War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2712
WSSTH ตอนที่ 2,712 : ผลึกเทพในตำนาน! “แบบนี้นี่เอง…” หลังได้ยินต้วนหลิงเทียนอธิบาย ฮ่วนเอ๋อก็เข้าใจได้ไม่ยาก “ฮ่วนเอ๋อ…แล้วเจ้าไม่ได้ใช้หินอมตะในการบ่มเพาะพลังหรือ” ต้วนหลิงเทียนกล่าววด้วยรอยยิ้มแหยๆ ในความคิดเขา ในเมื่อฮ่วนเอ๋อเป็นถึงยอดเซียนอมตะแบบนี้ นางไม่พ้นต้องใช้หินอมตะบ่มเพาะพลังมาอยู่แล้ว ไม่งั้นนางจะบรรลุพลังฝึกปรือถึงขั้นนี้ได้อย่างไรในเวลาไม่ถึงร้อยปี? ต้วนหลิงเทียนเองก็ได้ใช้สำนึกเทวะตรวจสอบฮ่วนเอ๋อมาก่อน และจากกลิ่นอายเลือดเนื้อของนางเขาก็บอกได้ว่า… ฮ่วนเอ๋อเป็นเหมือนกับเขา…นางยังอายุไม่ถึงร้อยปี! “ข้าไม่เคยใช้นะ…” ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อก็ส่ายหน้าไปมาด้วยท่าทางไร้เดียงสา คนสกุลฉีทั้ง 5 กระทั่งต้วนหลิงเทียนพอเห็นดังนั้น ก็ตะลึงอึ้งค้าง พูดอะไรไม่ออก… ไม่เคยใช้หินอมตะ? เช่นนั้นแม้นางท่านนี้ ท่านบ่มเพาะพลังมาอย่างไร? ท่านถึงขั้นบ่มเพาะพลังจนบรรลุขอบเขตยอดเซียนอมตะได้โดยไม่ใช้หินอมตะเลยหรือ? “ฮ่วนเอ๋อ เจ้าไม่ได้ใช้หินอมตะช่วยในการบ่มเพาะพลัง แล้วการบ่มเพาะพลังของเจ้าจะไม่ช้าลงหรือ?” ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วกล่าวต่อว่า “ไม่น่าจะเป็นไปได้…ระดับมารดาเจ้า เป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะไม่มีหินอมตะให้เจ้าใช้บ่มเพาะ หากให้ข้าเดานางไม่เพียงแต่จะให้หินอมตะเจ้าไว้เพื่อใช้บ่มเพาะ ยังต้องให้เจ้ารับประทานโอสถทิพย์เพื่อช่วยเหลือในการบ่มเพาะพลังไม่น้อย…” “เพราะหากเจ้าไม่ได้ใช้หินอมตะกับโอสถทิพย์ในการบ่มเพาะ ความเร็วในการบ่มเพาะของเจ้าสมควรช้ากว่านี้…” ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะยังไม่ทราบว่ามารดาของฮ่วนเอ๋อเป็นใคร อย่างไรก็ตามมารดาของฮ่วนเอ๋อถึงขั้นทิ้ง ‘ลูกแก้วมายา’ ไว้ให้ฮ่วนเอ๋อได้ แค่นี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่านางไม่ใช่คนธรรมดาสามัญแน่นอน ต่อให้นางจะไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสัตว์อมตะ ก็เกรงว่าจะไม่ใช่สัตว์อมตะธรรมดาๆ เช่นนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่สัตว์อมตะที่ทรงพลังเช่นนาง จะไม่มีหินอมตะกับโอสถทิพย์ให้ลูกสาวทั้งคนบ่มเพาะ… “อ๋อ โอสถทิพย์หรือ ท่านแม่ให้ข้ากินไว้เยอะเลย ตอนนี้ผลของโอสถในร่างข้าก็ยังดูดซับไม่หมด…นอกจากนั้นนางยังมอบสิ่งนี้ให้ข้าเอาไว้ใช้บ่มเพาะพลัง แต่มันไม่เหมือนหินอมตะนะ” ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อก็กล่าวตอบออกมาซื่อๆอย่างไร้เดียงสา และในขณะที่กล่าว นางก็ยกมือขึ้นหยิบสร้อยคอที่นางห้อยไว้บนคอออกมา จากนั้นทุกคนรวมถึงต้วนหลิงเทียนก็ได้เห็นจี้ชิ้นหนึ่ง จี้ที่ห้อยคอนางไว้เป็นกล่องเล็กๆแลดูทนทาน ไม่ต่างอะไรจากล็อคเก็ตในโลกเก่าของต้วนหลิงเทียนที่เอาไว้เก็บของสำคัญชิ้นเล็กๆ และในขณะที่ฮ่วนเอ๋อกดบริเวณด้านข้างกล่องเล็กๆ กล่องเล็กๆดังกล่าวก็เปิดออกทันใด จากนั้นก็ปรากฏแสงสว่างเจิดจ้าสาดส่องออกมา จนทำให้ต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆตาพร่าไปครู่หนึ่งง! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! … และแทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ฮ่วนเอ๋อเปิดกล่องเล็กๆอันเป็นจี้ห้อยคอของนางออกมานั้น ไม่เพียงแค่แสงสว่างที่สาดส่อง ยังปรากฏไอพลังวิญญาณฟ้าดินอันหนาแน่น จนแทบจะกลั่นตัวเป็นของเหลวพวยพุ่งออกมา พริบตาไอพลังวิญญาณดังกล่าวก็ฟุ้งตลบ พาลให้โถงรับแขกเสมือนจมอยู่ในทะเลพลังวิญญาณฟ้าดินในชั่วพริบตา! ราวกับโถงรับแขกสกุลฉีตอนนี้ กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการบ่มเพาะพลังทันใด! ‘บ้าน่า…ไอพลังวิญญาณฟ้าดินหนาแน่นอะไรจะขนาดนี้ นี่มันจะเกินจริงไปหน่อยรึไง’ ทันทีที่สัมผัสได้ถึงความหนาแน่นและปริมาณของไอพลังวิญญาณฟ้าดินที่บัดนี้ได้ปะทุออกมาท่วมโถง ต้วนหลิงเทียนก็ตกตะลึงพรึงเพริดแล้วจริงๆ เรียกว่าความหนาแน่นและปริมาณพลังวิญญาณฟ้าดินในโถงรับแขกของสกุลฉียามนี้ มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าพลังวิญญาณฟ้าดินในห้องศิลาบ่มเพาะชั้นลึกสุดของหลุมมังกรซ่อน นับพันๆเท่า! และเขาที่ลองดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินดู ก็พบว่ามันเหนือกว่าขีดจำกัดในการดูดซับของเขาไปไกล ไม่อาจดูดซับมันได้หมด! กล่าวอีกอย่างได้ว่า… ด้วยด่านพลังฝึกปรือของเขาตอนนี้ การบ่มเพาะพลังในสถานที่แห่งนี้มันดีเกินไป สิ้นเปลืองทรัพยากรเปล่าๆ! แม้ยิ่งมีไอพลังวิญญาณฟ้าดินหนาแน่นมหาศาลมากเท่าไหร่ ก็จะถือว่ามีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะดีขึ้นเท่านั้น แต่ในระดับหนึ่งแล้ว ผู้ฝึกตนยังสามารถดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินได้อย่างจำกัด! เช่นเดียวกับต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ ‘สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะแบบนี้…ต่อให้เป็นยอดเซียนอมตะ ก็ยังถือว่ามีพลังวิญญาณฟ้าดินหนาแน่นเกินจำเป็นใช่ไหม?’ ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าว ยอดเซียนอมตะนั้น ไม่ว่าจะมาบ่มเพาะพลังในสถานที่แห่งนี้ หรือไปในสถานที่ๆดีกว่าตอนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่าง เพราะระดับพลังวิญญาณฟ้าดินโดยรอบตอนนี้มันก็หนาแน่นทั้งมหาศาลเกินที่ยอดเซียนอมตะจะใช้ได้หมด! นั่นเพราะยอดเซียนอมตะเอง ก็มีขีดจำกัดในการดูดซับพลังเช่นกัน! และในห้องโถงรับแขกสกุลฉีตอนนี้ ก็เสมือนสถานที่ๆดีเกินไปสำหรับตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะ! หากมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะแบบตอนนี้ ยอดเซียนอมตะไม่จำเป็นต้องไปไหนแล้ว สามารถนั่งบ่มเพาะมันอยู่ตรงนี้ได้ยันทะลวงด่านโดยไม่ต้องหาที่อื่นีท่ดีกว่าอีกต่อไป เพราะมันเหนือกว่าขีดจำกัดที่จะรับได้ไหวแล้ว… กล่าวได้ว่าสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะแบบนี้ จะสำหรับเขาหรือสำหรับตัวตนยอดเซียนอมตะ ก็คือสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ! แต่ทว่าหากเป็นถึงตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะหรือเหนือกว่านั้น สภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่นี่อาจจะยังไม่ใช่ขีดจำกัด และสามารถหาสถานที่อันมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะดีกว่านี้ได้… ‘จริงสิ! เคล็ดวิชาบ่มเพาะ! ยังมีเคล็ดวิชาบ่มเพาะอยู่!’ ‘ข้าเกือบลืมไปแล้ว…ในระนาบเทวโลกแห่งนี้ ยิ่งเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับสูงเท่าไหร่ ปริมาณรวมถึงความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินก็จะมากขึ้นเร็วขึ้นเท่านั้น!’ พอตระหนักได้ถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกเสมือนตัวเองยังเป็นแค่กบน้อยก้นบ่อ และเขาก็ตระหนักได้ว่าขีดจำกัดที่เขาพึ่งคิดถึงเมื่อครู่ มันเป็นขีดจำกัดของคนที่ใช้เคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับเหลืองเท่านั้น… ‘นอกจากนั้นนี่มันก็แค่ไอพลังวิญญาณฟ้าดินที่ล้นออกมาจากบางสิ่งในจี้ห้อยคอของฮ่วนเอ๋อเท่านั้น ทว่าแค่ไอพลังส่วนเกินที่ล้นออกมากลับสามารถเติมเต็มโถงรับแขกที่กว้างใหญ่ของตระกูลฉีได้ในพริบตา…แล้วถ้าฮ่วนเอ๋อถือดูดซับพลังจากมันโดยตรงเล่า…’ คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ไม่กล้าคิดอีกต่อไป… ถึงแม้ฮ่วนเอ๋อในฐานะที่เป็นถึงยอดเซียนอมตะ จะมีเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับสวรรค์ ทว่าการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินจากของสิ่งนั้นโดยตรง ก็น่าจะเกินขีดจำกัดพลังวิญญาณฟ้าดินที่นางจะดูดซับได้แล้วใช่ไหม? “ฮ่วนเอ๋อ ปิดเถอะ” เมื่อต้วนหลิงเทียนเอ่ยขึ้น ฮ่วนเอ๋อก็ปิดกล่องเล็กๆอันเป็นจี้ห้อยคอของนางทันที เมื่อไร้ซึ่งแหล่งกำเนิดพลังวิญญาณฟ้าดินแล้ว ไอพลังวิญญาณฟ้าดินอันหนาแน่นและมหาศาลในโถงรับแขก ก็ไม่ได้รับการเติมเต็มอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้หลังผ่านไปสักพักไอพลังวิญญาณฟ้าดินอันมหาศาลทั้งหนาแน่นเหล่านี้ ก็จะแพร่ออกไปนอกห้องโถงจนบางเบาลงเรื่อยๆ และกลับสู่ระดับเดิมในที่สุด… ถึงแม้ฮ่วนเอ๋อจะปิดกล่องเล็กๆไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนทันได้เห็นบางสิ่งในนั้น มองไปแล้วก็คล้ายๆกับเพชรในโลกเก่าของเขา แต่ดูแล้วสมควรเป็นผลึกแก้ววิเศษอะไรบางอย่าง… นั่นก็เป็นธรรมดา เพราะเพชรในโลกเก่าของเขามันไม่มีพลังวิญญาณฟ้าดิน ต้วนหลิงเทียนที่ย้อนกลับไปโลกเก่ามาแล้ว ย่อมรู้เรื่องนี้เป็นธรรมดา เช่นนั้นผลึกแก้วอะไรสักอย่างที่ดูเหมือนเพชรในจี้ห้อยคอของฮ่วนเอ๋อนั้น แก่นแท้ของมันย่อมต่างจากเพชรที่เขารู้จักอย่างสิ้นเชิง ยังต่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับดิน! “ผลึกอมตะ…นั่นคือผลึกอมตะ!!” บรรพบุรุษตระกูลฉีที่กำลังดูดซัพลังวิญญาณฟ้าดินในโถงรับแขกอย่างหิวกระหาย ได้ลืมตาเงยหน้าขึ้นมาหลังจากที่พลังวิญญาณฟ้าดินในโถงรับแขกเริ่มเบาบางลง และเมื่อมันมองไปยังจี้ห้อยคอของฮ่วนเอ๋ออีกครั้ง ในแววตาก็ฉายให้เห็นถึงความโลภอันไร้สิ้นสุด! “หึ!” จนเมื่อต้วนหลิงเทียนพ่นลมสบถออกมาเสียงเย็น บรรพบุรุษตระกูลฉีค่อยดีงสติกับมาได้ หน้ามันเปลี่ยนสีไปทันที เร่งละสายตาออกมาในฉับพลัน ส่วนอีก 4 คนขอสุลฉีที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้น ก็กลัวจนไม่กล้าจะเอ่ยคำใดออกมา เพราะพวกมันยังคงจดจำได้… ว่าผลึกอมตะนั่น ผู้เป็นเจ้าของก็เป็นถึง ยอดเซียนอมตะ! “เจ้าบอกว่ามันคือผลึกอมตะงั้นเหรอ…แต่เท่าที่ข้ารู้มาต่อให้เป็นผลึกอมตะระดับสูงสุด ก็ยังไม่มีพลังเกินจริงขนาดนี้ไม่ใช่รึไง?” ต้วนหลิงเทียนจี้ถามบรรพบุรุษสกุลฉีเสียงเข้ม แววตายังเผยประกายเยียบเย็น ผลึกอมตะนั้นเขารู้จัก! เขาเองก็ได้อ่านบันทึกเรื่องราวของผลึกอมตะมาแล้วจากยันต์อมตะเก็บความทรงจำ และรู้ว่าผลึกอมตะนั้นเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในชีพจรหินอมตะระดับสูงสุดเท่านั้น และโอกาสที่จะเกิดผลึกอมตะนั้นยังน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย ยังน้อยกว่าโอกาสเกิดหินอมตะระดับสูงสุดในชีพจรหินอมตะระดับสูงเสียอีก… ด้วยเหตุนี้กล่าวได้ว่าแค่ ผลึกอมตะชิ้นนึง ก็สามารถแลกหินอมตะระดับสูงสุดได้ถึงพันก้อน ถึงแม้อันที่จริงแล้วปริมาณพลังวิญญาณฟ้าดินที่อัดแน่นอยู่ในผลึกอมตะนั้น เทียบได้กับปริมาณพลังวิญญาณฟ้าดินที่อยู่ในหินอมตะระดับสูงสุดแค่ร้อยหรือสองร้อยก้อนเท่านั้น…แต่ใครใช้ให้มันหายากนักล่ะ? และผลึกอมตะที่เขากำลังกล่าวถึงอยู่นี้ ก็เป็นแค่ผลึกอมตะระดับต่ำเท่านั้น! เหนือชีพจรหินอมตะระดับสูงสุด ยังมีชีพจรผลึกอมตะระดับต่ำอยู่อีก และชีพจรผลึกอมตะระดับต่ำ ก็จะขุดพบผลึกอมตะระดับต่ำ และมีโอกาสที่จะเกิดผลึกอมตะระดับกลางเป็นบางครั้ง ผลึกอมตะก็เป็นเช่นเดียวกับหินอมตะทั้งหลาย ที่มีแบ่งแยกสูงต่ำ มันมีระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง และระดับสูงสุด อย่างไรก็ตามอัตราการแลกเปลี่ยนของผลึกอมตะนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับอัตราการแลกเปลี่ยนของหินอมตะ อัตราการแลกเปลี่ยนของหินอมตะนั้น ที่ดีกว่าขั้นหนึ่งจะมีมูลค่าเป็นสิบเท่าของขั้นรองลงมา กล่าวได้ว่าหินอมตะระดับสูงสุด 1 ก้อน เทียบได้กับหินอมตะระดับสูง 10 ก้อน ระดับกลาง 100 ก้อน และระดับต่ำ 1,000 ก้อน หากทว่าอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างผลึกอมตะชั้นสูงกว่ากับต่ำกว่าขั้นหนึ่งนั้นมันคือ หนึ่งต่อร้อย! ผลึกอมตะระดับสูงสุด 1 ชิ้นจึงมีค่าเทียบได้กับผลึกอมตะระดับสูง 100 ชิ้น ระดับกลาง 10,000 ชิ้น และระดับต่ำ 1,000,000 ชิ้น และเท่าที่ต้วนหลิงเทียนทราบ ในประเทศอมตะระดับกลางอย่าง ประเทศอวิ๋นเหยียนที่เขาอยู่ตอนนี้ ไม่มีแม้แต่ชีพจรผลึกอมตะระดับต่ำสักเส้น…! กระทั่งในประเทศอมตะระดับสูง ก็ไม่มีแม้แต่ 1 เส้นชีพจรหินอมตะระดับต่ำ! แต่แน่นอนว่าถึงแม้ประเทศอมตะระดับสูงจะไม่มีชีพจรผลึกอมตะระดับต่ำ แต่ทว่าจำนวนชีพจรหินอมตะระดับสูงสุดนั้น มันมากเกินกว่าที่ประเทศอมตะระดับกลางและต่ำจะเทียบได้ “ใต้เท้ากล่าวถูกแล้ว” เมื่อเผชิญกับคำถามของต้วนหลิงเทียน บรรพบุรุตระกูลฉีพยักหน้ารับเร็วไว ค่อยกล่าวว่า “หากข้าเดาไม่ผิด..” “ผลึกอมตะที่อยู่ในจี้ห้อยคอของใต้เท้ายอดเซียนอมตะ…เป็นผลึกอมตะที่จะบังเกิดขึ้นในรอบหมื่นปีของชีพจรผลึกอมตะระดับสูงสุด หรือเรียกอีกอย่างว่า ผลึกเทพ!” ผลึกเทพ! ทันทีที่บรรพบุรุษตระกูลฉีกล่าวคำนี้ออกมา ลมหายใจของคนสกุลฉีอีก 4 คนก็เปลี่ยนเป็นหอบถี่ทันที เพราะสำหรับพวกมันแล้ว ผลึกเทพ นั่นคือสิ่งที่ดำรงอยู่แต่ในตำนานเท่านั้น “ข้า ฉีอวิ๋นเจิ้ง วันนี้ได้เห็นผลึกเทพกับตา กระทั่งได้สัมผัสถึงพลังของผลึกเทพด้วยตัวเอง…ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็ไม่เสียใจแล้ว!!” ผู้นำตระกูลฉีกล่าวพลางระบายลมหายใจออกมาอย่างทอดถอน “ด้วยระดับและฐานะของตระกูลฉีเรา…พวกเรามีวาสนาได้พบเห็นผลึกเทพกับตา ให้พวกเราต้องตายก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกแล้ว” บรรพบุรุษของตระกูลฉียังกล่าวออกมาทำนองเดียวกัน ‘ผลึกเทพ?’ ‘เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นจากชีพจรผลึกอมตะระดับสูงสุดในรอบหมื่นปี?’ ได้ยินคำของบรรพบุรุษตระกูลฉี ลูกตาต้วนหลิงเทียนอดหดเล็กลงไม่ได้ เท่าที่เขาทราบ… มองไปทั่วทั้งระนาบเทวโลกทั้งเก้าเก้า 81 ระนาบใดๆ เกรงว่าจำนวนของชีพจรผลึกอมตะระดับสูงสุด ยังมีไม่ถึง 10 เส้น… กล่าวอีกอย่างได้ว่า… โดยเฉลี่ยแล้วในระนาบเทวโลกแต่ละแห่ง ในรอบพันปีก็มีโอกาสเกิดผลึกเทพขึ้นแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น! ‘มารดาของฮ่วนเอ๋อที่แท้เป็นใครกันแน่…จิ้งจอกมายาหรือ ข้าเกรงว่าคงไม่ใช่สัตว์อมตะธรรมดาๆแน่!’ ล้อกันเล่นหรือไร? สัตว์อมตะธรรมดาๆ ยังจะมีปัญญามอบผลึกเทพไว้ให้ลูกสาวใช้หรือไร? ต้วนหลิงเทียนยังจดจำได้ ฮ่วนเอ๋อเคยบอกเขาไว้ก่อนหน้านี้ ว่ามารดาของนางคือจิ้งจอกมายา ส่วนนางคือ จิ้งจอกน้ำแข็งพันมายา ที่หาได้ยากในรอบล้านปีของเผ่าจิ้งจอกมายา!
คอมเม้นต์