าอะไรข้าหรอก…”
 
วาจาของป๋ายลี่หงนี้ เผยถึงความมั่นใจในตัวเองไม่น้อย
 
เรื่องแบบนี้เกรงว่าในบรรดาอาวุโสทั้งหลายของสำนักจันทร์จรัสแสง มีเพียงมันคนเดียวที่กล้าพูด!
 
ไม่ต้องกล่าวถึงชนชั้นอาวุโสอะไรด้วยซ้ำ ให้เป็นรองเจ้าสำนักยังไม่กล้าพูดออกมาแบบนี้!
 
เรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
 
ศิษย์พี่ของเขาไม่เพียงแต่เป็นอาวุโสฝ่ายในของสำนัก แต่ยังเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 3 ดาวเพียงหนึ่งเดียวของสำนักจันทร์จรัสแสง ฐานะนับว่าสูงส่งเหนือกว่าชนชั้นรองเจ้าสำนักเสียอีก
 
กระทั่งยอดฝีมือขอบเขตเซียนอันเป็นเสาหลักของสำนักยังต้องเกรงใจป๋ายลี่หง
 
10 วันในโลกภายนอกนั้น สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้วมันก็คือ 50 วันบนชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ
 
ระยะเวลา 50 วันมากพอให้เขาทำอะไรได้หลายๆอย่าง
 
“ตอนนี้ อาภรณ์ทองได้บรรลุถึงขั้นสูงสุดแล้ว…ส่วนวรยุทธ์หลักของมหาเกาทัณฑ์ดาวตกข้าก็สำเร็จขั้นที่ 4 อีกแค่นิดเดียวก็บรรลุขั้นที่ 5 ไร้ตำหนิ…”
 
ต้วนหลิงเทียนบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ “นอกจากนั้น ประทับไท่ซาน ของวรยุทธ์เผิงทองถาโถมเองก็ขาดอีกแค่เล็กน้อย…”
 
“ในช่วง 50 วันนี้ข้าเน้นฝึกดาวตกพิฆาตกับคนเกาทัณฑ์ร่วมประสานของมหาเกาทัณฑ์ดาวตกดีกว่า…หากฝึกพวกมันจนบรรลุขั้นสูงสุดอย่างไร้ตำหนิ ค่อยเปลี่ยนไปฝึกพิรุณดาวตกต่อ”
 
พิรุณดาวตกนั้นก็เป็น 1 ในเคล็ดจู่โจมของวรยุทธ์เซียนมหาเกาทัณฑ์ดาวตก นอกจากนี้ยังเป็นรากฐานของระฆังศรคลุมกายอันเป็นเคล็ดป้องกันหนึ่งเดียวของมหาเกาทัณฑ์ดาวตกอีกด้วย
 
มีเพียงฝึกพิรุณดาวตกจนบรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิก่อนเท่านั้น ถึงจะเริ่มฝึกระฆังศรคลุมกายได้
 
เคล็ดป้องกันระฆังศรคลุมกายนี้ แม้จะนำไปเทียบกับวรยุทธ์เซียนระดับมนุษย์โดดเด่นสายป้องกันอย่างอาภรณ์ทอง เกรงว่ายังจะเหนือกว่ากันมากนัก
 
อาภรณ์ทองก็ยังถือเป็นวรยุทธ์ที่ทัดเทียมกับพิรุณดาวตกอันเป็นระดับมนุษย์โดดเด่น ทว่าระฆังศรคลุมกายนั้น อานุภาพของมันน่ากลัวว่าจะทัดเทียมกับวรยุทธ์เซียนสายป้องกันระดับปฐพี!
 
และวรยุทธ์เซียนระดับปฐพีนั้น มีแต่ต้องบรรลุขอบเขตเซียนขึ้นไปเท่านั้นถึงจะฝึกฝนได้!
 
ด้วยเหตุนี้ใจต้วนหลิงเทียนจึงเต็มไปด้วยความคาดหวังสำหรับ ระฆังศรคลุมกาย นี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาไม่เคยละเลยการฝึกพิรุณดาวตก!
 
วันนี้พิรุณดาวตกของเขาก็ฝึกฝนจนมาถึงขั้นตอนเจนจัด อันเป็นขั้นตอนที่ 4!
 
“ตั้งแต่ที่ผู้เฒ่าหั่วยกระดับพลังฝึกปรือของข้าให้บรรลุถึงสู่เซียนขั้นกลาง ข้ารู้สึกว่าการฝึกฝนวรยุทธ์เซียนมันง่ายดายขึ้นอย่างไรไม่ทราบ…ยังรู้สึกเหมือนข้าจะเข้าใจอะไรๆหลายๆอย่างที่ก่อนหน้ายากจะเข้าใจได้อีกด้วย”
 
ต้วนหลิงเทียนค้นพบเรื่องนี้มาสักพักใหญ่ๆแล้ว
 
ด้วยเหตุนี้เขาเลยลองไปถามผู้เฒ่าหั่วมาแล้ว อีกฝ่ายก็ตอบมาเพียง 4 คำเท่านั้น
 
กายสุริยัน!
 
สำหรับกายสุริยันนั้น ต้วนหลิงเทียนเพียงรู้เรื่องราวครึ่งๆกลางๆเท่านั้น เพราะผู้เฒ่าหั่วเพียงบอกว่าตอนนี้เขามีกายสุริยันแล้วก็เท่านั้น
 
ส่วนเรื่องที่ว่ากายสุริยันมันดีอย่างไรนั้นผู้เฒ่าหั่วไม่ได้บอกเขาเลย อีกฝ่ายบอกว่าให้เขาค้นพบมันด้วยตัวเอง
 
จนถึงตอนนี้เขาก็ค้นพบความพิเศษของมันได้ประการเดียวเท่านั้น คือสามารถฝึกฝนวรยุทธ์เวียนได้รวดเร็วมากขึ้น
 
อย่างไรก็ตามแม้จะค้นพบเรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว แต่สำหรับต้วนหลิงเทียนมันก็เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก!
 
“จากที่ผู้เฒ่าหั่วบอก กายสุริยันยังมีความลับที่รอให้ข้าค้นพบซุกซ่อนอยู่อีกมาก…ข้าอยากรู้จริงๆว่าจะมีอะไรน่าประหลาดใจรอข้าอยู่บ้างกันแน่”
 
คิดถึงเรื่องนี้ ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
 
ระยะเวลา 50 วันนั้น มันไม่ได้สั้นหรือยาวอะไร
 
ด้วยการทุ่มเทฝึกฝนอย่างหนักของต้วนหลิงเทียน 50 วันก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก
 
และตอนนี้ดาวตกพิฆาตกับคนเกาทัณฑ์ร่วมประสานของเขา ก็ฝึกฝนจนบรรลุถึงขั้นตอนไร้ตำหนิ!
 
นอกจากนี้พิรุณดาวตกของเขาที่บรรลุขั้นตอนเจนจัดมาก่อนหน้า ขาดอีกแค่ครึ่งก้าวก็จะบรรลุถึงขั้นตอนไร้ตำหนิ!
 
หากบรรลุได้เมื่อไหร่ เขาก็สามารถเริ่มฝึกฝนใช้ออกด้วยระฆังศรคลุมกายทันที
 
น่าเสียดาย ที่พิรุณดาวตกยังไม่ทันทะลวงผ่านขั้นที่ 4 ไปยังขั้นที่ 5 เวลา 50 วันก็หมดลงเสียก่อน
 
ต้วนหลิงเทียนเลือกที่จะออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติทันที
 
ตอนเขาออกมาข้างนอกก็ยังเป็นเวลากลางคืน การแข่งขันล่าสัตว์ของสำนักจันทร์จรัสแสงจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้
 
คืนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่คิดกลับไปในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแต่อย่างไร เพียงนอนเองหลังอยู่บนเตียงในห้องหับ สงบจิตสงบใจ
 
ไม่นานความคิดของเขาก็ล่องลอยไปไกล
 
‘หลังจากที่ด่านพลังฝึกปรือของข้าทะลวงถึงขอบเขตสมบูรณ์แบบ ข้าจะกลับไปยังเกาะป้านเยว่ทันที’
 
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่างในใจ
 
เขาเชื่อว่าด้วยมีชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ การจะทะลวงผ่านไปยังสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบนั้น สมควรใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน!
 
แน่นอน 3 เดือนที่ว่า หมายถึงเวลาในโลกภายนอก!
 
สำหรับชั้น 3 ของเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ 3 เดือนในโลกภายนอกก็เทียบได้กับ 1 ปีกับอีก 3 เดือน!
 
“ลูกน้อยของข้าคงใกล้คลอดเต็มที…”
 
พอคิดถึงเรื่องนี้ในใจต้วนหลิงเทียนก็บังเกิดความตื่นเต้นมากมาย ยังมากกว่าตอนที่พลังฝึกปรือเขายกระดับอย่างก้าวกระโดดเสียอีก!
 
เมื่อลูกน้อยทั้ง 2 คลอดออกมา นั่นหมายความว่าเขาได้เป็นพ่อคน!
 
เรื่องนี้เป็นอะไรที่ตัวเขาในชีวิตที่แล้วไม่กล้าคิดมาก่อน กระทั่งหลับยังไม่เคยฝันถึง!
 
ชีวิตที่แล้วของเขา หลังออกราชการปลดเกษียนตัวเองจากหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่า เขาก็ผันตัวไปเป็นทหารรับจ้าง ชีวิตแต่ละวันประหนึ่งเดินบนคมดาบ เส้นทางที่ก้าวผ่านมีแต่ความตายกับการนองเลือด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าวินาทีต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น
 
ด้วยเหตุนี้ชีวิตที่แล้วเขาจึงไม่เคยคิดถึงเรื่องแต่งงานมีลูกเลย
 
ทว่าชีวิตนี้เขากำลังจะมีลูกน้อยแล้ว!
 
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นลูกน้อยสองคน!
 
สุดท้ายพอคิดถึงเรื่องนี้ ใจต้วนหลิงเทียนก็แทบจะพาร่างเหินลอยไปยังเกาะป้านเยว่
 
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังต้วนหลิงเทียนอาบน้ำเปลี่ยนชุดสีม่วงตัวใหม่ที่ให้ข้ารับใช้ในบ้านซักไว้เรียบร้อย เขาก็ออกไปหาป๋ายลี่หง และเดินทางไปยังสถานที่จัดการแข่งขันล่าสัตว์
 
ครั้งนี้ผู้ที่ควบคุมการจัดการแข่งขันล่าสัตว์ก็คือรองเจ้าสำนักคนหนึ่งของสำนักจันทร์จรัสแสง นอกจากรองเจ้าสำนักคนนี้แล้ว ก็มีอาวุโสฝ่ายในอีก 3 คนที่ทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบการแข่งขัน และ 1 ในนั้นก็คือป๋ายลี่หง
 
เดิมทีป๋ายลี่หงจะขอเป็นผู้ดำเนินการจัดการแข่งขันเองก็ได้
 
ทว่ามันคร้านจะทำเรื่องยุ่งยากวุ่นวายอะไร จึงขอเป็นแค่ผู้ตรวจสอบก็พอ
 
“อาวุโสป๋ายลี่”
 
ทันทีที่มารวมตัวกับกลุ่มคนที่มารออยู่ก่อน ต้วนหลิงเทียนก็เห็นชายชราร่างกายกำยำแลดูกระฉับกระเฉงคนหนึ่งก้าวมาหาป๋ายลี่หงพร้อมทักทายด้วยรอยยิ้ม
 
ชายชรานี้ร่างกายบึกบึนกำยำไม่เหมือนผู้ชราแม้แต่น้อย มองไปประหนึ่งยักษ์ปักหลั่นก็ไม่ปาน ขณะเดินมายังคล้ายเนินเขาเคลื่อนตัวอย่างไรอย่างนั้น
 
“รองเจ้าสำนักจง”
 
ป๋ายลี่หงพยักหน้ารับทั้งทักทายชายชราร่างใหญ่ผู้นี้กลับ ในวาจายังเปิดเผยฐานะของอีกฝ่ายออกมา
 
เป็นผู้ดำเนินการจัดการแข่งขันล่าสัตว์ในปีนี้ของสำนักจันทร์จรัสแสง รองเจ้าสำนัก จงหั่ว!
 
“เช่นนั้นผู้นี้สมควรเป็นศิษย์น้องของอาวุโสป๋ายลี่ ศิษย์น้องต้วนหลิงเทียนที่ร่ำลือสินะ?”
 
ไม่นานจงหั่วก็หันมามองถามต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม
 
“รองเจ้าสำนักจง”
 
ต้วนหลิงเทียนรับคำทักทายทันที ทว่าในใจกลับรู้สึกอึดอัดพิกล
 
อีกฝ่ายเข้ามาทักทายพร้อมรอยยิ้มคล้ายไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่ในใจต้วนหลิงเทียนกลับบังเกิดความรู้สึกถึงอันตรายประการหนึ่ง..
 
ทั้งเขายังรู้สึกเสมือนว่าอีกฝ่ายเห็นเขาเป็นศัตรูอย่างไรอย่างนั้น!
 
แน่นอนว่าความเป็นปรปักษ์นี้ ต้วนหลิงเทียนเพียงสัมผัสถึงมันได้อย่างเบาบางเท่านั้น
 
เขาพบหน้ารองเจ้าสำนักจงหั่วผู้นี้เป็นครั้งแรก ไม่สมควรมีเรื่องราวบาดหมางอะไรกันมาก่อน
 
“ศิษย์น้องต้วน รองเจ้าสำนักจงหั่วผู้นี้ เป็นอาจารย์ของ ‘เฮ่อจง’ ที่เจ้าทุบตีกระทืบมันจนยับ ซ้ำยังรีดไถคะแนนอุทิศมันเป็นล้านคนนั้น…”
 
ตอนนี้เองเสียงผ่านปราณแท้ของป๋ายลี่หงพลันส่งตรงมาถึงหูต้วนหลิงเทียน เฉลยข้อสงสัยในใจต้วนหลิงเทียนทันที…เขาไม่ได้รู้สึกไปเองจริงๆ!
 
‘ที่แท้ก็อาจารย์ของเฮ่อจงนี่เอง’
 
ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ทันที
 
ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นอาจารย์ของเฮ่อจง นับเป็นเรื่องปกตินักที่มันจะเห็นเขาเป็นศัตรู
 
เฮ่อจงมันเป็นหลานชายของหลิวฮ่วน และวันนั้นต้วนหลิงเทียนก็ทุบตีมันจนยับ สุดท้ายยังบังคับให้มันกล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ว่าจะไม่คิดร้ายและยุ่งวุ่นวายอะไรกับเขาอีก
 
เมื่อสายตาของต้วนหลิงเทียนมองผ่านไปยังด้านหลังของจงหั่ว เขาก็แลเห็นร่างเฮ่อจงยืนปะปนอยู่ในกลุ่มศิษย์ฝ่ายในที่มาถึงก่อนแล้วเช่นกัน
 
‘หืม? เฮ่อจงมันเป็นศิษย์ฝ่ายในแล้วงั้นเหรอ?’
 
ต้วนหลิงเทียนอึ้งเล็กน้อย
 
เขาไม่ได้แปลกใจอะไรกับเรื่องที่เฮ่อจงกลายเป็นศิษย์ฝ่ายใน
 
ในฐานะที่มันเป็นศิษย์ของรองเจ้าสำนัก เพียงอาจารย์มันกล่าวคำเดียว สถานะศิษย์ฝ่ายในย่อมได้รับมาโดยง่าย
 
สิ่งที่ทำให้เขาอึ้งอยู่บ้างก็คือ ยามที่เขาใช้เนตรเทวะตรวจสอบพลังฝึกปรือของมัน มิคาดมันกลับทะลวงมาถึงขอบเขตสู่เซียนขั้นต้นแล้ว…!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด