War sovereign Soaring The Heavens ตอนที่ 2646
WSSTH ตอนที่ 2,646 : โจวทงลงมือ หลังจากใช้เวลาสืบเสาะคาดคั้นหาความจริงในกองทัพมังกรเงินอยู่ไม่กี่วัน ในที่สุดโจวเฟยก็ยืนยันเรื่องหนึ่งได้แน่ชัด… ต้วนหลิงเทียนนั้นเป็นผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนเมื่อ 2 ปีก่อนจริงๆ! และยังขึ้นมาจากสระกำเนิดเซียนอมตะอีกด้วย!! และผู้ที่จะขึ้นมาจากสระกำเนิดเซียนอมตะได้ ก็มีแต่ตัวตนขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดงเท่านั้น! “ผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนได้แค่ครึ่งปีกว่า แต่กลับมีพลังฝีมือร้ายกาจถึงขั้นเอาชนะข้าได้…วรยุทธ์อมตะ เวทย์พลังสนับสนุน ทั้งเวทย์พลังจู่โจมของมันล้วนต้องมีระดับสวรรค์หมดไม่ผิดแน่!” พอตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ ลมหายใจของโจวเฟยก็เริ่มถี่รัวขึ้นมา “หากพวกเจ้ากล้าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ข้าจะให้พวกเจ้าได้ตายไร้ที่ฝัง!” โจวเฟยหันไปตะคอกคำใส่ผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงิน เหมียวไหลหลง เหมียวไหลเฟิ่ง และหยางกงผิงด้วยน้ำเสียงอำมหิต ค่อยกล่าวเสริมว่า… “พอข้ากลับไปถึงจวนผู้ว่าเมื่อใด ข้าจะรายงานเรื่องทั้งหมดให้บิดาบุญธรรมรับทราบ ยังจะให้ท่านตบรางวัลแก่พวกเจ้าอย่างงาม!” โจวเฟยนั้นใช้ทั้งไม้แข็งและไม้อ่อน ด้วยกลัวว่าพวกเหมียวไหลหลงจะแพร่งพรายเรื่องราวออกไป หากข่าวเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนถือครองวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังระดับสวรรค์ทั้งหมดแพร่งพรายออกไปล่ะก็ ไม่ว่าจะตัวมันหรือบิดาบุญธรรม ก็ถูกลิขิตให้ไร้วาสนากับวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังระดับสววรรค์เหล่านั้นของต้วนหลิงเทียนแล้วจริงๆ… เพราะมันจินตนาการออกได้ทันที หากเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนถือครองวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังระดับสวรรค์เอาไว้แพร่กระจายออกไป อย่าว่าแต่มณฑลจิ่วโยวหรืออีก 15 มณฑลเลย กระทั่งพระราชวังฉิน หรือแม้แต่ประเทศอมตะระดับกลางอย่างประเทศ อวิ๋นเหยียน ที่พวกมันอยู่ ไม่พ้นได้บังเกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตสะท้านแดนดินทันทีแน่! เพราะสุดท้ายแล้วกระทั่งในประเทศอมตะระดับกลางอย่างประเทศอวิ๋นเหยียนแห่งนี้ ก็ไม่มีวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังระดับสวรรค์แม้แต่อย่างเดียว! กระทั่งวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังระดับปฐพี ก็หายากประหนึ่งเขามังกรขนหงส์แล้ว… “ขอบคุณท่านนายน้อยเฟย” ได้ยินคำพูดของโจวเฟย พวกเหมียวไหลหลงทั้ง 3 ก็เร่งประสานมือโค้งหัวขอบคุณทันที “นายน้อยเฟย” ทันใดนั้นคล้ายเหมียวไหลหลงจะตัดสินใจอะไรได้ มันมองจ้องไปยังโจวเฟยด้วยสายตาร้อนแรงกล่าวว่า “หากใต้เท้าผู้พิทักษ์โจวทงได้รับวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังของต้วนหลิงเทียนแล้ว…ขอนายน้อยโปรดช่วยกล่าววาจาร้องขอต่อใต้เท้าโจวทงให้ข้าน้อยสักคำสองคำ ว่าจะพอแบ่งปันววรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังสักบทของต้วนหลิงเทียนให้ข้าน้อยได้หรือไม่…” “เพียงอย่างเดียว…อะไรก็ได้ ข้าต้องการเพียงอย่างเดียวเท่านั้น” เหมียวไหลหลงกล่าว มันเองก็เคยได้ยินเรื่องราวที่โจวเฟยถูกต้วนหลิงเทียนทุบตีจนสาหัสที่หลุมมังกรซ่อนเมื่อครึ่งปีก่อนที่จวนผู้ว่ามาแล้ว… ด้วยเหตุนี้มันจึงเชื่อมั่นนัก… ไม่ว่าจะวรยุทธ์อมตะก็ดี หรือเวทย์พลังจู่โจมรวมถึงเวทย์พลังสนับสนุนของต้วนหลิงเทียนก็ดี ทั้งหมดล้วนต้องอยู่ในระดับสวรรค์ทั้งหมดแน่! ขอแค่มันได้รับมาฝึกปรือสักอย่างไม่ว่าอะไรก็ตาม เมื่อมันเชี่ยวชาญได้แล้ว พลังฝีมือของมันต้องก้าวข้ามเจ้าเมืองเฉวี่ยโยวอย่างหลิ่วเฟิงกู่ไปได้แน่นอน! พอเหมียวไหลหลงกล่าวร้องขอเรื่องนี้ออกไปจบคำ ไม่ว่าจะเหมียวไหลเฟิ่งหรือหยางกงผิงที่อยู่ข้างๆเหมียวไหลหลงก็มองจ้องโจวเฟยด้วยสายตาร้อนแรง พวกมันรู้แก่ใจดี… ว่าตราบใดที่เหมียวไหลหลงได้รับวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังของต้วนหลิงเทียนมาล่ะก็ พวกมันเองก็ย่อมได้รับวรยุทธ์อมตะหรือเวทย์พลังนั้นมาเช่นกัน! เพราะสุดท้ายแล้วเหมียวไหลหงก็เป็นพี่ชายแท้ๆของเหมียวไหลเฟิ่ง! “เรื่องเท่านี้ย่อมได้ไม่มีปัญหา” โจวเฟยตอบตกลง “ขอบคุณนายน้อยเฟย!” เหมียวไหลหลงเร่งประสานมือกล่าวคำขอบคุณด้วยความตื่นเต้นถึงขีดสุด เหมียวไหลเฟิ่งกับหยางกงผิงก็หันมามองหน้าสบตากันทันที จึงได้แลเห็นความตื่นเต้นยินดีในสายตากันและกัน จังหวะนี้พวกเหมียวไหลหลงทั้ง 3 ตื่นเต้นมากจนไม่ทันได้สังเกตเลยว่า… ลึกลงไปในแววตาของโจวเฟยฉายแววเยียบเย็นขึ้นมาวาบหนึ่ง จากนั้นโจวเฟยก็กล่าวทักเหมียวไหลหลงด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ก่อนออกจากค่ายกองทัพมังกรเงิน หวนกลับไปยังโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในเมืองเฉวี่ยโยว เพื่อไปสมทบกับอาวุโสฝ่ายในที่บิดาบุญธรรมส่งมาคุ้มกันทันที “อาวุโสเฉียน รบกวนท่านพาข้ากลับเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวที” คนที่ติดตามคุ้มกันโจวเฟยมาจากเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวจนถึงเมืองเฉวี่ยโยวแห่งนี้ ก็คืออดีตศิษย์ในจวนที่ผันตัวมาเข้าร่วมกับตระกูลโจวของบิดาบุญธรรมมันเป็นคนแรก จึงเชื่อฟังคำสั่งของโจวทงเป็นที่สุด และในฐานะที่โจวเฟยเป็นบุตรชายบุญธรรมของโจวทง อีกฝ่ายย่อมมองว่ามันเป็นนายน้อยอีกด้วย “ทราบแล้วนายน้อยเฟย” ขากลับโจวเฟยไม่ได้เหาะเอง แต่เลือกจะให้อาวุโสฝ่ายในพาบินกลับ เช่นนั้นจึงใช้เวลาเดินทางไม่นานก็กลับมาถึงเมืองประจำมณฑลจิ่วโยว… หลังกลับมาถึงจวนผู้ว่าแล้ว โจวเฟยก็เร่งรุดเข้าพบบิดาบุญธรรมอย่างโจวทงทันที “ท่านพ่อบุญธรรม!” หลังจากได้พบโจวทง โจวเฟยก็ไม่รอช้า เร่งกล่าวบอกเรื่องราวทั้งหมดที่มันไปสืบค้นในกองทัพมังกรเงินของเมืองเฉวี่ยโยวออกไปให้โจวทงฟังทันที “ต้วนหลิงเทียน…เป็นผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนเมื่อ 2 ปีก่อนในสระกำเนิดเซียนอมตะ…หมายความว่าเมื่อ 2 ปีก่อนมันยังเป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์จันทร์แดง?!” “นอกจากนี้…2 ปีก่อนพลังฝีมือของมันยังแข็งแกร่งมากพอจะเอาชนะจินเซียนทั่วไป?” ได้ยินเรื่องราวที่โจวเฟยเล่าออกมา โจทงรู้สึกเสมือนกำลังฟังนิทานอาหรับราตรีไม่น้อย ไม่เชื่อเลยสักนิด! ล้อกันเล่นหรือไร?! ผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนเมื่อ 2 ปีก่อน และเป็นแค่เซียนอมตะสวรรค์ ยังจะมีพลังฝีมือสูงถึงขนาดนี้ได้ยังไง? ไม่เพียงเอาชนะ…ยังตัดแขนตัดขาบุตรชายบุญธรรมมันทิ้งได้ง่ายๆ!! “ท่านพ่อบุญธรรม ทุกสิ่งที่ข้าพูดล้วนเป็นความจริง…หากท่านพ่อบุญธรรมไม่เชื่อ ก็สามารถไปตรวจสอบเรื่องราวที่ค่ายกองทัพมังกรเงินของเมืองเฉวี่ยโยวได้!” เมื่อเห็นว่าโจวทงไม่เชื่อที่มันพูด โจวเฟยก็เร่งกล่าวรับประกันออกไปทันที “เมืองเฉวี่ยโยว?” และพอได้ยินวาจาดังกล่าวของโจวเฟย สองตาโจวทงก็หดเล็กลงทันใดยังฉายแสงเย็นวาบขึ้นในแววตา “เจ้าเมืองเฉวี่ยโยวนั่น…หากข้าจำไม่ผิดก็คือหลิ่วเฟิงกู่ใช่หรือไม่?” “เป็นมัน!” โจวเฟยเร่งตอบออกไปทันที กระทั่งคล้ายมันฉุกคิดอะไรได้ออก ยังกล่าวเสริมออกไปอย่างไม่รอช้า “ข้าได้ยินผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงินนามเหมียวไหลหลงบอกมาอีกว่า ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะเดินทางมาเมืองประจำมณฑลเรา…หลิ่วเฟิงกู่ปฏิบัติกับต้วนหลิงเทียนเป็นอย่างดี” “กระทั่งหลิ่วเฟิงกู่ผู้นั้น ถึงขั้นให้ต้วนหลิงเทียนเข้าใช้ห้องบ่มเพาะส่วนตัวของมัน…และในละแวกเมืองเฉวี่ยโยวห้องบ่มเพาะส่วนตัวของมันก็นับว่ามีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะดีที่สุดแล้ว!” “ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนคนนี้จะปรากฏตัวขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำหรือผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงินที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของหลิ่วเฟิงกู่ พวกมันไม่เคยได้เข้าใช้ห้องบ่มเพาะส่วนตัวของหลิ่วเฟิงกู่มาก่อนเลย!” กล่าวถึงจุดนี้โจวเฟยก็หยุดลงเล็กน้อย ค่อยพูดต่อว่า… “ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังได้ยินเหมียวไหลหลงบอกมาอีกด้วยว่า…ครั้งหนึ่งมันก็เคยบอกเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มาในสระกำเนิดเซียนอมตะ ทั้งพาหลิ่วเฟิงกู่ไปยืนยันกับเหล่าผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มาพร้อมกันกับต้วนหลิงเทียน…จนหลิ่วเฟิงกู่เอง ก็ยืนยันได้ว่าต้วนหลิงเทียนเป็นคนที่พึ่งขึ้นสวรรค์มาจริงๆ” “ทว่าเรื่องราวกลับไม่เป็นอย่างที่เหมียวไหลหลงหวังเอาไว้…หลิ่วเฟิงกู่ไม่เพียงจะไม่บีบคั้นให้ต้วนหลิงเทียนส่งมอบวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังอันใด กระทั่งยังสนับสนุนทรัพยากรบ่มเพาะและให้เข้าใช้ห้องบ่มเพาะส่วนตัวของเจ้าเมือง” กล่าวถึงจุดนี้สีหน้าของโจวเฟยก็มองจ้องโจวทงด้วยความจริงจัง กล่าวออกเสียงหนักต่อว่า “ท่านพ่อบุญธรรม ข้าสงสัยว่า…หลิ่วเฟิงกู่มันใช้ทรัพยากรบ่มเพาะกับห้องบ่มเพาะส่วนตัวของมัน เพื่อทำให้ต้วนหลิงเทียนติดหนี้บุญคุญ ด้วยคิดใช้หนี้บุญคุณนั่น…ให้ต้วนหลิงเทียนจัดการท่านให้มันในวันหลัง!” ถึงแม้ว่าทั้งหมดจะเป็นเรื่องที่โจวเฟยคาดเดาไปเอง ทว่าผลลัพธ์สุดท้ายก็ไม่ต่างจากความจริงสักเท่าไหร่… “หลิ่วเฟิงกู่…เหอะ!” หลังได้ยินเรื่องราววทั้งหมดจากปากโจวเฟย โจวทงก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวทวนชื่อหลิ่วเฟิงกู่ออกมาด้วยอำมหิต ค่อยพ่นลมสบถเสียงเย็น! “เจ้าตามข้าไปเมืองเฉวี่ยโยวอีกรอบ!” โจวทงหันไปมองกล่าวกับโจวเฟย และไม่ทันรอให้โจวเฟยตอบสนองอะไร โจวทงเพียงยกมือครั้งหนึ่งก็ปรากฏม่านพลังไร้สภาพปกคลุมร่างโจวเฟย หอบหิ้วมันให้เหินทะยานออกไปด้วยความเร็วสูง พริบตาก็พ้นเขตเมืองประจำมณฑลจิ่วโยว! โจวทงนั้นเป็นผู้ที่บรรลุถึงขอบเขตต้าหลัวจินเซียน ความเร็วในการเหินบินย่อมไม่ใช่อะไรที่ตัวตนอย่างอาวุโสฝ่ายในที่นำพาโจวเฟยกลับมาจะเทียบได้! เช่นนั้นการเดินทางไปยังเมืองเฉวี่ยโยวครั้งนี้ของโจวเฟย จึงนับว่าใช้เวลาน้อยที่สุด! หลังมาถึงเมืองเฉวี่ยโยว ภายใต้การนำทางของโจวเฟย ในที่สุดทั้งคู่ก็มาถึงกระโจมผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงิน “นี่คือบิดาบุญธรรมของข้า ผู้พิทักษ์อันดับ 1 แห่งจวนผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว โจวทง!” โจวเฟยที่ยืนอยู่ด้านหลังโจวทง เอ่ยปากแนะนำบิดาบุญธรรมของตัวเองออกมา “ผู้น้อยขอคารวะใต้เท้าผู้พิทักษ์โจวทง!” ถึงแม้เหมียวไหลหลงจะพอคาดเดาได้แต่แรกว่าชายชราเบื้องหน้าเป็นใคร แต่พอได้ยินคำแนะนำของโจวเฟยเข้าจริงๆ ร่างมันก็อดไม่ได้ที่จะชะงักไปด้วยอาการตกตะลึงวูบหนึ่ง จากนั้นก็เร่งประสานมือโค้งคารวะชายชราเบื้องหน้าทันที กระทั้งยังโค้งจนเอวงอ 90 องศา หน้าอกขนานกับพื้นดิน! “ท่านพ่อบุญธรรมของข้า คิดพบกลุ่มคนที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนรอบเดียวกับต้วนหลิงเทียน” โจวเฟยกล่าวสั่งเหมียวไหลหลง จากนั้นด้วยการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีของเหมียวไหลหลง โจวทงกก็สามารถยืนยันเรื่องราวได้… ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนเมื่อ 2 ปีก่อนจริงๆ! “วรยุทธ์อมตะระดับสวรรค์ เวทย์พลังระดับสวรรค์…” พอยืนยันเรื่องราววได้แน่ชัดแล้ว ในแววตาของโจวทงก็เปี่ยมล้นไปด้วยเปลวเพลิงแห่งความโลภ ราวกับมันทนรอย้อนกลับไปจับตัวต้วนหลิงเทียนมากักขัง เพื่อบีบคั้นให้ต้วนหลิงเทียนส่งมอบทุกสิ่งออกมาไม่ไหวแล้ว! ปงงงง!! ในขณะที่เหมียวไหลหลงกำลังแย้มยิ้มหน้าระรื่น ด้วยคิดว่าอีกประเดี๋ยวโจวทงต้องตบรางวัลให้มันอย่างงามเป็นแน่! แต่สิ่งที่มันรอคอยกลับเป็นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดอันยิ่งใหญ่สุดไพศาลที่โถมมาประหนึ่งสัตว์ร้ายตัวเขื่อง อ้าปากกระหายเลือดออกกว้าง กลืนร่างมันจนหายไปในหนึ่งคำ!! “เหอะ!” และแทบจะเป็นวินาทีเดียวกันกับที่เหมียวไหลหลงถูกฆ่าตาย โจวทงพลันแค่นคำสบถเสียงเย็นออกมา จากนั้นก็เปล่งพลังหยุดยั้งพลังอาคมจากยันต์อมตะเงาลอยตัวลูก ที่เริ่มต้นการทำงานหลังเหมียวไหลหลงตกตาย ไม่ให้ภาพและเสียงของฉากสังหารเมื่อครู่ถูกส่งไปยังยันต์อมตะเงาลอยตัวแม่! ณ จวนเจ้าเมือง ของเมืองเฉวี่ยโยว แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เหมียวไหลหลงตกตาย หลิ่วเฟิงกู่ เจ้าเมืองเฉวี่ยโยวก็ตระหนักได้ถึงการตายของมันเพราะลูกแก้ววิญญาณเหมียวไหลหลงที่พกไว้แตกออกทันที ทว่าพอมันหยิบยันต์อมตะเงาลอยตัวแม่ออกมาหมายชมดูว่าเหมียวไหลหลงตายได้อย่างไร มันก็พบว่ายันต์อมตะเงาลอยตัวแม่กลับไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ… “ผู้ลงมือ…เป็นต้าหลัวจินเซียน!?” สีหน้าของหลิ่วเฟิงกู่แปรเปลี่ยนไปในฉับพลัน หลังจากนั้นไม่นานหลิ่วเฟิงกู่ก็ได้รับรายงานการตายของเหมียวไหลเฟิ่ง และหยางกงผิง… กระทั่งค่ายกองทัพมังกรเงินเอง บัดนี้ก็ได้กลายเป็นทะเลโลหิตไปเสียแล้ว ยากจะหาผู้รอดชีวิต… … ร่าง 2 ร่างเหินทะยานออกจากเขตเมืองเฉวี่ยโยว มุ่งหน้าไปยังเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวด้วยความเร็วสูง “ท่านพ่อบุญธรรม ไฉนท่านไม่ไปจัดการหลิ่วเฟิงกู่มันด้วยเลยเล่า?” โจวเฟยกล่าวถามด้ววยความงุนงง “รอให้ข้าเค้นเอาวรยุทธ์อมตะทั้งเวทย์พลังระดับสวรรค์ทั้งหมดที่ต้วนหลิงเทียนมีมาได้ก่อน จากนั้นข้าจะลากคอต้ววนหลิงเทียนไปเข่นฆ่าต่อหน้ามัน…ถึงตอนนั้นค่อยฆ่ามันก็ไม่สาย!” สองตาโจวทงเผยประกายเยียบเย็น “ข้าอยากให้หลิ่วเฟิงกู่มันได้ลิ้มรสชาติ…รสชาติของความสิ้นหวัง!”
คอมเม้นต์