War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 1480
อาคมเซียนระดับ 3 ดาวที่เหลือ “ผ่านมาได้ 10 วันแล้ว…ป่านนี้ศิษย์พี่น่าจะจารึกอาคมเซียนระดับ 3 ดาวอีก 2 อาคมลงเกาทัณฑ์ดับตะวันของข้าเสร็จแล้วล่ะมั้ง?” หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนออกจากเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติ เขาก็เดินออกจากบ้านเดี่ยว มาปรากฏตัวให้ผู้คนฝ่ายนอกเห็นอีกครั้ง หลังจากผ่านไป 10 วัน ต้วนหลิงเทียนก็กลับไปยังฝ่ายในอีกครา “ดูนั่น…ผู้นั้นล่ะ ต้วนหลิงเทียน!” ต่างจากก่อนหน้าคนละเรื่อง ตอนนี้ศิษย์ฝ่ายในหลายคนจดจำต้วนหลิงเทียนได้ทันทีที่เขาเดินเข้ามายังเขตฝ่ายใน ไม่ว่าจะเดินผ่านไปทางไหน ล้วนได้รับความสนใจทั้งสิ้น ‘ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมออกจากการฝึกฝนครั้งนี้ ศิษย์ฝ่ายนอกถึงมองข้ามาตลอดทาง มาเจออาการศิษย์ฝ่ายในแบบนี้ ท่าทางเรื่องที่ข้าเป็นศิษย์น้องของศิษย์พี่ป๋ายจะลือกันไปทั่วแล้วสินะ’ 10 วันที่แล้วตอนเขาเดินกลับออกมาจากคฤหาสน์ของป๋ายลี่หง เรื่องนี้ยังไม่แดงแต่อย่างไร ทว่าหลังจากอยู่บนชั้น 2 เจดีย์หลิงหลงเดือนนึง ออกมาอีกครั้งโลกภายนอกที่ผ่านไปแค่ 10 วันก็มีความเปลี่ยนแปลงไม่น้อย พอนึกถึงสายตาที่ศิษย์ฝ่ายนอกมองมาอย่างยำเกรง ทั้งมาได้เห็นสายตาสลับซับซ้อนของศิษย์ฝ่ายใน เขาก็คาดเดาเรื่องราวบางสิ่งได้ทันที ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็เดินมาถึงคฤหาสน์ป๋ายลี่หง “นายน้อยหลิงเทียน เชิญทางนี้ขอรับ” ข้ารับใช้ในคฤหาสน์ของป๋ายลี่หงต้อนรับต้วนหลิงเทียนด้วยความสุภาพ ปฏิบัติต่อต้วนหลิงเทียนดั่งนายคนที่ 2 “ศิษย์น้องเจ้ามาแล้ว” เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนเดินเดินมาแต่ไกล ป๋ายลี่หงก็เร่งร้องทักด้วยความตื่นเต้นทันที “ศิษย์พี่ท่านสบาย” ต้วนหลิงเทียนยิ้มตอบ “เอาล่ะ เจ้าชมดูก่อน หวังว่าจะไม่ผิดหวัง!” ป๋ายลี่หงไม่รอช้าอะไร เร่งหยิบเกาทัณฑ์ดับตะวันออกมาให้ต้วนหลิงเทียนทันที ต้วนหลิงเทียนก็เอื้อมมือไปรับเกาทัณฑ์ดับตะวันมาอย่างไม่รอช้า มองปราดเดียวก็แลเห็นลวดลายและอักขระจารึกอาคมเซียนอีก 2 รูปแบบบนสายเกาทัณฑ์ทันที “ศิษย์พี่ อาคมเซียนทั้ง 2 ที่ท่านจารึกให้ข้าเพิ่มมีผลอย่างไรบ้าง?” “อาคมเซียนที่ข้าจารึกเพิ่มให้เจ้านั้น เรียกว่าอาคมเซียน ‘เพลิงระเบิด’ กับอาคมเซียน ‘กัดกร่อน’ ล้วนเป็นอาคมเซียนที่ร้ายกาจทั้งคู่!” ป๋ายลี่หงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “นี่เป็นอาคมเซียน 2 ชนิดที่ข้าตั้งใจเลือกให้เจ้าอย่างดีที่สุด และคิดว่ามันจักทำงานร่วมกับอาคมเซียนเจาะทะลวงได้มีประสิทธิภาพ!” “ศิษย์พี่แล้วพวกมันทำอะไรได้บ้างรึ?” สองตาต้วนหลิงเทียนลุกวาว เผยความอยากรู้อยากเห็นออกมาไม่น้อย “สิบปากว่ามิเท่าตาเห็น สิบตาเห็นมิสู้ลองเอง…แต่ลานฝึกซ้อมนี้คงมิอาจลองอำนาจพวกมันได้ พวกเราไปทดลองกับสัตว์ร้ายข้างนอกเถอะ” ป๋ายลี่หงยิ้มกว้างกล่าวตอบ “เอาสิ” ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า แน่นอนว่าการทดลองอาคมเซียนที่ว่าโดยตรง ย่อมทำให้ทราบอานุภาพของมันกระจ่างชัดที่สุด! หลังจากนั้นไม่รอช้าอะไร ต้วนหลิงเทียนกับป๋ายลี่หงก็พากันออกจากฝ่ายใน จนไปถึงด้านนอกสำนักจันทร์จรัสแสงทันที นี่นับเป็นครั้งแรกที่ต้วนหลิงเทียนออกจากสำนักจันทร์จรัสแสง หลังจากได้เข้าร่วมสำนักมาย่างเข้าเดือนที่ 4 ‘สารเลวเอ๊ย! นับว่าวันนี้เจ้ายังมีโชคนักที่ป๋ายลี่หงตามมาด้วย!’ หลังจากต้วนหลิงเทียนกับป๋ายลี่หงออกมานอกสำนักได้ไม่ทันไร ในเงามืดมุมหนึ่งของประตูสำนักจันทร์จรัสแสงก็ปรากฏร่างหนึ่งที่แอบซ่อนอย่างมิดชิด ท่าทีลับๆล่อๆของมันมองไกลๆยังคล้ายภูตผีอยู่บ้าง หากทว่าพอมองให้ดีจะพบว่าเป็นร่างคนๆหนึ่ง หากมีศิษย์ฝ่ายนอกมายืนตรงนี้ คงบอกได้ทันทีว่าร่างดังกล่าวคือ หวงเฉิง! หวงเฉิงนั้นด้วยฐานะผู้อาวุโสฝ่ายนอก ไม่ว่าด้านใดล้วนมิอาจเทียบกับป๋ายลี่หงได้เลย อย่างไรก็ตามมันได้รับวิทยายุทธ์เร้นกายลึกลับมาครั้งยังเยาว์ ถึงแม้ตอนนี้พลังฝึกปรือของมันจะอยู่ในขอบเขตสู่เซียนขั้นสมบูรณ์แบบ หากแต่ยากที่ใครจะค้นพบการเร้นกายของมันได้ ถ้ายังไม่บรรลุขอบเขตเซียน! เช่นนั้นแล้วป๋ายลี่หงจึงไม่อาจค้นพบมัน ก่อนหน้านี้เป็นหวงเฉิงอาสามาทำหน้าที่พิทักษ์ประตูสำนัก ที่ปกติแล้วสมควรเป็นงานของผู้ดูแลกับศิษย์ฝ่ายนอกไม่กี่คนด้วยข้ออ้างขอไปทีของมัน ทว่าแน่นอนว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้หวงเฉิงตัดสินใจลดตัวมากระทำหน้าที่ต่ำต้อยนี้เพราะมันมี ‘เจตนาแอบแฝง’ เป้าหมายของมันคือต้วนหลิงเทียน! ตราบใดที่ต้วนหลิงเทียนออกจากสำนักจันทร์จรัสแสงโดยไร้ยอดฝีมือคุ้มกันล่ะก็ มันจะฆ่าต้วนหลิงเทียนทันทีที่ออกห่างจากเขตสำนักจันทร์จรัสแสง! สาเหตุที่อาวุโสฝ่ายนอกอย่างมันอยากฆ่าต้วนหลิงเทียนนั้น ไม่เพียงเพื่อระบายโทสะแค้นในใจ! เป้าหมายรองของมันยังเป็นการริบคะแนนอุทิศและสมบัติทั้งหมดที่ต้วนหลิงเทียนครอบครอง! เป็นธรรมดาที่ต้วนหลิงเทียนจะไม่รู้เลย ว่านอกจากหลิวฮ่วนแล้วยังมีอาวุโสฝ่ายนอกที่กล้าคิดฆ่าเขาอยู่ด้วยอีกคน! ด้านต้วนหลิงเทียนตอนนี้ก็ติดตามป๋ายลี่หงมาถึงป่าลึก ป่าบริเวณนี้ค่อนข้างรกชัด สัตว์ร้ายเดินกันเพ่นพ่านไปหมด สัตว์ร้ายในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋านั้น พวกมันก็ไม่ต่างใดจากสัตว์ร้ายในทวีปเมฆาล่อง ไร้ซึ่งสติปัญญา มีเพียงกฏแห่งป่า อ่อนแออยู่เข้มแข็งตายตก! อีกทั้งสัตว์ร้ายทุกตัวก็กระทำตามสัญชาติญาณในการเอาตัวรอด แต่ละตัวล้วนมีอาณาเขตเป็นของตัวเอง หากสิ่งใดล่วงล้ำเข้าเขตมันๆก็จะสู้ตาย! “ป่าส่วนนี้ล้วนเป็นอาณาเขตของสัตว์ร้ายขอบเขตสู่เซียนขั้นต้น” ป๋ายลี่หงกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ารับทราบ ก่อนที่จะเดินทางมาถึง ป๋ายลี่หงก็ได้กล่าวแนะนำเกริ่นไว้แล้ว ป่าแถบนี้มักเรียกกันว่า ดงอสูร สัตว์ร้ายทั้งหมดในพื้นที่แถบนี้ ล้วนอยู่ในขอบเขตสู่เซียนขั้นต้นขึ้นไปทั้งสิ้น แต่ละตัวแบ่งเขตกันล่าเหยื่อ อีกทั้งในบรรดาพวกมันยังมีตัวที่ร้ายกาจเป็นเหมือน ราชา ที่คอยปกครองสัตว์ร้ายทั้งหมด ปงงง!! ทันใดนั้นป๋ายลี่หงพลันยกมือขึ้นสะบัดตบอากาศฉับไว ปรากฏคลื่นพลังไร้สภาพระเบิดทำลายพื้นที่ป่าไปหย่อมหนึ่ง จนกลายเป็นเตียนโล่ง ไม่เพียงแต่ต้นไม้ใหญ่จะสลายหาย กระทั่งยังบังเกิดเป็นหลุมลึกอีกด้วย “ระวัง! มันมาแล้ว!” ป๋ายลี่หงกล่าว “เมื่อเจ้าเห็นมันปรากฏตัวให้ยิงศรออกไปด้วยพลังทั้งหมดของเจ้า…แต่อย่าได้ยิงจุดสำคัญของพวกมันเล่า” “หืม? อย่ายิงจุดสำคัญงั้นเหรอ?” ต้วนหลิงเทียนอึ้ง “แล้วท่านจะให้ข้าฆ่ามันยังไง?” “เชื่อข้าเถอะว่าเจ้าฆ่ามันได้แน่แม้จักมิได้ยิงจุดสำคัญ…อย่างไรเสียเจ้าอย่าได้ลืมเปิดใช้อาคมเซียนทั้ง 3 นั่น” ป๋ายลี่กล่าว ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ ไม่นานเสียงคำรามด้วยโทสะหนึ่งก็ดังขึ้น มีร่างสัตว์ร้ายตัวเขื่องหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ จากแนวป่าไกลๆนอกระยะทำลายของป๋ายลี่หงเมื่อครู่ ปรากฏร่างสัตว์ร้ายตัวเขื่องถางพงออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ขนาดตัวของมันเรียกว่าเนินเขาย่อมๆยังได้ ทุกฝ่าเท้าที่ย่ำวิ่ง พาลให้ปฐพีสะเทือนเหมือนแผ่นดินไหว ลักษณะของสัตว์ร้ายตัวนี้พิลึกนัก ต้วนหลิงเทียนเองก็ไม่อาจบอกได้ว่ามันเป็นตัวอะไร หัวของมันแลดูเป็นทรงบ๊ะจ่าง เคลื่อนไหวด้วยเท้าทั้ง 4 บนหน้าเหลี่ยมประหลาดมีลูกตากลมใหญ่ 3 ดวง! อีกทั้งยามนี้ตาทั้ง 3 ดวงของมันกำลังมองมาที่เขาเขม็ง!! ตึงงง! เสียงดังสนั่นลั่นขึ้น ภายใต้สายตาที่จับจ้องของต้วนหลิงเทียน ร่างสัตว์ร้ายตัวเขื่องปานเนินเขาดังกล่าวก็กระโจนขึ้นไปบนฟ้าปานกระสุนปืนใหญ่ พุ่งมาทางเขากับป๋ายลี่หงด้วยอำมหิต จังหวะที่มันกระโจนมาอย่างปราดเปรียว ลูกตาซ้ายต้วนหลิงเทียนก็เริ่มหมุนวนเร็วรี่ ม่านตาพิสดารแผลงฤทธิ์! ทันทีที่นัยน์ตาซ้ายต้วนหลิงเทียนบังเกิดวังวน สัตว์ร้ายที่กระโจนมาเร็วรี่เมื่อครู่ ก็ช้าลงจนเขาสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของมันได้ อย่างไรก็ตามความเร็วของมันก็นับว่ามิใช่ชั่ว สายลมหอบใหญ่พัดกรรโชกมาอย่างรุนแรง ต้วนหลิงเทียนไม่รอช้าอะไรสืบไป มือซ้ายสะบัดเรียกเกาทัณฑ์ดับตะวันออกมาตั้งเล็ง มือขวาควบแน่นศรพลังมีสภาพจากปราณแท้ ทันทีที่เขาวางศรน้าวสาย ปราณแท้ทั่วกายพลันทะลักออกปานเขื่อนแตก ไหลผ่านชีพจรเซียนทั้ง 70 สายที่เขาทะลวงเปิดปานสายน้ำเชี่ยวกราด กรูกันเข้าไปยังสายเกาทัณฑ์เปิดใช้อาคมเซียน! อาคมเซียนเจาะทะลวง! อาคมเซียนเพลิงระเบิด! อาคมเซียนกัดกร่อน! ทั้ง 3 อาคมเซียนล้วนเป็นอาคมเซียนระดับ 3 ดาวทั้งสิ้น! ขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนน้าวศร สองตาเขาก็มองเขม็ง เล็งเกาทัณฑ์ไปยังช่วงท้องด้านล่างของสัตว์ร้ายดังกล่าว จุดนี้ไม่ได้นับว่าเป็นจุดตายอะไร ‘ถึงแม้จะมีอาคมเจาะทะลวง และลูกศรนี้สมควรทะลุร่างสัตว์ร้ายตัวนี้ได้สบาย…แต่เมื่อไม่ได้ยิงเข้าตำแหน่งสำคัญ อย่างดีมันก็แค่บาดเจ็บเท่านั้น…’ ถึงแม้ใจต้วนหลิงเทียนจะเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย แต่เขาก็เลือกที่จะฟังคำพูดของป๋ายลี่หง ซึ่ม! ทันทีที่มือขวาต้วนหลิงเทียนคลายตัว ดอกศรที่ถูกรั้งก็พุ่งทะยานออกไปปานอัสนีสีเขียว แหวกฟ้าผ่าอากาศไปด้วยความเร็วอันน่ากลัว! ด้วยอาคม เจาะทะลวง สภาวะศรยิ่งดุดันประหนึ่งดาวตกร่วงฟ้า! ในเวลาแค่พริบตาดุจละอองไฟสว่างวาบ ช่วงท้องส่วนล่างของสัตว์ร้ายก็ถูกดอกศรพลังมีสภาพของต้วนหลิงเทียนทะลวงจนทะลุหลัง พุ่งหายไปในอากาศ! มันถึงกับร่ำร้องออกมาเสียงหลง ร่างที่โจนทะยานมาอย่างดุร้ายชะงักค้างไปทันใด “เจ้าจงชมดูให้ดี!” ทันใดนั้นเองเสียงที่ดังปานฟ้าผ่าของป๋ายลี่หงก็ดังขึ้น มันกล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง ด้วยการเตือนของป๋ายลี่หง ต้วนหลิงเทียนก็จับจ้องไปยังสัตว์ร้ายเขม็ง ด้วยอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ดอกศรพุ่งทะลวงร่างสัตว์ร้าย ชำแรกผ่านร่างจนทะลุออกหลัง ตาซ้ายเขาเห็นทั้งหมดชัดเจนดี ทั้งหมดมันบังเกิดขึ้นในเวลาแค่ชั่วอึดใจเท่านั้น พริบตาต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ถึงกับขนลุก แน่นอนว่าอาศัยอำนาจของอาคมเซียน เจาะทะลวง ดอกศรย่อมทะลวงผ่านร่างมันไปได้ง่ายๆ! ทว่าแม้ศรจะทะลวงผ่านไปแล้ว ยังมีพลังสีเขียวขุมหนึ่งตกค้างในรอยแผลดังกล่าว!! และในเวลาเพียงเสี้ยวพริบตาหลังศรทะลวงผ่านไป ขุมพลังตกค้างสีเขียวที่ว่าก็ระเบิดออกมาทันที! เปรี๊ยงงง!! เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมา ยังปรากฏเพลิงปราณจากปราณแท้อันมีสีเขียวด้วยพลังของอาคม ปะทุออกอย่างรุนแรงทั้งน่ากลัว ทำใหรูเล็กๆ จากการพุ่งทะลุของเกาทัณฑ์กลับกลายเป็นแผลเหวอะหวะ! ยังโบ๋ใหญ่เสียจนราวกับให้ผู้ใหญ่โตเต็มไว 2 คนมุดลอดผ่านได้ง่ายๆ!! ‘ร้ายกาจ! นี่มันผลของอาคมเซียน เพลิงระเบิดงั้นเหรอ?’ ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนของสัตว์ร้าย ต้วนหลิงเทียนพลันทราบได้ทันทีว่าเพราะอะไร ภาพที่เกิดขึ้นย่อมไม่ใช่พลังฝีมือของเขาแน่นอน เช่นนั้นมีแต่เป็นพลังอำนาจของอาคมเซียนแล้ว! ‘แล้วผลกระทบของอาคมเซียนกัดกร่อนล่ะ…’ คล้ายได้ยินความคิดในใจต้วนหลิงเทียนหรืออย่างไรไม่ทราบ เริ่มมีควันสีดำทะลักออกมาจากแผลเหวอะหวะดังกล่าวของสัตว์ร้าย! ควันสีดำค่อยๆลุมโชนกลืนกินปากแผลด้วยความเร็ว บริเวณเนื้อที่มีควันสีดำลุกลามกำลังถูกย่อยสลายลงด้วยความเร็วอันน่าสะพรึง! แผลเหวอะหวะในตอนแรกยิ่งมายิ่งขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ! ไม่ว่าควันสีดำนั่นแพร่ไปถึงที่ใด เนื้อส่วนนั้นจะสลายหายไปราวมันแตกสลายเป็นฝุ่นธุลี ประหนึ่งถูกราดรดด้วยกรดความเข้มข้นสูงก็ไม่ปาน! เสียงกรีดร้องโหยหวนของสัตว์ร้ายค่อยๆเบาลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็เงียบหายไป… ขณะเดียวกัน ร่างสัตว์ร้ายตัวมหึมาปานเนินเขาก่อนหน้า ตอนนี้ก็ได้สลายหายไปหมดสิ้น คงเหลือแต่ควันสีดำที่ค่อยๆจางหายไปในอากาศ… ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้ง สัตว์ร้ายที่มีพลังอยู่ในขอบเขตสู่เซียนขั้นต้นที่ยังมีชีวิตอยู่เมื่อไม่กี่ลมหายใจที่แล้ว กลับอันตรธานหายไปจากโลกหล้าอย่างหมดจด! มีอาคมมากมายในความทรงจำของจักรพรรดิกลับชาติมาเกิด ที่ให้ผลลัพธ์คล้ายคลึงกับอาคมเซียนกัดกร่อน และมันก็เคยใช้อาคมทำนองนี้มาก่อนในความทรงจำ อย่างไรก็ตามอาคมดังกล่าวทำได้เพียงย่อยสลายตัวตนที่มีพลังฝึกปรือปานกลางเท่านั้น หากนำไปใช้กับตัวตนที่มีพลังฝึกฝนสูงๆย่อมไม่อาจสร้างผลเลิศล้ำอะไรได้ ทว่าตอนนี้สัตว์ร้ายในขอบเขตสู่เซียนขั้นต้น กลับเหือดหายไปทั้งตัวต่อหน้าต่อตา…คงเหลือแค่เพียงซากเถ้าถ่านเล็กน้อย กับรอยไหม้บนผืนดิน…! ฉากนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนถึงกับตกตะลึงพรึงเพริด!
คอมเม้นต์